คำตอบที่ 6
ดอยอ่างขาง เป็นเทือกเขาสูง 1,939 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูมิอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส และยังเป็นที่ตั้งสถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง ซึ่งมีการปลูก และวิจัยพืชผักผลไม้เมืองหนาว
สถานที่ท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง
สวนแปดสิบ
เป็นสวนจัดกลางแจ้งจะอยู่ด้านในสถานีฯ ตรงข้ามบริเวณสโมสร ซึ่งสวนนี้ตั้งชื่อตามอายุขององค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง
หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ในวาระที่ทรงมีอายุครบ 80 ชันษา โดยจะจัดตกแต่งสวนในสไตล์อังกฤษด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ เมืองหนาวนานาชนิด เช่น กะหล่ำประดับ เดซี ลินาเลีย ชบาอาบูติลอน ฯลฯ
สวนคำดอย
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ไม้ดอกตระกูลโรโดเดนดรอน (Rhododendron) หรือ ดอกคำดอย(กุหลาบพันปลี) ซึ่งดอกคำที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ฮอลแลนด์ และ อังกฤษ ซึ่งจะไม่มีปลูกที่อื่นนอกจากที่สวนแห่งนี่ที่เดียว และลักษณะเด่นของกุหลาบพันปลีที่นำเข้าจะเป็นกุหลาบพันปลีด่าง คือลักษณะต้นใบจะด่างในบ้างพันธุ์ดอกกุหลาบพันปลีจะมีสีเหลืองและสีชมพู ส่วนกุหลาบพันปลีพันธุ์พื้นเมืองนั้นจะมีดอกสีแดง หรือ สีขาว นอกจากนี้ยังมีการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวหลายชนิด เช่น อะซาเลีย คาเมเลีย ลาเวนเดอร์ ซึ่งสวนนี้จะอยู่ตรงข้ามกับสวนแปดสิบ
สวนหอม
สวนนี้จะอยู่ติดกับบริเวณสโมสรของสถานีฯ โดยภายในสวนจะรวบรวมพันธุ์ไม้ หอมทุกชนิดทั้งพันธุ์ไม้หอมของไทยและพันธุ์ไม้หอมจากต่างประเทศ เช่น หอมหมื่นลี้ เนสเตอเตียมคาร์เนชัน เจอราเนียม หญ้าหอม ลาเวนเดอร์ ลาเวนดริน และ แมกโนเลีย (ไม้ยืนต้นตระกูลจำปีป่า)
สวนสมเด็จ
เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนาง เจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จยังดอยอ่างขาง และหลังจากเสร็จพระราชภาระกิจการทรงงานแล้วจะทรงประทับพักผ่อนพระอิริยาบถในสวนแห่งนี้ โดยลักษณะของสวนจะเป็นสวนหินที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติและภายในสวนจะรวบรวมพันธุ์ไม้ประเภทฝิ่นประดับ ดอกป๊อปปี้ และไม้เมืองหนาวชนิดต่างๆ ได้แก่ กระดุมเงินกระดุมทอง ปักษาสวรรค์ เป็นต้น
กุหลาบอังกฤษ
เหตุที่เรียกกุหลาบก็เนื่องมาจากกุหลาบที่ปลูกในสวนแห่งนี้ เป็นกุหลาบที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งสายพันธุ์ที่นำเข้ามาปลูกนั้นมีมากกว่า 200 กว่าสายพันธุ์ และกุหลาบเหล่านี้จะผลิดอกสวยที่สุดจะเป็นช่วงเดือนเมษายนของทุกปี
เรือนดอกไม้
เป็นโรงเรือนที่รวบรวมพันธุไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวชนิดต่างๆ มากมาย อาทิเช่น บีโกเนีย รองเท้านารี
พืชกินแมลง มุมน้ำตกในสวนสวย ซึ่งดอกไม้ในสวนเหล่านี้จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันออกดอกตลอดทั้งปี นอกจากนี้ภายในบริเวณโรงเรือนจะมีจุดจำหน่ายผลผลิตของสถานีและผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมมีมุมนั่งพักจิบกาแฟอีกด้วย
