คำตอบที่ 1
       Battery Isolator จริง ๆ แล้วมันคือวาล์วอิเลคทรอนิคส์ครับพี่ป้อม ยอมให้กระแสไหลไปทางเดียว
ไม่ยอมให้ไหลกลับส่วนใหญ่นิยมใช้กับ การต่อแบตเตอรี่หลายตัวขนานกัน หรือที่เรียกว่า Battery Banks
เช่นนในเรือ ,รถที่ใช้ไฟมาก ๆ จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้แน่ใจว่า กรณีแบตลูกใดลูกหนึ่งเสียจะไม่ทำให้ระบบ
ล่มลงไป

เพราะว่าแบตเตอรี่แต่ละลูกค่าคุณสมบัติไม่เท่ากัน ความต้านทานไม่เท่ากัน
กรณีต่อแบตหลายลูกถ้าไม่ใช้ไอ้ตัวนี้ ควรจะใช้แบตยี่ห้อและรุ่นเดียวกัน อายุเท่า ๆ กัน
ถ้าเป็นไปได้เอามาจากล็อตเดียวกันได้ยิ่งดี


ถ้าเอามาใช้เพื่อแคมป์ปิ้งเท่านั้น ผมจะยกไปต่างหากลูกนึง ชาร์จด้วยไฟบ้าน ใช้เมื่อไหร่ค่อยเอาติดรถไปครับ
ถูกกว่า,ปลอดภัยและไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญคือใช้แบตเก่า ๆ ที่ใช้สตาร์ตรถไม่ติดแล้ว ก็มาใช้กับพวกแสงสว่างได้
เพราะแบตพวกนี้ยังจ่ายไฟได้แต่มันไม่พอกับการสตาร์ทรถครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       มันทำงานเหมือนมีไดโอดกันไฟสวนทางครับ จะว่ามีไดโอดใหญ่ๆสองตัวก็ได้มันจะให้ไฟวิ่งไปชาร์ทลูกน้อยก่อนลูกมากและให้ลูกมากจ่ายไฟก่อนลูกน้อยโดยไม่โดนลูกน้อยดึงไฟไปใช้เหมือนเป็นโหลดตัวหนึ่ง

ค่าความต้านทานภายในของแบตเตอรี่มันไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณไฟที่เก้บไว้ ถ้าต่อตรงตัวที่ไฟน้อยจะดึงไฟชาร์ทมากกว่าและจ่ายไฟน้อยกว่า คราวนี้มันจะดึงลูกที่มีไฟมากกว่าให้ชาร์ทน้อยลง

ซึ่งก็ไม่เดือดร้อนอะไร ตัวไหนหิวกว่ากินมากกว่าก็ถูกต้องแล้ว

แต่ตอนใช้งานที่เครื่องยนต์ไม่ได้ติดตัวที่มีไฟน้อยกว่าจะดึงไฟจากตัวมากกว่ามาส่วนหนึ่งเพื่อให้แรงดันตกลงเท่ากับตัวมันเอง คราวนี้ตัวที่ไฟมากกว่าก็มีภาระต้องช่วยตัวที่ไฟน้อยกว่ายกแรงดันขึ้นและจ่ายไฟให้อุปกรณ์ที่ใช้ไฟพร้อมๆกันจนกว่าจะมีไฟเก็บไว้จนเหลือเท่ากันลูกที่สองถึงจะช่วยจ่ายไฟ

ดูแล้วก็ไม่เป็นเรื่องร้ายอะไรเพราะตัวไหนแรงมากกว่าก็ช่วยยกของหนักจนแรงน้อยลงก็จะมีลูกที่สองช่วยตอนเหลือเท่ากัน และแรงที่ตัวที่สองดูดเอาไปก็จะไม่เสียเปล่ามันจะชาร์ทเข้าลูกที่สองเก็บไว้ มันจะกลับมาตอนที่ลูกแรกไฟตกเท่าลูกที่สอง


