คำตอบที่ 2
กลางดึกตี 1 วันเสาร์ได้กลับอยุธยา-จากโคราช อีก 2 กิโลเมตรจะถึงบ้านแล้ว พบรถปิคอัพขวางถนนคันคลองชลประทานซึ่งเป็นถนนขนาด 4 เมตร ไม่สามารถเลี่ยงไปได้ จึงเปิดไฟสูงใส่ดู ก็ยังเฉย ก็เตรียมพร้อมทีนที
ไม่ดับไฟ เปิดสูงจ่อเข้าไปใกล้อีก (ห่างประมาณ 50 เมตร) ก็มีชายกลางคนคาดไฟฉายที่ศรีษะ ออกมายกมือโบกรถว่าไปไม่ได้ แล้วก็เห็นอีกคนกำลังนอนทำอะไรที่ล้อหลังอยู่ ซึ่งตกถนนคสล.แหนบติดขอบปูนล้อลอยไม่ถึงพื้น แล้วมองไปอีกรอบ ๆ ก็ไม่มีคนแล้ว บนปิดอัพมีสวิงตะปบกบ 4 อัน ทั้งสั้นและยาว
คิดว่าคงหากินจริง ๆ จึงจอดรถส่องไฟอีกพัก ดูแล้วเห็นว่ากำลังโยกแม่แรงตัวสั้น ๆ อยู่ คงใช้ไม่สำเร็จ เพราะตัวสั๊กกะนิด และจะเสียเวลาเรา จึงลงรถแบบเตรียมพร้อม
ชายคนที่ยืนดูอยู่ก็มายกมือไหว้ แล้วบอกว่า "ขอโทษครับ ผมแจ้งป้อมยามแล้วนะครับว่า "มาหากบ" นะครับ"
แล้วแกก็บอกว่าจะกลับรถ แต่ถนนแคบล้อหลังมันตกลอย เดินหน้าก็ติดเพราะแหนบบรรทุกดันห้อยไปติดขอบปูนอยู่ จึงใช้แม่แรงหนุนอยู่ยังไม่สำเร็จ
ดังนั้น จึงบอกแกบอกเดี๋ยวดึงให้ ก็ใชสลิงเกี่ยวท้ายแล้วดึงเหทีละนิด จนขึ้นได้สำเร็จ
ทั้ง 2 คนมาขอบคุณยกมือไหว้กันใหญ่เลย แล้วบอกว่ามาจา "พุทธมณฑล" มาหากบเพื่อนำไปขาย ก.ก.ละ 150.- บาท ตอนนี้ยังไม่ได้กบเลย ถ้าได้จะให้ไปยำซะหน่อย
พอดีมาติดอยู่ 2 ชม.แล้ว ยังไม่มีรถปิคอัพผ่านมาเลย มีแต่มอไซด์ผ่านมา จึงติดอยู่อย่างงี้
ก็ใครจะผ่านล่ะขอรับ "ตี 1 " แล้ว อีกอย่าง เส้นทางนี้ใช้เฉพาะรถไถนา และคนท้องถิ่นเท่านั้น คนอื่นไม่กล้าเข้ามาใช้ เพราะเปลี่ยวมาก มีแต่วันรุ่นมามั่วสุมกันบ้าง
เล่ามาซะนานเลยเข้าเรื่องดีกว่า ขอรับ พอปิคอัพหากบไปแล้ว ก็ดันไปดับเครื่องยนต์แล้วลงมายืนฉี่ พอเสร็จสตาร์ทอีกก็ไม่ติด บิดสวิยช์อยู่นานเลยก็ไม่ติด มีแต่เสียงปั๊มติ๊กทำงาน จึงคิดได้ว่างานเข้าแน่เลย จึงให้เนฯ คอยสตาร์ท แล้วก็ลงไปเอาด้ามสกรูไขควงเคาะไดสตาร์ท 2 ที สตาร์ทติดทันที
แสดงว่าไดสาร์ทใกล้กลับบ้านเก่าแล้ว ขอรับ