คำตอบที่ 1
       วิ่งได้หลายกิโลลิตร..... ล้อเล่นนะครับ ขำขำ
ของผมตอนนี้ยังวัดอะไรไม่ได้มากเพิ่งเปลี่ยนเครื่องใหม่
ขอใช้สักพักแล้วจะ set up อีกที่ถึงจะบอกเป็นทางการได้
แต่เห็นของพี่พี่เพื่อนเพื่อนวิ่งได้กันตั้งแต่ 9 10 11 12 ถึง 13 กิโล ลิตร...เชียว อยู่ที่การ จูน ตั้งบูท และอีกหลายอย่างประกอบกัน ยาง ล้อ ลมยาง ลมหายใจ และอีกมากมาย....ครับ

คำตอบที่ 2
       9 กว่าๆ ไม่ถึง 10 กิโลเมตร ต่อ ลิตร
มันกินไม่ต่างจากเดิมเท่าไร
แต่น้ำมัน มันแพงขึ้น

คำตอบที่ 3
      
http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=87

http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/Question.asp?ID=2805


.......................

คำตอบที่ 4
       8-9กิโล/ลิตรมาตรฐานปาจริงๆ

คำตอบที่ 5
       ผมกำลังคิดว่าจะทำอุปกรณ์ที่ทำให้ปาเหลี่ยม มีแอโร่ไดนามิก
มากขึ้นหน่อย เอาแบบถอดเก็บได้ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง
ไว้ใส่เวลาเดินทางไกล น่าจะช่วยให้ประหยัดขึ้นได้อีกนิดหน่อย

คำตอบที่ 6
       ถอดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกให้หมด แร็คหลังคากินลม กันชนเหล็กหนักๆ ไซด์เรียว ยางเปลี่ยนกลับมาใส่ 28 นิ้ว ขับแบบเรื่อยๆ แค่นี้ก็เกิน 10โลลิตรแล้วครับ

คำตอบที่ 7
       8 - 9 กม. ต่อชั่วโมง น่าจะสรุปฟันธงว่าปกติ

คำตอบที่ 8
       ทำแบบ boy ดับเครื่องแล้วเข็นอีกโลก็ได้ 11 กม.ลิตรแล้วครับ (ล้อเล่ง..ล้อเล่ง 555 )

คำตอบที่ 9
       คุณ Ethan มิสชั่น ภาค 3 มาแล้ว เปลี่ยนโลโก้เลยนะครับ เอาคันนี้มาฝาก ครับ ช่วงล่างปาเจโร่ บอดี้ นี้ มิสชั่น ไหนผมไม่แน่ใจ ครับ

คำตอบที่ 10
       เข็มน้ำมัน อีก 1 มิล. ก็ครึ่งถังพอดี วิ่งได้แค่เนี่ย 466 กม.(บางใหญ่ ไป-กลับลาดกระบัง) เติมน้ำมันเมื่อวันจันทร์เช้า ตอนถ่ายรูปวันนี้ ตอน บ่ายสองที่หน้าบ้านเลย

แบบเนี่ย เรียกว่า ประหยัดพอไหมครับ (ยาง 31 นิ้ว ลมยาง 30 ปอนด์ ความเร็วที่ใช้ 80-100 กม./ชม.)

คำตอบที่ 11
       คุณ a pct 195 ครับทำได้จิงๆเหรอครับ รถผม ใช้นำมันครึ่งถัง วิ่งได้แค่ 350 กม ก็เก่งสุดๆแล้วครับ

คำตอบที่ 12
      

คำตอบที่ 13
       ทำได้ครับ คุณเติ้ง คนอื่นๆ ก็สามารถทำได้ครับ ขอให้รถและเครื่องยนต์ ทำงานเป็นปกติทุกอย่าง ก็สามารถทำแบบนี้ได้ (โดยเฉพาะในยุคน้ำมันแพงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แบบนี้)

การขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ทำได้ไม่ยาก นอกจากเครื่องยนต์ที่เผาไหม้สมบูรณ์แล้ว ผมยังปฏิบัติตนในการขับรถแบบนี้
1.เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 5000 กม.
2.เป่ากรองอากาศ ทุกๆ 7 วัน และเปลี่ยนเมื่อกรองดำ หรือใส้ล้ม หรือประมาณ 10000--15000 กม.
3.เปลี่ยนกรองโชล่า ทุกๆ 10000 กม.
4.ก่อนออกรถทุกครั้งจะติดเครื่องเดินเบา ประมาณ 3-5 นาที และก่อนดับเครื่องก็จะเดินเบาอีกประมาณ 1-5 นาที
5.ขับรถออกตัวเกียร์ 1 ทุกครั้ง (บางคนชอบออกตัวเกียร์สอง )
6.เวลาจะเปลี่ยนเกียร์ ไม่มีการลากรอบเครื่อง (ยกเว้น ถูกแชว บนถนน )
7.รักษารอบเครื่องยนต์ให้สม่ำเสมอ เช่นความเร็ว 80 ใช้รอบประมาณ 2200 บูธอยู่ประมาณ 5 ปอนด์ ถ้าความเร็ว 100 ใช้รอบประมาณ 2900-3000 บูธประมาณ 8-9 ปอนด์(เหลืออีก1-2ปอนด์ เอาไว้เวลาเร่งแชง ถ้าแชงได้)
8.อาศัยแรงเฉื่อยของรถที่มีน้ำหนักเกือบ 2 ตันให้เป็นประโยชน์ เช่น เวลาลงจากสะพานสูงๆ ยาว ๆ ก็ถอนคันเร่ง ให้รถวิ่งเองตามแรงเฉื่อย โดยเราเลี่ยงรอบพอประมาณ ก็พอ
9.ขับรถไม่เล่น ช้ายๆ ขวาๆ แบบรถชิ่ง (ถ้าไม่ถูกยั่วกิเลส) ขับแบบสบายๆ กินลมชมวิว สมมติว่ารถของตัวเองเป็นรถใหม่ป้ายแดง ราคาเป็นล้าน ให้ภูมิใจเล่นๆ
10.ตรวจเช็คลมยางให้เหมาะสม กับขนาดและชนิดของยาง แต่ละแบบ

ผมว่าแค่นี้ ก็ประหยัดไปได้มากแล้วครับ ..............

คำตอบที่ 14
       ขออีกภาพ ก่อน เติมน้ำมันใหม่ เต็มถัง สำหรับ วันหยุดนี้

625 กม. กับน้ำมันที่หมดไป 3 ใน 4 ถัง (ล้อ 31 นิ้ว) นับกิโลต่อจากเมื่อวานนี้เลย (ไปกลับที่ทำงาน บางใหญ่-ลาดกระบัง) กว่าจะหมดถังแบบไฟเตือนขึ้น จะวิ่งได้อีกประมาณ 150-200 กม. (เมื่อก่อนใส่ล้อ 30 นิ้ว เลขกิโลจะได้มากกว่านี้ประมาณ 15 % )

วันนี้มีเพื่อนๆ โทร.มาถามว่าทำได้อย่างไร ผมก็บอกว่า รถผมก็เหมือนรถของเพื่อนๆ นั้นละครับ ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ไม่ได้วิเศษ วิโสอะไร แต่ที่แตกต่างกัน ก็คือวิธีการขับขี่ การใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับรอบเครื่อง การใช้คันเร่งให้ถูกต้อง ใช้ความเข้าใจในการขับขี่รถยนต์ ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเชล แค่นี้ก็ประหยัดไปได้มากที่เดียว

อย่างเช่น การใช้คันเร่ง เครื่องดีเชล ไม่ใช้เบนซิน แม้มีเทอร์โบ ก็ตาม การจะเร่งเครื่อง หรือเร่งน้ำมัน หรือเร่งความเร็ว แล้วแต่จะเรียก แต่ละครั้ง เครื่องดีเชล จะรอรอบสักเล็กน้อย ดังนั้นเราต้องค่อยๆ กดคันเร่งทีละนิด ไม่ใช้กดที่เดียวจมมิด เสียน้ำมันไปเปล่าๆ (เห็นหลายคนชอบทำแบบนี้ แล้วมาบ่นว่า รถกินน้ำมันจัง)