เครื่องนี้มันจะดีตอนที่ลูกใดลูกหนึ่งเสียมันจะไม่ดึงไฟจนลูกดีหมดไปด้วย หรือต่อใหญ่ลูกเล็กลูก ลูกเล็กหมดแรงแล้วมันไม่ไปดึงลูกใหญ่ให้หมดตามมันไปด้วย


แต่ถ้าแบตสองลูกขนาดเท่ากัน อายุใช้งานเท่ากัน ดูแลดีๆมันจะจ่ายไฟได้ไม่ต่างกันมาก ตัวนี้ก็ไม่มีประโยชน์ อาจจะเกิดข้อเสียอีกอย่างคือมันจะดึงไฟตกไปครึ่งโวลท์เพราะมันต้องมีแรงดันตกคล่อมไดโอด


ระบบนี้ผมใช้มานานแล้วกับ โซล่าเซลหลายๆแผงที่ใช้นานๆแต่ละแผงจะจ่ายไฟได้ไม่เท่ากันแผงที่จ่ายไฟน้อยกว่าจะได้ไม่ดึงไฟจากแผงที่จ่ายได้มากกว่า เพราะโซล่าเซลดึงไฟไปแล้วหายเลยไม่เหมือนแบตเตอรี่ที่ดึงไปแล้วคืนกลับตอนแรงดันตก

แบตเตอรี่ทุกชุดที่ผมออกแบบส่วนมากจะเป็นขนาดใหญ่ต่อกันเป็นร้อยลูก อย่างเช่นตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ไฟดับยังจ่ายไฟเลี้ยงทั้งสถานีก็ไม่จำเป็นต้องใส่ตัวนี้ครับ เพราะขนาดมันเท่ากันชาร์ทพร้อมกันใช้งานพร้อมกันมันเสื่อมพร้อมกัน ใส่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ถ้าแบตเล็กตัวใหญ่ตัว อายุไม่เท่ากัน ถอดออกไปใช้งงานนอกรถบ่อยๆ ติดไว้ก็ดี แต่ไม่จำเป็นสักเท่าไรด้วยเหตุผลที่ผมบอกครับ


จะจำเป็นอย่างสูงตอนตอนมันเสียไปลูกหนึ่งแล้วมันดึงไฟจนอีกตัวจนหมดทั้งคู่เท่านั้นตัวนี้ถึงจะทำงานคุ้มค่าเงิน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       อ้าว...ตอบสวนกับหนุ่ม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       โอววว....ขอบพระคุณทั้งสองท่านอย่างสูงมาก ๆ ครับ....แจ่มแจ้งแดงแจ๋ซะที

ขอบคุณ คุณหนุ่มที่จะยกแบตฯ ให้ฟรีอีก 1 ลูกครับ แต่ผมกะว่าเผื่อจะใช้ในการวินซ์ด้วยครับ เพราะแบตฯ เดิมลูกเล็ก วินซ์ 7-8 ครั้งหมดแรงเอาดื้อ ๆ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ถ้านำมาใช้ในรถยนต์ มีไว้ใช้งานแบตเตอรี่ 2 ลูก ที่มีไว้ใช้งานคนล่ะอย่างกัน เพื่อเวลาชาทจ์ทสามารถใช้ตัวชาทจ์ตัวเดียวกันได้ มันมีไว้เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ 2 ตัวชาทจ์ให้กันและกันครับ

ขอตกตัวอย่าง ถ้าคุณเข้าป่าเอาแบตเตอรี่พ่วงไว้ 2 ตัว พอเข้าป่าแล้วคุณถิดแบตเตอรี่ลูกที่ 2 ออกไปใช้งานต่อพวงต่างๆเพื่อใช้งานตลอดทั้งคืน พอรุ่งเช้า แบตเตอรี่ตัวที่ถอดออกมาใช้งานนั้นหมด เหลือแรงดันตกคร่อม 9.5V ส่วนแบตที่ลูกที่ 1 ไม่ได้ถอดออกมาใช้งานนั้น ยังมีไฟเต็ม 12.7V

