คำตอบที่ 162
-ขอขอบคุณทุกท่านทีสนใจการวางประสบการณ์ไว้เป็นตัวอย่างคิดในส่วนรวม ผมคิดเองเสมอว่าอาจช่วยให้สังคมส่วนรวม เร็วขึ้นสักนาทีในการตามหลังความเจริญ(คิดค้น.สร้างฯ) 200 ปีได้บ้างเท่านั้นครับ...
-คนตะวันออกกลางเขาเผยความรู้สึกเมื่อราว 50 ปีก่อนว่าพวกเขาตามหลังคนยุโรปอยู่ ระยะห่าง 200 ปี... แต่พระเจ้าช่วยเขาโดยให้ขุมทรัพย์ใต้ดิน คือน้ำมัน เพื่อเป็นทุนไล่ซื้อความเจริญให้ทันฝรัง.....ตอนนี้เดาเองว่าความห่างคงอาจเหลือ 50-100 ปีครับ
-สำหรับไทย มีแต่ทุนที่มาจากการเกษตร และประมง ด้วยความลำบาก เป็นการแลกแรงงานกับเงินที่พอสมควร ไม่ใช่ลาภเหมือนป.ที่มีน้ำมันอยู่ใต้ดิน อย่างนั้นกำไรมากกว่าสมควร....แตกต่างกันครับ
-หนึ่งนาทีที่ช่วยกัน โดยไม่รอ "มหัศจรรย์" ก็มีโอกาสไล่ตามได้...เพราะมีตั้ง 70 ล้านคนครับ....
----------------------------------------------------
-เติมอีกนิด เพื่อให้ครบสำหรับท่านที่อ่านผ่านๆ หมายถึงทำให้เห็นว่างานที่มีคุณค่า มักซับซ้อนและฝิดพลาดได้ง่ายครับ
-รูปแนบคต.นี้...บน...กรอบสีแดงชี้สวิทซ์ปล่อยแรงดันลมในท่อส่งของปั๊มลม ควรทำไว้ด้วย หรือเลือกวงจรไฟฟ้าควบคุมที่เหมาะกับผู้ใช้งานครับ
-ระบบจะตัดลมและคายแรงดันอัตโนมัติ แต่หมายถึงเต็มเท่านั้น เวลาตรวจรั่วซึมพอมีลมราว 50 ปอนด์ เมื่อเช็คด้วยฟองสบู่รู้ตำแหน่งแล้ว กดเลิกการทำงานได้ แต่ระบบคายแรงดันที่ท่อส่ง ต้องกดเอง ไม่มีอัตโนมัติในการปิดระบบเองครับ
-ดังนั้นจึงควรมีไว้กดตอนซ่อมงาน และไฟ ACC ที่มาจ่ายให้สวิทซ์เปิดปั๊มและปล่อยแรงดันควรแยกก่อนเข้าสวิทซ์ ถ้าเข้าไปที่ตัวเปิดระบบก่อน แล้วค่อยแยกมาให้..ก็ปล่อยแรงดันไม่ได้ เพราะไฟ ACC ถูกตัดไปแล้ว ...
-ล่าง...ข้อต่อที่ใต้สวิทซ์แรงดัน ขันแน่นจนแตก เนื่องจากมีรั่วซึม การใช้ข้อต่อหลายชั้นเนื่องจากสวิทซ์แรงดันไม่มีจุดยึด บ่าเหลี่ยมน้อยจนต้องใส่แหวน เพราะรูต้องเจาะเผื่อเนื้อเทปพันเกลียวด้วย แหวนหนาเกลียวเหลือน้อย สรุปว่าตำแหน่งที่ผมตั้ง pressure switch นั้นเหมาะกับรถผม แต่วิธียังไม่เคลียร์ ขอให้ระวังและคิดใหม่จุดนี้ผมแก้รั่วซึมหลายรอบ ตอนนี้หายแล้ว แต่ยังกังวลเพราะอาจแข็งแรงไม่พอครับ
------------------------------------------------------
-เพิ่มข้อความว่า...หากต่อไฟตรงไปรอที่รีเลย์ 2 ทาง ก็ทำให้การหยุดเครื่องปั๊มลม มีการคายแรงดันอัตโนมัติทุกครั้งได้ แต่ในรถผมไม่ได้ต่อไฟตรงไปในส่วนนี้ และสายไฟหุ้มท่อหมดแล้ว จึงเป็นแบบที่แจ้ง หมายถึงวงจรไฟฟ้า เดินได้หลายแบบครับ...
