คำตอบที่ 91
       ผมกับรุจจะเข้าไปไหว้พระที่วิหารแรกแล้วครับ ตามมาเลย

เรื่อง คามิคาเซ่ ลมจากสวรรค์ที่เกิดขึ้นมาจนทัพมองโกลแตกไปนั้นเป็นตำนานที่เกิดขึ้นจริงๆ เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของชาวญี่ปุ่นทุกคนในสายเลือดของพระอาทิตย์

วัดนี้สร้างโดยพระจีนที่เข้ามในญี่ปุ่นเมื่อแปดร้อยปีก่อนโดยสร้างให้ทหารทั้งสองฝ่ายที่ตายในสงคราม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 92
       วิหารแรกมีพระสลักไม้โบราญอยู่องค์หนึ่งสวยงามมาก ดูแล้วเข้มแข็งแบบญี่ปุ่นและมีลักษณะจีนปนอยู่ไม่น้อย

ในสมัยก่อนหน้านั้น ทัพมองโกลที่ขึ้นเรือมาตีญี่ปุ่นได้เปรียบทหารญี่ปุ่นทุกประตู

ทั้งธนูมองโกลที่รุนแรงทะลุเกราะญี่ปุ่นได้เหมือนยิงหยวก ดินปืนที่ระเบิดทุกอย่างที่ขวางหน้า และทหารที่เชี่ยวศึกกว่าและจะบอกว่าเป็นทหารที่เก่งที่สุดในโลกก็ว่าได้แม้แต่โรมยังแตกพ่ายมาแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 93
       ไม้โบราญมีทั่ววัด ยืนต้นมาเป็นร้อยปี ทางวัดดูแลอย่างดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 94
       ตอนแรกที่มองโกลขึ้นบกนั้นทัพญี่ปุ่นแตกพ่ายไม่เป็นท่าเพราะทัพธนูของมองโกลที่ไม่ปล่อยให้ญี่ปุนประชิดตัว เมื่อประชิดตัวไม่ได้ศักยภาพของดาบซามูไรก็ไม่เกิด

ทหารญี่ปุ่นตายเป็นเบือ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 95
       หลังจากกราบพระที่วิหารแรกแล้ว เดินไปเรื่อยๆจนถึงวิหารอีกหลัง ระหว่างทางร่มรื่นมาก สะอาดไม่มีขยะหรือใบไม้แห้งสะสมเลย

กลับมาเรื่องสงครามอีกครั้ง ทัพมองโกลมีดินระเบิดใช้แล้วในตอนนั้น ญี่ปุ่นยิ่งสู้ไม่ได้เพราะยังไม่รู้จักดินระเบิด ทัพญี่ปุ่นแพ้แน่นอนตั้งแต่ในมุ้ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 96
       บันไดทางขึ้นยังมีตะไคร่ขึ้นดูสวยจนไม่กล้าเดินขึ้นให้ตะไคร่ช้ำด้วยรอบเท้าเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 97
       ระหว่างทางกำแพงหินดูสวยด้วยธรรมชาติล้วนๆ

ทุกวันทัพมองโกลต้องกลับไปนอนในเรือเพราะว่าไม่ไว้ใจว่าจะโดนโจมตีตอนพักผ่อน แต่แล้วทัพมองโกลก็ได้พบกับสิ่งไม่คาดถึงคือมีลมพายุพัดแรงจนทัพเรือแตกกระจายในคืนหนึ่งจนเรือล่มไปกับพายุเกือบทั้งหมดจนต้องยกทัพที่เหลือกลับจีนไป

นี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่า คามิคาเซ่ หรือลมเทพเจ้าที่ช่วยเหลือญี่ปุ่นให้ชนะมองโกล

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 98
       ระหว่างทางได้เห็นทางเดินเข้าถ้ำสองถ้ำที่พระใช้สำหรับทำสมาธิปากทางมีรูปปั้นหินสองรูปเป็นรูปพระยืนเล็กๆน่ารักมาก

มีคนเอาเหรียญเยนไปวางไว้ในมือด้วยผมก็เลยทำบุญวัดในวิธีเดียวกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 99
       ระหว่างทางมีกุฎิเล็กตลอดทางหน้า กุฎิจะมีสวนญี่ปุ่นสวยๆแบบธรรมชาติปรุงแต่งให้ดูตลอดทาง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 100
       แล้วก็ถึงอีกวิหารหนึ่งที่มีรูปสลักพระอวโรติเกศวรเต็มหน้าวิหารใปหมด นี่คืออีกจุดที่กลิ่นอายของจีนเข้ามาปนอย่างเห็นได้ชัด

