ระหว่างเปลี่ยนเครื่องดีเซล Nissan TD27T กับเครื่องเบนซิน Toyata 1Jz-ge VVT-i

จาก กุ๊กไก่
IP:61.90.20.224

เสาร์ที่ , 13/8/2548
เวลา : 00:30
อ่านแล้ว = ครั้ง

เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว

แจ้งลบ

ส่งหาเพื่อน

หลังจากใช้เวลาศึกษามาเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
เกี่ยวกับการเปลี่ยนเครื่องรถผม Nissam Big-M ขับสองล้อ ระหว่างเครื่องดีเซลกับเบนซิน
ตอนนี้เริ่มเกิดความลังเลเกี่ยวกับการเปลี่ยนเครื่องซะแล้วครับ
ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนเครื่องดีเซล TD27T แบบว่าไม่อยากเสียรถ
เพราะเพียงแค่ยกเครื่องเก่าออก (TD25) แล้วยกเครื่องใหม่เข้า
เครื่อง TD27T เป็นเครื่อง 4 สูบแถวเรียง 2,663 CC. ใช้เครื่องช่วยอัดอากาศ TURBO
เส้นผ่าศูนย์ลางกระบอกสูบและช่วงชัก 96 x 92 mm. 100 แรงม้าที่ 4,300 รอบ
แรงบิตสูงสุดอยู่ที่ 215.75 Nm ที่ 2,200 รอบ
ใช้งานในเมืองอัตราการกินน้ำมัน 8-9 ก.ม.ต่อ 1 ลิตร, วิ่งทางไกล 10-11 ก.ม.ต่อ 1 ลิตร
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จประมาณ 37,000 บาท ใช้เกียรเดิมเกียรธรรมดา จริงๆ คือยกเครื่องเก่าออก วางเครื่องใหม่
ไม่ได้ทำอะไรอีก ถ้ามีปัญหาความร้อนเสียเงินเพิ่ม มีปัญหาเบรคเสียเงินเพิ่ม อื่นๆ ถ้าจะทำอะไรเพิ่มเสียเงิน
และแล้วก็มีเสียงเพื่อนผมทักว่า "เฮ้ย!! ถ้าแ_กน้ำมันขนาดนี้เล่นเบนซิน เครื่อง 1J ไม่โบ ไปเลย
แรงกว่าเผลอๆ ประหยัดน้ำมันกว่าอีก ได้เกียรออโต 5 สปีดด้วยนะโว๊ย" เท่านั้นแหละครับ
ความคิดผมกระเจิงทันที และเริ่มศึกษาหาความรู้ในเว๊ปทันที โดยหาจากเว็ป www.clubjz.net
และก็ได้คู่แข่งสำหรับเครื่อง TD27T ขึ้นมาอีกตัว ซึ่งจริงๆ ไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อกับเครื่อง TD27T ซักเท่าไหร่ครับ
คือเครื่อง 1JZ-GE VVT-i เป็นเครื่อง 6 สูบแถวเรียง 2,491 CC. มีระบบแปรผันวาล์ว
เส้นผ่าศูนย์ลางกระบอกสูบและช่วงชัก 86 x 71.5 mm. 200 แรงม้าที่ 6,000 rpm
แรงบิตสูงสุดอยู่ที่ 255 Nm ที่ 4000 รอบ แต่เรียกแรงบิตกว่า 80% ได้ที่รอบต่ำกว่า 1500รอบ
มาพร้อมเกียรออโต้ 5 สปีท (อนาคตสามารถใช้แกีสได้ด้วย)
ใช้งานในเมืองอัตราการกินน้ำมัน 9-10 ก.ม.ต่อ 1 ลิตร, วิ่งทางไกล 11-12 ก.ม.ต่อ 1 ลิตร
ค่าเครื่องพร้อมเกียรและค่าวางเครื่องประมาณ 80,000 บาทเบ็ดเสร็จทุกอย่างแล้ว พร้อมวิ่ง สิ่งที่ทำคร่าวๆ มีดังนี้
หม้อน้ำใหม่+พัดลม2ตัว(2สปีด)+บังลมตีใหม่+ทุบห้องเครื่องและทำสี+ทำฐานรองและยางรองแท่นเครื่องใหม่
+ค่าเครื่อง+ตัดต่อเพลากลางพร้อมถ่วง+ทำแคร้งใหม่+ทำเบรคใหม่+อื่นๆ อีกมาก