เรื่องปรับปั้มก็เหมือนกัน บางคนต้องการประหยัดมาก จึงไปลดน้ำมันเสียมาก ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก รถปาเจโร่มีน้ำหนักมาก เมื่อไปลดน้ำมันมาก การจะออกตัวแต่ละครั้งจะต้องออกแรงมากกว่าปกติ จะเร่งแซงแต่ละทีต้องลากรอบกันจนเหนื่อย ทำให้กินน้ำมันมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเพิ่มน้ำมันมาก แล้วรถจะประหยัด ก็ไม่ใช้ ทุกๆ อย่างต้องลงตัว สมดุลกัน บวกกับสภาพของเครื่องยนต์ด้วยนะครับ .....................

ขอให้สนุก และปรับเปลี่ยนวิธีการขับขี่ แบบนุ่มนวล สบายๆ เพื่อเป็นการถนอมรถปาเจโร่ ของพวกเรา และเพื่อความประหยัด ของเราเอง ทุกๆท่านครับ.......

คำตอบที่ 15
       โอโห...มันจะสุดยอดอะไรขนาดนั้นครับ...
ของผมก็ 8 - 9 โลลิตรครับ...
เติมเ่ต็ม ประมาณ 2100 วิ่งได้ ไม่ถึง 700 โลเลยครับ
เมื่อเดือนที่แล้ววิ่งไปเที่ยวเชียงใหม่ตอนสงกรานต์
เติมน้ำมันกันหาย บ้าเลยครับ
วิ่งไปเชียงใหม่ ต่อ ไปเชียงรายแม่สาย ท่องเที่ยวอีกนิดหน่อย ไปกลับ เป็นระยะทาง 2700 กิโล โดนค่าน้ำมัน ปาเข้าไป ร่วม 8000 บาทครับ สะอื้นเลยครับ

คำตอบที่ 16
       เอาไว้ตอนออกทริปใหญ่ ต้องบังคับให้ทุกคันเติมน้ำมันเต็มถัง ในปั้มเดียวกัน
วิ่งไปพร้อม ๆ กันสักสองสามร้อยโล แล้วแวะปั้มเติมเต็มพร้อมกันอีกที
มาวัดกันดู ว่าใครจะประหยัด หรือเติมน้อยกว่ากัน
ดีไหมครับ แข่งกันประหยัด น่าสนุกดีเหมือนกันนะครับ

คำตอบที่ 17
      
เทคนิคการใช้และดูแลรถอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน


เร็วอย่างมีคุณภาพ คือ ความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด หากขับรถทางไกล แล้วชอบซิ่งด้วยความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลองเปลี่ยนมาขับนิ่ม ๆ ที่ 90 ดู นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกปรับแล้วยังช่วยประหยัด ได้ตั้ง 125 บาท ต่อเดือน

ออกเร่ง เบรกดัง พังเร็ว

การออกรถกระโชกกระชาก เลี้ยวอย่างเร็ว เบรกอย่างแรง เป็นฉนวนของอุบัติเหตุได้ง่าย และเป็นวิธีทำลายรถ อย่างได้ผลชะงัด เพราะทั้งเครื่องยนต์ เครื่องส่งกำลัง ผ้าเบรก และยางรถ จะชำรุดสึกหรอได้เร็วขึ้นทันตาเห็นเลย นอกจากนี้หากติดนิสัยชอบเร่งเครื่องแรง ๆ ตอนออกรถสักวันละ 10 ครั้ง จะเสียน้ำมันเปล่า ๆ เดือนละ 60 บาทอีก ด้วย

ปิด แอร์ บ้างนะ

รถที่ใช้ แอร์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ร้อยละ 10 ขึ้นไป ถ้าเลือกเปิดได้ เฉพาะเวลาที่จำเป็น เช่น เช้า ๆ เปิดกระจกรับอากาศยามเช้าก็ไม่เลว ลดการใช้แอร์ลงแค่ 10% ของการใช้แอร์ตามปกติ ก็ประหยัดเงินได้อีก 40 บาท ต่อเดือนสบาย ๆ