เรารู้จักท่านในนามของพระโพธิสัตว์กวนอิม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 101
       มีซุ้มประตูศิลปะ เอโด ให้ดูในอีกด้านหนึ่งสวยงามมาก ศิลปะต่างจากข้างล่างเลยครับ เป็นของสร้างใหม่จากของเก่าที่ไฟไหม้ไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 102
       มีวิหารข้างบึงน้ำดูสวยเหมาะเจาะ ผมเสียดายที่แสงตอนเที่ยงมันทำให้รูปไม่สวย ถ้าได้แสงประมาณสักบ่ายสี่โมงจะสวยกว่านี้มาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 103
       พยายามจะให้ดูสวยอีกมุมหนึ่งแต่แสงมันไม่ค่อยเป็นใจเท่าไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 104
       บึงน้ำอีกด้านมีกุฎิสวยบนเนินหินดูดีจัง พระที่นี่คงมีจิตใจที่สงบเป็นธรรมชาติดีกว่าพระในเมืองเยอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 105
       เดินผ่านหมู่กุฎิพระอีกแล้ว คราวนี้เป็นกุฎิแบบสมัยใหม่แต่ยังไม่ใช่แบบสร้างเหมือนบ้านคน ยังดูเป็นวัดอยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 106
       ดอกไม้ริมกำแพงหินสวยจนอดที่จะถ่ายรูปมาให้ดูไม่ได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 107
       มีจุดชงชาแบบญี่ปุ่นในวัดด้วย ค่าเข้าไปส่วนนี้ห้าร้อยเยน ผมกับรุจเลยเดินผ่านไป

ผมกับรุจเป็นคอกาแฟ ถ้ามีกาแฟแบบญี่ปุ่นก็น่าสนกับค่าเข้าหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 108
       เดินมาอีกสักพักสะดุดตากับต้นเมเปิลสีแดงตัดกับสีเขียวของไม้ต้นอื่นๆ

ผมมันเป็นพวกรักใบเมเปิลเลยต้องเดินไปดูใกล้ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 109
       ยังไม่ถึงก็พบกับอีกต้นซ่อนตัวในสวน ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเดินไปดูเพราะมีรั้วไม้ไผ่ล้อมอยู่ แต่รุจทนกลิ่นดอกไม้ไม่ไหวเดินแหกด่านเข้าไปในสวนทันที

ผมเลยต้องตามไปเพราะอ่านป้ายไม่ออกว่าเข้าได้หรือไม่ได้ ก็ถือว่าเข้าได้ก็แล้วกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 110
       นี่ไงต้นที่ส่งกลิ่นหอมออกมาข้างนอกสวน ดอกอะไรก็ไม่รู้แต่กลิ่นเหมือนจุดธูปแขกเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 111
       แล้วเราสองคนก็เดินมาจนสุดทางได้พบกับศาลเล็กๆ ข้างในมีรูปพระอวโรติเกศวรอีกรูป

เราสองคนกราบที่พื้นดินแบบไทยๆ อธิฐานบางประการอยู่ยืดยาว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 112
       ที่หินข้างศาลมีรูปสลักไม้เก่าๆอีกรูปเป็นปางพันมือ

ก็กวนอิมพันมือแบบจีนนั่นแหละแต่เป็นฝีมือแบบญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 113
       รูปในศาลที่ผมกราบพระโพธิสัตว์กับพื้นดินหน้าศาล คนญี่ปุ่นยืนไหว้แต่ผมกราบเบ็ญจาคประดิษฐ์แล้วคุกเข่าอธิฐาน เพราะคิดว่าบนเขาไม่มีใครมาวุ่นวาย

แต่คาดผิด มีนักท่องเที่ยวแอบมาข้างหลังเงียบๆถ่ายรูปไปด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 114
       ข้างศาลมีสวนเล็กที่เป็นธรรมชาติมากๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 115
       ระหว่างทางที่เดินลงจากเขาเจอดอกไม้กลิ่นหอมมากจนอดไม่ได้ที่จะเก็บรูปมาให้ดู กลิ่นหอมแปลกๆเหมือนดอกพิกุลบวกกับมะลิ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 116
       กำลังจะลงจากเขา ได้เห็นซุ้มประตูอันที่ผมบอกว่าสร้างแทนที่ไฟไหม้ไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนในอีกมุมหนึ่ง

สวยไปอีกแบบในมุมไกลๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 117
       แล้วก็ได้พบกับสิ่งที่มีชื่อเสียงของวัดเอ็นคาคูจิอีกชิ้นคือระฆังใบนี้

เป็นระฆังที่สร้างในสมัยเมจิชื่อระฆังโอกูเนน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 118
       แล้วก็เดินผ่านสุสานที่เงียบสงบ เป็นสุสานโบราณที่เก่ามาตั้งแต่สมัยสร้างวัดเลยทีเดียว

หินที่นี่มีตะไคร่ไปทุกที่ แม้อากาศจะแห้งและเย็นไม่ร้อนชื้นเหมือนบ้านเราก็มีตะไคร่ได้แปลกดีจัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 119
       มีทางขึ้นในป่าอีกทางแต่คงเดินไม่ไหวแล้วเพราะได้เวลาอาหารเที่ยง ถ้าตามใจตัวเองเดินไปจะอีกกี่ชั่วโมงก็ไม่รู้เลยตัดสินใจไม่เดินเข้าไป

ดูแล้วก็เสียดายเพราะต้องมีอะไรสวยๆแน่นอน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 120
       มีลำธารเล็กใหลลงมาเขาที่ผมว่าไว้ด้วย

เป็นลำธารที่ไหลเซาะหินมากี่หมื่นปีก็ไม่รู้ ไหลจนน้ำกัดลึกในหินได้ขนาดนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย