คำตอบที่ 44
((((เศร้า)))) เลยเรา ตารณ,ยายเอ๋ไม่ว่าง สงสัยงานปิดไม่ลงตัวแน่ๆๆ แต่ก็ไม่เป็นไรคร๊าบ!!! เรื่องงานการมันต้องมาก่อน เอาไว้โอกาสหน้าก็ด้ายผมจะรอ
พรุ่งนี้เจอกันนะครับสมาชิก ปั๊มเจทปั๊มแรกมาจากวงแหวนบางนา-บางปะอิน 9.30 น. TEL: JR 09-982135
ใครจะไปรอที่ใหนก่อนก็โทรกริ๊งกร๊างได้
ปล.ฝากนิทานดีๆๆให้ฟังก่อนนอนจากใจJR...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคน หนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว วันหนึ่งชาวนาได้พาเจ้าลาแก่ออกไปข้างนอกด้วยความโง่เขลาของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง มันร้องครวญครางเป็นเวลาหลายเพลา
ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา
ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้วอีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อครั้งแรกเมื่อดินไปถูกหลังลามันตกใจและรู้ชะตากรรมของตนทันที มันร้องโหยหวนทันที สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป หลังจากที่ชาวนาตักดินใส่ไปในบ่อได้สัก สองสามพลั่วก็เหลือบมองลง
ไปในบ่อก็พบกับความประหลาดใจที่ว่า ทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลามันจะสะบัดดินออกจากหลัง แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจที่เจ้าลาในที่สุดก็สามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหาเราก็เปรียบเสมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา
จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้จงแก้ไขมัน เพื่อที่เราจะได้เหยียบมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเสมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ฉันใดฉันนั้น
"อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป"