คำตอบที่ 1
       ผมติดตามอ่านบทความของ อ.วอน ประจำครับ แต่ไม่เคยเจอตัวเป็นๆเลยบางครั้งอยากจะโทรไปปรึกษาเรื่องรถ แต่ก็เกรงใจ
ครั้งนี้ขอถือโอกาศนี้ ขออนุญาติโทรไปแนะนำตัวและทำความรู้จักได้ไหมครับ

คำตอบที่ 2
      


ดีใจเก้อ คิดว่าเรียกรวมพลนัดหมาย 4 กพ.เสียอีกครับ

คำตอบที่ 3
       01-6842683 เรียกเป็นขาประจำเลยหรือครับ ฟังแล้วเสียว ตั้งใจทำตกเพื่อตัดใจซื้อใหม่หรือเปล่าครับ

คำตอบที่ 4
       ผมขออนุญาติโทรฝากเบอร์กับอาจารย์อ.VON ไว้ก่อนนะครับ ถ้าไม่ไหวจริงๆจะขอรบกวนนะครับ

คำตอบที่ 5
       ขอขอบพระคุณพี่ von มากครับ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ หรือฉุกเฉินเร่งด่วนแบบครั้งก่อน จะขอรบกวนพี่ที่ใจดี นะขอรับ

คำตอบที่ 6
       ผมติดตามบอร์ดอยู่เป็นประจำและก็ติดตาม อ.วอน มาเป็นประจำเช่นกันแต่ไม่กล้าที่จะโทรไปรบกวน

ผมขออนุญาต ฝากเบอร์ไว้ที่บอร์ดนะครับ
0-13350782

คำตอบที่ 7
       อ.วอนไปทำอะไรที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับโทรศัพท์ถึงตกน้ำอย่าบอกนะครับว่ากำลัง พิสูจน์ อยู่

คำตอบที่ 8
      

ขออนุญาตพี่วอน พอดีไปเจอข้อมูลบางอย่างครับ





เปลวสีเงิน คนปลายซอย 23 มกราคม 2549


นายหน้า"ค้าความรวย" ก็อย่างที่บอกแล้ว สมบัติใคร-ใครจะขาย ก็ไม่หนักหัวกบาลใคร แต่สมบัติในรูปมหาชนที่พัฒนาไปจนมีความสำคัญถึงระดับ "สัญลักษณ์ชาติ" จะซื้อ-จะขายก็ย่อมมีจุดสะดุดใจเป็นพิเศษ เหมือนอย่าง "ชินคอร์ป" ที่จะขายยกยวงให้กับเทมาเซกของสิงคโปร์
น้ำขวด "โค้ก" นี่ก็เช่นกัน ถ้าวันไหนบริษัทใหญ่ในสหรัฐอเมริกาประกาศว่า "ยกบริษัทขาย" ให้จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือรัสเซีย มาเป็นเจ้าของโค้ก
ผมว่าอเมริกันชน..จลาจลทั่วประเทศแน่!
สมมุติว่า "ชินคอร์ป" ขายยกคอกให้สิงคโปร์จริงๆ ต่อไปนี้สิงคโปร์เป็นเจ้าของเอไอเอส เป็นเจ้าของดาวเทียมไทยคม ไอพีสตาร์ เป็นเจ้าของไอทีวี และอะไรอีกต่างๆ นานาในเครือชินคอร์ป
แลัวตราตั้ง "พระครุฑพ่าห์" อันเป็นตราประจำแผ่นดินที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ดังที่ติดไว้หน้าบริษัทชินนั่นล่ะ?
จะมิต้องกลายเป็น "ตราครุฑ" ที่ครอบครัวชินวัตรยกขายติดไปกับบริษัทที่ต่างชาติซื้อไปด้วยหรือ?
ตราตั้ง หรือพระครุฑพ่าห์ นี้ ถือว่าเปี่ยมด้วยคุณค่า ผู้ที่จะได้รับพระราชทานต้องอยู่ในฐานะนิติบุคคล มีฐานะการเงินมั่นคง ประกอบการโดยสุจริต พร้อมตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม
บริษัทที่ได้รับพระราชทานพระครุฑพ่าห์ ถือว่า "เป็นบริษัทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
อย่างชินคอร์ปนี้ ก็ถือว่าเป็นบริษัทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สะท้อนถึงการดำเนินงานของบริษัทที่ซื่อสัตย์สุจริต และมีการกระทำตอบแทนสังคมในรูปแบบของผลประโยชน์อย่างมาก
ผมผ่านไปทางถนนวิภาวดีรังสิต พอถึง "ตึกชิน" ทีไร ผมก็เห็นพระครุฑพ่าห์เด่นสง่าแต่ไกลทีนั้น
ก็ยังชื่นชม และชื่นใจด้วยทุกครั้งไป!
แต่แล้วเกียรติประวัติอันสูงสุดผ่านพระครุฑพ่าห์นี้ ต่อจากนี้ "พระครุฑพ่าห์" หน้าตึกชินฯ มิกลายเป็นสัญลักษณ์ "เกียรติประวัติสูงสุด" ของเทมาเซก คือสิงคโปร์ไปหรือ?
หรืออย่างดาวเทียมไทยคมนั่น ถ้าความจำผมไม่ผิด "ไทยคม" เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตอนยิงดาวเทียมดวงแรกผมก็ยังจำได้ว่า "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" เสด็จฯ เป็นองค์สักขีพยานแห่งความสำเร็จถึงเฟรนช์เกียนา
มงคลอันสูงสุดเช่นนี้ นับต่อจากนี้อีกไม่นานนัก ก็จะกลายเป็นสมบัติเกียรติยศทางประวัติศาสตร์ของเทมาเซก-สิงคโปร์ไปเสียแล้ว!
ที่เคยนำมาเป็นจุดเด่น-จุดภูมิใจด้วยคำว่า "ดาวเทียมไทยคม" คือความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ผ่านหนังโฆษณา นั้น
ต่อไปนี้ หนังโฆษณาก็ต้องเปลี่ยนเป็นว่า ดาวเทียมไทยคม คือความภูมิใจของชาวสิงคโปร์ทั้งชาติที่
"ซื้อไทย" มาครองได้เรียบร้อยแล้ว!?
เทมาเซก คือใคร? ผมว่าวันนี้คนไทยถึงไม่สนใจ แต่พรุ่งนี้..มะรืนนี้ คนไทยอาจจำเป็นต้อง "สนใจ" ใคร่รู้เป็นพิเศษก็ได้
ฉะนั้น ศึกษากำพืด "เทมาเซก โฮลดิ้ง" ให้รู้กันไว้คร่าวๆ ก่อนดีกว่าว่า เทมาเซก นี้ เป็นชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงคือ
"ประเทศสิงคโปร์" นั่นเอง!
เราต้องรู้กันก่อนว่า "จุดแข็ง" ของสิงคโปร์คือ "จุดอ่อน" ของเขา คือเขาไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไร นอกจากที่ตั้งภูมิศาสตร์ทางทะเล ฉะนั้น ธรรมชาติจึงชดเชยความถนัดด้านการซื้อมา-ขายไปคือ "อาชีพนายหน้าค้าความรวย" ให้กับสิงคโปร์
งานบริการ สิงคโปร์เก่ง ธุรกรรมการเงิน-การธนาคาร ก็เป็นหนึ่งในงานบริการที่สิงคโปร์ถนัด
ฉะนั้น สิงคโปร์จึงเป็น "ศูนย์กลางการลงทุน" เม็ดเงินจากทั่วโลกทั้ง "เงินขาว-เงินดำ" ต่างไหลมาที่สิงคโปร์ เพื่อกระจายไปสู่ระบบการลงทุนแสวงหากำไรในประเทศต่างๆ
เทมาเซก โฮลดิ้ง คือบริษัทที่กระทรวงการคลังสิงคโปร์ตั้งขึ้น เพื่อใช้เป็นตัวแทนไปลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ในหลายๆ ประเทศ เรียกว่า เป็นการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจในบท "กลุ่มทุนข้ามชาติ"
เทมาเซกนี้ตั้งมาร่วม 40 ปีแล้ว บริหาร-จัดการการลงทุนทั้งหมดแทนรัฐบาล จัดกลุ่มธุรกิจด้วยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ คอยยุยงส่งเสริมให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจในเป้าหมายไปเป็นของเอกชน
การลงทุนของเทมาเซก จะเน้นไปทางร่วมลงทุนระดับรัฐบาล อย่างสนามบินสุวรรณภูมิของเรา "เทมาเซก" ก็ร่วมลงทุนด้วย
ธุรกิจที่เทมาเซกชอบมากในการลงทุนระยะยาวก็จำพวก ธนาคาร สถาบันการเงินโทรคมนาคม และสื่อสารมวลชน ขนส่ง โลจิสติกส์ (การที่ ร.ส.พ.ของเรายุบไปให้จับตาดูฉากต่อไปให้ดี) อสังหาริมทรัพย์ อย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์ อาจเรียกได้ว่า แลนด์ออฟสิงคโปร์
บริษัท ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ ของเสี่ยเจริญ-เบียร์ช้าง ที่ตั้งขึ้นมาพัฒนาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและธุรกิจในย่านไข่แดงกรุงเทพฯ นี่ก็ "เสร็จ" เทมาเซก เช่นกัน
ธุรกิจการบิน โครงสร้างพื้นฐานและวิศวกรรม และที่สำคัญธุรกิจด้านพลังงาน และปิโตรเลียม เทมาเซก..ชอบมาก!
สังเกตให้ดีก็จะเห็นว่า นี่คือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ไม่ใช่การยึดครองประเทศด้วยการยึดครองดินแดนให้เห็นอย่างยุคก่อน การล่าอาณานิคมในจักรวรรดินิยมยุคใหม่นี้ เขายึดข้างในก่อนข้างนอก
คือยึดครองทางระบบ "เศรษฐกิจ-ธุรกิจ" อันเป็นข้างในก่อน เป้าหมายก็อย่างที่ว่า มุ่งบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ สถาบันการเงิน และรัฐบาล เรียกว่า "กุมหัวใจ" แล้วร่างกายอันเป็น "ภายนอก" จะไปทางไหนเสีย! ผมอยากให้ข้อมูลไว้เพื่อการติดตามดูอนาคตประเทศเรา "สถาบันการเงิน" วันนี้ ท่านไปพลิกรายชื่อ "ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 รายแรก" ของแต่ละธนาคารดู
-ยูโอบี รัตนสิน ไม่ต้องพูดถึง สิงคโปร์เต็มตัว
-ทหารไทย ได้ยินชื่อแสลงใจ เพราะไส้เป็นทหารสิงคโปร์
-นครหลวงไทย เป็นนครหลวงสิงคโปร์มานานแล้ว
-ดีบีเอส ไทยทนุ เหลือแต่ชื่อไทย เจ้าของคือสิงคโปร์
-ไทยธนาคาร ชื่อเงี้ยไทยจ๋า แต่สิงคโปร์หราทั้งตัว
-เอเชีย เดิมเนเธอร์แลนด์ นี่ก็เสร็จสิงคโปร์ไปอีก
-กรุงเทพ ใหญ่อันดับ 1 แต่สิงคโปร์หุ้นใหญ่อันดับ 1
-กรุงศรีอยุธยา กรุงเก่าของเราแต่ก่อน ก็ไม่รอดสิงคโปร์
-กสิกรไทย ก็กลายเป็น "กสิกรสิงคโปร์" เหมือนแบงก์กรุงเทพ
-กรุงไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นแบงก์รัฐบาล แต่ผสมรัฐบาลสิงคโปร์
สรุปแล้ว "ธนาคารพาณิชย์ไทย" ร้อยละ 99.99 ไม่มีแบงก์ไหนที่ในรายชื่อ "ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 รายแรก" จะไม่มีชื่อ
HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD
แบงก์พาณิชย์ เรารู้กันเหมือนท่องอาขยานว่า เป็นผู้ทำหน้าที่สรรค์สร้าง-บริหารสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
แล้ววันนี้ เครื่องมือสำคัญในการสร้างสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจ "ทั้งหมด" ตกอยู่ภายใต้การควบคุมกลไกบริหาร ภายใต้การควบคุมเงื่อนไขนโยบายโดยต่างชาติ
"ทุกแบงก์" ในประเทศไทย ล้วนสิงคโปร์ควบคุม และล้วนสิงคโปร์ครอบครอง
ผมไม่มีความเห็น แต่บอกไว้เป็นข้อมูลสำหรับท่านทั้งหลาย
สถาบันการเงิน-ธนาคาร สิงคโปร์ก็ครองไปแล้ว บริษัทโทรคมนาคมและการสื่อสาร สิงคโปร์ก็ครองไปแล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ก็กำลังเป็นฮับให้เงินสิงคโปร์ไหลยึดครองแผ่นดิน
ผู้นำประเทศสิงคโปร์ก็สนิทชิดเชื้อกับผู้นำประเทศไทย ไปเหย้า-มาเยือนกันไม่ขาด ในฐานะมิตรสหายร่วมสาย "จอร์จ ดับเบิลยู. บุช"
สิงคโปร์คือ "นายหน้า" โดยเฉพาะเป็น "นายหน้าให้สหรัฐอเมริกา" ในภูมิภาคนี้ผมลืมบอกไปว่า นอกจากสถาบันการเงิน โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์แล้ว อีกสถาบันหนึ่งที่สิงคโปร์คืบคลานเข้ามา (นานแล้ว) นั่นก็คือ "พื้นที่กองทัพไทย" แล้วค่อยคุยกันในวันหลังนะครับ.

