จาก Kupree
ศุกร์ที่ , 27/1/2549
เวลา : 20:22
อ่าน = 831
203.188.17.117
|
เปลว สีเงิน แฉ เรื่อง โคตรระยำ กรณี แอมเพิล ริช บริษัทที่ ทักษิณ แอบไปตั้งไว้ที่หมู่เกาะเวอร์จิ้น ดินแดนฟอกเงินชื่อกระฉ่อนโลก ก่อนที่จะโอนหุ้นชินคอร์ปเข้าไปพัก แล้วขายกลับให้ลูกชาย-ลูกสาว ในราคาเพียงหุ้นละ 1 บาท ก่อนที่ เทมาเส็ก จะเข้ามาซื้อเพียง 1 วันทำการ โดยที่ ก.ล.ต.ได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ เลย
ความไม่ชอบมาพากลของการขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกลุ่มทุนสิงคโปร์ มูลค่า 73,300 ล้านบาท ถูกเปิดเผยออกมาทีละเปลาะๆ ล่าสุด เปลว สีเงิน คอลัมนิสต์ชื่อดังของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เขียนบทความในคอลัมน์ คนปลายซอย หน้า 5 ฉบับวันที่ 27 มกราคม 2549 เรื่อง บริติชเวอร์จิ้นไอส์แลนด์ส โดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีต ส.ส.บัญชีพรรคประชาธิปัตย์ แฉถึงเบื้องหลังที่บริษัท แอมเพิล ริช ขายหุ้นชินคอร์ป ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ในราคาเพียงหุ้นละ 1 บาท ก่อนที่จะขายต่อให้บริษัทในเครือเทมาเส็กของสิงคโปร์ เพียง 1 วันทำการ
รายละเอียดในบทความ มีดังนี้
ก็เกิดรายการ "ซุกหุ้น ภาค อภิชาตบุตร" อันต่อเนื่องจากภาคแรกที่เรียกว่า "ภาคอภิชาตบิดา" ขึ้นแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นความดีความชอบต่อแผ่นดินของ "คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ"
ที่นำหลักฐานชัดในประเด็นนี้มาบอกกล่าวกับสังคม
กว่า 73,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการซื้อขายหุ้นในตลาด และไม่ต้องเสียภาษี
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านบอกว่าเป็นความถูกต้อง-ชอบธรรม ตามกติกาสากลนิยม ใครก็อย่าไปอิจฉา
แต่คราวนี้เงิน 15,883.9 ล้านบาท ในจำนวน 73,000 ล้านบาท ที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็กไปนั้น ถูกจับได้-ไล่ทันว่า
ส่วนหนึ่ง "ที่มาของหุ้นและเงิน" มีปัญหาขึ้นแล้ว
จะทำไงดีล่ะ..คราวนี้?
ถ้าทางการสืบสาวราวเรื่องกันไปจริงๆ เผลอๆ จะต้องโทษอาญาทั้งพ่อและลูก นับเป็นเรื่องน่าสงสารนักสำหรับเด็กๆ คือ "ลูกทั้งสอง" ที่อาจต้องรับโทษจากกรรมที่ผู้ใหญ่เอาชีวิตลูกมาสร้างความถูกให้ตัวเอง
"บาปสุจริต" มันจะติดตัวลูก!
เอ่ยชื่อ "กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ" คงทราบกันนะครับ ท่านคืออดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และท่านติดตามเรื่องซุกหุ้น และเรื่องธุรกิจครอบครัวนายกฯ มาตลอด เมื่อปี 2547 ท่านได้อภิปรายในสภาเรื่อง "หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น" ในส่วนที่มีความสัมพันธ์กับนายกฯ ทักษิณ
บริติชเวอร์จิ้น รู้จักกันดีว่า เป็นแหล่งหนีภาษี และการฟอกเงิน!
คุณกอร์ปศักดิ์ เปิดหู-เปิดตาให้ประชาชนคนไทยได้ทราบว่า มีใครคนหนึ่งไปตั้งบริษัท Ample Rich Investments Limited ไว้ที่เกาะนี้ และใครคนนั้นก็ขายหุ้นชินคอร์ปให้บริษัทนี้จำนวนหนึ่ง
ชนิดยอกย้อนซ่อนเงื่อน!!
ตอนนั้น คนไทยไม่สนใจประเด็นที่คุณกอร์ปศักดิ์บอกหรอกครับ เพราะกำลังถูกโรคระบาดชนิดโงหัวไม่ขึ้นกันทั้งเมือง
โรคคลั่ง "เทวดาทักษิณ" อวตารลงมาเกิดน่ะ!