เอาหละซิแล้วอย่างนี้ผมจะทำไงดีหว่า?????
วานเพื่อนสมาชิกช่วยออกความเห็นทีครับ ว่าจะวางเครื่องตัวไหนดี ปกติขับรถเดือนละประมาณ 1,000 กิโลเมตรเท่านั้น

รูปที่แนบมาเป็นการวางเครื่อง 1JZ-GTE เกียรออโต้ซึ่งเป็นเครื่องที่มี Turbo ลงในรถ BIG - M ครับ
แต่ผมจะวางตัว 1JZ-GE ตัวที่ไม่มี Turbo ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
ผมเช็คแล้วครับ สำหรับเครื่อง SR20DET เมื่อเทียบกับเครื่อง 1JZ-GE VVT-i <==เน้นต้องตัวนี้นะครับ
จริงๆ 2 ตัวนี้ถ้าเทียบราคา ณ ปัจจุบันเครื่อง SR20DET ราคาแพงกว่า 10000 บาท คือ 45000 บาท
สำหรับรุ่นหลังหัก ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด สเป็คคร่าวๆ ดังนี้ครับ

SR20DET เครื่องระบบ DOHC 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว VVT Turbo ความจุ 1,998 ซีซี ( 86x86 ) อัตราส่วนกำลังอัด 8.5 ต่อ 1
220 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 28 กก.-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ราคา 45000 บาท

เครื่อง SR20DETถ้านำมาใส่รถกระบะ ซึ่งน้ำหนักมาก อัตรากินน้ำมันอาจไม่แตกต่างกัน
เผลอ ๆ เครื่อง SR20DET อาจกินน้ำมันมากกว่าด้วยซ้ำ สาเหตุมาจาก
เวลาต้องการเร่งความเร็วคงต้องเค้นมากกว่า (เหยียบคันเร่งมากกว่า) และทำให้กินน้ำมันมากกว่า
หรือต้องใช้อัตราทดเฟืองท้ายที่สูงขึ้น เช่น 4.5 หรือมากกว่า ซึ่งอาจชดเชยตรงนั้นได้
แต่ก็ทำให้เวลารถลอยตัว เครื่อง SR20DET จะเสียเปรียบ
ยกตัวอย่างเช่นวิ่งที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเครื่อง SR20DETรอบอาจจะสูงถึง 3300 รอบต่อนาที
ในขณะที่เครื่อง 1JZ-GE VVT-i สามารถใช้อัตราทดเฟืองท้ายขนาด 4.1 ได้อย่างสบาย
ทำให้รอบเครื่องอาจเหลือแค่ 2500 รอบในความเร็วเท่ากัน ดังนั้นถ้าวิ่งไกลๆ เครื่อง SR20DET อาจกินกว่า
และเรื่องของการดูแลรักษาระหว่างเครื่อง Turbo กับไม่มี Turbo ก็แตกต่างกันมาก
เครื่อง Turbo ต้องดูแลรักษามากกว่าเครื่อง ไม่มี Turbo มากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก กุ๊กไก่ 61.91.93.226 อาทิตย์, 21/8/2548 เวลา : 23:35 IP : 61.91.93.226

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 7101

คำตอบที่ 7
1JZ-GE ดีในแง่กำลังของเครื่องยนต์ กดปุ๊บมาปั๊บ
เรื่องเดินสายไฟ สมัยนี้ไม่ต้องห่วงเลย วางกันเกลื่อนช่างเห็นบอก หวานหมู
เกียร์ออโตด้วย ขับสบายๆไปใหญ่เลย มี 200 กม./ชม. เห็นๆ (อย่าดูถูกเกียร์ออโตนะจ๊ะ)
ข้อเสีย ... คุณยอมเสียรถหรือเปล่าล่ะครับ กับการทุบห้องเครื่อง การแก้แท่นเครื่องบางจุด
และสิ่งที่ผมแนะนำต่อก็คือ ควรทำช่วงล่างและเบรกตามด้วย ไม่งั้นขับแล้วมันส์ มันเพลินเดี๋ยวจะเอาไม่อยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก กล้วย910 221.128.109.109 อาทิตย์, 21/8/2548 เวลา : 23:57 IP : 221.128.109.109

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 7102

คำตอบที่ 8
ผมว่า 1JZ GE VVT-I ไม่ประหยัดหรอกครับเพราะว่าที่บ้านใช้ โตโยต้า คราวน์ตัวใหม่อยู่ วิ่งในเมือง 8 โลลิตร นอกเมือง 10 โลลิตร ความเร็วเฉลี่ย90-100กิโลเมตร/ชั่วโมง และถ้ากดไล่รถซ่าๆที่ความเร็ว160-180นะครับอัตรบริโภคอยู่ที่ 4-5กิโล/ลิตรเลยทีเดียวไม่ต้องไปยกตัวอย่างใครเพราะใช้อยู่เอง เติมโซฮออลล์ก็วิ่งแปลกๆ(อืดลงเยอะ) ผมว่านะ 1JZ GE ตัวเดิมประหยัดกว่าอีก แล้วยิ่งถ้าเอาเครื่องตระกูล VVT-I มาวางแล้วล่ะก็เซนเซอร์ที่แถมมากับเครื่องก็คงไม่ครบ ไม่ว่าจะเป็น ออกซิเจนเซนเซอร์ เซนเซอร์คำนวนอุณหภูมิต่างๆก็ทำงานผิดพลาดเนื่องจากห้องเครื่องกระบะมันแคบกว่าของคราวน์ ทำให้อุณหภูมิของห้องเครื่องสูง(ขอบอกว่าท่อไอเสีย 1JZร้อนนมากกกก)เซนเซอร์ต่างๆก็ทำงานผิดพลาด ระบบ VVT-I ก็แผลงฤทธิ์ไม่ได้เต็มที่ส่งผลให้แรงม้าลดลงไปด้วยครับ สรุปนะครับถ้าไม่ห่วงเรื่องน้ำมันล่ะก็วางเลยครับแรงกว่านิสสันอยู่แล้ว(ปล.ถ้าวาง JZ ขอให้เช็คอุปกรณ์ที่เป็นพลาสติกในห้องเครื่งให้ดีนะครับเพราะมันจะละลาย)

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก โตโยต้ามอเตอร์ 203.151.140.117 จันทร์, 22/8/2548 เวลา : 02:23 IP : 203.151.140.117

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 7104

คำตอบที่ 10
สำหรับผมคิดว่าต้องถามความต้องการใช้งานก่อนนะว่าจะเอามาวิ่งธรรมดาบรรทุกเฉพาะกระเดินทางอย่างเดียว หรือจะนำมาบรรทุกของด้วย

ถ้าบรรทุกของด้วย ผมว่า TD 27turbo ดีกว่าครับ ไม่เสียรถครับ อะไหล่การซ่อมบำรุงในระยาวถูกมากๆๆ

ถ้าวิ่งอย่างเดียวและไม่คิดจะขายรถในช่วง 5 ปีนี้และทำใจได้กับราคาที่จะตกลงไปอีก แนะนำเครื่องเบินซินครับ

1JZ - VVTi อัตราการกินน้ำมันที่คุณบอกคือทดสอบบนแท่นเครื่อง และนำมาใส่รถยนต์วิ่งไม่เกิน 60 km/hr ครับ
ผมไม่แนะนำเลย เพราะเวลาเอาใช้งานจริงๆๆ กินซะอ่วมเลย รถทั้งคันต้องถูกดัดแปลงโดยเฉพาะ ช่วงล่างและเลยครับ ความชำนาญของช่างอย่างเดียวไม่สามารถ ทำให้รถใช้งานได้ดีในระยะยาว ต้องมีความรู้ระดับวิศวกรเครื่องกลด้วยครับ ช่างบางคนมีประสบการณ์ 20-30 ปี ไม่สามารถช่วยได้นะครับ