คำตอบที่ 9
       นาย ก กำลังมีอำนาจ เลยลืมนึกถึงความไทยเป็นไป หมดคุณสมบัติ ไม่มีการรักชาติ เฮ้อ อยากทำอะไร ก็ทำไป เราชาวบ้านธรรมดา เตรียมตัว....ลูกเดียว ปีหน้าประเทศไทยจะหมดคนจน ทนอีกปีนะ หรือคนจนอาจจะตายหมด..

คำตอบที่ 10
       อ่านแล้วเศร้าจริง ๆ เลยครับพี่กรูปรี

แล้วในฐานะคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ตอนนี้ควรจะทำอะไรต่อไปดี
หรือว่ารอดูความชิบหายของประเทศไปเรื่อย ๆ แล้วทำใจดีครับ

แต่ต้องมาหวงแหนบริษัทของคนที่เราไม่ชอบ
นี่มันรู้สึกอึดอัดยังไงชอบกลนะครับ

คำตอบที่ 11
      

คำตอบที่ 12
      

คำตอบที่ 13
      

คำตอบที่ 14
      



ตอนนี้มีการ Launch อะไรเเปลกมาในช่วงเวลาที่ตรงกับ วันที่ 4 กพ. นัยว่าเผื่อสามารถเบี่ยงเบนความเช้มช้นวันดังกล่าวลง




ลองสังเกตุดูนะครับ ว่าจริงหรือไม่ ที่วันที่ 4 กพ. จะมีกิจกรรมต่างๆ ออกมาเพียงไร เท่าที่ทราบมี..



ขบวนเเห่หลวงพ่อโสธร จำลอง จากเดิมที่ต้องมาหลังวันที่ 4 กพ. เเต่ตอนนี้ไม่เเล้ว




รายการ ทาง ITV เปิดตัวรายการ บิ๊ก บราเธอร์
เป็นวันเเรก จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มเปิดตัวเกือบปลายเดือน กพ.


ฯลฯ



" เค้าเก่งจัง ครบเครื่องเลย ทั้งบุ๋น บู๊ ใหญ่กว่าครบวงจรเลย "




" เฮ้อ !?! ครับ "

