คำตอบที่ 1
       ขั้นแรกเลยคือต้องหลุดเกียร์มันออกมาก่อน

จะหลุดมันออกมาได้ก็ต้องถอดเพลาท้าย เพลาหน้า เพลาวินซ์ออกแล้วก็ถอดสกรูคันเกียร์เอาคันออกมาทั้งเกียร์หลักและเกียร์สโลว์ สกรูท้ายเครื่องท้ายเครื่องออกให้เกลี้ยง

งานนี้ไอ้ปี๊ดมุดเพราะผมเลิกมุดแล้ว อายุขนาดนี้มุดๆก้มๆมากแล้วหน้ามืด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       พอเกียร์หลุดแล้วก็ตรวจสอบสิ่งแรกคือมันมีอะไรผิดหูผิดตาบ้าง
สิ่งที่ผมเจอคือน้ำมันเครื่องมันเยิ้มในหัวหมู มันต้องออกมาจากเครื่องนั่นแหละ ดังนั้นต้องหาว่ามันออกมาจากซีลท้ายเครื่องหรืออ่างน้ำมันเครื่อง
ตรวจไปตรวจมาเจอแล้ว มันมาจากอ่างน้ำมันนี่เองเพราะซีลท้ายผมเปลี่ยนไปได้ไม่ถึงสองปีนี่เอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       รายการต่อมาสิ่งต้องเปลี่ยนแน่ๆเลยคือลูกปืนคลัท ไม่เสียก็เปลี่ยนเพราะแสนกิโลคุ้มแล้ว ค่าถอดมันแพงกว่าค่าลูกปืน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       อีกตัวคือยางแท่นเครื่อง มันเน่าก็ซื้อใหม่ ถ้าไม่เน่าก็ใช้ของเดิมไปเพราะมันอยู่ข้างนอกจะเปลี่ยนเมื่อไรก็ทำได้ง่ายๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ตัวต่อไปคือหวีคลัท ดูจากภายนอกแล้วสภาพมันไม่เลวร้ายนักหรอก แต่ไม่ถอดมาโยนฟังเสียงไม่รู้หรอกว่ามันยังไหวอยู่ไหม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       อีกตัวที่คนส่วนมากจะลืมคือเฟืองไดสตาร์ท
ต้องดูด้วยว่ามันยังดีฟันไม่หรอหรือกร่อนมาก ถ้ามันไม่ไหวแล้วก็เปลี่ยนไปเลยราคาไม่แพงหรอกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ปั้มคลัทตัวล่างดูว่ามันชื้นหรือไม่ ถ้ายังแห้งอยู่ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน

แต่ถ้ามันชื้นๆก็เปลี่ยนไปเลยราคาไม่กี่ร้อยเองจะได้ไม่ต้องไปกินข้าวลิงกลางทาง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       อีกตัวที่คนลืมคือวาวล์แบ่งแรงดันเบรค ดูว่ามันชื้นหรือรั่วหรือไม่ ถ้ามันชื้นก็จัดการเสีย แต่ถ้ามันแห้งแสดงว่ายังแน่นอยู่
แต่ถ้าเบรคลื่นๆหรือหลังลากมันจะรั่วภายในซื้อตัวใหม่ได้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       เข้ามาขโมยความรู้ครับอาจารย์ ของผมก้จวนจะต้องทำแบบนี้บ้างแล้วน้ำมันเริ่มรั่วออกมาตรงซีลท้ายเครื่องแล้วครับ แต่เดี๋ยวรอให้หมดหน้าฝนก่อนครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       รายการต่อไปคือผ้าคลัท มันสึกมากหรือน้อยต่างกันตามนิสัยคนขับ
ผมเองใช้คลัทเพียงเปลี่ยนเกียร์และจอดรถ ไม่เลี้ยงคลัทเด็ดขาดเพราะการเลี้ยงคลัทคือนิสัยไม่ดีในการขับรถ

ผมแนะนำว่าถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็เปลี่ยนไปเลยแต่ถ้ายังอยากเซฟเงินก็ดูขั้นตอนต่อไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยใหญ่ ไม่อยากเปลี่ยนคำตอบสุดท้ายคือความหนาของผ้าและสปริงตัวหนอน
ถ้าผ้ายังหนาอีกมากเกินกว่าสามมิลลิเมตรยังไม่ถึงหมุดย้ำแบบนี้ใช้ได้
ถ้าสปริงยังไม่คลอนตัวดังกราวตอนเขย่าก็ใช้ได้ แต่ถ้าเขย่าแล้วดังแสดงว่าตัวหนอนมันคลอนตัวแล้วจะทนใช้ก็ได้แต่มันดังหนวกหูเท่านั้น แต่ถ้ามันหลวมมากก็เปลี่ยนเลยดีกว่าเพราะมันหลุดมาค้ำหวีคลัทเมื่อไรก็กินข้าวลิงเมื่อนั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ขั้นตอนต่อไปคือหวีคลัท ผมแนะนำแสนกิโลแล้วให้เปลี่ยนแต่ถ้าเบี้ยน้อยหอยใหญ่ไม่อยากเสียเงินก็ลองยกขึ้นสักคืบแล้วโยนลงพื้นดู
ถ้ามันดังแน่นๆไม่ดังกราวหรือปลายหวีที่กดกับลูกปืนไม่สึกมากนักก็จะทนใช้ต่อไปก็ได้ครับ

