WeekendHobby.com


เก็บมาฝาก..ยืดอายุแอร์

จาก ทะเล
พฤหัสบดีที่ , 22/3/2550
เวลา : 11:19

อ่าน = 2424
202.139.211.41
       เกร็ดน่ารู้เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์ของคุณ

1. ตรวจเช็คระบบปรับอากาศรถยนต์ของคุณทุกๆ 3-6 เดือนจากร้าน/ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน

2. ควรหมั่นสังเกตระบบแอร์รถยนต์ของคุณด้วยตนเอง หากแอร์ในรถของคุณความเย็นเริ่มลดลงให้สันนิษฐานว่า อาจมีการรั่วของน้ำยาแอร์ หรือท่อต่างๆ ในระบบอุดตัน ให้รีบนำรถของคุณเข้าตรวจเช็คโดยด่วน

3. ต้องแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบปรับอากาศระบบ R-12 หรือระบบ R-134a กันแน่ เพื่อป้องกันการผสมกันของน้ำยาแอร์

4. อย่าผสมน้ำยาแอร์ระบบ R-12 และ R-134a เข้าด้วยกัน เพราะจะทำให้ระบบแอร์รถยนต์ของคุณเสียหายได้

5. น้ำมันคอมเพรสเซอร์ของระบบ R-12 และ R-134a ไม่สามารถใช้แทนกันได้

6. หากคุณไม่แน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบ R-12 หรือ R-134a ให้คุณเปิดตรวจเช็คจากห้องเครื่องที่กระโปรงรถของคุณ โดยดูที่หัวเติมน้ำยาแอร์ ถ้าเป็นระบบ R-12 หัวเติมจะเป็นแบบเกลียว แต่ถ้าเป็นระบ R-134a หัวเติมจะเป็นแบบตัวล๊อค

7. จำไว้ว่ารถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2538 ใช้กับแอร์ระบบ R-12 เท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นไปจะใช้ระบบแอร์ R-134a (ยกเว้นรถกระบะต้องผลิตหลังปี พ.ศ. 2539)

8. การรั่วซึมในระบบแอร์รถยนต์ อาจเกิดจากการหมดอายุการใช้งานของอะไหล่ได้

9. หากคุณต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยติดๆกันในเวลา 3 เดือน อาจเกิดการรั่วในระบบแอร์ของคุณเข้าแล้ว

10. ระมัดระวังอย่าใช้น้ำยาแอร์ที่ติดไฟได้

11. การถ่ายเทอากาศ การสูบบุหรี่ในรถ ขณะเปิดแอร์ จะทำให้อากาศภายในรถไม่บริสุทธิ์ จึงควรเปิดช่องระบายอากาศเพื่อไล่ควันบุหรี่ออกไป และเมื่อใช้แอร์เป็นระยะเวลานานๆ ความเปิดช่องระบายอากาศเป็นระยะ จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น

12. เมื่อไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานหลายวันควรติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ที่ซีลคอมเพรสเซอร์

13. ควรจอดรถยนต์ในที่ร่ม การจอกรถกลางแดดนาน จพทำให้ภายในรถร้อนอบอ้าว ต้องใช้เวลานานกว่าจะเย็นลงได้ ในกรณีนี้ควรเปิดประตูหรือกระจกไว้สักครู่ ก่อนจะขับรถออกจากที่จอดรถ

14. ควรปิดช่องระบายอากาศและกระจกให้มิดชิด ขณะใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันมิให้ลมร้อนภายนอกไหลเข้ามาภายในตัวรถ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเย็นลดลงได้

15. ในการขับรถขึ้นเขา เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น จึงควรปิดเครื่องปรับอากาศเป็นครั้งคราว เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์และ ป้องกันเครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นด้วย

16. ควรทำความสะอาดแผงระบายความร้อนที่อยู่หน้าหม้อน้ำ โดยใช้ลมเป่าหรือใช้น้ำฉีดแล้วใช้แปรงขนอ่อนๆ

ที่มา : เอกสารเผยแพร่ หน่วยอนุรักษ์โอโซน สำนักงานควบคุมวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรม

เอกสาร OWNER'S MANUAL จาก DENSO INTERNATIONAL CO.,LTD.

เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
       ไปอ่านเจอมาจากเวบบอร์ดเห็นว่าน่าสนจาย เพราะนี่ก็หน้าร้อนแล้วนะขอรับ เลยนำมาฝากเพิ่มเติม
++++++++++++++++

สาระน่ารู้: ร้อนนี้ แอร์รถยนต์ ใครว่าไม่สำคัญ อิอิ


ระบบแอร์ในรถยนต์กับสภาพอากาศในบ้านเรานั้นเป็นสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าจำเป็นมากแค่ไหนกับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารที่อยู่ใน รถยนต์ หากท่านอยากรู้จริงๆ ในขณะรถติดๆ ช่วงเที่ยงหรือบ่ายๆ ให้ลองปิดแอร์ในรถของท่านเพียง 15-20 นาที ท่านจะรู้สึกได้ ถึงความสำคัญของระบบแอร์ในรถยนต์ของท่านครับ และถึงแม้ท่านจะเปิดหน้าต่างมันก็ไม่ได้ช่วยท่านได้มากนัก...


ในปัจจุบันนี้ ระบบแอร์ในรถยนต์ใช้น้ำยาแอร์อยู่ 2 ระบบ คือน้ำยา R12 (รุ่นเก่า) และน้ำยา R134A (รุ่นใหม่)





น้ำยารุ่นเก่า R12 ส่วนมากจะใช้ในรถยนต์ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เป็นน้ำยาแอร์ที่มีราคาถูกเติมครั้งละประมาณ 120-180 บาท แต่ข้อเสียคือ ในตัวน้ำยาแอร์นั้นมีสาร CFC4 ซึ่งเป็นตัวทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ และปัจจุบันมีการตื่นตัวอย่างมาก ในเรียกร้อง ให้เลิกใช้ทุกอย่างที่มีสารนี้ปะปนอยู่ด้วย


น้ำยาแอร์รุ่นใหม่ R134A ในบ้านเราเริ่มใช้มาประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว เป็นต้นมา ในระยะแรกๆ ราคาค่อนข้างแพงมากเติมครั้งละกว่าพันบาท แต่ระยะ 1-2 ปีมานี้ราคาเริ่มลดลงเหนือประมาณ 400-800 บาทต่อการเติม 1 ครั้ง น้ำยาตัวนี้จะไม่มีสารที่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศของโลก


การปรับตั้งอุณหภูมิในรถยนต์ (เทอร์โมสตรัท) เป็นสิ่งที่หลายท่านได้มองข้ามความสำคัญของการตั้งอุณหภูมิในรถ ของท่านไป บางท่านอาจจะไม่เคยปรับเทอร์โมฯ เลยโดยเปิดให้เย็นที่สุดไว้ตลอดเวลา การทำเช่นนี้จะทำให้คอมเพรสเซอร์ต้อง ทำงานหนักตลอด เวลา (คอมเพรสเซอร์ไม่ตัด) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเดินทางไกล วิธีที่ถูกต้องควรตั้งให้อยู่ที่ประมาณ 24 C จะเป็นอุณหภูมิ ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกายมนุษย์ และคอมเพรสเซอร์ของท่านจะได้ไม่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา ยืดอายุการ ใช้งานในชิ้นส่วน ต่างๆ ของระบบแอร์ให้นานยิ่งขึ้น


คอยด์เย็น (ตู้แอร์) รถยนต์ปัจจุบันส่วนใหญ่มีคอยด์เย็น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าตู้แอร์ จะมีอายุการใช้งานประมาณ 3-4 ปี (ในบ้านเรา นั้นส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่มีอาการเสียยังใช้ได้ก็ยังคงใช้กัน ต่อไปจนกว่าจะเสีย กันไปข้างนึงนั่นแหละจึงจะได้เปลี่ยนกันครับ) ดังนั้นถ้าแอร์รถของท่าน เกิดอาการไม่เย็นขึ้นมาส่วนใหญ่จะไป เติมน้ำยากันก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าเติม แล้วเย็นเป็นปกติอยู่ได้สัก 2 สัปดาห์แล้วไม่เย็นอีก ให้สันนิษฐานไว้ได้เลยว่า คอยด์เย็นรั่ว หรือข้อต่อท่อต่างๆ ที่เดินจากคอมเพรสเซอร์มายังคอยด์เย็น นั้นรั่วที่ใดที่หนึ่ง ต้องนำรถให้ช่างตรวจเช็คหารอยรั่วได้เลย โดยไม่ต้อง ไปเติมน้ำยากันอีก เพราะน้ำยาแอร์รุ่นใหม่นั้นมีราคาแพง หากช่างตรวจเช็ค แล้วบอกว่าตู้รั่วให้ตัดสินใจเปลี่ยนได้เลย ตู้แอร์สมัยใหม่จะมีอายุการใช้งาน ค่อนข้างจะสั้นครับ