โรงเรือนทดสอบพันธุ์กุหลาบตัดดอก
ภายในโรงเรือนกุหลาบท่านจะได้ชื่นชมกับกุหลาบตัดดอกสายพันธุ์จากประเทศเนเธอร์แลนด์กว่า 7 สายพันธุ์ ซึ่งจะมีสีสันสวยงามและมีกลิ่นหอมพร้อมรอผู้มาเยือน
สวนบอนไซ
บริเวณด้านในสวนบอนไซจะจัดแสดงบอนไซหลากหลาย รูปแบบ และยังมีบอนไซที่มีอายุยืนที่สุดในโลกให้ได้ชมอีกด้วย นอกจากนี้โดมรูปทรงหกเหลี่ยมจะจัดแสดงพืชภุเขาเขตร้อนและดอกกล้วยไม้จิ๋วที่สุดที่จะออกดอกในช่วงเดือน มกราคมของทุกปี และมีสวนหินธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับพันธุ์ไม้ป่าหลากชนิด และจุดชมวิวที่จะมองเห็นทัศนีย์ภาพของสถานีฯได้ทั่วบริเวณ
แปลงไม้ผลเมืองหนาว
เป็นแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาวชนิดต่างๆ ได้แก่ พีช บ๊วย พลับ สาลี่ พลัม กีวีฟรุ๊ต ราสพ์เบอรี่ บูลเบอรี่ สตรอเบอรี่ หยางเมย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังสถานีเกษตรหลวงอ่างขางสามารถมองเห็นแปลงไม้ผลเมืองหนาวเหล่านี้ได้ตลอดเส้นทางที่ขับรถรอบ
บริเวณสถานีฯ แต่เนื่องจากแปลงไม้ผลเมืองหนาวเหล่านี้เป็นแปลงงานทดลองนักท่องเที่ยวจึงได้รับอนุญาตให้ชื่นชมความสวยงามและ แปลกตาของไม้ผลเหล่า นี้แค่บริเวณภายนอกแปลงเท่านั้น
พระตำหนัก
เป็นเรือนที่ประทับแรมและศาลาทรงงานเมื่อพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จยังสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โดยทั่วบริเวณจะตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ป่าและไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมบริเวณด้านนอกของ พระตำหนักได้
จุดชิมชา
จะตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสวนบอนไซ โดยขับรถผ่านหน้าสวนบอนไซ แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปตามถนนจะพบจุดชิมชา ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตชาเขียวของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมขั้นตอนการผลิตชา พร้อมการสาธิตวิธีการชงชาและยังจะได้ชิมชาอีกด้วย
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เส้นทางเหล่านี้จะอยู่ในแปลงสาธิตการปลูกป่าทดแทน จะเป็นเส้นทางเดินป่าระยะสั้นโดย เป็นเส้นทางที่ทางสถานีกำหนดขึ้นรอบๆสถานีฯ ซึ่งมีเส้นทางทั้งหมด 9 เส้นทางด้วยกัน และพันธุ์ไม้ที่ปลูกในแปลงสาธิตเหล่านี้จะเป็นพันธุ์ไม้ที่นำเข้ามาปลูกจากประเทศไต้หวัน
อาทิเช่น สน การบูร เมเปิล ฯลฯ
โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผัก
เป็นโรงเรือนที่รวบรวมพันธุ์ผักเมืองหนาวชนิดต่างๆ ที่ปลูกในพื้นที่โครงการหลวง ซึ่งมีพื้นที่ที่ใช้ปลูกผักในโรงเรือน 1,165 ตารางเมตร โดยจัดแสดงไว้ให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม โดยชนิดผักที่ปลูกในโรงเรือนได้แก่ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำดาว กะหล่ำปลี, ผักตระกูลแตง เช่น ซุกินีเหลือง ฟักประดับ, ผักตระกูลมะเขือ เช่น มะเขือเทศเชอรี่ มะเขือม่วงก้านดำ , ผักตระกูลแครอท เช่น พาร์สเลย์ เซเลอรี่ และ ผักตระกูลถั่ว เช่น ถั่วหวาน ถั่วปากอ้า