คำตอบที่ 15
      

เปลวสีเงิน
คำตอบของคนมียางอาย
24 มกราคม 2549 กองบรรณาธิการ
ผมยังยืนเหมือนเดิมว่า ไม่อิจฉา และไม่มีปฏิกิริยาเชิงลบ ต่อการที่อภิชาตบุตร "นายพานทองแท้-น.ส.พิณทองทา ชินวัตร "ตัดสินใจขาย" ชินคอร์ป"
ให้สิงคโปร์ด้วยเหตุผลว่า "ต้องการให้พ่อทำงานการเมืองอย่างเต็มที่"
แต่ผมข้องใจบทบาทคนเป็นพ่อ คือ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ผู้ดำรงฐานะผู้นำประเทศไทยปัจจุบัน?
ข้องใจบทบาทตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ?
ข้องใจบทบาทสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา?
ข้องใจบทบาทคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะคณะบริหารแผ่นดิน?
ข้องใจบทบาท "กรมสรรพากร" และกระทรวงการคลัง?
ข้องใจบทบาทของคนในสถาบันชาติอันประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และ ฯลฯ?
และ
ข้องใจว่า ประเทศไทยวันนี้ ยังมีคนไทย ที่พร้อมด้วยสติ-สัมปชัญญะ รู้สึกร้อน-หนาวกับความคงอยู่ หรือความล่มสลายแห่งความเป็นไทยทางจิตวิญญาณอยู่หรือไม่?
เพราะ..การที่ครอบครัวนายกฯ "ขายทิ้ง" ชินคอร์ป ที่มีทั้งหมดกว่า 49% ให้เทมาเซก คือ "ประเทศสิงคโปร์" ที่ตั้งบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสแพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ขึ้นมารับหน้าเสื่อ ชนิดสดๆ ร้อนๆ ครั้งนี้ นั้น
มันถึงจุดที่คนไทยจะคิด "เหลวไหล-ไร้สาระ" ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!
ทางหายนะชาติที่อยู่ตรงหน้า จะยังบ้าใบ้เห็นเป็นเรื่อง "ทักษิณ-เทวดาเหาะ" ลงมาโปรดผ่านรายการ "เรียลลิตี้โชว์" แก้จนต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!
ขายชินคอร์ปครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การขาย "สมบัติครอบครัวนายกฯ"
แต่ถ้าใคร่ครวญ-ไตร่ตรองถึง "ค่าของชินคอร์ป" จะเห็นว่ามาก-ต่อมาก มันมาจาก "สิทธิประโยชน์" ของรัฐ ที่คนรัฐบางคนที่คงไม่รู้จักคำว่า "ขายชาติ" ร่วมมือกับคนในกระบวนการทางการเมืองบางคน
ค่อยๆ ตบแต่ง-เปลี่ยนแก้กฎหมายผ่องถ่าย "สิทธิประโยชน์" ของรัฐไปให้ธุรกิจสัมปทานทีละนิด-ทีละหน่อย เหมือนตลิ่งที่ค่อยๆ พังจากฟากหนึ่ง แล้วดินส่วนนั้นก็จะไปพอกเพิ่มพื้นที่ให้กับอีกฝั่งตรงข้าม
จากปีละคืบ-ปีละศอก
จนมาถึง 20 กว่าปี และพอดีกับอำนาจการเมืองหลากในช่วง 4-5 ปี สุดท้ายนี้ ตลิ่ง คือ "สิทธิประโยชน์" อันรัฐมีเพื่อประชาชาติ มันก็พังโครมใหญ่ หายไปจากแผนที่ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมชาติ
กลายมาเป็น "ผืนแผ่นดินสมบูรณ์" อันถูกต้องตามกฎหมาย กว้างสุดลูกหู-ลูกตาเป็น "แผ่นดินใหม่" ที่กรรมวิธีอธรรม "ประทานให้ถูกต้องตามกฎหมาย"
และวันนี้ ผืนแผ่นดินแห่งความอุดมสมบูรณ์ผืนใหม่ นั่นก็คือ
"ชิน คอร์ปอเรชั่น"
นี่..คือแหล่งที่มาของ "ค่าที่สูงราคา" ในความเป็นชินคอร์ป ซื้อขายกันด้วยราคาเฉียดแสนล้านในวันนี้
ราคาของความเป็นชิน ส่วนหนึ่งมาจาก "ตลิ่ง" ของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมรัฐมัน "พัง" แล้วมาเพิ่มพูนอยู่ในฝั่งของชิน
ฉะนั้น เมื่อ "ขายชินคอร์ป" ให้สิงคโปร์ไปในวันนี้ ผมจึงต้องบอกว่า เห็นจะไม่มีปฏิกิริยาเชิงลบเป็นการโต้ตอบไม่ได้แล้ว
เพราะในเมื่อชินคอร์ป ครอบครองสิทธิในส่วนที่เป็น "ไข่แดง" ของประเทศในยุคสื่อสารครองโลก
การขายชินคอร์ปให้สิงคโปร์ เท่ากับว่า ยอมให้สิงคโปร์ "เจาะไข่แดง" ยึดครองประเทศไทย ชนิดที่ "คนไทย" จับไม่ได้-ไล่ไม่ทัน
ชินคอร์ปหนีไม่พ้นข้อครหา "สมรู้-ร่วมคิด" ให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ลักหลับชาติ" ขึ้นแล้ว!
ปรากฏการณ์สนธิ ยังไม่สะท้าน-สะเทือนอนาคตประเทศเท่าปรากฏการณ์ "ลูกกตัญญูขายชินคอร์ปสนองคุณพ่อ" ครั้งนี้
ผมจึงข้องใจนายกฯ ทักษิณในหลายๆ ด้านและหลายๆ ประเด็น จนถึงวันนี้ ผมพูดได้เต็มปาก จากที่เห็นหลายครั้งแล้วว่า สิ่งที่ท่านพูดว่าไม่..นั้น คือ..ใช่ ทั้งสิ้น!
อย่างกรณีขายชินคอร์ปนี้เช่นกัน ท่านปฏิเสธตลอด สุดท้ายก็..จริง!
ท่านไม่ใช่ผู้นำประเทศที่คู่ควรแก่ความไว้วางใจของประชาชนอีกต่อไปแล้ว
ท่านเป็นผู้นำประเทศที่ผม-ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง "หวาดระแวง" ในความซื่อสัตย์-สุจริต ต่อประเทศชาติ และประชาชนจากตัวท่าน!
ท่านพูดตลอด ท่านยกตัวเองตลอดว่า เก่งกว่า ฉลาดกว่า วิสัยทัศน์กว้างไกลกว่า เสียสละเพื่อชาติ
แต่กับเรื่องการขายชินคอร์ป ทำไมท่านถึงตกอยู่ในสภาพ ซื่อมะทื่อกว่า โง่กว่า วิสัยทัศน์สั้นจู๋กว่า เพราะไม่รู้เลยว่า การขาย "ชินคอร์ป" ให้สิงคโปร์ มันก็เท่ากับยกประเทศไทยให้สิงคโปร์ครอบครองสัมปทานผูกขาดนั้น ผ่านสิทธิประโยชน์ระดับอภิสิทธิ์ที่ "ฟอก" มาเป็นของชินคอร์ปแล้วมากมาย
ท่านเป็นนายกฯ ที่ "ตีหน้าตาย" และเป็นนายกฯ ที่พูดอะไรได้โดย "ไม่ละอายตัวเอง" เก่งที่สุดในโลก จนหลายๆ ครั้ง ฟังท่านพูดสิ่งตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านทำแล้ว
ผมอายแทนท่านในความเป็นคน!
ตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.ก็เช่นกัน ในรายการนี้ ท่านใช้ดับเบิลสแตนดาร์ดมาตลอด ท่านปล่อยให้ความกลัวอำนาจอันไม่ชอบธรรมอยู่เหนือการทำหน้าที่เที่ยงธรรม
เหล่าท่านที่มาเป็นผู้บริการตลาดหุ้น มาเป็น ก.ล.ต.ล้วนเป็นผู้มีวิชาความรู้สูง แต่ความรู้สูงที่ขาดความกล้าหาญ ขาดจริยธรรม ขาดความหยิ่งในเกียรติตามหน้าที่ของตน
ความสูงของท่านมันก็เหมือนความสูงยอดหญ้า เผยอหน้ารอตีนคนเหยียบ
รัฐสภา อันประกอบด้วยสภา ส.ส.และสภา ส.ว.เชื่อมโยงเข้ากับอำนาจบริหาร คือฝ่ายรัฐบาล แต่ละยุค แต่ละสมัย ใครบ้าง เมื่อถึงวันนี้ ท่านสมควรสำนึกบาป และละอายว่า
สิ่งที่ร่วมกันทำมาเพื่อแลกเศษข้าว-เศษน้ำ นั้น ผลบั้นปลาย คือผลร้าย มันตกอยู่กับประเทศชาติ และประชาชนดังที่เห็นเป็นเค้าลาง เริ่มแล้วจากวันนี้!
ผมข้องใจ ส.ส.-ส.ว. และ ครม.ทักษิณ ท่านร่วมกันสร้างประโยชน์สมบูรณ์ให้กับการซื้อ-ขายชินคอร์ปวันนี้ ด้วยการทำให้มีพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 อันเป็นการแก้ไข-เพิ่มเติมกฎหมายการประกอบโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองได้เบ็ดเสร็จในวันนี้
พ.ร.บ.แก้ไขให้ต่างชาติถือหุ้นได้เกิน 25% และยกเลิกสัดส่วนกรรมการบริษัทที่ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ออกทั้งหมด อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้เทมาเซก จากสิงคโปร์เข้ามาครอบครองชินคอร์ปได้เบ็ดเสร็จ นั้น
พ.ร.บ.นี้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
หมายความว่ามีผลบังคับใช้ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมเป็นต้นไป แต่บังเอิญ วันที่ 21-22 มกรา.เป็นวันหยุดราชการ เสาร์-อาทิตย์ จึงยังไม่ได้ใช้
พอเช้าวันจันทร์ที่ 23 มกรา.เท่านั้นแหละ มันช่างเหมาะเจาะ ฟ้าดินบันดาลกระไรปานนั้น เบิกฤกษ์-เบิกชัย ประเดิมกฎหมายฉบับแก้ไขด้วย...
ลูกนายกฯ ขายชินคอร์ปให้ต่างชาติ คือสิงคโปร์!
มันช่างร้อยเรียงปูทางโรยราดด้วยกลีบกุหลาบแห่งอำนาจสวยฉิบหายวายวอดกระไรปานนั้น กฎหมายก็แก้เปิดทางให้ พอประกาศใช้ปุ๊บ ก็ช่างบังเอิญ ลูกนายกฯ ประเทศไทยขายชินคอร์ปให้ต่างชาติ คนเป็นพ่อก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง เป็นการตัดสินใจของลูกๆ กันเอง
แล้ว "กรมสรรพากร" ก็แผ้วถางถากทางแห่งการ "เสีย-ไม่เสียภาษี" ในกรณีขายหุ้นชนิดต้อง "กลับคำวินิจฉัย" ตัวเองไป-มา กว่าจะเปิดไฟเขียวผ่านตลอดให้การขาย "บิ๊กล็อต" ร่วมแสนล้านครั้งนี้ได้โดย
ไม่ต้องเสียภาษีร่วม 3 หมื่นล้าน!
นับเป็น "ห่วงโซ่อาหาร" ที่ประชาชนข้องใจสรรพากร ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเกียรติประวัติของหน่วยงานรัฐหน่วยนี้
"กรมสรรพากร" เป็นกรมที่ถึงแม้ประชาชนจะบ่นซ้ำซาก แต่ในเสียงบ่นมันปนด้วยจิตชื่นชมที่เป็น "หน่วยงานราชการ" ที่ทำงานรักษาประโยชน์ให้แผ่นดินได้ซื่อตรง และมีประสิทธิภาพกว่าหน่วยงานอื่นๆ
แล้วในวันนี้-กรมสรรพากร สังกัดกระทรวงคลัง ในยุครัฐบาลทักษิณ ในยุคสมคิด-ทนง เป็นรัฐมนตรีคลัง
ท่านกลัวอำนาจที่บัญชามาเป็นทอดๆ หรือครับ?
ท่านไล่กระทืบเอากะพวกผม บี้เอาเลือดกะปูอย่างพวกผม ที่ไม่มีทางสู้รบปรบมือกับท่าน
แต่กับชินคอร์ป ลูกที่พ่อเขาเป็นนายกฯ ปูทาง "ปลอดภาษี" กันชนิดข้ามภพ-ข้ามชาติกันเลยเชียว!
กลับมาเป็น "กรมสรรพากร" ของชาติ ประชาชนเถอะครับ ก่อนที่จะฉิบหายกันทั้งชาติ
ข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ-ประชาชน "ผมข้องใจ" ข้องใจในทัศนคติต่อปรากฏการณ์ขายชาติที่ซับซ้อน ทั้งทางเทคนิค และทางกฎหมายในทุกวันนี้ ข้องใจว่าเหล่าท่านคงเข้าใจในคำว่า "อุเบกขา" ผิดแล้ว อุเบกขา ไม่ได้แปลว่า..ช่างมัน ชาติไม่ใช่ของกูคนเดียว แต่อุเบกขา แปลว่า อย่าดีใจ หรือเสียใจ ในเมื่อจำเป็นต้อง..ขับไล่คนเลว

คำตอบที่ 16
       เม้ม เอ้ย เม็ม หมายเลขไว้แล้วครับ

ของ ปู่ 05 119 75 46 เผื่อเย็นย่ำผ่านแถวสีลม

จะได้ไปนั่งจิบ กาแฟ แถวๆ บ้านสีลม

แกล้มเพลงแจ๊ส กันน่ะครับ

[ฝาก รองเท้า..นารี ให้ คุณ Ruj ด้วยครับ..อิอิ]

คำตอบที่ 17
      

คำตอบที่ 18
      
อยากฟังเพลงแจ๊สครับคุณปู่ มีที่ใหนแนะนำบ้างครับ....

คำตอบที่ 19
      
ขอบคุณครับปู่ แล้วทริปหน้าเราจะไปเที่ยวกันอีก รับรองว่าไม่เหมือนเดิมในบางเรื่อง


คุณอีธาน ถ้าได้นั่งคุยกับปู่แล้วจะชอบ คนวัยเลยเลข 5 เหมือนกันคุยภาษาเดียวกันชอบอะไรคล้ายๆกัน ผมกับรุจไปเที่ยวกับปู่และป้านกหนเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนพันธุ์เดียวกัน

คำตอบที่ 20
       Ethan_Hunt พักนี้ปู่ก็ไม่ค่อยได้ไปฟังที่ไหนเท่าไหร่ครับ
(เข้าป่าส่วนใหญ่) หลังสุดนี้ไปฟังที่ บ้านสีลม อยู่ตรงกันข้ามกับ เซ็นทรัลสีลม บรรยากาศแบบในสวน
มีวงดนตรีสลับกับดีเจ เปิดแจ๊ส นั่งจิบกาแฟ ก้อได้ รึว่า
จะเป็นไวน์ (แก้วไวนใบใหญ่ของร้านเค้าสวยดีน่ะ)
พอดีเป็นพวกเรือยา ต้องพ่นควันเลยชอบบรรยากาศ
ถ้าพูดถึงเพลงเรียกว่า พอฟังทุกวงครับ ไม่ขี้เหล่ๆ

ฝากกล้วยไม้มีกลิ่นหอมไว้ให้คุณอีธานช่อนึงครับ

คำตอบที่ 21
       สำหรับคอแจ๊ส ..คุณอีธาน

คำตอบที่ 22
       เอ ทำไมผมไม่เจอคุณปู่ที่ศูนย์ประชุมนะ

คำตอบที่ 23
      
ขอบคุณครับปู่ ผมชอบฟังเพลงทุกประเภทครับ ขอให้เป็นเพลงเถอะชอบหมด ตอนนี้เป็นขาประจำไปทุกวันนั่งฟัง Country อยู่ที่งานโคนมแห่งชาติ มวกเหล็กครับ ......



ฝากดอกบัวแสดงความยินดีที่ได้รู้จักครับ........

