จาก 4 IP:203.188.39.161
พฤหัสบดีที่ , 15/2/2550
เวลา : 12:58
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ขอบคุณ ที่มา หลังจากปล่อยให้คู่แข่งโกยยอดกันสนุกสนาน จนยอดขายในตลาดปิกอัพของตัวเองกลับไปอยู่ในตำแหน่งบ๊วย นิสสัน จึงได้ฤกษ์ปล่อยกระบะตัวใหม่ล่าสุด ฟรอนเทียร์ นาวารา กระบะที่คู่แข่งต่างเกรงกลัว โดยเปิดตัวทั้งหมด 11 รุ่นย่อย แบ่งหลักๆ เป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 144 แรงม้า และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 174 แรงม้า
หลังจากนั้นก็จัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบทั้งแบบออฟโรดและออนโรด ณ เชียงใหม่ แน่นอนว่า ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง ไม่พลาดที่จะเข้าร่วม แต่เนื่องจากจำนวนรุ่นที่มาก บททดสอบในครั้งนี้ของเราจึงขอเอ่ยถึงแต่เพียงรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 174 แรงม้า เกียร์ธรรมดาเท่านั้น ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเราจะนำเสนอในโอกาสต่อไป
ภายนอก วีเชฟเหมือนเดิม
ทิศทางการออกแบบรูปทรง เส้นสายโดยรวมยังยึดเอกลัษณ์ของรุ่นที่แล้วเอาไว้ ทั้งกระจังหน้าทรงวี-เชฟ(ทรงเดิมแต่ใหญ่ขึ้น) กระบะท้ายดูแข็งแรง ส่วนความแตกต่างที่เห็นได้ชัด อยู่ที่ไฟหน้าแบบฮาโลเจน ซุ้มล้อที่โป่งออกมา(ไม่ใช่เอาพลาสติกมาแปะ) กระจกมองข้างขนาดใหญ่ และสิ่งที่ลืมไม่ได้นั่นก็คือ ล้อกับยาง ซึ่งเป็นล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วทุกรุ่น (ทั้ง 11 รุ่นย่อย) และยางในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อจะเป็นขนาด 255/70 R16
ทั้งนี้ยางดังกล่าวเป็นยางยี่ห้อ ดันลอป นำเข้าจากอินโดนีเซีย ซึ่งต้องบอกว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียคือ ได้ยางขนาดใหญ่ สวย และมีประสิทธิภาพที่เหมาะสม ส่วนข้อเสีย แน่นอนต้องเป็นเรื่องของราคายางขนาด 16 นิ้วที่สูงกว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน (การเปลี่ยนยางให้มีขนาดเล็กลงกว่าขนาดมาตรฐานของโรงงาน ย่อมมีผลในการลดทอนสมรรถนะของรถให้ด้อยลงแบบไม่ต้องสงสัย )
แชสซีส์ ซึ่งเป็นจุดขายและเด่นที่สุดในรุ่นที่แล้ว ในเจ้านาวารา ใหม่ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเหมือนเดิม โดยเป็นแบบ 2 ตอน เหล็กขึ้นรูป 2 ชั้น ในทุกรุ่นของนาวารา เสริมความเด่นด้วย ไฟตัดหมอก และเฉพาะรุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ LE จะเพิ่มกันชนหลังโครเมี่ยม ไฟหน้าแบบซีนอน และบันไดข้าง บรรดาของทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้นอกจากให้ประโยชน์แล้วยังทำให้เจ้านาวารามีน้ำหนักตัวมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึงประมาณ 200 กิโลกรัมอีกด้วย
ภายใน ประดุจรถเก๋ง