หมู่บ้านขอบดัง
ตั้งอยู่บริเวณสันขอบอ่างระหว่างพื้นที่ดอยอ่างขางและอำเภอฝาง โดยอยู่ห่างจากสถานีฯออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านของชาวมูเซอดำที่มีวัฒนธรรมความเป็นอยู่เรียบง่าย ซึ่งภายในหมู่บ้านจะมีศูนย์หัตถกรรมที่จำหน่ายสินค้าที่ระลึก เช่น กำไลหญ้าอิบูแค
ตะกร้าสาน ฯลฯ
หมู่บ้านนอแล
เป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผาปะหล่องที่อพยพมาจากประเทศพม่า ซึ่งหมู่บ้านจะตั้งอยู่ห่างจากตัวสถานีฯประมาณ 5 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวปะ
หล่องได้ นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกจำหน่าย อาทิเช่น กระเป๋า,ผ้าพันคอ,ผ้าถุง ซึ่งถือเป็นฝีมือของชาวเขาเองแถบทั้งสิ้น
หมู่บ้านคุ้ม
บ้านคุ้มจะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าสถานีฯ ซึ่งประกอบไปด้วยคนหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยใหญ่,ชาวพม่า และชาวจีนฮ่อ โดยส่วนมากชาวบ้านจะประกอบอาชีพด้านการค้า เช่น การขายของที่ระลึก,ผลไม้ดอง แช่อิ่ม , เปิดบริการด้านอาหารและที่พักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
หมู่บ้านหลวง
เป็นหมู่บ้านของชาวจีนยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีน ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอาชีพหลักของชาวบ้านจะเป็นอาชีพด้าน การเกษตร ซึ่งจะปลูกผลไม้ อาทิเช่น พีช,พลัม,สาลี่ นอกจากนี้ภายในหมู่บ้านยังมีร้านอาหารจีนยูนาน จำหน่ายข้าวซอย และ ซาลาเปารสชาดดี สไตล์จีนยูนานให้นักท่องเที่ยวได้ลองชิมอีกด้วย
จุดชมพระอาทิตย์
เป็นจุดที่อยู่ระหว่างเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปบ้านขอบด้งและนอแล จุดนี้จะเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้สวยงามที่เดียว โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกตอนเช้า ทำให้เป็นจุดท่องเที่ยวที่คึกคักอีกจุดหนึ่ง
จุดชมวิวชายแดนไทยพม่า
จุดนี้จะตั้งอยู่ ณ ฐานทหารไทยบริเวณเดียวกับหมู่บ้านนอแล ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างชายแดนไทยและชายแดนของประเทศพม่า ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของฝั่งประเทศพม่าได้ นอกจากนี้ ยังจะได้ชมแบบบ้านตัวอย่างของทหารว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร
เขาหัวโล้น เขาหัวนก
เป็นชื่อของภูเขาสองลูกของไทยและพม่า โดยที่เขาหัวโล้นจะอยู่ในฝั่งไทยส่วนเขาหัวนกจะอยู่ฝั่งพม่า และเราจะสังเกตที่ตั้งของภูเขาทั้งสองลูกนี้ได้ เพราะจะอยู่ด้านซ้ายมือระหว่างเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปหมู่บ้านนอแล
จุดสุงสุดของดอยอ่างขาง
จุดนี้จะเป็นจุดที่สูงที่สุดของดอยอ่างขาง ตั้งอยู่ด้านนอกสถานีฯ โดยจะเริ่มเส้นทางบริเวณจุดชมนกและเส้นทางเดินกุหลาบพันปี ซึ่งจะใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งยอดจะมีความสูง 1,928 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวบนยอดในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี ท่านจะได้เห็นกุหลาบพันปีที่จะออกดอกตลอดเส้นทางที่เดินขึ้นไปยอดดอยทีเดียว