ค่อยๆ ลำดับความสู่กันฟังนะครับ เดี๋ยวท่านจะงง ย้อนไปปูพื้นเป็นความเข้าใจกันก่อน จำกันให้ดีนะครับ
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2549 นางกาญจนา หงษ์เหิร เลขาฯ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร แจ้งต่อ ก.ล.ต.ว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. บริษัท Ample Rich ขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่ น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ รวม 329.2 ล้านหุ้น และวันเดียวกัน คือ วันที่ 23 ม.ค. นางกาญจนา ก็เป็นตัวแทนแจ้งต่อ ก.ล.ต.แทน นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ว่า ได้ซื้อหุ้นจาก Ample Rich เมื่อวันที่ 20 ม.ค. มาคนละ 164.6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท
และระบุเป็นหลักฐานไว้กับ ก.ล.ต.ด้วยว่า ซื้อหุ้นดังกล่าวผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย!
วันที่ 23 ม.ค. คือ วันอภิมหาโคตรรวยจากการขายหุ้นของครอบครัวชินวัตร อันเป็นประวัติศาสตร์ของชาติ เพราะเป็นวันที่ปรากฏและประกาศเป็นทางการว่า
ชินคอร์ป ขายหุ้น 49% ให้ ซีดาร์-แอสแพน-กุหลาบแก้ว อันเป็นบริษัทที่เทมาเส็กตั้งขึ้นเป็นบริษัทไทยเป็นการเฉพาะ เพื่อรับหน้าเสื่อในการซื้อ-ขายประวัติศาสตร์ รวมแล้วมูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท
นายพานทองแท้ ชินวัตร ขาย 458,550,220 ล้านหุ้น
น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ขาย 604,600.000 ล้านหุ้น
ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท เฉพาะส่วนของบุตรชายและบุตรสาวท่านนายกฯ จะได้เป็นเงินเท่าไหร่ คูณกันเอาเองนะครับ
ท่านก็จำตัวเลขหุ้นของลูกนายกฯ ทั้งสองไว้ให้ดี เพราะเดี๋ยวจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นตัวเลขพิศวงดังที่เป็น "ประเด็นใหม่" จะนำไปสู่ความตายน้ำตื้นในอนาคต
ปรากฏการณ์ 23 ม.ค.ไม่เพียงดังที่บอกนั้นนะครับ ยังปรากฏว่า เลขาฯ คนขยันของคุณหญิงพจมาน ได้แจ้งไปยัง ก.ล.ต.ในวัน-เวลาเดียวกันอีก ว่า หุ้นที่นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา ซื้อปุ๊บจากตลาดหุ้นคนละ 164.6 ล้านหุ้น นั้น
ได้ขายปั๊บในวันนี้ รวมอยู่ในจำนวนชินคอร์ป "บิ๊กล็อต" ดังกล่าว ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท
คือ ที่เพิ่งซื้อมาใหม่สดๆ ซิงๆ หุ้นละ 1 บาท ก็ขาย 49.25 บาทด้วย
สรุปตรงนี้ เลขาฯ คุณหญิงพจมาน คนเดียวกันนั่นแหละ เป็นทั้งตัวแทน Ample Rich แจ้งขาย เป็นทั้งตัวแทน พิณทองทา-พานทองแท้ แจ้งซื้อ
ก.ล.ต.ก็ซื้อ..ซื่อ..ไม่แอะอะไรเลยซักคำ
เอาละ..คราวนี้ก็ถึงคราว "ความลับไม่มีในโลก" เมื่อนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา แจ้งต่อ ก.ล.ต.ว่า ได้ซื้อหุ้นชินคอร์ปจาก Ample Rich ผ่านตลาดหุ้นไทย คนละ 164.6 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท
ก็ไม่ยากที่จะตรวจสอบผ่านการซื้อ-ขายประจำวันของตลาดหลักทรัพย์ ก็พบว่า
ไม่ปรากฏการซื้อ-ขายหุ้นด้วยจำนวนตามที่แจ้งไว้แต่อย่างใด!
ยุ่งละซี..ตานี้ ความจริงตลาดหลักทรัพย์ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ที่ประเทศพึงได้ แต่ไม่ทำ "คุณกอร์ปศักดิ์" อดรนทนเห็นคนกลุ่มหนึ่งสุมหัวกันต้มยำทำแกงประเทศไม่ไหว
ก็เลยกระจายข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของคุณกอร์ปศักดิ์ ประจานทั้ง เทวโลก มนุษยโลก และเดรัจฉานโลก
ความจริงที่เป็นตัวจับความเท็จในประเด็นนี้ ก็คือ ในข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ระบุถึงการถือหุ้นชินคอร์ป ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548 ว่า น.ส.พิณทองทา ถือหุ้น 440,000,000 หุ้น นายพานทองแท้ ถือหุ้น 293,950,220 หุ้น
แต่ปรากฏว่า วันที่ 23 ม.ค. น.ส.พิณทองทา กลับมีหุ้นขายถึง 604,600,000 หุ้น มากกว่าหุ้นที่แจ้งไว้ต่อตลาด ถึง 164,600,000 หุ้น
เช่นเดียวกับ นายพานทองแท้ ขาย 458,550,220 หุ้น มากกว่าที่แจ้งไว้ต่อตลาดถึง 164,600,000 หุ้นเช่นกัน
นี่ไงล่ะ..ตัวเลข "ตายตอนจบ" ท่านก็อาจเถียงได้ว่า ไม่เห็นแปลกตรงไหน ที่งอกขึ้นมาคนละ 164,600,000 หุ้น นั้น ก็อย่างที่แจ้งต่อ ก.ล.ต.นั่นไงล่ะว่า ซื้อมาจาก Ample Rich
แต่ข้อสงสัยประชาชนก็มีอยู่ว่า
1.Ample Rich นี้ เป็นบริษัทของใคร เอาหุ้นชินคอร์ปจำนวน 329,200 หุ้น ที่ขายให้ "พิณทองทา-พานทองแท้" มาจากไหน?
2.มีเหตุผลอะไรที่ขายในราคาพาร์ คือ หุ้นละ 1 บาท ทั้งที่ราคาซื้อ-ขายในตลาด ร่วม 50 บาทต่อหุ้น?
3.น.ส.พิณทองทา และนายพานทองแท้ "แจ้งเท็จ" ต่อตลาด ว่า ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ ส่อพฤติกรรมว่าหุ้นจำนวนนี้มีที่มา "ไม่สุจริต" และ ก.ล.ต.รู้เห็นเป็นใจในการซื้อขายใช่หรือไม่?
4.นี้คือ วิธีการ "ฟอกหุ้น-ฟอกเงิน" ของใครบางคน ใช่หรือไม่ และเงินส่วนต่างอันเกิดจากการขายหุ้น 329,200 หุ้น ที่ซื้อมาหุ้นละ 1 บาท แต่ขายหุ้นละ 49.25 บาท เป็นเงิน 15,883.9 ล้านบาทนี้ ต้องเสียภาษีมิใช่หรือ?
บริษัท Ample Rich ที่ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ย่านทะเลแคริบเบียน แถวๆ เปอร์โตริโก อันเป็นแหล่งฟอกเงิน และหลบภาษีนี้ เป็นบริษัทของใคร?
ผมไม่ทราบ แต่ในรายงานการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.ครั้งที่ 11/2544 วันที่ 12 ตุลาคม 2544 มีบันทึกเป็นรายงานไว้ตอนหนึ่ง ดังนี้
4.3.1 Ample Rich Investments Limited
ในช่วงที่ตรวจสอบพบว่า บริษัท มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 โดยจดทะเบียนจัดตั้งใน British Virgin Islands เพื่อประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2542 มีสถานที่ติดต่อ (Correspondent Office) ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งพบบริษัทถือครองหุ้น SHIN เพียงหลักทรัพย์เดียว โดยเป็นการซื้อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 11 มิถุนายน 2542 บนกระดานรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เพียงหนึ่งรายการ
ครับ..Ample Rich บริษัทที่ขายหุ้นชินคอร์ปราคาพาร์ให้ พิณทองทา-พานทองแท้ ที่แท้ก็บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพ่อนี่เอง
ถ้ายังจะดิ้น ผมก็จะมอบเชือกอีกเส้นให้ดู ดังนี้
นายบุญคลี ปลั่งศิริ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2542 เรื่อง ขอชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท สาระสำคัญมีว่า
ชินคอร์ปได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 23.75% เหลือ 11.88% โดยหุ้นที่ลดลง 11.88% นั้น โอนให้ถือในนามของ "แอมเพิล ริช อินเวสเมนต์ ลิมิเต็ด"
โดยระบุในหนังสือแจ้งว่า "แอมเพิล ริช" ถือหุ้นโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 100%
ครับ..ปมที่ผูกไว้ ใครจะนึกว่าจะย้อนมารัดคอตัวเองในวันนี้ได้
ประเด็นตายต่อไป ก็คือ ตัวเองขายหุ้นตัวเองให้บริษัทที่ตั้งใหม่บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น อันเป็นของตัวเองแล้ว ปรากฏว่า เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ.2544
ในบัญชีแสดงทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไม่ปรากฏว่า มีชื่อบริษัท Ample Rich อยู่ในบัญชีแสดงทรัพย์สินของนายกฯ ทักษิณ แต่อย่างใด!?
ผมจะจบด้วยคำพูดของนายกฯ ทักษิณ ที่พูดไว้เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2545 ความตอนหนึ่งว่า เมื่อวานผมดูข่าวจาก CNN ทราบว่า ขณะนี้สภาของสหรัฐกำลังแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งนี้ เพราะบริษัทต่างๆ ไม่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐ แต่ไปจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ เช่น ในปานามาบ้าง หรือที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่รักชาติ เพราะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี..."
นั่นน่ะซี มัน "โคตรระยำ" เลยนะ ท่านว่ามั้ย?
....
|