คำตอบที่ 301
       และอีกปัญหาหนึ่งที่จะต้องทำการแก้ไข นั่นก็คือ บ่าวาล์วครับ เพราะการสึกหรอได้เกิดขึ้นจากการใช้งานทั้งระบบน้ำมันและระบบแก๊สจากเดิมทำให้เกิดเป็นตามดบริเวณบ่าวาล์ว ดังนั้นการทำงานของเครื่องยนต์ในการปิดวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียก็จะไม่สนิทสมบูรณ์ วิธีแก้ไขก็คือ จะต้องขึ้นแท่นเจียรวาล์วและบ่าวาล์วด้วยอีกหนึ่งรายการของการโอเวอร์ฮอล์เครื่องยนต์ในครั้งนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 302
       จากนั้นก็นำเสื้อสูบส่งไปโรงกลึงเพื่อตรวจเช็คว่า เสื้อสูบโก่งหรือไม่ ถ้าโก่งก็ต้องทำการไสตั้งหน้าใหม่ รวมทั้งบริเวณหลังปั๊มน้ำที่มีการผุกร่อนตรงจุดนี้สำคัญมากที่สุดครับ เพราะว่าการแก้ไขจะต้องนำไปเชื่อมอลูมิเนียมใหม่ ซึ่งก็ต้องเชื่อมแบบไม่ให้เสียรูปเพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่เปราะบาง หลังจากเชื่อมจะต้องมีการกลึงคว้านช่องใหม่ทั้งหมดโดยที่จะต้องนำเอาท่อน้ำข้างเครื่องไปทดลองระยะอีกด้วย เพื่อไม่ให้มีการผิดเพี้ยนตำแหน่งแม้แต่น้อย อีกทั้งขอบบริเวณรอบๆที่ยึดใส่โอริงก็ต้องพอดิบพอดีกันทุกอย่างทั้งหมดครับ ตรงนี้ต้องพิถีพิถันและต้องใช้ความชำนาญพอสมควรในการแก้ไข

ส่วนฝาสูบ วาล์วทุกตัว ก็ส่งไปโรงกลึงอีกเหมือนกันเพื่ออัดน้ำ ตรวจเช็ค ซ่อมแซม ว่าฝาสูบนั้นแตกหรือไม่ ถ้าแตกซ่อมได้ไหม หรือถ้าแค่โก่งก็ต้องไสฝาสูบใหม่ ส่วนพวกวาล์วและบ่าวาล์วก็ต้องเจียรตั้งขอบใหม่ทั้งหมดเพื่อให้กลับมาดีดังเดิม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 303
       ระหว่างที่เรารอเสื้อสูบและฝาสูบ เราก็ย้ายมาดูที่หน้างานกันก่อน
ในส่วนของเครื่องยนต์เดิมบนรถซึ่งก็ได้มีการรื้อถอดออกไปบ้างแล้วบางส่วน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 304
       การมองโดยภาพรวมก็ค่อนข้างที่จะปวดหัวทีเดียวครับ เกี่ยวกับเรื่องของระบบไฟและสายไฟต่างๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 305
       นี่ขนาดถอดออกไปบางส่วนแล้ว ยังไงๆก็ยังดูแน่นขนัดยุ่งเหยิงไปหมดอยู่ดี อย่างเช่น
- ระบบสวิทช์ไฟที่ด้านบนของขายึดแม่แรง ซึ่งใช้เป็นตัวตัดต่อคอมแอร์อีกทีหนึ่งแบบไม่ผ่านระบบแอร์จากในรถ ประมาณว่า จะให้พัดลมหน้าเครื่องทำงานอยู่เหมือนเดิมแต่คอมแอร์ไม่ทำงานในกรณีที่มีอาการเครื่องร้อน ตรงจุดนี้มีสายไฟที่เกินความต้องการอยู่ 4-5 เส้นที่ต้องลากโยงไปโยงมารวมทั้งสายกราวด์ด้วย จริงๆแล้วถ้าหากเครื่องยนต์สมบูรณ์ปกติ สวิทช์ตรงจุดนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร
- กระป๋องน้ำมันเพาเวอร์ ซึ่งยึดห่างออกไปจากจุดท่อยางน้ำมันวน ทำให้ต้องเดินสายน้ำมันอ้อมไปมาเพิ่มขึ้น รวมทั้งตัวปั่นที่ได้ถูกนำมาแปลงติดตั้งต่างหากทำให้ต้องวนสายอ้อมไปมาอีกเช่นกัน
- ขายึดแม่แรง รถออฟโรดสูงขนาดนี้แล้ว แม่แรงที่ติดมากับรถคงไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะนำมาใช้ยกเพื่อเปลี่ยนยาง
- ชุดรีเลย์ไฟ ซึ่งถูกยึดกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ทำให้ยากต่อการเช็คและก็ไม่ได้อยู่เป็นหมวดหมู่อีกด้วย รถมีปัญหาที่ไหนช่างทั่วไปก็ทำลำบากเพราะต้องไล่เช็ครีเลย์ไฟไล่แต่ละตัวไป เช่น ชุดรีเลย์ระบบแอร์ มันก็ควรอยู่ด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น รีเลย์คอมแอร์ รีเลย์พัดลมไฟฟ้า รีเลย์สั่งกราวด์(ในกรณีที่เป็นเครื่องหัวฉีด)
- ชุดสายไฟที่นอกเหนือความต้องการ เช่น สายไฟชุดพัดลมเดิมที่ได้ติดตั้งเพิ่มเพื่อเป่าเขาควายท่อไอเสียซึ่งก็ได้ถูกถอดออกไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งไว้ซึ่งชุดสายไฟเดิมอยู่ ทำให้ไม่ได้ใช้อะไร เกะกะและรกห้องเครื่อง
- ฟิวส์ต่างๆที่นอกเหนือความจำเป็น เพราะถ้าเราดูตัวปลายทางแล้วมันไม่จำเป็นต้องใช้ฟิวส์ หรือไม่ใช้ฟิวส์แต่ใช้สายไฟให้เหมาะสมมันก็ไม่รกอะไรมากมายครับ

และอื่นๆอีกมากมายที่ต้องจัดและคัดออก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 306
       รีเลย์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป รวมทั้งฟิวส์ลอย และขั้วปลั๊กต่างๆที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ยังคงปล่อยลอยทิ้งไว้
แต่การรื้อถอดก็ต้องพิถีพิถันเหมือนกันครับ ไม่ใช่ว่ารื้อดึงทิ้งอย่างเดียว เพราะว่าเราจะต้องดูด้วยว่า ปลายทางที่เข้าไปในรถนั้นได้ไปเชื่อมต่อกับอะไร สวิทช์อะไรหรือเปล่า บางครั้งแล้วสวิทช์นั้นอาจจะไม่ได้ใช้แล้วก็จริง แต่ช่างทั่วไปอาจจะนำเอาไฟพ่วงใช้ต่อจากสวิทช์ในรถตัวดังกล่าวอีกที ทำให้ถ้าเรารื้อชุดไฟรกๆนี้ออกไปก็อาจจะทำให้ระบบไฟอีกชุดที่ได้ถูกพ่วงไว้ในรถอีกทีขาดหายไปด้วยเหมือนกัน ดังนั้นต้องไล่เช็คดูให้ดีซึ่งถ้ามีการพ่วงต่อไปอีกเราก็จะต้องลากไฟแบตชุดใหม่เข้าไปทดแทนให้ถูกต้องถูกระบบจะได้ครบถ้วนเหมือนเดิม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 307
       ปวดหัวจากฝั่งคนนั่ง(ซ้าย)แล้ว ก็ย้ายมาดูฝั่งคนขับ(ขวา)กันบ้าง ซึ่งดูแล้วก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะเกณฑ์ในการวัดว่าสายไฟรกเยอะไม่เยอะก็ดูจากสีของตัวถังซุ้มล้อทั้ง 2 ฝั่งแหละครับ ถ้ามองไม่ค่อยเห็นสีก็ถือว่าเยอะครับ