การดูแลรักษาเบื้องต้น ส่วนประกอบที่อาจทำให้เครื่องปรับอากาศมีปัญหาได้แก่ ระบบท่อ, คอมเพรสเซอร์, หรือน้ำยาอาจ แห้งได้ ควรดูแลภายในรถให้สะอาดปราศจากฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ระบบแอร์อุดตันได้เนื่องจาก ระบบแอร์จะใช้อากาศภายในรถยนต์ ดูดเข้าไป และทำให้เย็นออกมาอีกครั้ง และในช่วงฤดูหนาวมักไม่ค่อยได้ใช้เครื่องปรับอากาศแต่คุณก็ต้องให้เครื่องปรับอากาศ ทำงานบ้าง ไม่ควรปิดเครื่องปรับอากาศโดยไม่ใช้งานเลยเป็นเวลานาน อย่างน้อยในเวลาหนึ่งสัปดาห์ควรเปิดให้เครื่องปรับอากาศ ทำงานบ้างสัก 5-10 นาที เพื่อรักษาสภาพให้พร้อมทำงานได้ตลอดเวลาครับ


เราสามารถทำการตรวจเช็คน้ำยาด้วยตนเองได้อย่างไม่ยากนัก ด้วยการ ตรวจเช็คที่ตัว ไดร์เออร์แอร์ ซึ่งจะมีกระจกใสอยู่ตรงหัวของไดร์เออร์ ที่รูป มือชี้นั้น เมื่อเรามองเข้าไปด้านในขณะที่ติดเครื่องยนต์อยู่หากมองเข้าไปเห็น ฟองอากาศลักษณะเหมือน เดือดปุดๆ ขึ้นมาแสดงว่าน้ำยาแอร์หมด (บริเวณจุดติดตั้งตัว ไดร์เออร์ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นที่ภายใน ห้องเครื่อง และช่างที่ติดตั้งแอร์)





ควรล้างตู้แอร์เมื่อไร ? เมื่อเกิดอาการกลิ่นอับชื้นหรือไม่เย็น ทั้งนี้กรณีแอร์ไม่เย็นควรตรวจเช็คน้ำยาแอร์ดูก่อนว่าน้ำยาแอร์นั้น หมดหรือไม่ นอกเหนือจากนี้การล้างตู้แอร์ ก็จะประมาณ 50,000 กม. หรือ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานด้วยเช่น ใช้เส้นทาง ที่เป็นดินแดงฝุ่นละอองทุกวัน ก็จะย่นระยะเวลาสั้นมากขึ้น ซึ่งในรถญี่ปุ่นนั้นจะไม่มีฟิลเตอร์ตัวกรองฝุ่นละอองมา ซึ่งต่างจากรถยุโรป จะมีฟิลเตอร์ตัวกรองฝุ่นละอองติดมาให้ในระบบแอร์ด้วย


เพราะฉะนั้นเราควรจะดูแลเช็คระบบแอร์เป็นระยะๆนะครับ ควรจะล้างตู้แอร์บ้างเพื่อป้องกันการอุตตันและช่วยขจัดกลิ่นเหม็นอับที่ตกค้างอยู่ในรถได้ และร้อนนี้ก็มาถึงแล้วคงไม่มีใครอยากที่จะแอร์เสียในกรุงเทพตอนกลางวันหรอกนะครับ อิอิ เหมือนบางท่านใน ATWO นี้
+++++++++++
ที่มา :
http://rcweb.net/forums/showthread.php?t=110277