-----------------------------------------------------
-ผมชอบรถออฟโรด แต่ชอบอยู่คนเดียวในบ้าน ผมบอกคนในครอบครัวว่ากระทู้ที่ผมเขียนความเห็นเรื่องรถออฟโรด มีการเปิดอ่าน 6พันกว่าครั้ง จะอวดว่าชอบรถมีสาระ เป็นประโยชน์หรือมีคนอื่นสนใจความเห็น ...แต่ถูกถามกลับมาว่า "ดูเองกี่ครั้ง"....คำถามทำให้ผมรู้ตัวทันทีว่ายังไม่มีใครให้ความสำคัญเรื่องแบบนี้ ..จึงตอบว่า....ดูเอง ก็ราวๆ 3พัน อีก 3พัน ก็เป็นอ้ายโม่ง ไม่มีบัตรประชาชน เข้ามาตรวจหาคนมีบัตรประชาชน แต่ตรวจไม่ทุกราย มีเว้นตามใจชอบ เหมือนติงต๊อง หรือไม่ก็คุ้มดี/คุ้มร้าย ลักษณะเหมือนไม่ชอบใจ(โลก)เพราะส่ายหน้าตลอดเวลา....ที่เหลืออีกไม่กี่ร้อยคือคนสนใจจริง แต่เข้ามาดูหลายรอบ/คน สรุปจึงมีคนอ่านจริงเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆคงหลักสิบ ....คงไม่เดือดร้อนใครมากมาย...ตอบเพื่อสรุปช่องทางของผมเองครับ....
-สุดท้ายอยากบอกว่า ทุกครั้งที่นำรถเข้าจอดบ้าน ผมจะยกฝากระโปรงหน้าขึ้นค้างไว้ เพื่อระบายความร้อนห้องเครื่อง(ยนต์ที่เพิ่งดับ).. YD25TI และ BD25T(เทอร์โบเติมเอง) จะเหมือนกัน คือเหมือนห้องเครื่องไม่ร้อน ดังนั้น ความกังวลสำหรับรถ 2 รุ่นนี้ จึงน้อยกว่าคันอื่นๆ ..คือข้อดีของเครื่องไดเร็ค....เป็น report ครับ
---------------------------------------------
-อัพเดทรูป ผมเพิ่มของอีก.. เดิมเป็นฐานสายอากาศรอบตัวแบบไฟเบอร์ ซึ่งถูกฟ้าผ่าพังไปแล้ว นำมารัดกับบันได แล้วเสียบเลื่อยตัดกิ่งไม้ ล็อคด้วยสกรูตรงศรสีแดงชี้... เป็นการลองเช่นเดิมครับ..
---------------------------------------------------------------
-เพิ่มข้อความว่า....ผมเพิ่มตัวดักน้ำในระบบปั๊มลมๆโดยทั่วไปที่ถังพักลมจะมีรูถ่ายน้ำทิ้งด้านล่างของถัง หมายถึงถังลมเป็นตัวแยกน้ำกับลมในชั้นแรก และ(มี)ตัวดักน้ำอยู่ในช่วงปลายก่อนจ่ายออก เพื่อลมที่นำไปใช้งานจะไม่มีน้ำควบไปด้วย ผลเช่นน้ำในล้อรถ ซึ่งทำให้ล้อผุได้.. แต่ที่เห็นขายทั่วไปเป็นระดับล่างๆ ไม่คำนึงถึงเหตุผลนี้ครับ...