สายยาง ท่อยางต่างๆที่วนไปวนมา สายไฟเข้าแบต สายไฟวินช์ สายไฟสปอร์ตไลท์ และรีเลย์ไฟจำนวนมาก

อืม.....ดูไปดูมาแล้ว จริงๆแล้วผมว่า ช่างไฟทั่วๆไปถ้าเห็นสายไฟแบบนี้แล้วเค้าคงจะไม่รับงานล่ะครับ

 แก้ไขเมื่อ : 5/4/2556 11:09:56

ผมว่าของผมรกแล้วนะ แต่ก็ไม่เท่านี้ ติดตามผลงานตลอดครับ จาก : คมออฟโรด(คมออฟโรด) 5/4/2556 14:59:43 [118.174.151.234] ขอบคุณครับ จาก : สอ(sorapol) 6/4/2556 20:46:22 [180.180.237.120]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 308
       บริเวณแถวๆแบตเตอรี่ยิ่งยุ่งเหยิงเกี่ยวกับสายไฟมากขึ้นไปอีก หม้อลมเบรคแทบมองไม่เห็น เติมน้ำมันเบรคแทบไม่ได้ ถ้าเติมลงไปเดี๋ยวหกเลอะเทอะสีเสียหมดครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 309
       ระบบไฟเป็นจุดหนึ่งที่ต้องพึงระวังมากที่สุด เพราะแต่ละคันมาไม่ค่อยเหมือนกัน พอทำเสร็จหมดทุกอย่างแล้วระบบไฟทุกๆคันจะต้องใช้ได้เหมือนเดิมเหมือนกับก่อนที่จะทำครับ

เสร็จจากการตรวจเช็ค รื้อและมาร์คตำแหน่งระบบไฟทุกอย่างหมดแล้วก็เข้าสู่กระบวนการเดิม นั่นก็คือ เลาะทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกให้หมด เคลียทุกอย่างให้โล่งทั้งหมด ยกเครื่องเกียร์ลงทั้งหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 310
       บริเวณใต้หม้อลมเบรคก็ดั่งเช่นเหมือนทุกๆคัน นั่นก็คือ คราบสนิมที่เกิดจากการเติมน้ำมันเบรค หรือน้ำกลั่นหกลงมาที่ด้านล่างแล้วไม่รีบเอาน้ำมาราด ทำให้กัดสีลอกออกจนเหลือแต่เหล็กแล้วเกิดสนิม ซึ่งปล่อยไปนานๆก็ผุทะลุได้

(Before)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 311
       ขัดสนิมออกให้หมด แล้วลงสีกันสนิม สีพื้นและสีจริง เพื่อจะได้กลับมาดีดังเดิม

(After)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 312
       อีกฝั่งก็เช่นกันครับ รถคันนี้เดิมทีเป็นสีแดงแต่บางครั้งการพ่นสีให้ถึงทุกซอกทุกมุมก็เป็นไปได้ยาก ซึ่งไม่เหมือนกับการยกเครื่องออกมาข้างนอกแล้วเก็บรายละเอียด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่เราจะสามารถเก็บงานสีในส่วนที่เหลือได้ในจุดนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 313
       เช่นเดียวกันกับขายึดแม่แรงเดิมติดรถ ซึ่งได้ถูกติดตั้งมาจากโรงงานในตำแหน่งห้องเครื่องฝั่งซ้าย ซึ่งเมื่อตัวรถมีการปรับแต่งมากกว่าสแตนดาร์ดทั่วไป มีการยกสูง ก็จะไม่สามารถทำให้ใช้แม่แรงเดิมๆได้ จุดนี้ไม่เกิดประโยชน์อยู่ไปก็รกห้องเครื่อง ยิ่งถ้าหากว่าเป็นตัว G16A 16 Valve ด้วยแล้วยิ่งจะทำให้ติดกรองอากาศเข้าไปอีก ดังนั้นจึงต้องเพิ่มเนื้อที่ในห้องเครื่องจากที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้วให้มากขึ้นโดยการเจาะเลาะออกไป