แต่ถ้ามันดังกราวหรือหน้าที่กดผ้าคลัทสึกเป็นเส้นลึกก็เปลี่ยนไปดีกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       อีกตัวคือฟลายวิลถ้าหน้ามันเป็นเส้นมีสองทางคือ เส้นไม่ลึกก็ขัดด้วยกระดาษทรายให้มันเรียบ ถ้าลึกก็ส่งโรงกลึงล้างหน้าเสียดีกว่าคลัทจะได้จับดีกว่าเดิม แสนกิโลถ้าขับแบบผมเส้นไม่มีหรอกเพราะผมไม่เลี้ยงคลัท เหยียบแล้วปล่อยไม่นิยมเลี้ยง

อีกตัวคือลูกปืนปลายเกียร์ ที่เห็นอยู่ตรงกลางรูฟลายวิลนั่นแหละต้องเปลี่ยนไปเลยครับราคาไม่แพง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ขั้นต่อไปถือต้องเอาแคล้งท้องเครื่องออก แต่ก่อนเอามันออกก็ต้องเอาเหล็กท้ายเครื่องออกก่อน
เกียร์เสื้อเหล็กมันหนาครึ่งเซ็นต์หนักพอตัว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       ขั้นต่อมาคือต้องเอาแคล้งท้องเครื่องออกมาเพื่อตรวจดูสภาพการสึกหรอของเครื่อง
ผมใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกๆเกรด semi แต่ใช้ชนหมื่นกิโลเมตรทุกครั้งเพราะว่า...

น้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อใช้ได้หนึ่งหมื่นไมล์มาเป็นสิบปีแล้ว ผมลดจากหมื่นไมล์มาเป็นหมื่นกิโลเมตรก็ถือว่าหายไปหนึ่งในสามแล้ว
น้ำมันเครื่องคือสารพิษ ต้องใช้ให้คุ้มค่า เพื่อลดการทำลายสภาพแวดล้อมให้คนรุ่นหลังได้อยู่ดีขึ้น
น้ำมันต้องเปลี่ยนห้าพันกิโลเมตรแปดพันกิโลเมตร บลูชิต อย่าไปเชื่อช่าง เชื่อมาตราฐานที่เขียนข้างกระป๋องเถอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ขั้นแรกคือดูเศษโลหะเอามือลูบดูว่ามีเศษติดมือไหม ถ้ามีก็แสดงว่าเครื่องสึกหรอแล้วเตรียมตัวหาเงินตุนไว้ได้เลย
แต่ถ้าสะอาดก็ดูต่อไปคืองัดชาร์ฟอกชาร์ฟก้านทีละตัวว่ามันโยกคลอนหรือไม่

อย่าเอาไขควงสอดเข้าข้างชาร์ฟแล้วงัดนะครับ ชาร์ฟพังลูกเดียวให้ใช้เหล็กงัดที่ตัวก้านสูบหรือที่ข้อเหวี่ยงแทน

ถ้ามันแน่นไม่คลอนก็ไม่ต้องเสียเงิน แต่ถ้ามันคลอนแสดงว่าชาร์ฟสึกแล้วก็ถอดเปลี่ยนไปเลยชุดละไม่แพงหรอก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       ดูสภาพการใช้น้ำมัน semi ชนหมื่นกิโลเมตรมาสิบครั้งเสียก่อน ผมใช้ ปตท.ถังละหกร้อยกว่าบาทนี่แหละ ซื้อแล้วแถมอีกลิตรเสียด้วย

ช่างคนไหนบอกให้เปลี่ยนห้าพันแปดพันอย่าไปเชื่อมัน ใช้ชนหมื่นแล้วเปลี่ยนกรองทุกครั้งเท่านี้ก็พอแล้ว
เพลาแน่นไม่โยกไม่คลอน งัดอย่าไรก็ไม่ขยับแสดงว่ามันไม่สึกหรอเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       กันรุนก็ไม่มีการสึกให้เห็น ลองงัดในแนวแกนก็ไม่ขยับ
แบบนี้ใช้ได้ปิดท้องแคล้งไปเลย ใช้สบายใจไปอีกเป็นแสนกิโล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       รายการต่อไปคือรื้อเกียร์ออกมาเป็นชิ้นๆดูการสึกหรอ ผมใช้น้ำมันเกียร์ผสมเองมาสองแสนกิโลเมตรแล้วมาดูกันซิว่ามันดีเหมือนที่คุยไว้หรือเปล่า