ผมทำมาตัวหนึ่ง ทุบห้องเครื่อง ถอดแผงแอร์ออก ไปไว้ใต้ท้องก่อน ไม่เย็นและโดนหินรั่วบ้างเลยต้องเอาไปไว้ที่กระบะหลัง มีปัญหาจุกจิกต่างๆๆตามมา ต้องให้ช่างดูแลเครื่องตลอด ช่วงล่างเซ็ตไม่เคยลงตัวเพราะเป็นการดัดแปลงไม่การคำนวณว่าต้องใช้ โช๊คและเหนบ มีค่า K เท่าไรต้องมาปรับไปเรื่องจนกว่าจะพอใจนะครับ
ศูนย์รถเสียหมดต้องมีการถ่วงในรูปแบบต่างๆๆ เท่าที่จะคิดออกมาได้จากช่างที่ทำ

เพลาที่เกิดจากการตัดต่อจะใช้งานได้เพียงประมาณ 2 ปีเสียแล้วครับเพราะเครื่องมีแรงม้าเยอะ โดยเพราะหัวเพลาที่ต่อจากเครื่องยนต์ ถ้าเสียต้องไปซื้อใหม่ครับซ่อมไม่ได้และต้องทำการตัดต่อถ่วงใหม่อีกครับ

เมื่อคุณใช้ไปนานๆๆ คุณก็จะค่อยๆๆหมดเงินกับการทำรถตลอดมีจะมีการเสียแบบต่อเนื่อง จนกระทั่งเงินคุณหมดหรือคุณเบื่อที่จะซ่อมมันนะ

ผมใช้เปลี่ยนเครื่องจาก 1JZ-GE จำนวน 2 ครั้ง จนมาเป็น 1JZ-VVTi ต้องยอมรับว่าที่ขายไปนะหมดเงินซ่อมจริงๆๆ ครับไม่ไหว พึ่งขายไปได้ 3 เดือนเอง ประมาณ 120000 บาท กับ Big M - 1999

ร้านที่ผมทำนะมีชื่อในหนังสือแต่งรถนะครับไม่ใช่ร้านะรรมดาข้างถนนนะครับ และเขาทำรถแข่งที่สนามรังสิตคลอง 5ด้วยนะครับ

นี่เป็นประสบการณ์ที่ขอนำมาเล่าให้ฟังครับจริงมีเยอะเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ป่อง 221.128.74.98 อังคาร, 23/8/2548 เวลา : 13:54 IP : 221.128.74.98

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 7122

คำตอบที่ 13
ผมเป็นช่างวาง j มาเยอะจะมาเล่าประสพการ ถ้าวางในบิกเอ็มก็ใช้ดีไม่มีปัญหาใช้ไปเลยระยะยาว4ปี 5ปี เพลากลางก็ไม่เสียอย่างที่คิดเพราะเปนเกียออโต้จ้า แรงบิดเยอะก็จริงแต่ไม่กระชาก ขับมันวีโก้ที่ว่าแรงขายรถทิ้งไปเลยฮ่าๆ แต่ข้อเสียก็มีต้องทำใจยอมแลกคือถ้าวิ่งรถเปล่าหัวจะหนักไม่ค่อยจะเกาะโค้งต้องถ่วงน้ำหนักหลังสัก100โล ปล ไม่เห็นต้องทุบห้องเครื่องสักหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก se 61.91.173.87 อาทิตย์, 4/9/2548 เวลา : 09:57 IP : 61.91.173.87

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 7304

คำตอบที่ 19
ของคู่เขยผม BIG M เครื่อง 1JZ ติด LPG ในเมือง 6.5-7 ก.ม./ลิตร ทางไกลพร้อมคน 4 คนบวกสัมภาระแค้มปิ้ง 8-9 ก.ม./ลิตร เมื่อใช้โหมดน้ำมัน (ก่อนติดแก๊ส)ในเมือง 7-8 ก.ม./ลิตร ทางไกลไม่ได้วัดเพราะเปลี่ยนเครื่องนี้เพื่อติดแก๊ส LPG โดยเฉพาะ ตอนวิ่งทางไกลก็สับมาเป็นน้ำมันทุกทุก 150 ก.ม.วิ่งน้ำมัน 7-10 ก.ม.เลยวัดอัตราสิ้นเปลืองไม่ได้ ราคาLPG ลิตรละ 9.50 บาท เหลือ 1.36-1.47 บาทต่อก.ม.
เขาเห็นผมใช้แก๊สกับ โคโรลล่า AE110 ไปเที่ยวด้วยกัน 2 คันครั้งเดียว กลับมาเขาโยนเครื่องดีเซลเดิมทิ้งทันที