สูง-สูง ต่ำ-ต่ำ

การใช้เกียร์ควรสัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (ก็เขาสร้างของเขามาอย่างนั้น) ความเร็วสูงยังฝืนลากเกยร์ต่ำ (เกียร์ 1,2) ความเร็วยังต่ำรีบไปใช้เกียร์สูง (เกียร์ 3,4,5) กำลังเครื่องก็ตก เครื่องก็รีบพังก่อนเวลาอันควร และจะสิ้นเปลือง กว่าปกติอีก 85 บาทต่อเดือน

รักคลัตซ์อย่าเลี้ยงคลัตซ์

อย่าแช่คลัตซ์โดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองคลัตซ์ และน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เบรก หรือเบรกมือช่วยแทนดีกว่า เวลาหยุดควรเหยียบคลัต์ การเร่งเครื่องแรง ขณะออกรถโดยยังไม่ปล่อยคลัตซ์ไม่สุด หรือเข้าเกียร์แล้วยังวางเท้าบนแป้นเหยียบคลัตซ์ก็เป็นการ หาเรื่องอุปกรณ์ในระบบคลัตซ์สึกหรอ และเปลืองน้ำมันเปล่า ๆ ด้วย

ไม่ติด ไม่คอย เข้าซอยลัด

วางแผนในการขับรถล่วงหน้า เลือกเส้นทางลัดเพื่อประหยัดเวลา และอารมณ์ที่เสียเปล่า จากรถติด หรือหลงทาง ท่านอาจจะประหยัด ได้มากกว่าเดือนละ 420 บาท

ไม่ “ เบิ้ล “ เอาเท่าไร

ถ้าไม่อยากให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว ก็อย่าเร่งเครื่อง หรือ “ เบิ้ล” น้ำมันโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ขณะจอดอยู่เฉย ๆ เปลี่ยนเกียร์ หรือก่อนดับเครื่องยนต์ จะช่วยให้ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างสูญเปล่าอีก 20 บาท ต่อเดือน

มองล่วงหน้า รักษาเบรก

เตรียมตัวล่วงหน้าเมื่อจะถึงสี่แยก สัญญาณไฟ หรือป้ายสัญญาณ ช่วยให้ไม่ต้องเบรกอย่างพร่ำเพรื่อ และรุนแรง หรือเสี่ยงการเปลี่ยนช่องทางวิ่งบ่อย ๆ ซึ่งอาจทำใต้องเร่งเครื่องอย่างเร็ว และหยุดอย่างกระทันหัน จะเป็นการประหยัดน้ำมัน และรักษาผ้าเบรก จานเบรกไว้ใช้กันตอปาน ๆ

ยางอ่อน

การสูบลมยางให้เหมาะสมนอกจากจะประหยัด น้ำมันแล้ว ยังทำให้อายุยางยืนยาวขึ้นด้วย ลมยางที่อ่อนไปเพียง 4 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว ในช่วง 10 วัน ที่ละเลยจะทำให้เปลืองน้ำมัน เพิ่มขึ้นถึง 125 บาท

ไส้กรองอากาศอุดตัน

ดูแลความสะอาดไส้กรองอากาศบ่อย ๆ และหากมีสิ่งอุดตันมาก ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ ได้แล้วอย่าเหนียว ทั้งนี้เพราะไส้กรองอากาศ ที่อุดตันใน 1 เดือน จะทำให้รถสิ้นเปลือง น้ำมันประมาณ 210 บาท

น้ำมันเครื่องหมดอายุ

น้ำมันเครื่อง เป็นเรื่องสำคัญของการบำรุงรักษารถ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง น้ำมันเครื่องตามกำหนด และเลือใช้น้ำมันเครื่อง และเกรดให้ถูกต้องกับสภาพเครื่องยนต์ จะลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้นด้วย




อ่านดูรายละเอียดแล้วลองทำวิธีการนี้ดูผมคิดว่าน่าจะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้แน่ๆ ถ้าเครื่องยนต์เรายังสมบูรณ์ดี....ครับผม.....

คำตอบที่ 18
      

ถูกต้องที่สุดครับ แบบที่คุณ 4D55 TURBO บอกมาทั้งหมด

ส่วนตัวผมก็ใช้วิธีนี้ในการขับรถ ในชีวิตประจำวัน อยู่แล้ว...........