เมื่อนำแบตเตอรี่มาต่อขนานกันเหมือนเดิม แรงดันของแบตเตอรี่ลูกที่ 1 นั้น แรงดันที่ที่ยังไฟเต็มอยู่นั้นมีค่าความต่าศักดิ์สูงกว่าถึง 3.2V ลูกที่แบตไฟยังเต็มจะจ่ายกระแสชาทร์ให้กับแบตลูกที่ไฟหมดด้วยกระแสที่สูงมากเพราะเป็นการต่อสายตรงไม่มีวงจรจำกัดกระแส (สายไฟสั้นๆเส้นใหญ่กว่าปากกาค่าความต้านทานต่ำสุดๆ) ช่วงที่เริ่มต่อพ่วงกระแสไหลสูงกว่า 100 A ที่ใหแบตเสื่อมเร็วที่ 2 ลูก และทำให้แบตเตอรี่ลูกที่ 1 ต้องถูกใช้งานโดยเปล่าประโยชน์

พอต่อจะประจุของแบตเตอรี่ของทั้ง 2 ลุกเริ่มเท่ากัน แรงดันตกคร่อมแบตเตอรี่ทั้ง 2 ลูก ลดลงเหลือ 10.8V เท่ากัน พอสตาทร์เครื่องยนต์ไฟเริ่มชาทจ์ มันก็จะชาทจ์แบตทั้ง 2 ลูกไฟพร้อมกันอีก

เราลองมาดู แบตเตอรี่ลูกที่ 1 ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกใช้งานแต่กลับต้องถูกใช้งานโดยไม่มีความจำเป็น (จ่ายไฟชาทจ์ให้แบตลูกที่ 2 พอประจุลดลงก็โดนไดชาทจ์อัดประจุกลับเข้าไปอีก) ทำให้แบตเตอรี่อายุการใช้งานลดลงโดยเปล่าประโยชน์

แต่ถ้าเราใช้ตัว Batteries Isolator เราไม่ต้องต่อแบตพ่วงขนานกัน เราสามารถแยกการใช้งานได้เลย แบตลูกที่ 1 ใช้กับรถยนต์เหมือนปกติทั่วไป ส่วนแบตลูกที่ 2 นั้นก็เอามาใช้งานตอนที่เอาอกใช้งานกับอุปกรณ์ตั้งค่ายใช้งานได้จนแบตหมด พอรุ่งเช้าก็เอาแบตลูกที่ 2 เข้าไปต้องชาจ์ทโดยผ่าน Batteries Isolator มันจะกั้นไม่ให้แบตลูกที่ 1 จ่ายกระแสย้อนมาชาทจ์ลูกที่ 2 จะมีเพื่อไดชาจท์เท่านั้นที่อัดประจุให้แบตลูกที่ 2 ทำให้อายุการใช้งานยืนยาวขึ้นและไม่ต้องกลัวรถสตาทร์ไม่ติดครับ

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ส่วนไหนถูกผิดก็บอกกันได้นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ถ้านำมาใช้ในรถยนต์ มีไว้ใช้งานแบตเตอรี่ 2 ลูก ที่มีไว้ใช้งานคนล่ะอย่างกัน เพื่อเวลาชาทจ์ทสามารถใช้ตัวชาทจ์ตัวเดียวกันได้ มันมีไว้เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ 2 ตัวชาทจ์ให้กันและกันครับ

ขอตกตัวอย่าง ถ้าคุณเข้าป่าเอาแบตเตอรี่พ่วงไว้ 2 ตัว พอเข้าป่าแล้วคุณถิดแบตเตอรี่ลูกที่ 2 ออกไปใช้งานต่อพวงต่างๆเพื่อใช้งานตลอดทั้งคืน พอรุ่งเช้า แบตเตอรี่ตัวที่ถอดออกมาใช้งานนั้นหมด เหลือแรงดันตกคร่อม 9.5V ส่วนแบตที่ลูกที่ 1 ไม่ได้ถอดออกมาใช้งานนั้น ยังมีไฟเต็ม 12.7V