(Before)

 แก้ไขเมื่อ : 6/4/2556 21:43:13

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 314
       เสร็จแล้วก็เก็บงานสีใหม่ให้เรียบร้อย

(After)


 แก้ไขเมื่อ : 7/4/2556 22:52:36

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 315
       เคลียร์ในห้องเครื่องเรียบร้อยก็ย้ายมาที่ส่วนของเกียร์ ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งของระบบส่งกำลังและก็ได้ถูกยกลงมาด้านล่างเหมือนกัน เตรียมพร้อมสำหรับการดัดแปลงเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์ใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 316
       แต่ก่อนที่จะดำเนินการก็ต้องล้างทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกต่างๆออกให้หมด เวลาจับยกทำอะไรจะได้สะอาดๆ พื้นโรงรถที่ทำก็จะได้สะอาดด้วย
การทำรถนั้นอันดับ 1 คือ เรื่องความปลอดภัย
อันดับ 2 คือ เรื่องความสะอาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 317
       พอสะอาดแล้ว เราก็จะเห็นถึงรอยและจุดที่น่าจะมีการรั่วซึมของคราบน้ำมันต่างๆ เขี้ยวล็อคลูกปืนกดคลัช สปริงขาคลัช และอื่นๆ จะได้ชัดเจนถ้าหากมีการเสียหายเขี้ยวหัก สปริงหัก แตกต่างกับตอนที่สกปรกจะไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่

แต่สำหรับลูกปืนกดคลัชนี่ ไม่ต้องล้างนะครับให้ถอดออกไปตั้งแต่ตอนแรก ถ้าหากจับหมุนดูแล้วยังไม่ดังก็สามารถใช้ต่อได้ แต่ถ้าดังซ่าก็เปลี่ยนของใหม่ใส่ เพราะถ้าหากยังดีอยู่แล้วเอาไปล้างน้ำมันจะทำให้จารบีที่อยู่ภายในถูกล้างออกไปด้วย ทำให้จากที่ไม่ดังก็จะดังขึ้นมาทันที

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 318
       การเซอร์วิสเกียร์โดยเฉพาะซีลหน้าเกียร์และท้ายเกียร์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำ เนื่องจากตัวเกียร์นั้นได้ถูกยกลงมาที่ด้านล่างแล้ว การถอดเปลี่ยนอะไรต่างๆก็มักจะทำได้ง่ายดาย เนื้องานก็ไม่ช้ำแตกต่างกับตอนที่อยู่บนรถ ซึ่งเราจะต้องมุดใต้ท้องลำบากๆเพื่อถอดเปลี่ยน ตีงัดลำบากครับ