คำตอบที่ 19
       สุดยอดเลยครับ เยี่ยมๆ

คำตอบที่ 20
       กลัวกดกันไม่ยั้งมากกว่าคุณ Yakusa

คำตอบที่ 21
       กระผมจะลองทำ....นึกว่าขับคันละสิบล้านดู เผื่อจะได้ประหยัดอย่างป๋าเอแก..ออกทริปที่ไรของเราหมดครึ่งถังของป๋าเอบอกหมดไปช่องเดี่ยวเพราะแกค่อยขับนี่เอง...ส่วนเรามันพวกเท้าวัวเทัาช้างกระทืบอย่างเดี่ยว....จะลองทำุดู

คำตอบที่ 22
       เฉลี่ยออกมาแล้ว ได้ 11.36 กิโล/ลิตร
ที่ความเร็ว 80-100 กิโล/ชม.รอบเครื่องประมาณ2000-2500 รอบ/นาที.......(สำหรับการใช้งานในเมืองหลวง)
........................................

คำตอบที่ 23
       ทริปไปปราณต้องลอง ดูสิว่าใครจะใจแตกแหกกฎก่อน

คำตอบที่ 24
       รถผมเกีย(auto)เพิ่งOVERHAULเครื่องมาใหม่เช็คปลั้มหัวฉีดและซ่อมTURBOใส่ยาง31วิ่งในเมืองประมาณ 6.8 กิโลลิตร เติมนำมันเต็มถังวิ่งได้ 450 กว่ากิโล วิ่งนอกเมืองไปต่างจังหวัดใช้ความเร็วประมาณ 100-120 กินประมาณ 7.1 กิโลลิตร ตะก่อนวิ่งไปตราดเคยใช้ความเร็ว 120-140 แต่ไม่ค่อยเต็ม 140 ดีประมาณ 135 น้ำมัน กินเป็นว่าเล่นเลย เมื่อก่อนวิ่ง 120 รอบ 3100 แต่เดี๋ยวนี้พอทำเครื่องมาใหม่ 120 ได้ที่ 2750 กว่ารอบเอง วิ่งไปตราดใช้น้ำมันไป 1 ถังเต็ม กับอีก ครึ่งถัง ประมาณ 400 กว่ากิโลครับ สรุปแล้วรถผมกินประมาณ 6.5-6.7 กิโลลิตรครับ ตอนที่เครื่องไม่ได้ทำครับ คนนั่งไป 5 คนครับ แต่ตอนทำเครื่องก็ยังไม่เคยวิ่งไกลเลยครับ รถของผมกินมากเกินไปหรือเปล่าครับถ้ามากเกินไปควรแก้ไขตรงไหนครับ รถผมเป็นรถเกียออโต้ครับ

คำตอบที่ 25
       เหมือนยกซดเลย

คำตอบที่ 26
       ต่ออีกหน่อย ..ของผม 4D56 inter. ไป จ.เลยมาเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ใช้ความเร็ว 110-120 บางทีเจอกวด ก็ขึ้นไปถึง 135 กม/ชม. คำนวณแล้ว 7.8 กม/ลิตร.. หายบ้าเลย...

คำตอบที่ 27
       ไปกลับ กรุงเทพ-ช่องเม็ก หมดไป 1000 บาท ถึงบ้านพอดี ผิดปกติใหมครับ ถังแรกไม่ให้นำมาคิด

คำตอบที่ 28
       passrecord ที่เก็บไว้
กม/ลิตร
10.41
11.16
11.06
10.78
10.06
11.01
10.33
10.78
10.91
11.07
11.10

คำตอบที่ 29
       1.พี่คนชายแดน 1000 บาทที่ว่านั่นค่าอะไรครับ..
2.ขอวิธีการของพี่มดดำมั่งสิครับ ของผมทำแบบพี่ A แล้วยังไม่เห็นได้เรื่องเลย ขีดนึงได้แค่ 200 โล ขีดที่สองได้อีกร้อยกว่าโล..อย่างนี้ต้องทำไงดี...