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ปากเกร็ดไดรเวอร์ 61.91.165.84 พฤหัสบดี, 27/10/2548 เวลา : 11:49 IP : 61.91.165.84

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 7965

คำตอบที่ 20
เห็นด้วยครับ กับ คุณ ปากเกร็ดไดรเวอร์
ผมก็ใช้ Big M ครับ แต่ เป็น 4ประตู และใช้งาน วิ่งต่างจังหวัดบ่อยมาก และต้องทำเวลาด้วย จึงหันมาครบเครื่อง เบนซิล ใช้ 1JZ เกรียร์ธรรมดา สมัยแรกยังไม่ติดแก๊ส เดินทาง ไป-กลับ โคราช เติม ไป ประมาณ 1400บาท แต่ติดแก๊สแล้ว เหลือ ประมาณ 680บาท คุ้มค่า ความเร็วเดินทางประมาณ 130-150 กม. (ขอโทษด้วยนะครับเพราะต้องทำเวลาตรวจงาน Fiber)

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก NL 58.8.20.15 ศุกร์, 28/10/2548 เวลา : 13:21 IP : 58.8.20.15

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 8000

คำตอบที่ 22
ชม.นี้วางเบนซินดีกว่าถ้าคิดจะเปลี่ยนเครื่อง 1jz ก็โอเคนะเพราะติดแก็สประหยัดครับ ผมติดให้รถตู้ไปหลายคันแล้วครับ ไม่ใช้ผมจะมาโฆษณาอย่างเดียวนะครับ ผมช่วยแนะนำให้จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย และได้สมรรถนะรถด้วยครับ สนใจเข้าmailผมก็ได้ครับมีในสมาชิกหรือถามเองก็ได้ครับส่วนรถผม 2.5 intercool ติดแก็สแล้วแต่เป็นของดีเซลรถต้นแบบความประหยัดที่1.6บาทต่อกิโลรวม2เชื้อเพลิงแล้วยังปรับอยู่น่าได้มากกว่านี้ครับคือความประหยัดนะครับแล้วว่างๆจะเอารูปมาลงให้ดูครับเพื่อนNFC เบอร์ผม014269948

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก หน่อง(สำโรง) NFC075 203.121.135.251 พฤหัสบดี, 3/11/2548 เวลา : 21:13 IP : 203.121.135.251

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 8095

คำตอบที่ 23
LPG เป็นทางเลือหนึ่งที่ประหยัด ติดที่ไหนก็ได้ครับ แต่ขอให้เข้าไปอ่านใน LPG Webboard ก่อนนะครับจะได้ข้อมูลมากขึ้น มีสำนักหรืออู่ติดแก๊สที่มีคุณภาพหลายแห่ง แต่ละแห่งจะเห็นว่าคิวยาวเป็นเดือน แต่ติดตั้งแล้วสบายใจครับ
มาตรฐานทั่วไปที่ผมสรุปไว้สำหรับอู่ติดแก๊สมาตรฐานต่าง ๆ มีดังนี้
มาตรฐาน ระบบ Fix Mixer สำหรับเครื่องเบนซิน
ราคา 16000-17000 บาทประกอบด้วย
1. หม้อต้มตุรกี อินเดียหรือ อิตาลีใหม่
2. ถังมัลติวาล์วพร้อมโซลินอยล์ที่ถัง55ลิตร หรือแบบมือหมุนของสหมิตร 58ลิตร (อันนี้ราคาจะถูกหน่อย) หากขนาดถังใหญ่กว่านี้ก็ต้องเพิ่มเงินบ้างแต่หากวางได้ควรเลือกใบใหญ่สุดเท่าที่วางได้ มีโครงเหล็กรองพื้นแล้วยึดถังกับโครงเหล็ก
3. ท่อทองแดง 2 1/2 หุ่น เบอร์ 18 หรือ 19 (เบอร์ 18 หนากว่า ถ้าได้ก็จะดี) หากเบอร์มากกว่านั้น (20 ขึ้นไป) ก็ใช้ได้แต่บางกว่า
4. มีการตัดหัวฉีดในกรณีเครื่องหัวฉีด และหลอกECUหัวฉีดในกรณี ECU ฟ้องว่าหัวฉีดไม่ทำงาน
5. มีมิเตอร์อ่านปริมาณแก๊สแยกต่างหาก (หากราคา15000-16000 อาจไม่มีหรืออาจเป็นออฟชั่นเพิ่มเติม)
6. มีตัวกรองแก๊สก่อนเข้าหม้อต้ม(บางที่เป็นออฟชั่นเพิ่มเติมราคากรองแก๊ส 500-600 บาท)
7. ท่อจากถังต้องมีสายโปโลหุ้ม มีเข็มขัดรัดอย่างแน่นหนาทะลุลงใต้พื้นรถ พร้อมมีการซีลบริเวณรูสายโปโล เพื่อให้เวลาเกิดแก๊สรั่วที่วาล์วถังจะได้ไหลตามสายโปโลลงใต้ท้องรถ ไม่สะสมในกระโปรงหลังหรือบริเวณกระบะท้าย(กรณีรถกระบะติดหลังคา)
8. ท่อทองแดงจากถังไปหม้อต้มจะต้องเป็นเส้นเดียวกันไม่มีการต่อ มีการหุ้มด้วยท่อพลาสติกอ่อนตลอกแนว เดินเกาะหลบใต้ท้องรถด้านตรงข้ามท่อไอเสีย
9. รถเครื่องคาบูเรเตอร์ ต้องใช้มิกเซอร์เสมอ ไม่เจาะคาบูเรเตอร์
10. มีใบรับรองอุปกรณ์และการติดตั้งโดยวิศวกรเครื่องกลเซ็นรับรอง (บางแห่งคิดเพิ่มหากต้องการ) เพื่อใช้เป้นหลักฐานการแจ้งเพิ่มชนิดของเชื้อเพลิง
11. บริการหลังติดตั้ง ปรับแต่งจนกว่าจะลงตัว และหรือข้อตกลงการคืนเงินเต็มจำนวนหากใช้งานไม่ได้ (เหมือน สหเฮง GASINCAR และอื่น ๆ อีกหลายที่)

ตรงนี้สำคัญมาก ก่อนติดตั้งตรวจสอบและหรือซ่อมแซมเครื่องยนต์ให้มีสภาพดีไม่มีปํญหาเสียก่อน เพราะหากใช้น้ำมันยังมีปัญหาเมื่อติดแก๊สก็ยิ่งมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน หากเครื่องยนต์ดีอยู่แล้ว ก่อนติดตั้ง ต้องให้อู่ที่จะติดตั้งรับทราบและยอมรับในความสมบูรณ์ของเครื่องก่อน จะได้ไม่มีปัญหาทะเลาะกันภายหลังว่าพังเพราะการติดตั้งไม่ดี หรือรถไม่สมบูรณ์อยู่ก่อนแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ปากเกร็ดไดรเวอร์ 61.91.165.185 ศุกร์, 4/11/2548 เวลา : 09:33 IP : 61.91.165.185

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 8101

คำตอบที่ 25

1JZ-GE พร้อมวาง เบ็ดเสร็จอยู่ 38000-45000 แล้วแต่คุณภาพอุปกรณ์ซึ่งแพงตามราคาของอุปกรณ์ที่ใช้.. + GAS LPG. ที่ราคาพร้อมติดตั้งกะเครื่อง 6 สูบ อยู่ไม่เกินสองหมื่นห้า..... ควรจะจบที่ 63000-70000 บาท... และยืนระยะอยู่ได้ 4-5 ปี

ส่วนวาง TD-27T ก็จะจบราว ๆ ที่ สามหมื่นกว่า.. จบเลย
แต่มาที่ราคาน้ำมันปัจจุบัน .. เครื่อง 1JZ หรือ 2JZ ใช้แก๊ซ
LPG. ประหยัดกว่าแน่นอน ...

ราคาน้ำมันแบบนี้ ชั่วงโมงนี้ ถ้าต้องขับรถทำเวลาผมเชียร์เครื่องเบนซินติดแก๊ซ LPG.

ตัวผมเองใช้รถกระบะนิสสันบิ๊กเอ็ม หน้าหัก ปี1995 รถวิ่งมาสามแสนกว่ากม. เครื่อง BD25 เซ็ทเทอร์โบ ใบหน้ากะ โข่งหน้าของ Airesearch T04 กะแกนกลางและโข่งหลังของ Z-18T โข่งไอเสียรุ่นเบอร์เล็กสุด ar.36 มีอินเตอร์คูลเลอร์ของสิบล้อมาตัดแบ่ง ๆ วางหลังกระจังหน้า เดินท่อไอดี ไม่มีรอยคอด สองนิ้วครึ่ง กะทำปั๊มหัวฉีด เปลี่ยนฝาปั๊ม ลูกปั๊ม โม'ปั๊ม ท่อไอเสีย 2 นิ้วครึ่งกะหม้อพักกลางใหญ่ไส้ตรง เกียร์ของเดิม เฟืองท้ายอัตราทดเดิม 8/35 ซึ่งก็คือ 4.375 ( ยังว่าเฟืองท้ายยังจัดอยู่ น่าจะลงที่ 3.9 -4.1 ด้วยซ้ำ จะประหยัดกว่านี้ ตอนเดินทางใช้ความเร็ว ยิ่งจะเห็นผลชัดเจน)กับยางบรรรทุกของเดิม 195 R14 และยังล๊อครอบเครื่องที่ปั๊มหัวฉีดไว้แค่ 4700 รอบ/นาที ปรับบูสท์เทอร์โบแบบเด็ก ๆ แค่ 9 ปอนด์/ตารางนิ้ว ทำอัตราเร่ง 0-100 อยู่ 13 วินิด ๆ ควอเตอร์ไมล์ 19 วินาที กะความเร็วปลายได้เกือบ ๆ 180 ครับ... แล้วก็กินน้ำมันเฉลี่ย ตอนนี้ 14.XX กม./ลิตร ครับ ....

รถผมที่กล่าวมา ผมยังพอใจอยู่ แต่ความประหยัดที่ว่ามา14.XX กม./ลิตรกับราคาน้ำมันตอนนี้ นั้นยังสู้ JZ + LPG. Gas.. ยังไม่ได้เลยน่ะครับ ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก Dinky 203.121.172.24 พฤหัสบดี, 17/11/2548 เวลา : 15:23 IP : 203.121.172.24

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 8259

คำตอบที่ 26
เพื่อนที่ทำงานผมเขาใช้ฮอนด้าซิตี้ 1500ซีซี บ้านห่างจากที่ทำงาน 4 ก.ม. เขาเห็นผมติดมาแล้วประหยัดก็อยากติดแก๊สบ้าง ผมก็บอกไปว่า เดือนเขานึงวิ่งแค่ ไม่ถึง 600 ก.ม. (นี่เฉลี่ยรวมที่ขับไปเยี่ยมญาติวันหยุดด้วยแล้วนะ) ทางไกลก็ไม่เคยขับไปเที่ยว(ชอบซื้อทัวร์ยันเต)แล้วจะติดแก๊สไปหาพระแสงอะไรหล่ะ ใช้น้ำมันต่อไปเถิด เอาไว้ย้ายบ้านไปอยู่ที่ไกลกว่านี้ ใช้น้ำมันมากกว่านี้ แล้วค่อยคิดกันใหม่
ย้ำอีกครั้งนะครับ ก่อนจะตัดสินใจนำรถไปติดตั้งแก๊สรถยนต์ ลองเข้าไปหาข้อมูลที่ LPG Board ดูก่อนซัก 2 สัปดาห์ จะได้ข้อมูลเพียบ มีอู่หรือสำนักรับติดตั้งแก๊สที่มีคุณภาพ ความชำนาญ ให้ข้อมูลโดยไม่ปิดบัง หลายแห่งให้เลือก ลองหาข้อมูลเรื่องราคา อุปกรณ์ที่ติดตั้งให้ การติดตั้งที่ถูกต้อง ความเรียบร้อยของงาน ใบรับรองวิศวกร ความสะดวกในการเดินทางไปติดตั้ง แล้วจะได้คำตอบสุดท้ายครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ปากเกร็ดไดรเวอร์ 202.57.168.33 เสาร์, 19/11/2548 เวลา : 08:51 IP : 202.57.168.33