จาก ทะเล  202.139.211.41  พฤหัสบดี, 22/3/2550 เวลา : 11:29   


คำตอบที่ 2
       อันนี้ก็เพิ่มเติมครับ...เรื่องแอร์ขอรับ
+++++++++
แอร์รถยนต์
ระบบการทำงาน
คอลัมน์รู้ไปโม้ด โดยน้าชาติ ประชาชื่น


อยากทราบการทำงานของแอร์รถยนต์ และการซ่อมแอร์รถยนต์ การทำงานของอุปกรณ์แต่ละชิ้นของอุปกรณ์แอร์รถยนต์ครับ /ขอบฟ้า

ตอบแอร์รถยนต์ หรือระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารของรถยนต์ คืออุปกรณ์ที่ใช้สูบความร้อนภายในห้องโดยสารรถ แล้วนำความร้อนมาคายทิ้งภายนอก เป็นกรรมวิธีสูบและคายความร้อนที่จำเป็นต้องอาศัยชิ้นส่วนหลายชิ้น

เริ่มจากเมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานก็จะดูดน้ำยาแอร์ที่มีสภาพเป็นก๊าซเข้ามาอัดความดันและอุณหภูมิให้สูงขึ้น จากนั้นส่งไปตามท่อทางออกของคอมเพรสเซอร์เข้าสู่คอยล์ร้อนซึ่งจะทำหน้าที่ระบายความร้อนของก๊าซเหล่านี้ออกไปตามครีบระบายความร้อน จนกระทั่งก๊าซกลายเป็นของเหลวที่มีความดันสูงไหลออกจากคอยล์ร้อนผ่านท่อทางออกไปเข้าสู่ถังพักน้ำยาแอร์ เพื่อกรองสิ่งแปลกปลอม และดูดความชื้นไปด้วย

ชั่วขณะที่ว่านี้น้ำยาแอร์มีสภาพเป็นของเหลวและความดันสูง ไหลออกจากถังพักน้ำยาแอร์ไปตามท่อเข้าสู่วาล์วปรับความดันที่จะลดความดันของน้ำยาแอร์ให้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างมาก เพื่อป้อนเข้าสู่คอยล์เย็น เมื่อของเหลวความดันต่ำ อุณหภูมิต่ำไหลเข้าสู่คอยล์เย็นก็จะดูดซับความร้อนที่บริเวณรอบๆ ตัว พัดลมจะทำหน้าที่ดูดอากาศในห้องโดยสารผ่านแผงคอยล์เย็น ผ่านทางท่อลมจนออกไปจากช่องปรับอากาศด้านหน้าคอนโซล อากาศร้อนในห้องโดยสารจะถูกดูดซับออกไปด้วยวิธีนี้

น้ำยาแอร์จะดูดซับความร้อนวนเวียนอยู่ตามท่อทางเดินที่ขดไปมาบนแผงคอยล์เย็นจนแปรสภาพเป็นก๊าซไหลออกจากคอยล์เย็นไปตามท่อ เข้าสู่คอมเพรสเซอร์อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นกระบวนการอัดความดันของน้ำยาแอร์รอบใหม่วนเวียนไปจนกว่าคอมเพรสเซอร์หยุดการทำงาน

สรุปว่าอุปกรณ์สำคัญๆ ของแอร์รถยนต์ประกอบด้วย 1.คอมเพรสเซอร์ 2.คอยล์ร้อน 3.ถังพักน้ำยา ตัวกรองและดูดความชื้น 4.วาวล์แอร์ 5.คอยล์เย็น และ 6.น้ำยาแอร์

การตรวจซ่อมและบำรุงรักษา

1.ทำความสะอาดภายนอกทุกส่วน เช่น ที่คอยล์ร้อนและคอยล์เย็น โดยเฉพาะบริเวณครีบระบายความร้อนและความเย็นควรสะอาด เพราะถ้าคอยล์ร้อนสกปรกจะทำไห้การระบายความร้อนไม่ดี และหากคอยล์เย็นสกปรกการระบายความเย็นมาสู่เราจะไม่สมบูรณ์