อะไหล่ซีลเกียร์ต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ควรจะเป็นของแท้เท่านั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 319
       จากนั้นก็เปลี่ยนใส่เข้าไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 320
       ส่วนของเดิมที่ได้ถูกงัดออกมา จะเห็นว่า เป็นสีดำซึ่งเป็นอะไหล่เทียบ และเป็นอะไหล่เทียม สภาพโดยทั่วไปก็ค่อนข้างแข็งแล้ว ทำให้กันน้ำมันไม่ค่อยอยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 321
       เสร็จแล้วก็ต่อด้วยซีลหน้าเกียร์ ซึ่งก็เป็นสีดำเหมือนกัน เป็นอะไหล่เทียมเทียบเอา สภาพโดยทั่วไปก็เริ่มแข็งแล้ว ซึ่งก็จะมีประสิทธิภาพในการกันน้ำมันที่ด้อยลงไป ยิ่งบางคันที่แข็งกรอบมากๆ ตอนถอดนี่มักจะติดอยู่ที่ตัวเกียร์เลยครับ ไม่ได้ติดฝาหน้าเกียร์ออกมาแบบนี้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 322
       อะไหล่เทียมเทียบ สกปรก และแข็งกรอบแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 323
       ล้างฝาปิดหน้าเกียร์ใหม่ให้สะอาด พร้อมกับอะไหล่แท้ของใหม่ได้ถูกใส่เข้าไปแทน อะไหล่ซีลแท้ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีน้ำตาลนะครับ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องซูซูกิก็มักจะเป็นสีน้ำตาล ส่วนของเทียมเกรด A (หรือบางทีร้านอะไหล่ก็เรียกว่า "แท้" แต่ไม่ผ่านศูนย์) จะเป็นยี่ห้อ NOK ก็จะเป็นสีน้ำตาลเหมือนกันนะครับ จริงๆแล้วก็พอจะใช้ทดแทนได้ใกล้เคียงกันในกรณีที่จำเป็นต้องหาใส่จริงๆเพื่อจำเป็นต้องใช้รถ แต่ถ้าโดยปกติแล้วถ้าไม่ลำบากจริงๆควรจะหาเป็นของแท้จะดีที่สุดครับ เพราะตำแหน่งของอะไหล่พาร์ทตัวนี้ไม่ได้ถอดเปลี่ยนกันบ่อยๆ ถอดก็ลำบากครับ ต้องยกเกียร์ลงมา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 324
       ตรวจเช็คอีกทีเพื่อความเรียบร้อย ขูดกาวปะเก็นเดิมออกให้หมด ก่อนที่จะทากาวใหม่แล้วประกอบกลับเข้าไปเหมือนเดิม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 325
       ต่อด้วยการตรวจเช็คระบบสายไฟและสวิทช์เกียร์ถอย สายไฟถ้าแข็งกรอบก็ตัดต่อเปลี่ยนสายใหม่ ส่วนสวิทช์ถ้าเสียก็เปลี่ยนหรือถ้าสายไฟหักตรงที่ติดกับสวิทช์เลยก็ต้องลองผ่าหัวรื้อดูถ้าเชื่อมไม่ได้ก็เปลี่ยนเช่นกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 326
       อีกจุดหนึ่งที่ชอบรั่ว นั่นก็คือ รูใส่สลักเกียร์ ซึ่งปกติแล้วมันมักจะมีจุกยางอุดอยู่ แต่พอใช้งานไป มีความร้อน จุกยางดังกล่าวก็มักจะแข็ง หรือไม่ก็หลุดหายไป พอเกียร์ทำงานร้อนๆก็มักจะมีน้ำมันดันขึ้นมาแล้วทำให้รั่วไหลเยิ้มออกมาแถวบริเวณด้านใต้ของเกียร์ ตรงจุดนี้ก็แก้ด้วยการเช็ดให้สะอาดแล้วเอายาหรือกาวดีๆอุดเอาไว้ก็เรียบร้อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 327
       เสร็จจากการเซอร์วิสเกียร์ทั้งหมดแล้ว ก็ดำเนินการในเรื่องของระบบคลัชต่อเพื่อรอไว้ก่อนได้เลย โดยทำการแปลงเป็นคลัช 1600 เพื่อที่จะใช้งานร่วมกับเครื่อง 1600 ได้อย่างเหมาะสม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 328
       ไม่นานนักเราก็ได้ฝาสูบและเสื้อสูบกลับมาจากโรงกลึง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 329
       ความราบเรียบและแนบสนิทได้กลับคืนมาเหมือนเดิม แตกต่างจากของเดิมที่มีขอบกระบอกสูบที่สูงต่ำไม่เท่ากัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 330
       อีกมุมครับใกล้ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย