คำตอบที่ 1737
คุณดินเผา
ผมก็ไม่ได้เก่งเรื่องพลังงานเชื้อเพลิงและผมก็ไม่ได้จบอะไรมาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
เพียงแต่ว่าผมสนใจเท่านั้นเอง คิดถึงหลักความจริงเข้าไว้ครับ
อย่าเอาระบบว่าสี่จังหวะเหมือนกันมาเป็นตัวเปรียบเทียบ
ปลาโลมา กับปลาฉลามว่ายน้ำได้เหมือนกัน ทำไมปลาโลมาจมน้ำตายได้
ปลาโลมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ใช้ปอดหายใจ
ปลาฉลามเป็นปลา ใช้เหงือกหายใจ
เห็นว่ารูปร่างเหมือนกัน อยู่ในน้ำเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่เหมือนกัน
การทำงานของเครื่องยนต์ และเชื้อเพลิงของเบนซินกับดีเซลก็เช่นกัน
มันคนละเรื่องเลยถึงแม้ว่าจะเป็นสี่จังหวะเหมือนกัน การเผาไหม้ของดีเซลจะแบบลามไป
พร้อมกับลูกสูบก็วิ่งไป แต่เบนซินพรึบเดียวหมด
ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่าย ๆ แล้วกัน
1 น้ำมันเชื้อเพลิงโดยทั่วไปมีอยู่สองประเภทคือ
- อโรเมติค โครงสร้างเป็น วง ๆ
- พาราฟิน โครงสร้างเป็นเส้น ๆ ยาว ๆ ประเภทนี้ การหล่อลื่นจะดีกว่าแบบแรก
ลองเอานิ้วจุ่มไปในเบนซินแล้วถู ๆ ดู
แล้วจุ่มในดีเซลแล้วถู ๆ ดู คิดว่าคงจะรู้ว่าอะไรเป็นแบบไหน
2 รอบการทำงานก็ผิดกัน ดีเซลวิ่งเกินซักสี่พันห้าเครื่องอาจจะกระจายได้
เบนซินวิ่งได้เจ็ดแปดพันรอบสบาย ๆ
ความร้อนในห้องเผาไหม้ต่างกัน เครื่องเบนซินสูงกว่าอุณหภูมิไอคงมากกว่า 800 องศา
ส่วนดีเซลไม่ถึง เทอร์โบที่ทำมาใช้กับรถดีเซล เอาไปใช้กับเบนซินไม่ได้ โข่งอาจจะแตก
เพราะทนความร้อนไม่ได้ แต่ของเบนซินเอามาใช้กับดีเซลได้
3 เครื่องดีเซลจะแข็งแรงและหนักกว่าเบนซิน เพราะต้องทนกับกำลังอัดสูง ๆ
เรื่องบ่าวาล์วเห็นชอบพูดกันจริงตั้งแต่รถใช้แกสแล้ว ไม่ต้องไปวิตกจริตหรอกครับ
รถที่พังส่วนใหญ่ก็แท๊กซี่ วันนึงวิ่งเกือนยี่สิบสี่ ชม แทบไม่ได้พักเลย ปีนึงวึ่งสามแสนกิโล
ให้เครื่องโคตรวิเศษ วัสดุสุดยอด มันก็พังครับ
อย่างเราปีละแสนก็เยอะแล้ว
รถดีเซลเครื่องพังมีอย่างเดียวคือ ความร้อน อาจจะเนื่องจากน้ำมันเครื่องหมดสภาพ,กรองตัน
หรือไม่ก็น้ำหล่อเย็น เครื่องไม่พังเพราะน้ำมัน แน่นอน
ปั้มหัวฉีดก็มีอายุของมันสึกกร่อนไปตามกาลเวลา
ไม่งั้นผมคงไม่กล้าเติม 100% มาตั้งแต่ทีแรก
อ่านมาสามข้อคงจะพอเข้าใจนะครับ คงไม่ต้องลงรายละเอียดมาก