ต้องขอบอกตรงๆ ว่า ความรู้สึกแรกหลังเข้าไปนั่งเรารู้สึกเหมือนอยู่ในรถเก๋งแบบซีดานทั่วไป ทั้งทัศนวิสัยและความสบาย โดยเฉพาะจากเบาะนั่งที่นุ่ม นั่งสบายไม่มีอาการเมื่อยล้าแม้เราจะต้องนั่งอยู่เป็นเวลานานหลายชั่วโมงตลอดการเดินทาง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ใส่มาให้อย่างมากมาย ดูจะเป็นจุดเด่นที่สร้างความประทับใจได้ไม่น้อย อาทิ เข็มทิศแบบดิจิตอล ซึ่งอยู่ในกระจกส่องหลัง (เฉพาะรุ่น LE) หรือเก๊ะเก็บของแบบ 2 ชั้น เซ็นทรัลล็อกพร้อมรีโมท และชุดเครื่องเสียงวิทยุ-ซีดี ในทุกรุ่น
ส่วนความปลอดภัย เจ้านาวาราติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก เอบีเอสและอีบีดี (เฉพาะในรุ่น LE) พร้อมด้วยไฟเบรกดวงที่สาม และคานกันกระแทกด้านข้าง
เครื่องยนต์ แรงเหลือเฟือ
นาวารา ตัวขับเคลื่อน 4 ล้อนี้ ได้รับการบรรจุเครื่องยนต์ชื่อ วายดี 174 (รหัส YD25DDTi High Power Commonrail) ขนาด 2500 ซีซี (2.5 ลิตร) แบบคอมมอนเรล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน(VNT) พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 4000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตรที่ 2000 รอบ/นาที เรียกได้ว่า มีพละกำลังมากที่สุด แรงบิดมหาศาลที่สุด ในตลาดรถปิกอัพของเมืองไทยเวลานี้
โดยเจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้เป็นตัวเดียวกับเจ้านาวาราเวอร์ชั่นอเมริกา(ขายในชื่อ นิสสัน ฟรอนเทียร์) และยุโรป (ขายในชื่อของ นิสสัน นาวารา) ส่วนรุ่น 144 แรงม้าที่ประจำการในตัวขับเคลื่อน 2 ล้อนั้น จากคำบอกเล่าของผู้ดูแลผลิตภัณฑ์เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์(ECM) และลดสเปคบางประการเพื่อตลาดเมืองไทยโดยเฉพาะ เนื่องจากทีมวิจัยเชื่อว่าแค่ 144 แรงม้าก็เพียงพอแล้วสำหรับตลาดขับเคลื่อน 2 ล้อของไทย
เกียร์ใหม่ ขอเวลาคุ้นเคย
เกียร์มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ออโต้ 5 สปีดและธรรมดา 6 สปีด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่รถกระบะได้รับการติดตั้งเกียร์แบบ 6 สปีด โดยเกียร์ลูกนี้ใช้โครงสร้างการออกแบบจากเกียร์ของรถนิสสัน 350Z รถสปอร์ตพันธุ์แรงของค่าย
สำหรับสาเหตุในการใช้เกียร์ 6 สปีด ก็เนื่องจากกำลังของเครื่องยนต์ที่มีมากเสียจนถ้ามีแค่ 5 เกียร์ไม่พอนั่นเอง และเหตุผลอีกประการที่ไม่น่าเชื่อก็คือเกียร์ 6 สปีดลูกนี้มีราคาต้นทุนการผลิตถูกกว่าเกียร์ 5 สปีดในรุ่นเดิมเสียอีก (เพราะ 85% ของเกียร์ 6 สปีดเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตได้ในประเทศไทย)
ในด้านของการใช้งาน แน่นอนว่าช่วงแรกอาจจะมีความสับสนระหว่างการเข้าเกียร์ถอยหลัง และเกียร์ 6 ได้ง่าย เนื่องจากเกียร์ 6 อยู่ในตำแหน่งเดิมของเกียร์ถอยหลังนั่นเอง กอปรกับการจะเข้าเกียร์ถอยหลังนั้นจะต้องกดคันเกียร์ลงก่อนถึงจะเข้าได้ เหมือนกับเกียร์ธรรมดาในรถยุโรปหลายรุ่น
สมรรถนะ สมดุลคือหัวใจ
ช่วงแรกเราได้ทดลองขับเจ้านาวารา ในแบบออฟโรดซึ่งทางนิสสันได้จัดเตรียมสนามขับเอาไว้ให้ โดยรุ่นที่เราได้ขับนั้นเป็นรุ่นเกียร์ออโต้ ซึ่งเจ้านาวาราสามารถพาเราผ่านอุปสรรคของสนามไปได้แบบสบาย ด้วยแรงบิดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงหินขรุขระ เนินสูง เนินสลับ(ล้อแตะพื้นเพียง 3 ล้อ) บ่อน้ำลึกประมาณ 50 ซม. เจ้านาวารา สอบผ่านหมด
นอกจากนั้นจะมีในส่วนของทางลูกรังอยู่พอให้เราลองความเร็วได้นิดหน่อย เราลองกดคันเร่งแบบเต็มๆ เพื่อคิกดาวน์(ในรุ่นเกียร์ออโต้ 5 สปีด) พบว่า รถมีอาการสะบัดนิดหน่อยจึงต้องรีบผ่อนคันเร่ง (ลองอยู่ 2 ครั้ง เป็นเหมือนกันทั้ง 2 ครั้ง) ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการที่รถมีแรงบิดมาก กอปรกับเป็นทางลูกรัง(ซึ่งลื่น) และยางซึ่งไม่ทราบว่าผ่านการใช้งานมาหนักแค่ไหน (รถคันที่เราทดสอบดูจากเลขไมล์ที่หน้าปัดวิ่งมาแล้วประมาณเกือบ 4 พันกิโลเมตรและโคลนเต็มร่องยาง) น่าเป็นห่วงไม่น้อยสำหรับมือใหม่และผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการควบคุมรถแรงๆ
ส่วนการขับแบบออนโรดนั้น นิสสันวางเส้นทางทั้งแบบวิ่งในเมือง(ผ่านตัวเมืองเชียงใหม่)และแบบลุยขึ้นเขา การขับขี่โดยรวมยังให้ฟิลลิ่งแบบกระบะอยู่ เสียงเครื่องยนต์ในห้องโดยสารขณะจอดติดอยู่เฉยๆ ค่อนข้างเงียบมาก แต่ในจังหวะเหยียบคันเร่งเสียงเครื่องกลับดังรบกวนใจเราไม่น้อย
ด้านการเกาะถนน ต้องยอมรับว่าเจ้านาวาราดีกว่าคู่แข่งบางรุ่น อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งต้องขอบคุณ ประสิทธิภาพของยางและช่วงล่าง แบบอิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช้คอัพ ขณะที่ทางขรุขระจับความรู้สึกของถนนได้ค่อนข้างชัด พวงมาลัยแรคแอนด์พิเนียนพร้อมพาวเวอร์(ทุกรุ่น) แต่รัศมีวงเลี้ยวกว้างไปหน่อย
จุดที่น่าสังเกตุเป็นพิเศษคือช่วงออกตัว เกียร์หนึ่ง รอบเครื่องขึ้นเร็วมาก จากอัตราทดเกียร์ที่สูงเป็นพิเศษทำให้กำลังมาเร็วและหมดเร็ว (นั่นหมายความว่า ต้องเข้าเกียร์สองเร็วขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง) ส่วนในช่วงเกียร์ที่เหลือเป็นไปตามมาตรฐานการใช้งานเดิมๆ การปรับอัตราทดเช่นนี้เพื่อประโยชน์ในด้านการบรรทุกหนัก โดยในช่วงพรีเซนต์มีการโชว์ภาพวีดีโอทดสอบเจ้านาวาราแบบตอนเดียวขณะบรรทุกน้ำหนักถึง 4 ตัน แสดงถึงพละกำลังที่เหลือเฟือและควบคุมให้ใช้งานได้จริงๆ
ด้านอัตราเร่งไม่ว่าจะเป็นการแซงหรือการขึ้นเขา ให้ความรู้สึกอุ่นใจ สบายๆ ได้ทุกย่านความเร็ว เรียกเมื่อไหร่ก็มาเมื่อนั้น ขอชมว่าการใช้เกียร์ 6 สปีด(อัตราทดนี้) กับเครื่องยนต์ตัว 174 แรงม้าเพื่อตอบสนองการใช้งานให้ครบทุกด้าน เป็นความลงตัวที่ประทับใจที่สุด