กิจกรรมน่าสนใจบนดอยอ่างขาง
การเดินป่า
มีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ 2 แห่งด้วยกันแห่งแรกคือเส้นทางเดินชมกุหลาบพันปี (Rhododendron) จะอยู่ด้านนอก ห่างจากปากทางเข้าสถานีฯประมาณ 4.5 กิโลเมตร โดยจุดที่สูงที่สุดคือ เนินพันเก้า ซึ่งมีความสูงถึง 1,928 เมตรจากระดับน้ำทะเล นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเพื่อขึ้นไปถึงจุดยอดเป็นระยะทาง 500-800 เมตร ซึ่งจะชมความงามของกุหลาบพันปีได้ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ส่วนในช่วงเดือนอื่นก็ยังจะมีพันธุ์ไม้แปลกตาให้ได้ชื่นชมอีกเช่นกัน แห่งที่สองสำหรับเส้นทางเดินป่าคือ เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ (Nature Study Trail) เป็นเส้นทางที่กำหนดขึ้นบริเวณรอบสถานีฯ ซึ่งมีทั้งหมด 9 เส้นทางด้วยกัน และต้นไม้ที่ปลูกในเส้นทาง เดินนี้เป็นต้นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวันแทบทั้งสิ้น โดยมีเส้นทางแนะนำดังนี้ ซอยดงกระถินดอย จะเริ่มต้นเส้นทางบริเวณหลังพระตำหนัก ระยะทางโดยรวม ของเส้นทางนี้ประมาณ 200 ม. ไม้หลักที่ปลูกจะเป็น เมเปิลไต้หวัน,กระถินดอย และจันทร์ทอง ซอยสวน ป่าผสม เป็นเส้นทางที่ต่อเนื่องมาจากซอยดงกระถินดอย ไม้หลักที่ปลูกจึงเป็นประเภทเดียวกัน ระยะทางซอยนี้ประมาณ 1,650 ม. ซอยสาม พ.ศ. จะเชื่อมต่อทางมาจากซอยสวนป่าผสม ไม้หลักที่ปลูกนอกจากจะเป็นชนิดเดียวกับซอยดงกระถินดอยและซอยสวนป่าผสมแล้ว ไม้อีกชนิดที่ปลูก
ซอยสนซูงิ เส้นทางนี้จะมีสนซูงิปลูกเป็นไม้หลัก และมีระยะทางโดยรวม ประมาณ 550 ม. ซอยนางพญาเสือโคร่ง(ซากุระดอย) จุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้จะอยู่บริเวณด้านหลังสำนักงานของสถานีฯ จะมีระยะทางโดยรวม 530 ม. และจะมีต้นนางพญาเสือโคร่งปลูกอยู่ตลอดเส้นทาง ซอยสวนไผ่ เส้นทางเริ่มบริเวณอ่างเก็บน้ำด้านหลังพระตำหนัก ซึ่งมีไผ่หลายชนิดที่ปลูกตลอดเส้นทาง อาทิ ไผ่บงใหญ่,ไผ่ลวก และไผ่หมาจู๋ ระยะทางทั้งหมดมี 670 ม. ซอยหุบผาขาว ต้นไผ่จะเป็นไม้หลักที่ปลูกในเส้นทางนี้ ชื่อของซอยนี้เรียกตามลักษณะเส้นทางเพราะต้องเดินผ่านถ้ำหุบผาขาว ระยะทางโดยรวม
การขี่จักรยาน
เส้นทางสำหรับขี่จักรยานเพื่อชมธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวนิยมก็น่าจะเป็นเส้นทางจากรีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง เข้ามาเยี่ยมด้านในสถานีฯ เพราะตลอดเส้นทางก็จะได้ชมธรรมชาติและแปลงเกษตรทดลอง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานจากรีสอร์ทได้ แต่หากอยากนำจักรยานคู่ใจขึ้นมาปั่นบนนี้แล้วจะรู้สึกมั่นใจในการขี่มากกว่าก็ไม่ว่ากัน
การชมนก
ดอยอ่างขางเป็นสถานที่ที่มีนกมากมายกว่า 1,000 สายพันธุ์ อาทิเช่น Sunbird,นกพญาไฟ และบางส่วนก็เป็นนกที่ใกล้สูญพันธุ์และ หาดูได้ยาก สถานที่ที่เหมาะสำหรับการดูนกบริเวณดอยอ่างขางคือ บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำแม่เผอะ (อยู่ด้านขวามือหากขับรถลงมาจากจุดกางเต็นท์ ของสถานีฯ),บริเวณรอบๆรีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง ส่วนด้านในสถานีฯก็จะเป็นจุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติด้านหลังสำนักงานของสถานีฯ
การขี่ฬ่อล่องไพร
การขี่ฬ่อก็เป็นวิธีการชมความงามในธรรมชาติภายในสถานีฯได้ดีอีกวิธีหนึ่ง ฬ่อ(สัตว์ลูกผสมระหว่างม้าและลา) ซึ่งแต่เดิมฬ่อเป็นสัตว์พาหนะที่สำคัญในการเดินทางของชาวเขาในแถบนี้ หากนักท่องเที่ยวสนใจ อยากจะลองขี่ฬ่อก็สามารถติดต่อร้านค้าชุมชนบริเวณด้านหน้าสถานีฯได้ อัตราค่าบริการชั่วโมงละ 300 บาท/ฬ่อ 1 ตัว
การเดินทาง
จากเชียงใหม่ ใช้เส้นทางสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง เป็นเส้นทางผ่านแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ทางแยกเข้าดอยอ่างขางมี 2 เส้นทาง คือ แยกซ้ายที่ กม.79 เป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่ชันมากแต่ทางจะเปลี่ยวหน่อย ระยะทางจากแยกทางหลวงสาย 107 ไปจนถึงอ่างขางมีระยะทางประมาณ 50 กม. อีกเส้นทางคือแยกที่ กม.137 มีระยะทางถึงอ่างขางประมาณ 25 กม. เป็นเส้นทางที่สั้นแต่ชันมาก รถเก๋งและรถทุกชนิดขึ้นได้ถ้าคนขับมีฝีมือ ถ้าไม่แน่ใจให้จอดรถไว้ที่วัดที่ปากทาง กม.137 หรือจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถเอกชนมีรั้วมิดชิด สถานที่รับจอดรถอยู่ตรงข้ามกับปากทางเข้าดอยอ่างขาง ค่ารถจอดคันละ 50 บาท แล้วนั่งรถสองแถวขึ้นไป หรือเหมารถขึ้นไป เส้นทางขึ้นดอย ถนนถูกตัดขึ้นเขาอย่างคดเคี้ยวและสูงชัน ก่อนถึงยอดดอยในฤดูหนาวสะพรั่งไปด้วย ดอกซากุระดอกสีชมพูทั้งต้นเป็นแถวยาว เป็นความประทับใจแรกที่เข้าสู่ดอยอ่างขาง สถานีเกษตรโครงการหลวง
ที่พัก
ที่พักบนดอยอ่างขางมีให้เลือกมากมาย ดังนี้
ที่พักของสถานีเกษตรอ่างขาง
บ้านดาว คนละ 150 บาท/คืน พักได้ 7 คน
บ้านไต้หวัน คนละ 150 บาท/คืน พักได้ 20 คน
บ้าน AK 1-4 หลังละ 600 บาท/คืน พักได้ 3 คน
บ้าน AK 5-6 หลังละ 600 บาท/คืน พักได้ 2 คน
บ้าน AK 7-14 หลังละ 800 บาท/คืน พักได้ 2 คน
บ้าน AK หลังใหญ คนละ 150 บาท/คืน พักได้ 30 คน
ติดต่อสำรองที่พักได้ที่ 053-450107
ที่พักอื่นๆ
1. รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง 0-5345-0110-9
2. อ่างขางวิลล่า 0-5345-0010
3. บ้านพักเลาติง 0-5345-0005
4. บ้านเอื้อมดาว 0-5345-0043
5. บ้านพักสุวรรณภูมิ 0-5345-0045
6. บ้านพักนาหา 0-5345-0008
7. บ้านหลวงรีสอร์ท 0-5345-0010
8. หน่วยจัดการต้นน้ำแม่เผอะ 0-5345-0017
จุดกางเต็นท์
จุดกางเต็นท์ดอยอ่างขางมีกระจายอยู่หลายจุด จุดหลักคือบริเวณริมถนนก่อนลงสู่อ่างขาง พื้นที่กางเต็นท์อยู่ริมถนนทั้งสองฝั่ง ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย มีห้องสุขาบริการ มีเตาให้เช่า มีฟืนขาย อีกจุดคือจุดกางเต็นท์บริเวณสนามหน้าโรงเรียนนตรงข้ามทางเข้าสถานนีเกษตรอ่างขาง ลักษณะเป็นที่ราบข้างเสาธง มีห้องสุขาของโรงเรียนไว้บริการ ผู้ที่ไปใช้บริการพื้นที่นี้ควรช่วยค่าบำรุงสถานที่ด้วย จุดนี้มีผ้าห่มให้เช่า อีกจุดคือ ที่จุดชมวิวกิ่วลม ที่จุดชมวิวมีพื้นที่กว้างอยู่บนเนินริมถนน อยู่ห่างไกลชุมชนและยังมีวิวที่สวยงาม
ติดต่อสอบถาม
1672 สายด่วนท่องเที่ยว