เมื่อนำแบตเตอรี่มาต่อขนานกันเหมือนเดิม แรงดันของแบตเตอรี่ลูกที่ 1 นั้น แรงดันที่ที่ยังไฟเต็มอยู่นั้นมีค่าความต่าศักดิ์สูงกว่าถึง 3.2V ลูกที่แบตไฟยังเต็มจะจ่ายกระแสชาทร์ให้กับแบตลูกที่ไฟหมดด้วยกระแสที่สูงมากเพราะเป็นการต่อสายตรงไม่มีวงจรจำกัดกระแส (สายไฟสั้นๆเส้นใหญ่กว่าปากกาค่าความต้านทานต่ำสุดๆ) ช่วงที่เริ่มต่อพ่วงกระแสไหลสูงกว่า 100 A ที่ใหแบตเสื่อมเร็วที่ 2 ลูก และทำให้แบตเตอรี่ลูกที่ 1 ต้องถูกใช้งานโดยเปล่าประโยชน์

พอต่อจะประจุของแบตเตอรี่ของทั้ง 2 ลุกเริ่มเท่ากัน แรงดันตกคร่อมแบตเตอรี่ทั้ง 2 ลูก ลดลงเหลือ 10.8V เท่ากัน พอสตาทร์เครื่องยนต์ไฟเริ่มชาทจ์ มันก็จะชาทจ์แบตทั้ง 2 ลูกไฟพร้อมกันอีก

เราลองมาดู แบตเตอรี่ลูกที่ 1 ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกใช้งานแต่กลับต้องถูกใช้งานโดยไม่มีความจำเป็น (จ่ายไฟชาทจ์ให้แบตลูกที่ 2 พอประจุลดลงก็โดนไดชาทจ์อัดประจุกลับเข้าไปอีก) ทำให้แบตเตอรี่อายุการใช้งานลดลงโดยเปล่าประโยชน์

แต่ถ้าเราใช้ตัว Batteries Isolator เราไม่ต้องต่อแบตพ่วงขนานกัน เราสามารถแยกการใช้งานได้เลย แบตลูกที่ 1 ใช้กับรถยนต์เหมือนปกติทั่วไป ส่วนแบตลูกที่ 2 นั้นก็เอามาใช้งานตอนที่เอาอกใช้งานกับอุปกรณ์ตั้งค่ายใช้งานได้จนแบตหมด พอรุ่งเช้าก็เอาแบตลูกที่ 2 เข้าไปต้องชาจ์ทโดยผ่าน Batteries Isolator มันจะกั้นไม่ให้แบตลูกที่ 1 จ่ายกระแสย้อนมาชาทจ์ลูกที่ 2 จะมีเพื่อไดชาจท์เท่านั้นที่อัดประจุให้แบตลูกที่ 2 ทำให้อายุการใช้งานยืนยาวขึ้นและไม่ต้องกลัวรถสตาทร์ไม่ติดครับ

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ส่วนไหนถูกผิดก็บอกกันได้นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       WOW...

ความรู้ล้วน ๆ เลยครับ ขอบคุณคุณ5Lturbo

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       แล้วถ้าเพิ่มแบตจำเป็นต้องเพิ่มไดชาร์จไหมครับ ส่วนตัวกั้นที่ว่า ถ้าเราต้องเอาไดโอตที่สามารถทนกระแสตามขนาดของแบตมาเป็นตัวกั้น หรือคิดเป็นจำนวน%ของแบตครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       เพิ่มได้ก็ดีครับจะได้เต็มเร็วขึ้นแต่ไม่เพิ่มก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ไดโอดเดี่ยวสัก 200A ติด Heat sink น่าจะพอครับ เอาให้พอสักเท่าครึ่งของกระแสไดสตาร์มันกระชากตอนเริ่มหมุนจะได้ปลอดภัย

ขอบคุณครับ อ.von จาก : ton_ln80(ton_ln80) 11/1/2556 12:07:32 [119.160.212.50]   แสดงความคิดเห็นย่อย