คำตอบที่ 30
       ผมขับความเร็วไม่เกินเก้าสิบ กม. ต่อ ชม. คงที่ครับ วิ่งยาวๆ หลีกเลี่ยงการวิ่งในเมือง วิ่งขวาตลอด คันข้างหลังเป็นยังงัยช่างมัน ก็เราอยากประหยัดแบบทำสถิติครับ ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเรื่อยๆ พอข้างหน้าเริ่มเบรค เราก็ถอนคันเร่งปล่อยไหล แล้วค่อยๆไล่ความเร็วขึ้นมาใหม่
สรุปว่าผมเคยขับสิบล้อหัวโตมาก่อนครับ
ตอนนี้เลยขับปาเหลี่ยมดีเซลเทอร์โบได้ 14-15 กม/ชม.

คำตอบที่ 31
       ตอบคุณชาย
1.ขับแบบปกติทั่วไปตามที่เพื่อนๆขับกัน(ประมาณ90-100)
2.ตอนนี้ยังแบกวินซ์เพลาอีก 1 ตัว ถ้าถอดออกคงประหยัดกว่านี้อีก ( แต่ก็คงไม่ถอด อิ..อิ )
3.เรื่องระยะทางกับเข็มน้ำมันไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจเพราะแต่ละคันไม่ค่อยเหมือนกัน ลองเก็บข้อมูลการใช้ตามระยะทางและน้ำมันที่เติมจริง
4.ถ้าลองบังคับปลายเท้าได้แล้วยังกินอยู่ก็ต้องเช็คปั๊มกับหัวฉีดแล้วครับ

คำตอบที่ 32
       ของผมวิ่งไป 734 กม.เติมเต็มที่ 80.352 ลิตรครับ 2000 พอดี ประมาณ 9.13 กิโล/ลิตรครับ กิโลละ 2.72 บาทครับ ขับซัดบ้าง ค่อนข้างบ่อย แต่เดินทางไกลก็ประมาณ80-100กม/ชม ครับ

คำตอบที่ 33
       พี่ต้อมทำได้ 15 โลลิตรเหรอครับ...

คำตอบที่ 34
       ของผมลองงวดนี้วิ่งไม่เกิน 100 ครึ่งถึงได้ 395 กม.เองแล้วอีกขีดนึงได้มาอีก 120 กม. สรุป 3/4 ถังได้ 515 กม.เอง แต่ก็ดีกว่าตอนตะบันเยอะครับ.อัดสุดๆ 3/4ถัง ได้แค่ 400 กม....อยากทำได้แบบพี่a คำตอบที่ 10..สุดยอดประเทศไทยแล้ว...

คำตอบที่ 35
       14-15 กม./ลิตร ทำได้จริงๆนะคุณบอย ผมลองมาแล้ว
จากบ้านที่รามอินทรา ขึ้นวงแหวนไป สระบุรี ขวาไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อย
วิ่งแบบถนนเป็นของข้า ไม่สนใจใคร ไม่แตะเบรกถ้าไม่จำเป็น ไม่เร่งทั้งที่โล่ง 80-90 ตลอด รถเปล่าๆ ออกตั้งแต่ตี 5เปิดแอร์เบาสุด ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง เพียงเพราะอยากรู้ว่าจะทำได้ไหม
ทำได้จริงแต่ทุกคันที่มันแซงขึ้นมาทางซ้าย จะทำปากหมุบหมิบ จนผมท้องเสียตอนขากลับ
สงสัยเขาแช่งกันทั้งบาง

คำตอบที่ 36
       ขอรายงานหน่อยครับ..งวดนี้ผมดีใจสุดยอดแล้วครับ วิ่ง 601 กม. เติมน้ำมันไป 60.8 ลิตร.. ประมาณ 9.9 กม./ลิตร วิ่งเรื่อยๆ ไม่เกิน 110 คราวหน้าจะลอง 80 มั่ง..แบบพี่ต้อม. แต่ผมกลัวท้องเสียเหมือนกัน.. แต่ผมเคยอ่านในหนังสือว่าปาเหลี่ยมเครื่อง 4D56 เนี่ย ใหม่ๆ ได้ถึง 16.X กม/ลิตร เชียวนะ..ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้ได้สิบกว่าก็ดีใจแล้ว...