คำตอบที่ 24
       อะน่ะ เจ้าหมีขาว ไปศูนย์ฯ วันไหนอะ ปู่ไปเดินเล่นเมื่อวันทิตย์ที่ผ่านมาจ๊ะ ช่วงบ่ายๆ น่าจะเห็นหัวเหม่งๆ เดินแบกขาตั้งโทงๆ เทงๆ เกะกะคนเค้าน่ะ ปามานว่ากล้องป๊อกแป๊ก
เอาขาตั้งขู่ไว้ก่อน

ขอบพระคุณมากครับ Ethan_Hunt สำหรับดอกบัว

คันทรี่ ทั้งไทยทั้งเทศ ฟังได้หมดครับ
วันศุกร์หน้า..ปู่คงผ่านแถวนั่น แต่ป่านนั้นงานโคฯ คงวายแล้วมังครับ จุดหมายคือ ภูพ่อบท เพชรบูรณ์ครับ
ไปหาโอโซนสูดซะหน่อยครับ

คำตอบที่ 25
      
งานโคฯหมดวันที่ 2 กพ.ครับ ตัวอย่างบรรยากาศครับ
http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=3848



ถ้าผ่านมาแถวแก่งคอย 0 18523518 ครับ จะได้ต้อนรับ พี่ Von คุยถึงปู่หลายครั้งอยากพบตัวจริง เสียงจริงครับ .....

คำตอบที่ 26
      

คำตอบที่ 27
       ขอขอบคุณอาจารย์ วอน และคุณคักดิ์ ที่เก็บเบอร์โทรไว้ครับ ขอบคุณครับ

คำตอบที่ 28
       ขอบคุณคุณปู่สำหรับดอกไม้
เร็วๆนี้คงได้เจอกัน ส่วนช่วงนี้แน่นๆอยู่ ฝากความคิดถึงถึงป้านกด้วย

คำตอบที่ 29
       ผมเป็นอีกคนที่ติดตามอ่านบทความของ อ.วอน เสมอครับ ขออนุญาติเก็บเบอร์โทรไว้ปรึกษาเรื่องรถนะครับ

คำตอบที่ 30
       อาจาร์ยวอร์นครับ
ไม่ต้องยุ่งยากอย่างงั้นหรอกครับ หาก อ.วอร์น ต้องการเบอร์โทรฯทั้งหมดที่อยู่ใน Sim กลับคืนมา เพียงแต่ไปแจ้งความจำนงค์ที่ศูนย์ของ Sim ในเครือข่ายนั้นๆ บอกว่า Sim เก่าเสียหรือว่าหายไปแล้ว ขอทางศูนย์ช่วย Load ข้อมูลจาก Sim เก่า มายัง Sim ใหม่ให้ด้วย แล้วท่านก็จะได้เบอร์โทรฯเก่าและข้อมูลกลับมา (ถึงแม้ว่าจะเป็นระบบเติมเงินก็สามารถกระทำได้)
ลองไปสอบถามดูนะครับ

คำตอบที่ 31
       ฮ่ะ ฮ่ะ ..... ซิมอยู่ก้นแม่น้ำพร้อมเครื่องคงต้องให้ประดาน้ำลงไป Load ซิมเก่ามาซิมใหม่เพราะผมไม่ได้ทำ sim data bank กับทาง AIS


ขอบคุณ คุณต่อศักดิ์ครับที่แนะนำ เอาไว้คราวนี้ซิมเต็มผมจะไปทำข้อมูลสำรองฉุกเฉินกันทำหายครั้งหน้ากับทางศูนย์ครับ

คำตอบที่ 32
      

คำตอบที่ 33
       ความหมายของผมไม่ใช่เอาซิมเก่าไปโหลดข้อมูลเดิมลงซิมใหม่นะครับ

มันจะเป็นลักษณะข้อมูลการโทรฯของเราทุกครั้ง มันจะต้องผ่านศูนย์ แล้วศูนย์เขาก็จะบันทึกไว้ใน Server ของศูนย์หนะครับ แล้วเขาจะถ่ายข้อมูลจาก Server ลงมายังซิมใหม่ให้เรา (แหม!!ถ้าหาซิมเก่าได้ ผมคงไม่แนะนำหรอกครับ แค่ถือซิมเก่าไปบอกให้ถ่ายข้อมูลซิมเฉยๆ)
ต้องไปคุยกะศูนย์ดูก่อนดีกว่าครับ ผมอธิบายยากครับ ไปบอกเขาว่าผมทำซิมเก่าหาย และผมต้องการข้อมูลที่อยู่ในซิมเก่ากลับมาเท่านั้นเองครับ

คำตอบที่ 34
       ขอบคุณคุณต่อสักดิ์
อ.von ฝากตอบแทนว่า ได้ติดต่อทางศุนย์AISแล้ว
แต่เนื่องจากทางเจ้าของเบอร์ไม่ได้แจ้งให้ศุนย์ให้load
Sim Bank ล่วงหน้า ทางสูนย์จึงไม่สามารถ load ได้
เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดเป็นความลับของลูกค้า

สรุป ทำอะไรไม่ได้เลย ขอบคุณคุณต่อศักดิ์อีกครั้ง

คำตอบที่ 35
       "ม่รู้เรื่องเลย..................อะไร