2.เช็กปริมาณน้ำยาแอร์โดยดูที่ช่องกระจกที่ตัวเก็บและดูดความชื้น (ไดเออร์) ถ้าพบว่าเป็นฟองอากาศแสดงว่าน้ำยาน้อยเกินไป ไห้ไปอัดน้ำยาเพิ่ม

3.ตรวจดูว่ามีรอยรั่วของข้อต่อต่างๆ หรือไม่โดยใช้น้ำสบู่หรือฟองสบู่เช็ดตามข้อต่อ หากเกิดการรั่วซึมจะพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้นให้ไปหาช่างแอร์เชื่อมอุดรอยรั่ว

4. ตรวจฝาครอบท่ออัดน้ำยาทั้งสองด้าน ถ้าปิดไม่สนิทจะทำไห้มีฝุ่นเกาะติด อัดน้ำยาครั้งต่อไปจะทำไห้น้ำยาแอร์สกปรกแล้วทำไห้ระบบอุดตันได้ กรณีแอร์ไม่เย็นอาจน้ำยาแอร์รั่ว หรือบริเวณท่ออุดตัน วิธีตรวจดูว่ารั่วจุดใดให้สังเกตว่าจุดต่อตัวไหนที่มีคราบน้ำมันเยิ้มเกาะอยู่แสดงว่าเกิดการรั่วซึม ให้นำน้ำสบู่มาเช็ดดูอีกครั้งว่ารั่วจริงหรือไม่ หากรั่วให้ขันข้อต่อเข้าไปให้แน่นหากยังไม่หายให้เปลี่ยนสายที่ข้อต่อนั้น
ที่มา : http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=031104&tag950=03you30131048&show=1



จาก ทะเล  202.139.211.41  พฤหัสบดี, 22/3/2550 เวลา : 11:38   


คำตอบที่ 3
       อันนี้เป้นการตอบกระทู้เกี่ยวกับเรื่องแอร์ เห็นว่าน่านใจเลยลอกมาให้อ่านขอรับ

+++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 21 : โดยคุณ คนซ่อมคอมแอร์..ภาณุ..081-6240881 : panublasting@yahoo.co.th
[วันที่ 06/01/2550 ] 124.121.19.208
*สาเหตุหลักฯ ที่แอร์ไม่เย็น คอมมีเสียงดัง และล็อค เนื่องจาก
1.ความร้อน..........ระบบระบายความ ร้อน คือศีตรูหมายเลข 1 ของระบบแอร์/เคื่องยนต์ และ ระบบเกียร์ออโต้.. ....พัดลมแผง หรือ หม้อน้ำเสีย แผ ง เล็กเกินไประบายไม่พอ/สกปรก/ตีบ/งอ....ช่องลมฮีทเตอร์รั่วเข้ามาในระบบ...ลมภายนอกรั่วเข้ามาจากขอบประต ู หรือ หน้าต่างรถ....หรือแผ่นกันลมระหว่างแผงกับหม้อน้ำ
2.น้ำยา....ไม่ใด้คุณภาพ ....มากเกิน.. ..ขาด หรือ น้ำยาผสมระหว่าง R12 กับ 134A
3.คอมเพรสเซอร์แรงอัดไม่พอ .....เพราะเสื้อสูบหรือลูก สูบสึกหรอตามอายุการใช้งาน (คอมเพรสเซอร์ บางรุ่นสามารถซ่อมกลับมาให้ใช้งานเหมือนใหม่ได้ ยกเว้นคอม Rata ry เช่น: Nissan/Suzuki: DKV....,Mazda:Panasonic/TRF....Mitubishi:FX/MSC 090.....Honda-Civic/Crv:TRF/ TRV/TRSA 090-105- & Ford Scroll(Jaguar S-Type)...
4.ใช้น้ำมันผิดเสปค(Nissan DKV-14C/D & Toyot a (TV12/14C),BMW318,SS-96D1..ต้องใช้ Oil 9 /Viscosity 100,all GM,Kia,Daewoo,Opel น้ำมัน Viscosity 15 0) ***.ใช้น้ำมันผิดทำให้คอมมีเสียงดัง กรีกฯ .ไม่ควรใส่น้ำมันคอมเกิน เพราะทำให้ไม่เย็นเท่าที่ควรและทำ ให้คอมทำงานหนักกว่าเดิม แต่ก็ไม่ทำให้คอมแอร์พัง.ในทันที ควรล้างระบบใหม่ และเติมน้ำมันให้พอดี+/-10%(ข ึ้นอยู่กับ ประเภทของคอมแอร์ รุ่นของรถยนต์ ขนาดเครื่องยนต์ )
(ในกรณีที่รถที่ออกแบบมาใช้แอร์ตู ้เดียว ไปติดแอร์ตู้หลังเพิ่ม และใส่น้ำมันไม่พอ ผลคือคอมพังก่อน.ควรติดตั้งคอมแอร์ที่ใหญ่กว่าเดิม และเ พิ่มน้ำมัน.).
. 5.ดรายเออร์สกปรก/ตัน ... หรือความชื้นภายในระบบแอร์ หลายครั้งที่เปิดคอมแล้วพบค ราบสนีมบนแผ่น Plate ภายในตัวคอม หรือความชื้นภายในระบบเนื่องจาก ร้านแอร์แวคคั่มนานไม่พอ หรือมีการรั่ว ซึมในระบบมานาน
6 รั่ว เพราะเกิดจาก โอริง/.ท่อน้ำยาหมดอายุ.
7.ตู้แอร์...ชึม/.รั่ว...คร ีบของตู้แอร์ล้ม เพราะผ่านการใช้งาน หรือ สกปรก ฝุ่นเกาะหนา ขนสัตว์ น้ำหอม ความชื้นหรือน้ำไม่สามารถระเ หยออกมาจากตู้ใด้ ทำให้น้ำแข็งเกาะตู้ เพราะลมเป่าผ่านตู้ไม่ได้..
8.และชิ้นส่วนอื่นฯ เช่น pres sure switch,thermostat, relay,ดรายเออร์ และ เอ็กแพนซั่นวาวล์ (ดรายเออร์/แอคคิวมูเลเตอร์ และ เอ็กแพนซ ั่นวาวล์ ควรเปลี่ยน ทุกฯ 3-4 ปี..ถ้าเป็นระบบ Orifice tube ควรถอดมาทำความสะอาด ทุกฯ 2-30,000 ก.ม.หรือ เปลี่ยนถ้าตระแกงฉีกขาด วาวล์ตัวนี้ทำหน้าทีกรองด้วย ถ้าสกปรก/อดตัน แอร์จะไม่เย็น) **.หรือติดตั้ง หาง เทอร์โม ผิด/เสีย(กรณีนี้เจอบ่อย ถ้ามีคนจะแกล้ง เพียงดึงหรือดันหางให้ผิดตำแห่นง ความเย็นจะเพี้ยนไปหรื อคอมจะตัดช้าหรือตัด ก่อน ในกรณีนี้ แอร์จะไม่เย็น สุดท้ายคอมเริ่มรั่ว และตาย ผมเคยเจอมาแล้ว)
9.ควรศึกษาคู่มือ วิธีการใช้ ปุ่มปรับตั้งระบบปรับอากาศรถคุณ เพราะหลายครั้งเจอผู้ใช้รถ ปรับผิด ....... .
10.รอบเครื่องต่ำเกินเพราะต้องการเซฟน้ำมัน...แต่แอร์ไม่เย็น ......ต้องเลือกเอาครับ
11 .PWM,Current Limiting pressure Control Valve,คอมจะทำงานเมื่อเครื่องติด เป็นระบบที่ใช้กับรถ Europe แล ะ ญี่ปุ่น High-end บางรุ่น ไม่มีเทอร์โมสแตท์ควบคุม จะใช้อุณหภูมิในห้องโดยสาร และECU ควบคุม pressur e แทน ไม่มีคลัทช์
**.การรั่วซึมของน้ำยา(ท่อน้ำยา 134 ยังกันซึมใด้ไม่ถึง100 เปอร์เซ็นต์) เติม น้ำยาบ่อยฯ โดยไม่ได้เติมน้ำมัน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คอมสึกหรอเร็วกว่าปรกติ และคอมล็อคได้ ควรเติมน้ ำมัน เมื่อเติมน้ำยาครั้งที่ 2-3 ถ้า 8-12 เดือน น้ำยาขาด ถือว่าปรกติ เติมน้ำยาบ่อยฯ ควรหาจุดรั่วและซ่ อมเสียจะดีกว่า เพราะน้ำยา และ น้ำมันคอมขาด ทำให้ระบบแอร์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ แอร์ไม่เย็นและจะทำให ้คอมเพรสเซอร์สึกหรอเร็วกว่าที่ควรจะเป็น . และที่สำคัญที่สุด ระบบต้องสะอาด..
*** Honda Civic แอร์เย็น แต่คอมดังเมื่อเปิดแอร์ ตอนไม่เปิดดังนิดหน่อย ก่อนเข้าศูนย์ หรือร้านแอร์ขาประจำกรุณาดูที่ ม ูเล่ย์ว่าแกว่งหรือเปล่า บางทีเสียงไม่ได้มาจากคอมเพรสเซอร์ เสียงมาจากคอคอมสึก ลูกปืนมู่เล่ย์แห้ง./ไหม ้...เพราะลุยน้ำมา. .




จาก ทะเล  202.139.211.41  พฤหัสบดี, 22/3/2550 เวลา : 11:40   


คำตอบที่ 4
      



saming จาก saming  124.120.9.136  พฤหัสบดี, 22/3/2550 เวลา : 12:25   


คำตอบที่ 5
      



chyvw จาก ชาย  203.146.104.41  พฤหัสบดี, 22/3/2550 เวลา : 12:52   


คำตอบที่ 6
      



anucha173 จาก nok  203.113.0.192  พฤหัสบดี, 22/3/2550 เวลา : 18:23   


คำตอบที่ 7
      



sppclickta จาก ซ้งครับ  124.121.65.77  เสาร์, 24/3/2550 เวลา : 16:52   


คำตอบที่ 8
      



จาก p  124.120.174.215  อังคาร, 27/3/2550 เวลา : 02:35   


คำตอบที่ 9
      



มดดำ จาก มดดำ  58.136.52.167  อังคาร, 27/3/2550 เวลา : 07:13   


คำตอบที่ 10
      



จาก p  124.120.167.217  อาทิตย์, 1/4/2550 เวลา : 23:14   


คำตอบที่ 11
      



จาก ศรีอรัญ  203.154.18.123  อังคาร, 3/4/2550 เวลา : 03:30   


คำตอบที่ 12
       ดีครับ ตอนนี้อากาศร้อนมาก ถึงมากที่สุด ถ้าระบบนี้ป่วย เราจะเดือดร้อนอย่างมาก ช่วยกันเอาใจใส่ดูแลกันครับ ไม่ใช่แค่ช่วยมองอย่างเดียว รถกระจกเยอะ เจียดเงินติดฟิล์มยี่ห้อดีๆที่นอกจากจะป้องกันรังสียูวี 99% รังสีความร้อนก็น่าจะป้องกันได้ซัก80-90%ด้วย หรือติดผ้าม่านด้วยเลยก็ยิ่งดี จะได้รักษาความเย็นในห้องโดยสารให้อยู่นานๆ จะได้ช่วยยืดอายุคอมเพรสเซอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ไม่ทำงานต่อเนื่องหลายๆชั่วโมงไงครับ



sppclickta จาก ซ้งครับ  124.121.18.220  อังคาร, 3/4/2550 เวลา : 08:56   


คำตอบที่ 13
       นานแล้วไม่ได้ทำอะไรกับแอร์เลย อยากล้างระบบต้อนรับสงกรานต์หน่อย ต้องใช้งบประมาณเท่าไรครับ ถ้าช่วยแนะนำร้านแอร์ดีๆให้ด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ



จาก ปาหมึก933  58.181.204.179  พุธ, 4/4/2550 เวลา : 11:01   


คำตอบที่ 14
      



toei71 จาก นครโคราชา  118.173.245.174  ศุกร์, 26/2/2553 เวลา : 16:47   


คำตอบที่ 15
       ให้ความรู้ดีมากครับ



ปุ๊ก จาก ปุ๊ก  124.122.165.7  อาทิตย์, 28/2/2553 เวลา : 18:11   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 25/8/2554 21:42:04

Error processing SSI file