-ถังลมในรถผมไม่มีรูถ่ายน้ำนี้ ผมจึงลองตามความนึกคิดของตนเองคือ ต่อตัวดักน้ำขั้นไว้ก่อนลมเข้าถังเก็บ...คงต้องรอเก็บผลต่อไปครับ
------------------------------------------------
-เพิ่มข้อความว่า...วาวล์ไฟฟ้าที่เปิดคายแรงดันลมในท่อส่งทิ้ง หลังจากปั๊มหยุดทำงาน ควรทำเป็นอัตโนมัติ และใช้ผ่านสวิทซ์เปิด/ปิดระบบปั๊มลม ไม่ควรสแตนบายล์ เมื่อปั๊มลมเต็มก็ปิดสวิทซ์ระบบ เนื่องจากผมพึ่งพบเองว่า วาวล์ไฟฟ้า มีความร้อนเกินกว่าอุ่นในการเปิดตลอด มาพบตอนทำอีกคัน ผมไม่ได้แก้ไขข้อความก่อนหน้านี้ เพราะนำเสนอไปแล้ว จึงขอวางเนื้อเรื่องต่อตรงนี้ครับ
--------------------------------------------------------
-ตัวดักน้ำ ขนาดตามรูปเมื่อเทียบกับปากกาที่วางให้เทียบ ทำงาน ตั้งแต่ 22- 147 PSI ที่จุกด้านล่างคือจุดปล่อยน้ำทิ้ง มีสปริงดันให้จุกเปิดตลอดเวลา เมื่อมีแรงดัน 22 ปอนด์ จะดันจุกให้ปิดเอง....
-ขนาด, ปลอกเหล็กถอดได้,และจุกเปิด/ปิด น้ำทิ้งเอง คือเหมาะสมต่องานดี แต่ได้พบว่า จุกจะปิดที่แรงดัน 22 ปอนด์ ซึ่งปั๊ม 7 ครีบส่งลมได้น้อยกว่านั้น คือจุกไม่ปิดเอง ต้องใช้มือดึงช่วยทุกครั้ง ตรงนี้คือปัญหา ถ้าเอาสปริงดันจุกออก ต้องกดน้ำทิ้งเอง เปลี่ยนสปริง ยังไม่แน่ใจว่าจะหาของได้หรือไม่ ดักน้ำนี้ เมื่อกรองตัน ต้องถอดเปลี่ยนใหม่ทั้งตัวราคา 480 บาทครับ(ตัวละพันกว่าบาทก็มี)
---------------------------------------------------------
-เพิ่มข้อความและเปลี่ยนรูป จึงแจ้งตำแหน่งไม่ได้ดูสีแทนครับ...
-ศรสีม่วงชี้ buzzer หรือออต 12V ตัวเล็กเท่าปลายนิ้วชี้ ซ่อนไว้ในเปลือกสวิทซ์รถยนต์ทีเสียแล้ว สีเขียวที่เห็นคือแผ่นล้างจาน กันแมลงและฝุ่น...ให้เสียงเบา ดังกว่าเครื่องยนต์นิดเดียว ใช้รีเลย์แบบ 2 ทาง/หน้า หมายถึงมีสวิทซ์เปิดพร้อมแตรตัวเดิมซึ่งดังปกติด้วย หรือเลือกใช้ ดังน้อย/ดังมากกว่า...ซ่อนในหัวสน็อคเกิ้ลเพราะเสียงเบามากจึงต้องการให้อยู่นอกหเองเครื่องครับ....
-กรอบสีส้มคือ ทำห่วงเหล็กไว้เพื่อ(โดน)ลาก คราวก่อนที่โดนลากต้องมัดกับโตงเตงหน้า เป็นการบ้านมาโดยตลอดเพราะไม่มีจุดยึด เจอเหล็กเก่าในบ้านจึงลองยึดกับถาดวิ๊นซ์หน้า ต่อไปก็จะทำเหล็กลากด้วยครับ...
-กรอบสีฟ้าคือฐานยึดดวงไฟ AC ถอดได้ และล็อคได้ ในรูปไม่ได้ใส่โคม(เก็บไว้ในรถ) ปิดลูกยางไว้ด้านบน .../ ศรสีฟ้าชี้ ...ราวท่ออลูมิเนียม 5 ชั้น 6/5/4/3/2 หุน....ตอนแรกคือพยายามหาจุดยึดหูลาก แต่ไม่มั่นใจว่าจะแข็งแรงพอ จึงกลายเป็นราวติดโลโก้ "FRONTIER" ซึ่งแกะจากฝาท้ายเก็บไว้ตั้งแต่แรก...ก็แปลกตาดีครับ.....
-กรอบสีม่วง...เติมไฟเบรค ถอดออกได้ ล็อคได้ที่ปุม่สีดำครับ
-----------------------------------------------------
-เหล็กลากเสร็จแล้วครับ....
-ชิ้นหัวล็อคกับหัวบอล ศรชี้ตรงตำแหน่งกระแทกตอนเบรคเป็นแท่นบอล/แท่นหัวลาก.. ท่อนลากเป็นเหล็กสองท่อนยาวประมาณ 1.8ม.สอดสวมกันไว้ ชักท่อนที่สวมได้ความยาวเพิ่มอีก 1 ม. รวมหัวได้ระยะ 3.1ม. ...หัวเก็บในห้องโดยสาร ท่อนเหล็กเก็บใต้ท้องรถแขวนยึดกับบันไดด้วยแคล้มป์ก่อสร้าง น้ำหนักรวมทุกชิ้น 9.5กก. ชุดเหล็กลากใช้วัสดุเท่าที่มีในบ้านจึงได้ผลพอใช้ได้ มีซื้อน็อตร้อย 3 ตัวซึ่งต้องการให้ยาวเท่ากัน รายการเดียวครับ
-ส่วนศรสีแดงที่ใกล้โตงเตง คือเหล็กเพิ่มความแข็งแรง โดยดัดเหล็กโยงกันให้แข็งแรงขึ้น เพื่อจะเป็นจุดลาก แต่สุดท้ายก็ไม่มั่นใจอยู่ดี จึงเปลี่ยนเป็นราวติดอักษร "FRONTIER" แทนครับ
----------------------------------------
-ได้ล้ออะไหล่ ตะขาบของ SIMEX 35-10.5-16 เป็นยางใหม่เติมลม 35 ปอนด์ หรือเป็นขนาดเต็มที่ของ size35 นี้ครับ
-รูปตอนล่าง ...ซ้ายศรสีฟ้าชี้ระยะห่างล้ออะไหล่กับคานชุดลาก ราวๆ 1นิ้ว คือการหมุนรอกขึ้นแบบปกติได้ตำแหน่งตรงนี้ ดันจัด L/R นิดหน่อย คือให้ห่างจากแหนบพอๆกันก็ขันรอกขึ้นสุดจนแน่น แต่ผลด้านหน้าหน้ายางติดท่อไอเสียครับ
-ล่างขวา....ศรชี้ช็อคอัพหลัง L ซึ่งถูกย้ายมา(ไม่ใช่เดิม) ...กรอบสี่เหลี่ยมคือขนที่หน้ายางยังอยู่ ซึ่งหมายถึงขนาดเต็มพิกัด...สิ่งที่ต้องการ report คือท่อไอเสียเฉียดทั้งช็อคอัพหลังซ้าย และเฉียดล้ออะไหล่ขนาด 35 นิ้วเต็มขนาด เมื่อดันล้อถอยหลังไปจนชนคานชุดลากแล้วขันรอกให้แน่นเพื่อล็อคตำแหน่ง...
-ปัญหานี้ หากไม่ย้ายช็อคอัพ ท่อไอเสียจะมีระยะหลบ หมายถึงเงื่อนไขการเก็บล้อต้องคอยดันล้อถอยหลังนี้ เกิดจากการย้ายช็อคอัพเข้ามา จึงไม่ควรทำ(ตาม)ครับ
แก้ไขเมื่อ : 30/10/2557 20:49:49
แก้ไขเมื่อ : 31/10/2557 18:48:19
แก้ไขเมื่อ : 12/11/2557 5:49:59
แก้ไขเมื่อ : 19/11/2557 9:56:20
แก้ไขเมื่อ : 28/12/2557 7:57:31
แก้ไขเมื่อ : 4/1/2558 13:29:12
แก้ไขเมื่อ : 10/1/2558 8:03:30
แก้ไขเมื่อ : 28/1/2558 20:50:45
แก้ไขเมื่อ : 7/2/2558 7:58:40
แก้ไขเมื่อ : 8/2/2558 20:40:03