ความเร็วเฉลี่ยตลอดเส้นทางเรียบประมาณ 100 กม./ชม. รอบของเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 2600 รอบ ที่เกียร์ 5 (และประมาณ 2100 รอบที่เกียร์ 6) ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหตุของเรื่องนี้อธิบายได้โดยง่ายคือ ขนาดของเครื่องยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเพียง 2500 ซีซี แต่ต้องรีดพละกำลังออกมามากถึง 174 แรงม้า เปรียบเหมือน คนตัวเล็กขาสั้นกับคนใหญ่ขายาว หากต้องการวิ่งให้เร็วเท่ากันหรือเร็วกว่า คนขาสั้นก็จำเป็นต้องวิ่งด้วยจำนวนก้าวที่มากกว่านั่นเอง
ส่วนความเร็วสูงสุด เรายอมรับว่าไม่ได้ลอง เพราะครั้งนี้ขับกันไปเป็นขบวน รวมถึงอัตราการบริโภคน้ำมันที่หลายๆ ท่านต้องการทราบ เราก็ไม่ได้วัดมาเช่นกัน แต่จากคำบอกเล่าของทีมงานนิสสันมีตัวเลข 18 กม./ลิตร ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. มาไว้ให้ท่านได้ทราบกันเป็นการชั่วคราว (เอาไปอ้างอิงอะไรไม่ได้)
สรุปโดยรวมเจ้านาวารา 174 แรงได้ใจ เกาะถนนดี แต่มือใหม่ต้องระวังให้มาก
ศึกนี้อยู่ที่การตลาด
ด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 669,000 ถึง 849,000 บาท ถือว่าต่ำกว่ากับคู่แข่งในตลาด แถมยังแรงกว่า และออพชั่นมากกว่าด้วย แต่อย่างว่านะครับ ของถูก ของดี ใช่ว่าจะขายดีเสมอไป เพราะถ้าคนซื้อไม่รู้ว่าดีแล้วจะขายได้อย่างไร จากความรู้สึกของเราคำว่า ขอบคุณ ที่นิสสันใช้อยู่นั้นยังไม่ได้สื่อถึงจุดดีหรือจุดเด่นของเจ้านาวารา ดังที่เราได้กล่าวไว้แต่อย่างใดเลย หากนิสสัน ยังอยากจะ ขอบคุณ ต่อไปก็สุดแท้แต่ ส่วนผลเป็นอย่างไร ผู้บริโภคจะเป็นคนตอบเอง
.
.
.
.
"ความเร็วเฉลี่ยตลอดเส้นทางเรียบประมาณ 100 กม./ชม. รอบของเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 2600 รอบ ที่เกียร์ 5 (และประมาณ 2100 รอบที่เกียร์ 6) ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เหตุของเรื่องนี้อธิบายได้โดยง่ายคือ ขนาดของเครื่องยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเพียง 2500 ซีซี แต่ต้องรีดพละกำลังออกมามากถึง 174 แรงม้า เปรียบเหมือน คนตัวเล็กขาสั้นกับคนใหญ่ขายาว หากต้องการวิ่งให้เร็วเท่ากันหรือเร็วกว่า คนขาสั้นก็จำเป็นต้องวิ่งด้วยจำนวนก้าวที่มากกว่านั่นเอง"
ขับที่ 100 กม./ชม."ที่เกียร์ 5"
วีโก้ 3000- 1,750 รอบ/นาที
วีโก้ 2500- 2,200 รอบ/นาที
ดีแม็ค 2500-1,800 รอบ/นาที
ดีแม็ค 3000-1,650 รอบ/นาที
ไททัน 2500-2,000 รอบ/นาที
ไททัน 3200-1,850 รอบ/นาที
เรนเจอร์/บีที50 2500-2,000 รอบ/นาที
เรนเจอร์/บีที50 3000-1,900 รอบ/นาที
.
.
.
.
.
เกียร์ 6 จังหวะของ Navara ไม่ได้ สร้างขึ้นมาเพื่อให้ประหยัดน้ำมันตามที่ได้คุยไว้ เพราะอัตราทดเกียร์ 6 อยู่ที่ 0.827 ไม่ได้ต่ำกว่าคู่แข่ง.........................เลย
ดังนั้นเกียร์ 6 จังหวะ สร้างมาเพื่อเป็นจุดขาย....................เท่านั้น
ยังไงๆ เกียร์ 6 จังหวะของ Navara ที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม.รอบเครื่องก็ไม่ต่ำกว่าคู่แข่งเลย............
|