คุ้มค่าพันบาทต่อถังที่เสียเงินหรือไม่

ตอนแรกไอ้ปื๊ดมันกระวีกระวาดจะถอดเองแต่ผมห้ามมันเอาไว้ว่ามันไม่หมุๆนิ่มๆเหมือนเกียร์แลนด์ครูเซอร์หรอกเฟ้ย นี่คือเกียร์เสื้อเหล็กของปาเจโร มันยากกว่าตรงที่มันเล็ก พื้นที่สอดมือน้อย และมันรูดออกเป็นชิ้นไม่ได้มันต้องเอาออกยกราว

ดังนั้นต้องให้มืออาชีพทำ ร้านแรกเลยที่ผมคิดถึงคือร้าน JSV หรือบนเว็บจะรู้จักกันในนามของ "โยเรนเจ้อร์" รับเรียงเกียร์ให้เพื่อนๆมาเป็นพันลูกแล้ว แต่ผมไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคุณโยหรอกครับ ผมรู้จักคุณไก่พี่ชายคุณโยมากกว่า มีอะไรก็โทรถามหาอะไหล่กัน งานนี้เลยต้องโยนไปให้ทำน่าจะดีกว่าปล่อยให้ไอ้ปื๊ดมันนั่งร้องไห้ตอนถอดราว

งานนี้น้องสาวคุณไก่รับทำให้ ผู้หญิงกับงานระเอียดนี่ของคู่กัน ผมแฮ็บปี้จริงๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       วันนี้เอาเท่านี้ก่อนครับ พรุ่งนี้ค่อยมาต่อดีกว่า

มาดูกันซิว่าน้ำมันเกียร์สูตรของผมมันดีจริงเหมือนที่คุยไว้หรือเปล่า

อย่างน้อยๆตอนไปรับจ๊อบกวาดพื้นอู่ให้ทีมเฟอร์รารี่ก็ได้อะไรติดหัวมามั่งละฟร่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       มาปูเสื่อรอชมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       อ.von Richthofen แวะไปใช้บริการช่างไก่ด้วยหรือครับ และร้านช่างรัส ผมก็เป็นแฟนประจำอยู่ที่นี้เหมือนกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ต่อจากเมื่อวานนี้ครับ

ขั้นแรกงานหมูๆคือแยกเกียร์ฝากออกมาก่อน ตัวนี้เหมือนเกียร์เสื้ออลูมิเนียมทั่วไปนั่นแหละ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ลองขยับใส้ดูยังแน่นดี ชิ้นนี้ผมคงไม่ถอดเพราะถอดมาก็เสียเวลาเปล่า มันใช้งานมาน้อยไม่มีเสียงหลวมให้ได้ยินตอนขยับเพลา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       แต่ที่แน่ๆเลยคือต้องเปลี่ยนซีลท้ายเกียร์ทั้งตัวหลังตัวหน้า

ราคามันไม่กี่สิบบาทไม่ต้องไปขี้เหนียว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       ขั้นต่อมากเชิญหัวหมูออกไปแล้วเริ่มถอดลูกปืนราวบนออกทั้งสองฝั่ง สิ่งแรกคือต้องตอกสลักยึดตีนแตะเกียร์ออกก่อน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       หลังจากรูดห้องตีนเตะเกียร์ออกแล้วก็ถึงขั้นตอตเอาลูกปืนราวออก

นี่แหละงานหินที่ผมบอกว่าระดับไอ้ปื๊ดทำวันหนึ่งก็ไม่เสร็จ ขนาดมืออาชีพยังต้องสามชั่วโมงเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       จากการโยกเพลาดูลูกปืนไม่เสียมีกุ๊กๆน้อยมาก แต่ถอดมาแล้วต้องเปลี่ยนเพราะค่าแรงมันแพงกว่าค่าของ


เปิดฝาบนมาดูสภาพเฟืองข้างในแล้วชื่นใจ น้ำมันเกียร์ผสมเองสูตรของผมมันไม่เลวเลย เฟืองไม่มีผิวมันเป็นกระจกให้เห็น ผิวยังด้านดีอยู่ ฟันก็คมไม่แหลมหรือย้วยให้เห็น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ก้ามปูรูดเกียร์ก็ยังกิ๊ก ราวไม่หลวมขอบข้างก้ามปูไม่มีริ้วรอยสึกให้เห็น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       อีกตัวที่ต้องเปลี่ยนไปเลยคือซีลหัวหมู ราคาไม่กี่สิบบาทไหนๆก็ถอดแล้วทำมันทีเดียวสบายใจว่ามันไม่ทำพิษในอนาคต

แสดงความคิดเห็นย่อย