คำตอบที่ 10
นักท่องเที่ยวทุกท่าน ควรติดต่อที่ เจ้าหน้าที่ของอุทยาน เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียม การเข้า อุทยาน คนละ 20 บาท ซึ่งท่านจะสามารถ ขอข้อมูล ในการท่องเที่ยว บนภูกระดึง ได้จากเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องอาหาร ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรนำขึ้นไป เพราะด้านบนภู มีบริการให้อยู่แล้ว ราคาอาหารอาจจะแพงบ้าง แต่ก็เป็นราคาที่ รวมค่าลูกหาบ ที่นำอาหารขึ้นไป เท่านั้นเอง และสำหรับท่านที่คิดว่า ร่างกายไม่พร้อม ในเรื่องแบกสัมภาระ ก็สามารถติดต่อลูกหาบ ได้โดยเสียค่าลูกหาบ กก.ละ 10 บาท หลังจากนั้น ก็เป็นการเดินทางขึ้นเขา ตามทางเดินจะมีที่พัก เป็นราวนั่ง หรือศาลา อยู่เป็นระยะ ซึ่งมีชื่อเรียกต่างกันไป บางชื่อขึ้นต้นด้วย ซำ หมายถึง บริเวณที่เป็นตาน้ำ มีนำซึมขึ้นมาจากดิน หรือมีชื่อขึ้นต้นด้วย บาง หมายถึง ที่พักระหว่างทาง เช่น ซำแฮก คือซำแรก ปางกกค่า คือต้นมะค่า ซำกกกอก คือซำต้นมะกอก เป็นต้น
ระหว่างทาง อาจจะมีชาวบ้าน มาขายขนม น้ำอัดลมไปวางขาย ตามจุดพักที่เรียก ซำ หรือ บางต่างๆ บางแห่งก็มีข้าวเหนียว ส้มตำ หรือที่ซำกกโดน ซึ่งมักจะเป็นบริเวณที่ หยุดพักกินอาหารกลางวัน ก็มีก๋วยเตี๋ยว ขายด้วย แต่ในฤดูฝน ที่มีนักท่องเที่ยวน้อย อย่าหมายน้ำบ่อหน้า ว่าจะมีอาหารขายระหว่างทาง จงเตรียมไปให้พร้อมเป็นดีที่สุด
เวลา ที่ใช้ในการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น ตามปกติ ของผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงดี ก็จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. จากเชิงเขาขึ้นไปถึงบ้านพัก ถ้าหากได้ขึ้นแต่เช้า จะมีเวลาในช่วงบ่ายเดินเที่ยวภูได้บ้าง แต่ถ้าขึ้นในเวลา ตอนบ่าย ก็อย่าให้บ่ายมากนัก เพราะถ้าไปมืดค่ำ ระหว่างทางก็จะลำบาก รวมระยะทางปีนเขา 5.4 กม. และเดินบนที่ราบ 3 กม.
ความชันของเส้นทาง จะเริ่มชันมากขึ้น ในช่วงก่อนขึ้นซำแรก คือ ในช่วงแรก หลังจากนั้นเป็นทางราบบ้าง เป็นเนินบ้าง ในช่วงก่อนถึงพร่านพรานแป ถ้าจะเดินไปตามทางที่ตัดซิกแซก ทำให้ไม่เหนื่อยเร็ว แต่บางคน ชอบทางลัด กลับเดินขึ้นไปตามทางชัน และไปจนช่วงสุดท้าย จากซำแคร่ถึงหลังแป ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่ชันที่สุด ในขณะที่ทุกคนเหน็ดเหนื่อย จนจะหมดแรงเดินอยู่แล้ว พลันก็โผล่พ้นหลังแป ได้แลเห็นทิวทัศน์ท้องทุ่งที่ราบกว้าง และหมู่ดงสนที่ขึ้นแซมอยู่งดงาม ความเหนื่อยยากที่อุตส่าห์ บากบั่นขึ้นมา ก็แทบหายไปจากหลังแป ยังต้องเดินต่อไปตามทางราบอีกประมาณ 3 กม. จนถึงบริเวณบ้านพัก