WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ติดน้ำใช้ในรถ ............อ่านก่อนติดกันดีกว่า.......
อู๋ T035
จาก TTC035
IP:124.120.207.57

จันทร์ที่ , 18/5/2552
เวลา : 23:58

อ่านแล้ว = 7906 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
จากข่าว http://www.kroobannok.com/view.php?article_id=2263



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.207.57 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 00:00  IP : 124.120.207.57   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82622

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d
จาก http://www.neo-club.com/forums/index.php?topic=17497.0



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.207.57 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 00:02  IP : 124.120.207.57   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82624

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d
ลองเอามาอ่านกันเล่นๆ .......ทั้งทฤษฏี และข้อวิจารณ์ และก็ผู้ขาย

อิอิ .........แต่ข้อหนึ่งน่าจะมีแบบแอมเวย์นะ

" ไม่ได้ผลยินดีคืนเงิน............."

น่าจะมีในตอนซื้อ ................




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.207.57 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 00:05  IP : 124.120.207.57   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82625

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d
จาก http://www.gasthai.com/boardgas/html/46526.html

คำตอบที่ 29 ถึงคำตอบที่ 47 ของคุณนกท. กระจ่างเลย ............




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.207.57 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 00:21  IP : 124.120.207.57   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82629

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d
โดยหลักการน่าจะทำได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะ ธุรกิจ ท่ามีอะไรมาแทนนำม้นและเชื้อเพลิงที่มาจากซากพืชซากสัตว์ ต้องมีอะไรมาทดแทนให้ปั๊มที่ต้องปิดทั้งโลก ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องอีก วิกฤตทั่วโลกแน่ เลยกั๊กกันไว้ก่อนเท่านั้นเอง ทุนวิจัยเป็นร้อยล้านบาท พัฒนา ไฮบริดต่อยอดก่อน ค่อยค่อยผสม พัฒนาแบตขายแบต ท้ายสุดเปลี่ยนอย่างอื่นมาทดแทนนำมันในเวลาอันเหมาะสมทางธุรกิจ ดู คอมฯ เป็นตัวอย่างพัฒนามาเรื่อยๆ แต่ค่อยค่อยื up เพราะเหตุผลทางธุรกิรครับ ไม่มีอย่างอื่น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก มงคลttc068 125.25.95.86 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 11:33  IP : 125.25.95.86   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82637

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d
เชิญชวนไปดูงาน

" ชมนวัตกรรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิต ระหว่างวันที่ 25-28 มิ.ย.ไบเทค บางนา ทั้งนี้ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จากพลังงานไฮโดรเจนและเซลล์เชื้อเพลิง ไม่กินน้ำมัน ไม่มีควันผพิษทำลายสุขภาพ ไม่มีเสียงดังของเครื่องยนต์ หลักการทำงานคือการใช้ไฮโดรเจนผ่านเยื่อบางๆ ที่เรียกว่า “ เยื่อแลกเปลี่ยนโปรตอน ” จะเกิดพลังงานไฟฟ้าและนำ กระแสไฟฟ้าจะส่งไปยังเครื่องยนต์ เมื่ออิเล็คตรอนไหลวนครบวงจรจะกลับมารวมกับไฮโดรเจนประจุบวก และออกซิเจนที่อยู่ในอากาศก็จะกลายเป็นไอน้ำกลับคืนสู่บรรยากาศจึงไม่ก่อให้เกิดมลพิษและไม่มีเสียงดังของเครื่องยนต์ ปราศจากมลพิษ "




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ทีทีซี 035 124.120.209.153 อังคาร, 19/5/2552 เวลา : 15:36  IP : 124.120.209.153   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82680

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d
http://www.runyourcaronwaterfyi.com/hho-generators-vs-hydrogen-cars.htm




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.213.210 เสาร์, 23/5/2552 เวลา : 21:49  IP : 124.120.213.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82776

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d
จากข่าว

"รถพลังงานไฮโดรเจน ฝีมือคนไทย
ข่าวในประเทศ - เปิดทางเลือกพลังงานเชื้อเพลิงรถยนต์ นอกเหนือ LPG และ NGV บริษัทคนไทย “HPI” ประกาศผลิต Hydrogen Power Kit ชุดอุปกรณ์ผลิตพลังงานไฮโดรเจน ใช้ควบคู่กับน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล คุยเป็นนวัตกรรมเหนือคู่แข่ง ไม่ต้องใช้ถังบรรจุ ติดตั้งง่าย ระบบทำงานอัตโนมัติ ลดปัญหาหลักที่พบในรถยนต์ไฮโดรเจนปัจจุบัน ที่สำคัญใช้พลังงานจากน้ำสะอาด จึงช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 40-60% เคาะราคาขายเริ่มต้น 3.36 หมื่นบาท เผยได้รับความสนใจจากผู้จำหน่ายกว่า 50 แห่งทั่วประเทศสั่งจองนับหมื่นชุด มั่นใจสิ้นปีมียอดขายทะลุแสนชุด



ชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit


ดร.สิริภพ รักษ์ธนธัช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮโดรเจน เพาว์เวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (HPI) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทรถยนต์เกือบทุกค่าย ได้ทำการศึกษาและพัฒนารถที่ใช้พลังงานก๊าซไฮโดรเจนในการขับเคลื่อนรถยนต์ และในท้องตลาดก็มีผู้ผลิตอิสระอื่นๆ ทำการคิดค้นเรื่องนี้โดยเฉพาะ จึงถือเป็นพลังงานที่อยู่ในความสนใจ และน่าจะมีแนวโน้มสูงในการนำมาใช้จริงในอนาคต ซึ่งขณะนี้เป็นการพัฒนาในรูปแบบของไฮโดรเจนเหลว และต้องเก็บในถังบรรจุ เช่นเดียวกับแอลพีจี และเอ็นจีวี

“ในไทยมีผู้ผลิตอิสระ 4-5 ราย ในการติดตั้งพลังงานไฮโดรเจนกับรถยนต์ทั่วไป แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะมีปัญหาก๊าซไฮโดรเจนผลิตออกมาเกินกว่าอัตราการใช้งาน ความร้อนที่เกิดขึ้นจากระบบการผลิต การตกตะกอนของแร่ธาตุในน้ำที่นำมาใช้หรือตะกรัน และความเสื่อมของแบตเตอรี่ จากปัญหาเหล่านี้ทำให้ทีมวิศวกรและนักวิจัยของเรา นำมาแก้ไขและปรับปรุงจนได้ชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit ที่ผลิตพลังไฮโดรเจนจากน้ำ ผ่านกระบวนทางไฟฟ้า ในการขับเคลื่อนรถยนต์ โดยใช้ร่วมกับพลังงานน้ำมัน ทำให้สามารถประหยัดได้ 40-60%”



แหล่งส่งเชื้อเพลิงไฮโดรเจน


ทั้งนี้ชุดอุปกรณ์ผลิตไฮโดรเจนดังกล่าว ได้พัฒนาและออกแบบในลักษณะอุปกรณ์ควบเสริม ที่ใช้ผสมกับเชื้อเพลิงหลัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน หรือดีเซล โดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ พร้อมจุดเด่นที่ไม่ต้องมีถังบรรจุ และใช้เทคโนโลยี Ultra Sonic ในการแยกก๊าซไฮโดรเจนจากน้ำ ซึ่งนำมาเป็นเซลล์เชื้อเพลิง ใช้ร่วมกับน้ำมันหลัก

ดร.สิริภพกล่าวว่า ชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit ทำงานอัตโนมัติทั้งระบบ ประกอบด้วย Cell Hydrogen ตัวเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน กล่อง CPU ควบคุมการผลิตไฮโดรเจนให้พอเหมาะตามรอบเครื่องยนต์ จึงไม่กินกระแสไฟ รวมถึงป้องกันกระแสไฟเกิน โดยจะตัดทันทีหากเกิดผิดปกติ ECU ควบคุมปริมาณการจ่ายเชื้อเพลิง ให้กับเครื่องยนต์ร่วมกับพลังงานน้ำมันหลัก และยังป้องกันไฟย้อนกลับ กล่อง Power Control และระบบน้ำในการผลิตไฮโดรเจน ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำวน หรือนวัตกรรมหล่อเย็น และถังบรรจุน้ำวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจน

“จากระบบของชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit จะเห็นว่าปัญหาของการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในตลาดทั่วไปได้ชัดเจน ซึ่งเป็นนวัตกรรมของเราโดยเฉพาะ และได้มีการจดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว ที่สำคัญเป็นพลังงานที่ได้จากน้ำสะอาด ไม่ว่าจะน้ำจากเครื่องกรองน้ำในบ้าน หรือน้ำขวดที่จำหน่ายทั่วไป ซึ่งจากการทดสอบมาเป็นเวลานานจนมั่นใจ ทั้งความปลอดภัยและประหยัด โดยจากการทดสอบรถเอสยูวีชื่อดัง ระยะทาง 100 กิโลเมตร จากเดิมต้องเติมน้ำมันประมาณ 8 ลิตร แต่เมื่อใช้ชุดอุปกรณ์ไฮโดรเจน เติมน้ำมันเพียง 3.5 ลิตเท่านั้น” ดร.สิริภพกล่าวและว่า



รถที่ได้รับการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว


สำหรับชุดอุปกรณ์ Hydrogen Power Kit รุ่นแรก H40 ใช้ได้กับรถทุกชนิดทั้งเบนซินและดีเซล ในราคาชุดละ 33,600 บาท สำหรับรถ 4 ล้อ และมีค่าบริการติดตั้ง 3,500 บาท รถบรรทุก 6 ล้อ ราคา 43,200 บาท ค่าติดตั้ง 4,500 บาท และรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ราคาชุดละ 57,000 บาท ค่าติดตั้ง 5,500 บาท โดยสามารถติดตั้งได้กับตัวแทนจำหน่าย ที่ผ่านการอบรมวิธีการติดตั้ง และการใช้บริการตามมาตรฐานบริษัท ซึ่งปัจจุบันแต่งตั้งไปแล้ว 56 ศูนย์ทั่วประเทศ

“แม้จะเพิ่งเปิดตัวแต่ได้รับการตอบรับจากผู้แทนจำหน่ายดีมาก โดยมียอดจองแล้วกว่าหมื่นชุด ซึ่งบริษัทมีกำลังการผลิตในระยะแรก 2 หมื่นชุดต่อเดือน คาดว่าภายในสิ้นปีน่าจะมียอดขายกว่า 1 แสนชุด และในจำนวนนี้มีกลุ่มรถองค์กร เช่นราชสีมาแอร์ที่สนใจและเจรจากันอยู่ รวมถึงรถโดยสารรายอื่นๆ หรือรถขนส่งประมาณ 30% และอนาคตจะมีโปรดักต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่มีเฉพาะรุ่น H40 ซึ่งประหยัดพลังงานได้ 40-60% โดยพัฒนาให้ประหยัดได้สูงสุดถึง 90% แต่จะไม่ถึง 100% เพราะเทคโนโลยีเครื่องยนต์ปัจจุบันไม่ได้รองรับก๊าซ 100% จึงจำเป็นต้องฟิล์มป้องกันการสึกหรอ” ดร.สิริภพกล่าว


ที่มา
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000045677






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.213.210 เสาร์, 23/5/2552 เวลา : 21:50  IP : 124.120.213.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82777

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d
นำมาจาก http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7785205/X7785205.html

"ขอคัดลอกมาจาก ความเห็นในข่าวเดียวกัน เป็นวิชาการดี

คำตอบที่ 46
ผมลงให้อ่านอีกทีครับ

จะได้จบเรื่องกันซักที

http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/question.asp?page=2&id=1039

ความจริงเรื่องนี้ผมไม่อยากจะเขียนเท่าไหร่เพราะว่ามีแต่เจ๊ากับเจ๊ง มีแต่โดนด่า
แต่ช่วงนี้ชักจะไปกันใหญ่ มีการหากินกับความไม่รู้ของคน ซ้ำเติมผู้ที่เดือดร้อนอยู่แล้ว

สังคมไทยในปัจจุบันเป็นสังคมข่าวสาร แต่เป็นข่าวสารที่ไม่ได้กรอง
กลับเป็นข่าวสารที่กอง คือมีอะไรกองรับไว้หมด ไม่ได้กรองข่าวเท็จทิ้ง ข่าวจริงเก็บ
รับรู้ข่าวสารเพียงแต่ด้านเดียวโดยไม่ได้นำมาพิจารณาว่าจริงหรือเท็จ
ดังนั้นใครที่ได้ออกสื่อจะถือว่าได้มีโอกาสดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อทางรายการโทรทัศน์
ข้อนี้เราโทษนักข่าวไม่ได้ เนื่องจากว่านักข่าวไม่ได้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์
พอที่จะสอบถามหรือเข้าใจได้ มีอะไรที่ทำข่าวได้ก็ต้องรีบไปทำ

มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเมืองไทย เมื่อน้ำมันมีราคาสูงขึ้นก็จะมีอุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน
หรือสารเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องยนต์ ไมว่าจะเป็นแบบน้ำ ,แบบเม็ด หรือแบบที่เป็นเจล ออกมาขาย
มีทั้งแบบผสมในท่อไอดี ผสมในน้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเกียร์ แม้กระทั่งท่อไอดี แล้วก็ล้มหายตายจากไป
แล้วก็เกิดใหม่ วนเวียนวัฏจักรแบบนี้ตลอดมา

ยิ่งในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมานี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้นมากอย่างน่าใจหาย หลายคนตกใจกลัว
คล้ายกับคนที่จะจมน้ำตาย คว้าอะไรได้ก็คว้าไว้ก่อน ใครได้ท่อนไม้ก็โชคดีไป ใครคว้าเอาจระเข้ก็ซวยไป
=========================================================
อุปกรณ์ประหยัดน้ำมันก็เช่นกันย่อมอยู่ในหลักพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์หรือใช้เหตุผล
ที่สามารถอธิบายได้อย่างไม่มีข้อสงสัย ไม่ใช้ความรู้สึกว่าได้ผล ทุกอย่างต้องเป็นตัวเลขที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
โดยปราศจากข้อสงสัย การทดสอบประหยัดน้ำมันที่ทดสอบกันนั้นอยู่บนตัวแปรหลายตัว เช่นอากาศ ลมยาง
อุณหภูมิ สภาพการจราจร ตลอดจนวิธีการขับรถ

อุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ใช้กับรถยนต์สามารถขายได้ราคาดี แถมถ้าได้อ้าง
ว่านาซารับรอง หรือได้ออกรายการทีวีก็จะยิ่งสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าได้ดียิ่งขึ้น
ไมว่าจะเป็นลมยางไนโตรเจน สารหล่อลื่น และในปัจจุบันที่เป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมากคือ "รถพลังน้ำ"

เรื่องการแยกน้ำออกมาเป็นแกสไฮโดรเจนและออกซิเจนเอามาทำเป็นเชื้อเพลิงใช้ในรถ
มีการทดลองทำมานานหลายสิบปีแล้ว จดสิทธิบัตรกันก็มากมายเป็นร้อย ๆ แบบ

ในเว็บของต่างประเทศมีประกาศขายอุปกรณ์ ขายหนังสือวิธีการทำเชื้อเพลิงจากน้ำมากมาย
ผมเองก็เคยมีความสนใจมากในเรื่องพวกนี้และแปลกใจว่าทำไม่มันถึงไม่แพร่หลายใช้งานได้จริง ๆจัง ๆเสียที
เหตุใดจึงอยู่ในวงการแคบ ๆ เท่านั้น
=========================================================
หลาย ๆ เว็บไซท์ ต่างก็อ้างถึงการทดลองของรถบั๊กกี้ของ stan meyer อีกทั้งมีภาพวิดีโอประกอบด้วย
มีข่าวลืออีกด้วยว่านาย stan โดนเก็บเพราะเทคโนโลยีนี้ทำให้หลายบริษัทเสียประโยชน์
ยิ่งทำให้ผมปักใจเชื่อมากขึ้นว่ามีโอกาสเป็นไปได้ จึงได้เริ่มอ่านสิทธิบัตรต่าง ๆ และดูตัวอย่างที่มีคนทำมาแล้วหลาย ๆแบบ

ผมเคยลงทุนสั่งซื้อชุดที่ประกาศขายในเน็ตจากอเมริกา เพื่อเอามาดูว่าสิ่งที่ผมคิดไว้กับที่เขาขาย มีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง
เพราะว่าที่เว็บนี้มีข้อมูลกล่าวอ้างถึงผลการทดสอบต่าง ๆ มากมายหลายกรณีรวมถึงวิดีโอสัมภาษณ์ผู้ใช้งานจริง ทำให้ดูน่าเชื่อถือมาก

เพื่อที่จะได้เอาต่อยอดทางความคิดพัฒนาให้มันดีและถูกต่อไป
แถมยังมีบริษัท British Autogas ของอาบังลงโฆษณาในเว็บขายเครื่องอิเลคโตรไลเซอร์แยกน้ำเป็นแกส
ใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถอีก ยิ่งทำให้ผมมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่า งานนี้ต้องสำเร็จ

เมื่อซื้อมาแล้วก็ได้เริ่มทดลองการทำ หลาย ๆ แบบ โดยที่การทดลองของผมนั้นไม่ค่อยจะเหมือนกับชาวบ้านเขา

ผมที่ผมใช้ทุกคันตั้งแต่คันแรกในชีวิต ผมจะจดระยะทาง,จำนวนน้ำมันที่ใช้,ราคาน้ำมัน อย่างสม่ำเสมอและตอนเติม
ก็จะเติมให้เต็มถังตลอดทุกครั้ง จึงเป็นการง่ายที่จะนำข้อมูลก่อนใช้และหลังใช้มาเปรียบเทียบกัน

การเปรียบเทียบผมไม่ได้ใช้ครั้งต่อครั้ง แต่นำมาทำเป็นกราฟเส้นสองเส้นในช่วงเวลาที่ไม่ต่ำกว่าสามเดือน
โดยที่นิสัยการขับรถของผมยังไม่เปลี่ยนแปลง

บางคนคิดว่าวิธีการนำข้อมูลมาเปรียนเทียบของผมนั้นใช้ไม่ได้ก็ได้ แต่ผมกลับคิดว่าถ้ามันใช้งานได้จริง
กราฟที่วาดได้จะต้องเห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ระหว่างนี้ก็ได้โทรศัพท์คุยกับ อ.von และได้รับคำแนะนำว่า "อย่าทำ"

ผลปรากฏว่าไม่เห็นความแตกต่างอย่างเป็นนัยสำคัญครับ
เวลาที่ทดสอบอาจจะน้อยเกินไป ผมจึงทดลองต่อไปเรื่อย ๆ อีกหลายเดือน ผลที่ได้เหมือนเดิม






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.213.210 เสาร์, 23/5/2552 เวลา : 21:52  IP : 124.120.213.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82778

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d
ต่อนะครับ

=========================================================

เครื่องต้นแบบผมตัวแรกผลิตแกสได้ประมาณ 1 ลิตร ต่อนาที โดยไม่ต้องมีระบบระบายความร้อนแบบที่ทำขาย ๆกัน

ผมทดลองทั้งแบบที่ใช้ Pulse Width Modulation ที่ความถึ่และ Duty Cycle ต่าง ๆ กัน
โดยใช้ Micro Controller ควบคุม การปรับค่าต่าง ๆ ง่ายมาก มี VR สองตัว ตัวแรกปรับความถึ่ ตัวสองปรับ Duty cycle
เอามา ไดรว์ MOSFET ที่จ่ายไฟให้แก่อิเลคโตรไลเซอร์ วัดว่าทำอย่าไงจึงจะได้แกสมากที่สุด
ทดสองผสมสารละลายที่ความเข้มข้นต่าง ๆ น้ำทีใช้ผมก็น้ำจากเครื่องกลั่นในห้องปฏิบัตการ
ของโรงงานอาหารทะเล

ตอนหลังนี้ผมก็ได้โทรศัพท์ ปรึกษากับอาจารย์อีกเช่นเดิม เป็นระยะ ๆ ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิม
คือสรุปได้ว่าขาดทุนตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว

ทำให้ผมเริ่มฉุกคิดว่า เราทำผิดตรงไหน เหตุใดจึงไม่ได้ผล จึงทำให้ผมเริ่มศึกษาแบบใช้เหตุและใช้ผล

========================================================

สมน้ำหน้าตัวเอง ที่เคยเรียนมาแล้วแต่....ไม่จำเอง

ต่อไปจะเป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลข พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ครับ

ผมขอปูพื้นฐานนิด ๆ หน่อย ๆ จะได้ตามกันได้ทัน
น้ำ มีสูตรทางเคมีว่า H2O คือ ใน 1 โมเลกุลของน้ำจะประกอบไปด้วย H สองอะตอม และ O หนึ่งอะตอม

โมล เป็นหน่วยวัดจำนวนโมเลกุลของสารประกอบหรือธาตุที่มีจำนวนเท่ากับเลข อาโวกาโร คือ 6.023 x 10^23 ตัว
การจะรู้ว่า 1 โมลมีน้ำหนักเท่าไหร่นั้นง่ายมาก คือ นำน้ำหนักอะตอมซึ่งดูไดจากตารางธาตุเอามารวมกัน

ตามตารางธาตู H มี นน.อะตอม 1.008 , O มี นน อะตอม 16
H2O จึงมี นน. โมเลกุล = 1.008x2 + 18 = 18.004 ===> Approx 18

นั่นหมายถึง น้ำ 1 โมล มีน้ำหนัก 18 กรัม จะประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 2 กรัม และ ออกซิเจน 1 กรัม

ต่อไปขอพูดถึงค่าพลังงานของพันธะ(Bond Energy)ซักหน่อย
การจะแยกโมเลกุลออกมาต้องใส่พลังงานเข้าไปเพื่อให้อะตอมแตกตัวออกมา
ในวิชาเคมีมัธยมปลายก็เคยมีสอนไว้ ว่า สร้างคาย สลายดูด คือถ้าสร้างพันธะใหม่จะคายพลังงานออกมา
ถ้าต้องการสลายพลังงานต้องใส่พลังงานเข้าไผ

O-O มีค่าพลังงานพันธะ 118.3 Kcal /mole
H-H ค่าพลังงานพันธะ 104.2 Kcal /mole
H-O ค่าพลังงานพันธะ 101.5 Kcal /mole
H-OH ค่าพลังงานพันธะ 119.7 Kcal/mole

ดังนั้นการจะแยกน้ำออกมาเป็นแกส ต้องใส่พลังงานเพื่อสลายพันธะดังนี้

1 แยก H-OH ===> 119.7
2 แยก H-O ===> 101.5

รวมเป็น 119.7 + 101.5 = 221.2 Kcal/mole

เมื่อแยกออกมาแล้ว H ก็จะรวมกับ H เป็น H2 จะคายพลังงานออกมา 104.2
O ก็จะรวมกับ O เป็น O2 คายพลังงานออกมา 118.3/2 = 59.15
รวมการคายพลังงานออกมา 104.2+ 59.15 = 163.35

พลังงานที่คายนี้หายไปไหน ???

หายไปในรูปความร้อนครับ เซลแยกน้ำ จะต้องร้อนเสมอเพราะสาเหตุนี้ครับ
อย่า อย่าเพิ่งแย้งเรื่อง H-H ครับ ผมยังเขียนไม่จบ

------------------------------------------------------

ความร้อนที่คายออกมาในคำตอบที่แล้วเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
คือ ถ้าจ่ายไฟเข้าไปในเซลล์ที่แยกน้ำอย่างไรก็ต้องมีความร้อนเกิดขึ้นเสมอ
ถ้าแยกน้ำ 18 กรัมออกไปเป็นแกสได้ จะมีความร้อนเกิดขึ้นประมาณนั้น
ถ้ามากกว่านั้นหมายถึงอะไร ???

หมายถึงพลังงานส่วนที่ใส่เข้าไปนั้นไม่ได้แยกน้ำเป็นแกสครับ แต่กลายเป็นไป
เป็นการ "ต้มน้ำ" นั่นเอง

ใส่พลังงานเข้าไป 221.2 Kcal แต่โดนโยนทิ้งไปเฉย ๆเป็นความร้อน 163.35
พลังงานโดยรวมเหลือ 221.2-163.35 = 57.85 Kcal

เมื่อหารด้วย น้ำหนักของน้ำคือ 18 กรัม จะเป็นค่า 3.2 Kcal/กรัม

ค่านี้หมายถึงอะไร ???

==========================================

หมายถึงทุก ๆ 1 กรัมของน้ำที่ถูกแยกสลายกลายเป็นแกสแล้วนำแกสไปเผา
จะได้พลังงานออกมา 3200 แคลอรี คือสามารถทำให้น้ำ 1 กก อุณหภูมิสูงขึ้นไป 3.2 C

ในขณะที่พลังงานขาเข้าคือ 221.2 / 18 = 12.28 Kcal/กรัม
ทำให้น้ำ 1 กก อุณหภูมิสูงขึ้นได้ถึง 12.28 C

หายไปถึง 12.2 - 3.2 = 9 องศา คิดเป็น 3.2/12.2 x100 = 26% เท่านั้น

มาดูในแง่ของไฟฟ้าบ้าง

มันเป็นกฏครับของฟาราเดย์ กฏคือกฏ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่างกับทฤษฎีที่เปลี่ยนได้
ผมสรุปให้แล้วกันนะครับ

ไฟฟ้า 1 ฟาราเดย์ สามารถแยกน้ำได้จำนวน 1 โมล
1 ฟาราเดย์คือจำนวนประจุทั้งหมด 96,500 คูลอมบ์
1 คูลอมบ์คือจำนวนประจุไฟฟ้าที่กระแสไหล 1 แอมป์ภายใน 1 วินาที

1 ชมมี 60x60 = 3,600 วินาที
ดังนั้น 1 ฟาราเดย์คือ 96,500/3,600 =26.8 แอมป์

คือต้องใข้กระแสไฟฟ้าจำนวน 26.8 แอมแปร์เป็นเวลา 1 ชม จึงจะแยกน้ำได้จำนวน 18 กรัม

สังเกตุว่าผมจะไม่พูดถึงแรงดันไฟฟ้าเลย เพราะการแยกน้ำใช้จำนวนประจุเป็นสำคัญ
==================================================

ขออภัยครับ ในคำตอบที่ 38 เขียนผิดไปหน่อยผมลืมหารสอง
1 ฟาราเดย์ แยกน้ำได้จำนวน 9 กรัมครับ ไม่ใช่ 18 กรัม

คราวนี้ที่ชอบใช้กันจริง ๆ คือ HHO นั่นหมายถึง อะตอมของไฮโดรเจนที่แยกออกมาได้จะยังไม่รวมตัว
เป็นโมเลกุล นั่นหมายถึงพลังงานส่วนที่สร้างพันธะจำนวน 104.2 Kcal จะไม่สูญเสียไปเป็นความร้อน
และอะตอมของออกซิเจนก็ยังไม่รวมตัวเป็นโมเลกุลได้พลังงานกลับคืนมาอีก 118.3/2 = 59.15 KCal
รวมทั้งหมด 163.35 Kcal

นั่นคืออิเลคโตรไลเซอร์จะไม่เกิดความร้อนขึ้นเลย แต่ในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้เกิดความร้อนขึ้นเสมอ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น HHO จริง ๆ ??

ง่ายมากครับ สามารถคำนวณได้จากกฎของฟาราเดย์

แต่สิ่งที่ต้องรู้เพิ่มอีกคือ คุณสมบัติของแกส ไม่ว่าแกสใด ๆ ในโลกนี้ จำนวน 1 โมล
ที STP จะมีปริมาตร 22.4 ลิตรเสมอ

1/2 โมล์ของน้ำเสียค่าไฟฟ้า 2.1x26.8 = 56.28 Whr
คิดทีละครึ่งคิดยาก ขอคิดแบบเต็มก้อนดีกว่า
1 โมลของน้ำเสียพลังงานไฟฟ้า = 56.28x2 = 112.56 Whr

ถ้าเป็น HHO ต้องได้แกส 22.4+22.4+22.4 = 33.6 ลิตร

ดังนั้นอย่างเก่งที่สุด ระดับจ้าวยุทธภพ

การผลิตแกส 1 ลิตรต่อชม ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า = 112.56 / 33.6 = 3.35 Whr

หรือถ้าแบบเห่ย ๆ ก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า = 112.56 /16.8 = 6.7 Whr

คราวนี้จะทดสอบว่าของคุณได้ระดับไหนก็คำนวณโดยประมาณจากกระแสไฟฟ้า
ที่จ่ายให้แก่เครื่องอิเลคโตรไลเซอร์

ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าใช้ไฟ 10 A ที่แรงดัน 13.8 โวลต์ กำลังไฟฟ้า 138 วัตต์

เครื่องนี้ผลิตแกสได้อยู่ในช่วง
สูงสุด 138/3.35 = 41.2 ลิตรต่อชม --> 0.686 ลิตรต่อนาที
ต่ำ 138/6.7 = 20.59 --> 0.343 ลิตรต่อนาที
ไม่มีทางเกินค่านี้ได้ถ้าเกินไปมาก แสดงว่า "โม้"

เครื่องตามที่โฆษณาใช้ไฟ 30 A ก็ผลิตได้อย่างมากที่สุด 2.06 ลิตรต่อนาที

ปริมาตรทั้งหมดคิดที่ STP นะครับ คือ 0 C ที่ แรงดัน 1 บรรยากาศ
ทีอุณหภูมิห้องก็ใช้กฏของแกสคำนวณเองนะครับ

================================================

มีการนำแกสนี้มาจุดไฟหรือไปเผาอะไรก็แล้วแต่ ได้อุณหภูมิที่สูงจนเป็นที่มาของข้อกล่าวอ้างว่า
ถ้านำแกสชนิดนี้ฉีดเข้าห้องเผาไหม้จะทำให้เชื้อเพลิงที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ สามารถเผาไหม้ได้หมดจด
ทำให้ประหยัดน้ำมัน

ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายระหว่าง ค่าความร้อนกับอุณหภูมิ (Heat Value ,Temperature) เสียก่อน
ของบางอย่างอุณหภูมิสูงจริง ๆ แต่ค่าความร้อนต่ำ บางอย่างค่าความร้อนสูงแต่อุณหภูมิไม่สูงนัก

ขอยกตัวอย่างน้ำที่ใช้ชงกาแฟ อุณหภูมิซัก 70-80 องศา แค่เทใส่แก้วมือเราก็ไม่สามารถจับได้แล้ว
อจจะพองได้ ส่วนสะเก็ดไฟของเหล็กที่กระเด็นมาจากเครื่องเจียร อุณหูมิหลายร้อยองศา
เมื่อกระเด็นโดนผิวยังเฉย ๆ อย่างมากก็คัน ๆ เพราะอะไร ??

เพราะ Heat Value ของสะเก็ดไฟมันต่ำมากเมื่อโดนผิวความร้อนจะถ่ายเทสู่สิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว
และอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมแทบไม่ถูกกระทบเลย เหมือนกับเทน้ำจากแก้วลงในบ่อน้ำ
ระดับน้ำในบ่อก็ไม่ได้สูงขึ้น

การจุดระเบิดในกระบอกสูบก็เช่นกันความร้อนจากแกสนี้แม้อุณหภูมิสูงก็จริงแต่มีปริมาณจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน
จะไปช่วยเผาไหม้อะไรได้

ตามตำตอบที่แล้ว สมมุติว่าผลิตแกสได้ 2 ลิตรต่อนาที

สมมุติเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2,000 ซีซี หมุนที่ 2,000 รอบต่อนาที
คือจุดระเบิด 1000 ครั้งต่อนาที

แกสมหัศจรรย์ที่เข้าเครื่องคือ 2 ลิตร/1000 = 2 ซีซี ต่อการจุดระเบิด 1 ครั้ง
ต่อสูบคือ 1/2 ซีซี ครับ

คำนวณย้อนกลับไปได้ครับว่า 1/2 ซีซีน่ะ ได้พลังงาน หรือได้ความร้อนซักกี่มากน้อย
คิดเป็นไฮโดรเจนแบบที่เป็นอะตอมล้วน ๆ เลยก็ได้ มันคือไฮโดรเจนจำนวน

(0.5/22400) x 1 = 2.232 x 10 ^-5 กรัม

อย่าทำมาหากินกับคนที่ลำบากเลยครับ
ปัจจุบันนี้ต่างก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้าอยู่แล้ว

===============================================

ใส่แกสเทพนี้เข้าไปแค่นิดหน่อยแต่ประหยัดได้ถึง 60% ผมว่ามันจะเกินไปหน่อย
เครื่องแคท หรือ คัมมินส์ หรือแม้แต่เครื่องปั่นไฟฟ้า คงประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้มากมาย

เอาไปขายเรือประมงก็คงดี ไม่ต้องมาประท้วงเรื่องน้ำมันแพง ชาวมหาชัย,ชาวแม่กลองอยากได้อยู่แล้ว
ประหยัดได้ขนาดนี้เครื่องละห้าหกแสนขายได้สบาย ๆ วิ่งเรือหาปลาไม่กี่เที่ยวก็คุ้มแล้วครับ
หรือเอาไปขาย VSPP ที่ปั่นไฟขายให้แก่การไฟฟ้าภูมิภาค แถวชลบุรีก็มีโรงมันชลเจริญ
รับรองเขาซื้อแน่นอน

ความจริงทริคง่าย ๆ ที่จะประหยัดนั้น มันอยู่ที่การจูนหรือปรับแต่ง O2 หรือ MAP เท่านั้น
เพราะค่าอัตราส่วนเฉพาะของเชื่อเพลิงที่ 14:1 นั้น จริง ๆ ไม่ใช่ค่าที่เผาไหม้ได้สมบูรณ์ที่สุด

แต่เป็นค่าที่ Compromise คือเป็นค่าที่ไฮโดรคาร์บอนที่เผาไหม้ไม่หมดไม่สูงเกินไป
และ NOx ไม่สูงเกินไป ถ้าปรับให้เป็นซัก 18:1 ก็จะเผาไหม้ได้สมบูรณ์ประหยัดขึ้น
แต่ว่า NOx จะสูงเกินค่ามาตรฐาน เพราะความร้อนในห้องเผาไหม้จะสูงขึ้น

ปรับยังไงคงไม่ต้องสอนท่านสมภารทั้งหลายนะครับ ที่นี่เซียน ๆ เก่ง ๆ มากมาย

จาก หนุ่มกระโทก

........................................................................

ผม TTC 035 ต้องขอบคุณ น้าหนุ่มกระโทก ที่นำเสนอข้อมูลดีดี ให้ได้อ่านศึกษากันต่อ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.213.210 เสาร์, 23/5/2552 เวลา : 21:53  IP : 124.120.213.210   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82779

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d
'รถยนต์ไฮโดรเจน' คันแรกของไทย วิ่งฉิว...ไม่ง้อน้ำมัน รักษาสิ่งแวดล้อม

จากข่าว http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=200109&NewsType=1&Template=1

ความว่า

"'รถยนต์ไฮโดรเจน' คันแรกของไทย วิ่งฉิว...ไม่ง้อน้ำมัน รักษาสิ่งแวดล้อม












ขณะที่ทุก ๆ ประเทศ ทั่วโลกกำลังคิดค้นพลังงานทดแทนอย่างขะมักเขม้น ด้านประเทศไทยของเราก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนต่างระดมความคิดในการหาทาง ออกเพื่ออนาคต...

และแล้วความพยายามก็เป็นผล เมื่อคนไทยสามารถ ผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากไฮโดรเจนได้เป็นผลสำเร็จ โดยมี พล.อ.ท.มรกต ชาญสำรวจ เป็นหัวหน้าทีมโครงการวิจัยและพัฒนารถยนต์พลังงานไฮโดร เจนที่แยกจากน้ำ และทีมวิจัยอีก 14 ชีวิต ภายใต้ บริษัท คลีนฟูเอล เอ็นเนอร์ยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด

อวดสายตาผู้คนไปเมื่อวันก่อนที่ทำเนียบ ก่อนการประชุม ครม. โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ความสนใจและทดลองขับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงคันแรก ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยขนาด 4 ที่นั่ง ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย..

เส้นทางของรถยนต์คันนี้มีความเป็นมาอย่างไร หัวหน้าทีมวิจัยวัย 75 ปี แต่ยังมีไฟอยู่ เล่าให้ฟังว่า ใช้เวลาในการคิดค้นกว่า 7 ปี ตั้งแต่สมัยที่น้ำมันเริ่มมีราคาสูงขึ้น จากการศึกษาเทคโนโลยีของต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างประเทศแคนาดามี การทดลองในรูปแบบต่าง ๆ และสะสมความรู้เอาไว้ รวมทั้ง มีทีมงานที่ทุ่มเทตั้งใจทำงานกันทุกคน จนมาเริ่มลงมือทำอย่างจริงจังหลังจากที่ทาง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดย ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ให้ความสนใจและให้งบประมาณสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ จำนวน 14 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา

หัวใจในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฮโดรเจนอยู่ที่ เซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นเยื่อบาง ๆ ใส ๆ เหมือนแผ่นกันแสงคล้ายฟิล์มในรถยนต์ เรียกว่า MEA ที่ย่อมาจาก Membrane Electrode Assem bly เรียกเป็นภาษาไทยว่า เยื่อแลกเปลี่ยนโปรตรอน โดยทั้ง 2 ด้านของ MEA จะประกอบด้วยแผ่นไบโพลา (Bipola Plate) ที่ทำจากแกร์ไฟต์ ประกอบเรียงกันเป็นเซลล์เชื้อเพลิง 1 สแตค (Stack) โดยแผ่นไบโพลา จะทำหน้าที่ส่งไฮโดรเจนเพื่อเข้า ไปแยกที่ MEA ให้เป็นไฟฟ้า ไปยังมอเตอร์และทำหน้าที่รวมกับออกซิเจนทำให้เกิดเป็นน้ำออกมา

“เมื่อไฮโดรเจนผ่านเข้ามาจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นโดยอาศัยแผ่นไบโพลาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดอิเล็ก ตรอนอิสระที่เป็นกระแสไฟฟ้าเคลื่อนผ่านตัวนำไฟฟ้าส่งไปยังมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ และเมื่ออิเล็กตรอนไหลวน ครบวงจรจะกลับมารวมกับไฮโดรเจนประจุบวกและออกซิเจนที่อยู่ในอากาศเกิดเป็นน้ำออกมา ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่เกิดมลพิษและก่อให้เกิดเสียงดังของเครื่องยนต์แต่อย่างใด”

พล.อ.ท.มรกต กล่าวถึงประสิทธิภาพของรถให้ฟังว่า มีการติดตั้งมอเตอร์ให้ขับเคลื่อนเพลาล้อแทนเครื่องยนต์ โดยใช้กระแสไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 8 กิโลวัตต์ ที่ติดตั้งอยู่ ส่วนหน้ารถ ลักษณะตัวรถขึ้นรูปจากโครงเหล็ก และตัวถังหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาส มีที่นั่งเป็นเบาะหนัง

“โดยรถจะใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 4 กิโลวัตต์ จึงมีกระแสไฟฟ้าเหลือพอที่จะนำไปใช้กับระบบทำความเย็น และเครื่องเสียงภายในรถอีกด้วย และบรรจุไฮโดรเจน 900 ลิตร น้ำหนัก 70 กรัม ใส่ถังไว้ด้านหลังของตัวรถ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 40 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 20-30 นาที จะต้องมีการเติมไฮโดรเจนใหม่อีกครั้ง ซึ่งการขับเคลื่อนของรถไฮโดรเจนจะวิ่งเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับพลังงานของมอเตอร์ที่ใส่เข้าไป สำหรับรถไฮโดรเจนคันนี้จะมีอายุการ ใช้งานได้ประมาณ 4 ปี เพราะเยื่อแลกเปลี่ยนโปรตรอนจะเสื่อมต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ แต่แผ่นไบโพลายังใช้ได้อยู่”

ด้านแหล่งที่มาของไฮโดรเจนนั้น เฉพาะที่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งมีโรงงานทำแก้ว โรงงานเม็ดพลาสติก โรงงานแยกแก๊ส มีการปล่อยไฮโดรเจนรวมกันแล้วชั่วโมงละประมาณ 20 ตัน ทิ้งไปในอากาศ ไม่มีการนำมาใช้หรือถ้ามีก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสามารถนำมากักเก็บไว้ใช้กับรถไฮโดรเจนได้อย่างน้อยกว่าแสนคัน

รถยนต์ไฮโดรเจนคันนี้ ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ 6 ของโลก ที่สามารถผลิตออกมาใช้งานได้จริงบนท้องถนน หลังจากที่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น และจีน ผลิตสำเร็จมาแล้ว

“หากมีการนำมาใช้ใน รถยนต์ทั่วไปเพื่อขับเคลื่อนบน ท้องถนน จำเป็นต้องมีการติด ตั้งตัวถังไฮโดรเจนให้บรรจุก๊าซไฮโดรเจนได้มากขึ้นสำหรับป้อนเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อขับเคลื่อนเป็นพลังงานไฟฟ้าในระยะทาง ที่ไกลขึ้น ยอมรับว่ารถยนต์ไฮโดรเจนคันนี้มีต้นทุนการผลิตรวมแล้วประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แต่หากในอนาคตภาครัฐมีการสนับสนุนให้เป็นพลังงานทางเลือกที่ต้องศึกษาพัฒนาต่อไป เชื่อว่า ต้นทุนการผลิตจะลดลงได้”

หลังจากที่ผลิตรถยนต์ ไฮโดรเจน ขนาด 4 ที่นั่งได้เป็นผลสำเร็จแล้ว มีการต่อยอด เพิ่มขึ้นโดย นายประสิทธิ์ โพธสุธน ประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการสื่อสารและ โทรคมนาคม วุฒิสภา มีข้อสรุปว่า รถยนต์ไฮโดรเจนยังเป็นเทคโนโลยีใหม่และต้นทุนยังแพงอยู่ จึงมีแนวคิดในการสร้างเป็นรถประจำทางหรือรถเมล์สาธารณะ ขนาด 20 ที่นั่งขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนน่าจะดีกว่า จึงมีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและ โทรคมนาคม ขึ้น โดยมี ดร. นิลวรรณ เพชระบูรณิน เป็นประธาน และได้งบประมาณ ในการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จำนวน 20 ล้านบาท

“ตอนนี้อยู่ในขั้นตอน การผลิตเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 11 กิโลวัตต์ เพื่อนำมาใช้กับ รถประจำทาง ขนาด 20 ที่นั่ง จำนวน 2 คัน โดยใช้คันละ 3 สแตค มีต้นทุนสแตคละประมาณ 3 ล้านบาท ฉะนั้นต้นทุนของรถอยู่ที่เกือบ 10 ล้านบาท ราคานี้เป็นของเทคโนโลยีใหม่ที่ต้นทุนยังสูงอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่มีเทคโน โลยีมารองรับมากกว่านี้ราคาแผงเซลล์เชื้อเพลิงอาจลดลงอยู่ที่ราคาประมาณล้านกว่าบาทต่อคัน ด้านตัวรถต้นทุนอยู่ที่ 1 ล้านบาท จึงถือว่ารถเมล์ 1 คัน ตกอยู่ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เมื่อติดตั้งไฮโดรเจนด้านบนของตัวรถจะอยู่ที่ราคา 5 ล้านบาท ซึ่งราคารถเมล์ที่ใช้กันอยู่นี้ก็ อยู่ที่ราคาประมาณนี้ แต่ก่อมลพิษและเสียงดัง ถ้าน้ำมันขึ้นก็เก็บค่าโดยสารเพิ่มอีก แต่รถเมล์ไฮโดรเจนไม่ส่งผลกระทบ ดังกล่าว”

รถเมล์ไฮโดรเจนจะแตกต่างจากรถเมล์ทั่วไปคือ มี 6 ล้อ ด้านละ 3 ล้อ มี 2 เพลา เพลาละ 8 กิโลวัตต์ รวมเป็น 16 กิโลวัตต์ เพื่อให้ขับได้แรงขึ้น เร็วขึ้น และมีสมรรถนะสูงขึ้น วิ่งด้วยความเร็ว 60 กม.ต่อชั่วโมง ที่เลือกรถขนาด 20 ที่นั่ง เพราะต้องการให้เกิดการคล่องตัวในการใช้งาน หากโครงการผ่านการพิจารณางบประมาณ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน ในการปรับปรุงให้สมบูรณ์ออกใช้งานได้จริง เพราะตัวรถเมล์ไม่ได้มีส่วนประกอบที่ซับซ้อนแต่อย่างใด

ส่วนด้านสถานีเติมไฮโดรเจนและเรื่องกฎหมายรองรับการผลิต รวมทั้งการนำมาใช้งานจริงบนท้องถนน คงเป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลต้องพิจารณาเป็นขั้นตอนต่อไป

พล.อ.ท.มรกต ฝากความหวังไว้ว่า “เมื่อทำเป็นรถเมล์ไฮโดรเจนออกมาได้แล้วใช้งานได้จริง อยากให้รถต้นแบบทุกคัน ถูกเผยแพร่วิทยาการในส่วนนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือมีความสนใจ เพื่อจะได้ต่อ ยอดในส่วนต่าง ๆ ต่อไปมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาให้ดีขึ้น ราคาต้นทุนจะได้ถูกลง โดยอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนจะได้เป็นความรู้ที่มีการต่อ ยอดกันต่อไปในเชิงพาณิชย์และที่สำคัญเป็นการสร้างงานให้กับคนไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย”

ผลงานชิ้นโบแดงนี้ ช่วยสร้างศักยภาพให้กับประเทศ และคนไทยไปแล้วในสายตาของ ชาวโลก คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย หากขาดการสนับสนุนในเชิงสร้างสรรค์และจริงใจ!.

จุฑานันทน์ บุญทราหาญ"

.....................................................................................................

ข้อมูลจากนสพ.เดลินิวส์ ( http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=200109&NewsType=1&Template=1)

...................................................................................................

สุดยอดเลยครับ โครงการนี้สิ ของแท้พลังงานไฮโดรเจนแท้จริง






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ทีทีซี 035 124.120.211.34 จันทร์, 25/5/2552 เวลา : 23:57  IP : 124.120.211.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 82845

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันจันทร์,23 ธันวาคม 2567 (Online 3729 คน)