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 8268

คำตอบที่ 30
เครื่อง SR20DETถ้านำมาใส่รถกระบะ ซึ่งน้ำหนักมาก อัตรากินน้ำมันอาจไม่แตกต่างกัน
เผลอ ๆ เครื่อง SR20DET อาจกินน้ำมันมากกว่าด้วยซ้ำ สาเหตุมาจาก
เวลาต้องการเร่งความเร็วคงต้องเค้นมากกว่า (เหยียบคันเร่งมากกว่า) และทำให้กินน้ำมันมากกว่า
หรือต้องใช้อัตราทดเฟืองท้ายที่สูงขึ้น เช่น 4.5 หรือมากกว่า ซึ่งอาจชดเชยตรงนั้นได้
แต่ก็ทำให้เวลารถลอยตัว เครื่อง SR20DET จะเสียเปรียบ
ยกตัวอย่างเช่นวิ่งที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเครื่อง SR20DETรอบอาจจะสูงถึง 3300 รอบต่อนาที
ในขณะที่เครื่อง 1JZ-GE VVT-i สามารถใช้อัตราทดเฟืองท้ายขนาด 4.1 ได้อย่างสบาย
ทำให้รอบเครื่องอาจเหลือแค่ 2500 รอบในความเร็วเท่ากัน ดังนั้นถ้าวิ่งไกลๆ เครื่อง SR20DET อาจกินกว่า
และเรื่องของการดูแลรักษาระหว่างเครื่อง Turbo กับไม่มี Turbo ก็แตกต่างกันมาก
เครื่อง Turbo ต้องดูแลรักษามากกว่าเครื่อง ไม่มี Turbo มากครับ

ผมเล่น sr-20det ครับ สำหรับตรงนี้ ผมว่า ในกรณี วาง รถคันเดียวกันรุ่นเดียวกัน ก่อนผม ตัดสินใจวาง ผมคำนึง ถึงj ซึ่ง 6 สูบ ได้ แรงบิดที่สูงกว่าแน่นอน ครับ
แต่ ในแรงบิด ที่ SR ทำได้ สำหรับรถ bigM มัน ก้อ ไม่มีผลละครับ น้ำหนักเท่าเดิม มันลากได้ สบายๆ เรยเชียวหล่ะ อธิบาย ละเอียด ตามเข้าใจ ส่วนตัว ก้อ ไม่ถูก เอาเปนว่า ผมคิดว่า sr วางได้ ดี กว่า ตรง ไม่ข้ามสายพันธ์ การประหยัด ผม อาจ จะ บอกได้ว่า ประหยัด กว่า J ไม่เทอร์โบ ด้วยซ้ำ ทั้งค่าวาง ทั้งขนาด และ ยัง ได้น้ำหนักเครื่องที่เบากว่าครับ
แรงบิดเอาไปก้อ เท่านั้นระครับ รถกะบะ 1 ตัน ถ้าไม่ได้ไปแข่ง มัน ไม่ซด ตอนเร่ง ออกตัว มากหรอกครับ รึ อัตราเร่งแซง ก้อ ทำ ได้ พอ ๆ กัน ใน การ ขับ ธรรมดา ผมเน้น สวย ลง ตัว ไม่เสียรถ ใช้ งาน ได้ ดี ครับ

ปล. ไม่มีดีเซล ใน หัวใจ ครับ อิอิ

แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก MP33rit 203.188.21.232 อังคาร, 20/12/2548 เวลา : 22:36 IP : 203.188.21.232

แก้ไขคำตอบ

ลบคำตอบ 8858

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1 2 3 4 5