คำตอบที่ 30
fiogf49gjkf0d
.....""""" เหมืองเต่าดำ""""""
เครื่องปั่นไฟ ที่พวกเรานำไปถวายสำนักสงฆ์เหมืองเต่าดำ เสียใช้งานไม่ได้....พวกเราคงต้องขึ้นไปซ่อมให้หลวงพี่ซะหน่อยแล้วหละ..
ประธานชมรมสยามเอ็นดูโร่ เปิดประเด็นหารือกับสมาชิก ที่สนามเรดบลู สถานซ้อมขี่รถของชมรม โดยมิได้นัดหมายทุกคนนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ต่างกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ หันมองหน้ากันด้วยสายตาตื่นตระหนก ระคนด้วยอารมณ์เกี่ยงกัน......แม้แต่ท่านประธานชมรมเอง....ที่มีสีหน้าไม่แพ้เพื่อนๆสมาชิก...แล้วใครจะไบ้าง???????????
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พี่ครับ...เข้าพรรษาปีนี้พวกเราไปทำบุญกันที่สำนักสงฆ์นานาชาติ เหมืองเต่าดำ...กันไหมครับพี่...เส้นทางง่ายๆครับ...มือใหม่ไปได้...ผมเพิ่งหัดขี่ enduro ครั้งแรกก็ไปออกทริปที่นี่แหละครับ...ชิวๆ!!!!
นั่นเป็นประโยคง่ายๆชวนกันไปทำบุญช่วงเข้าพรรษาเมื่อปีก่อน!!!!!!
ชมรมสยามเอ็นดูโร่คลับ...เป็นชมรมสำหรับคนที่ชื่นชอบในการขี่ รถมอเตอร์ไซค์วิบาก เชิงท่องเที่ยว..โดยเฉพาะเส้นทางตามป่าเขาลำเนาไพร.....ร่วมกิจกรรมกันเพื่อสิ่งแวดล้อม ทำบุญ และพักผ่อนหย่อนใจ ....และทริปทำบุญเข้าพรรษา ณ.สำนักสงฆ์นานาชาติ เหมืองเต่าดำ จ.กาญจนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ทุกคนในชมรมตกลงใจจะร่วมเดินทางกัน
จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเตรียมตัวก่อนเดินทาง...พวกเราทราบมาว่า..สำนักสงฆ์นานาชาติแห่งนี้...เป็นสำนักสงฆ์สาขา สายปฎิบัติเจริญภาวนา หลวงปู่ชา วัดป่าพง จ.อุบลราชธานี...หรือที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันง่ายๆว่า สายวัดป่า พระป่า หรือพระธุดงค์นั่นเอง....จะมีพระต่างชาติปฎิบัติธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์นี้ 4-5 รูป...เน้นเจริญภาวนา สมาธิ ปฎิบัติกิจสงฆ์อย่างเคร่งครัด...เพื่อก้าวสู่หนทางแห่งความหลุดพ้นโดยแท้จริง....สภาพเส้นทางการเดินทางสู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เป็นเส้นทาง สัมปทานเหมืองแร่ดีบุกเก่า เขตชายแดนติดต่อ กับประเทศเพื่อนบ้าน...ของคุณทิวาพร และครอบครัว...ที่ปัจจุบันเครื่องขุดแร่หยุดเดินเครื่องมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว...ระยะทางในป่าตามเส้นทางรถเหมืองเดิมประมาณ 60-70 ก.ม.ต้องผ่านพื้นที่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ ตชด.อยู่หลายหน่วย หลักๆก็คือหน่วยเขาปลาน้อย และหน่วยเขาพลู....
เราเตรียมตัวค่อนข้างดีเพราะมีกลุ่มออฟโรดหลายกลุ่ม ได้เดินทางเข้าไปก่อนพวกเรา 1 อาทิตย์และกลับออกมา ให้ข้อมูลเส้นทางว่ามีฝนตก ไม้ใหญ่ล้มขวางทางเป็นบางจุด...ซึ่งนั่นก็นับว่าเด็กๆมากสำหรับมอเตอร์ไซค์ ของพวกเราที่มีขนาดกะทัดรัดสามารถหลบหลีกอุปสรรคเหล่านั้นได้สบายๆ...จึงเตรียมการจัดให้เป็นทริป สั้นๆไป-กลับ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน
. ถึงวันนัด...ประมาณ 10 โมงเช้าที่จุดนัดพบ สถานีรถไฟ อ.ไทรโยค...เราจัดขบวนออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกคือกลุ่มมอเตอร์ไซค์ วิบากรวมๆทั้งสิ้น ประมาณ 40 กว่าคัน...จะเดินทางล่วงหน้าไปขี่รถเล่นตามเส้นทางรอบๆก่อน แล้วค่อยตัดเข้าเส้นทางเหมืองเต่าดำ ในช่วงบ่าย...............ชุดหลัง ที่เป็นกลุ่ม รถยนต์ 4wd ซึ่งเป็นรถเสบียงสัมภาระ, ข้าวของที่จะนำขึ้นไปถวายที่สำนักสงฆ์ ,ของใช้ อุปโภค บริโภคสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ตชด.รวมทั้งเป็นรถเซอร์วิสทั้งสิ้น 7 คัน....รวมสมาชิกทั้งหมดเกือบๆ 60 ชีวิตในทริปนี้ และทั้ง 2 ชุดนัดพบกันตอนเย็นที่ หน่วยเขาพลู ซึ่งจะเป็นจุด พักแรมกลางป่า ระหว่างเส้นทางของทริป.....
ฝนทิ้งช่วง ก่อนวันที่พวกเราเดินทางเข้าไป 3-4 วัน จากการบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ และคนในพื้นที่ เส้นทางเลยค่อนข้างจะแห้ง และฝุ่น ทั้งมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ ขับขี่ได้แบบสบายๆใช้ความเร็วได้ดี...จะต้องข้ามลำห้วยหลายจุด แต่ก็ถือว่าเป็นอุปสรรคเพียงเล็กน้อยเพราะน้ำในลำห้วยสูงเพียงไม่เกินครึ่งแข้ง ใส และไหลเอื่อย... จะทำให้มอเตอร์ไซค์ เสียหลักได้บ้างก็เพียง หินใต้น้ำ หินลอย และร่องน้ำเล็กๆที่คอย ดักตลอดเส้นทาง...
หลายคันสนุกกับการหลุดโค้ง หมุดเข้าไปในกอไผ่ ที่มีอยู่ตลอดสองข้างทาง บ้างก็ลงไปแช่น้ำในห้วย โดยมิได้ตั้งใจเพราะพยายามจะระเบิดคันเร่งข้ามลำห้วยเล็กๆ..แต่ดันลื่นล้ม ในน้ำนั่นแหละ...สร้างเสียงหัวเราะ จากเพื่อนๆกันได้เป็นช่วงๆ...และนำเหตุการณ์เหล่านั้น มาพูดจาหยอกล้อกัน ทุกครั้งที่หยุดพัก ขำๆให้หายเหนื่อย....แต่ก็จัดว่าเป็นเส้นทางที่ขี่ง่าย สนุก ปลอดภัย....ทั้งมือใหม่ และมือเก๋า....สำหรับรถยนต์ 4WD ไม่ต้องพูดถึง...แทบจะไม่ต้องใช้เกียร์ 4wd กันเลยทีเดียว...
ด้วยเส้นทางที่เรียบง่ายนั้น...ทั้ง 2 ชุด ทำเวลาได้เร็วเกินคาด มาเจอกันก่อนเที่ยงซะอีกที่ หน่วยล่างเขาปลาน้อย...ด่านแรกเพื่อลงทะเบียน ขออนุญาตเข้าไป ยังหน่วยเขาพลู จุดหมายของพวกเราในวันแรก....และได้มอบของที่เตรียมกันมาไว้ให้แก่เจ้าหน้าที่ ตชด.
เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเยอะชุดมอเตอร์ไซค์ จึงแยกขี่ขึ้นเขาไป ยังฐานบน ของหน่วยเขาปลาน้อย ไป กลับ ประมาณ 24 ก.ม....เพื่อทิ้งระยะให้ ชุด 4wd เดินทางเข้าไปยัง หน่วยเขาพลู ก่อน....และอีกไม่นานก็ตามไป สมทบที่หน่วยเขาพลู แทบจะพร้อมๆกัน...ก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้เกือบๆ 2 ชม.
ประมาณ 4 โมงเย็น...ที่หน่วยเขาพลู มีกลุ่ม ออฟโรด อีกหลายกลุ่มที่เข้ามาถึงก่อน ชมรมพวกเรา และก็ยังมีตามเข้ามาอีกหลายๆคัน...ซึ่งทุกกลุ่มก็ล้วนแล้วแต่มีจุดหมายเดียวกัน คือขึ้นไปทำบุญที่สำนักสงฆ์ เหมืองเต่าดำ ของเช้าวันรุ่งขึ้น....โชคดีที่พวกเรามาถึงเร็วมากๆเลยมีเวลาจับจองที่กางเต็นท์พัก เต็นท์เสบียง อาบน้ำในลำธารใสเย็น ใกล้ๆที่พัก...และช่วยกันทำอาหารเย็น..พักผ่อนตามอัธยาศัย....
.......และแล้ว....วิบากกรรมของพวกเราก็เริ่มขึ้น...เหมือนจับเอาหนังคนละเรื่อง คนละม้วนใส่เข้าไปในเครื่องเล่น...แล้วกด PALY เริ่มต้นม้วนใหม่ด้วยเสียงฟ้าคำราม ดังต่อเนื่องไม่หยุด พร้อมภาพเมฆฝนก้อนขนาดมหึมา ดำทะมึน ลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือบริเวณที่พักเรา..และดูเหมือนว่าจะลอยปิดแสงตะวัน ที่ยังไม่ทันจะลับทิวเขาด้านทิศตะวันตกเลยด้วยซ้ำ....จนทำให้ทั่วทุกบริเวณเริ่มมืดลงกระทันหัน...ฝนเริ่มโปรยสายลงมาพร้อมความเย็นยะเยือก....พื้นหญ้าเริ่มชื้นแฉะ...และลื่น ทุกคนรีบช่วยกันคนละไม้ ละมือวิ่งเก็บ จานชาม หม้อ กระทะ เตาแก๊สที่กำลังหุงหาอาหาร หลบฝน ที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เข้าใต้ผ้าใบผืนใหญ่กันฝน ที่พวกเรากางเตรียมไว้ เป็นสถานที่นั่งทานอาหารร่วมกันในช่วงเย็น....ที่เหลือก็กระจายช่วยกันเก็บ สัมภาระส่วนตัวเข้าหลบฝนในเต้นท์พัก....
เมนูอาหารจานด่วนต่างๆรีบช่วยกัน ปรุงแต่งอย่างเร่งรีบ แข่งกับความมืดที่เริ่มจะมองไม่เห็น ลายมือของตนเองได้ ด้วยฝีมือของเหล่าพ่อครัวจำเป็นประจำชมรม...ต้มยำทำแกง หุงข้าว ก็อาศัยน้ำฝนที่ไหลเทลงมาจาก หลังคาผ้าใบนั่นแหละ....พื้นที่แคบ และเปียก...ต้องผลัดกันเข้าไปหลบฝนทานอาหาร...แบบFAST FOOD โดยแท้จริง...
หลังจากทานอาหารเย็นกันอย่างทุลักทุเลเสร็จ...เมื่อฝนทำท่าไม่ยอมหยุด...แทบจะไม่มีที่นั่งหลบฝนได้ ความมืดเริ่มทำให้ต้องใช้ไฟฉายเข้าช่วย...ริ้นไร แมลงกลางคืน เริ่มออกมาสร้างความรำคาญ หลายคนเลยต้องยอมจำนนเข้าเต็นท์พักของแต่ละคน....ทั้งๆที่ใจยังอยากจะนั่งคุยกับเพื่อนๆ ประสาคนคอเดียวกัน...เกี่ยวกับเส้นทางขี่ที่สนุก สนาน ความสวยงามของ ธรรมชาติในช่วงกลางวันที่ผ่านมา.....
ผู้ดูแลจัดทริป 8-9 ท่าน หลังจากที่ได้มีการประชุมสรุปการเดินทางระหว่างวัน และวางแผนการเดินทางของคณะในวันต่อไปเสร็จสิ้น.....ก็เป็นกลุ่มสุดท้ายที่แยกย้ายเข้านอนฟังเสียงฝนกระทบ หลังคาเต็นท์ ที่ตกลงมาไม่ขาดสาย ตลอดทั้งคืน...........
เช้าวันที่ 2 ของทริป ฝนหยุดตกตั้งแต่ตอนประมาณตี 4 ความชื้นทำให้หมอกลงจับยอดหญ้า ตั้งแต่เช้า จนถึงช่วงสายๆ ทุกคนปฏิบัติภาระกิจส่วนตัว ดื่มกาแฟ ทานอาหารเช้า เรียบร้อยก็เริ่มเก็บสัมภาระจำเป็น เตรียมตัว เตรียมรถเพื่อรีบขึ้นไปที่สำนักสงฆ์ ก่อนกลุ่มออฟโรดกลุ่มอื่น...เพราะเกรงว่า...จากฝนที่ตกตลอดทั้งคืน หากรอให้กลุ่มออฟโรด ขึ้นก่อนจะทำให้ดินเกิดเป็นร่องบังคับ..การขี่มอเตอร์ไซค์ตามเส้นทาง จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก.....
แต่จากการที่รถมอไซค์ ของพวกเราต้องจอดกลางฝนตลอดทั้งคืน...ทำให้หลายคันเกิดปัญหา เครื่องรวนสตาร์ทไม่ติด...บางคัน...จากสภาพเส้นทางหินลอย..ตั้งแต่วันก่อน...ทำให้ยางรั่ว...ต้องเปิด SHOP จำเป็นซ่อม กันโดยเร่งด่วน...ช่วยกันเท่าที่จะทำได้...ใครมีอะไหล่...เทียบใช้กันได้ ก็ให้หยิบ ให้ยืมกันโดยมิได้ลังเล...ใครพอเป็นเรื่องช่างบ้าง ก็ช่วยกันจับนิดหยิบหน่อย..จนพร้อมเดินทาง....กลุ่มมอไซค์ เริ่มล้อหมุน...รถ 4WD คัดเอาเฉพาะคันที่ขนของขึ้นไปทำบุญ และรถเสบียง อะไหล่เท่านั้น...ปิดท้ายขบวน....ทิ้งสัมภาระบางส่วน ชิ้นใหญ่ๆ ไว้ที่หน่วยเขาพลู ก่อนแล้วค่อยกลับลงมาแวะเอาขากลับ...
ตามโปรมแกรมในวันที่ 2ของคณะเรา วางแผนไว้คือ เช้า ขึ้นไปทำบุญที่สำนักสงฆ์ ระยะทางไป-กลับ จากหน่วยเขาพลู ไม่น่าจะเกิน 20 กม. ..กลับลงมาทานกลางวัน ที่หน่วยเขาพลู เก็บสัมภาระทั้งหมด...และเดินทางออกจากป่า...ถึงตัว อ.ไทรโยค ไม่เกิน 4 โมงเย็น....แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา.....
แต่เมื่อขบวนเริ่มเดินทางกันได้ไม่ถึง 100 เมตร...ก็มีร่องน้ำลึกที่เกิดจากฝนตกเมื่อคืนไหลเชี่ยวสูงประมาณหัวเข่า...ขวางเส้นทางอยู่ มอเตอร์ไซค์บางคัน...ต้องสำลักน้ำไม่สามารถเดินทางต่อไปได้....บางคันถึงกับแคร๊งเครื่องแตกกระจายเพราะชนกระแทกอย่างจังเอากับหินขนาดใหญ่ กว่าลูกฟุตบอล ที่แฝงตัวอยู่ใต้ สายน้ำเชี่ยวนี้....เลยต้องลากจูงรถที่เสียนั้นกลับไปรอ ที่หน่วยเขาพลูเช่นเดิม....
ส่วนที่ผ่านไปได้ ก็มุ่งหน้าต่อโดยไม่รู้ชะตากรรม....เส้นทางกลายเป็นโคลน เลน ลื่น...ทางชันหลายจุด ทำให้มอไซค์หลายคัน...ต้องหันหัวขี่กลับ ไปรอที่ หน่วยด้วยเช่นกัน....หลายต่อหลายคัน ทดลองขี่ขึ้นหลายเที่ยวจนหมดแรง.ไม่สามารถขึ้นได้..และยอมจอดรถไว้ข้างทาง กระโดดเกาะท้ายรถ 4WD ขึ้นไปด้วย....ร่องน้ำ แต่ละร่องน้ำ ลำห้วยแต่ละลำห้วย...ปริ่มไปด้วยน้ำสูงระดับ เครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์...เพราะฉนั้นหากใครพลาดล้ม หรือดับกลางน้ำ ก็เป็นอันว่า GAME OVER ตลอดสองข้างทาง ที่เดินทางกันมาได้ยังไม่ถึงครึ่ง....จะมีรถมอเตอร์ไซค์จอดซ่อมไล่น้ำออกจากเครื่องยนต์เป็นจุดๆไป...บางจุดก็อยู่ในสภาพที่รถนอนตะแคงรอเพื่อนๆมาช่วยยกเพราะหมดแรงไล่ปล้ำ ให้เจ้าพาหนะของตน....เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ.....
ถึงกระนั้นหลายๆคนก็ ไม่อยากให้ตนเองเป็นภาระ ถ่วงเวลาขบวนใหญ่ ต่างก็บอกให้ เพื่อนๆที่เหลือรีบขึ้นไปทำบุญ ตามตั้งใจให้ได้เถอะ...ไม่ต้องห่วงตนเอง...อย่างไรก็ขอฝากอนุโมทนาบุญด้วย...จะแก้ไขรถ และจะขี่กลับไปรอที่หน่วยเอง....รถคันใหนไม่สมบูรณ์. ก็เริ่มออกอาการให้เห็นทีละคัน ทีละคัน ต้องใช้ทั้งฝีมือผู้ขี่ และความเป็นใจของตัวรถด้วย.....
ไม่เว้นแม้แต่รถยนต์ 4WD ที่ปิดท้ายขบวน...ซึ่งก็ถือว่าเป็นคันหลักๆที่ใช้ขนของที่จะนำขึ้นไปถวายที่สำนักสงฆ์ โดยเฉพาะเครื่องปั่นไฟขนาดกลาง...ที่สมาชิกของชมรม ตั้งใจจะนำขึ้นไปถวายอำนวยความสะดวก ให้แก่ทางสำนักสงฆ์ด้วย...พลาดท่าเสียทีให้กับ เนินชันยาวประมาณ 200 เมตร แถมท้ายด้วยโค้งหักศอก ที่ถูกกลุ่มออฟโรด ที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อคืนในช่วงฝนตก...และบางคันก็ยังไม่สามารถขึ้นได้ ต้องนอนในรถถึงเช้า จนขบวนของเราตามมาทัน.........ได้ปั่นเป็นร่องลึกยาวไว้ จนเป็นร่องบังคับ....ทำให้ล้อหน้าซ้าย ของรถ 4wdกลุ่มเราไปชนเข้ากับก้อนหินใหญ่ที่ฝั่งอยู่ใต้ร่องโคลน...จนเพลาข้างขาดไม่สามารถเดินทางต่อได้.....แต่พวกเราก็ยังได้รับน้ำใจจาก สมาชิกในกลุ่มออฟโรด กลุ่มดังกล่าว...มาช่วยวินซ์ กู้รถคันที่เกิดปัญหาของเราจนสามารถออกจากเส้นทาง แอบเข้าข้างทางได้....
พวกเราจึงได้ลำเลียงของที่อยู่ท้ายรถ และผู้โดยสารมาเฉลี่ยให้กับ รถ4WD .คันอื่นๆที่เหลือในคณะแล้ว เดินทางต่อไป.....และต้องข้ามลำห้วยอีก 3-4 ห้วย...จนใกล้ถึงสำนักสงฆ์ อยู่แล้ว...ขบวนเราก็ยังต้องสังเวยมอเตอร์ไซค์ ให้กับสายน้ำ และหินลื่นๆ....อีก 2-3 คัน....เมื่อเห็นว่า...รถมอเตอร์ไซค์ เสียหายหลายคัน...ที่จะกลับไปรออยู่ที่หน่วยเขาพลู รวมทั้งสภาพเส้นทาง ที่ลื่นเละ โคลนเลน ขนาดนี้....เราจึงตกลงกับ มอเตอร์ไซค์ ที่จะกลับ หน่วยเขาพลู ในชุดสุดท้ายนี้ว่า...เมื่อถึงหน่วยให้...จัดอาหารกลางวันทานกันเลย....เสร็จแล้วให้เก็บเสบียง สัมภาระทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ ล่วงหน้ากลับออกไปก่อน ไม่ต้องรอ...เพราะความไม่สมบูรณ์ของรถแต่ละคัน...อาจทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางกลับมากเกินไป....
ส่วนสมาชิกที่เหลือก็มุ่งหน้าขึ้นไปยังสำนักสงฆ์เหมืองเต่าดำ ได้สำเร็จตามความตั้งใจ....เราได้ถวายสิ่งต่างๆ ที่จัดเตรียมมารวมทั้งที่มีผู้มีจิตศรัทธา ฝากมาทำบุญ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง.....สำคัญที่สุดก็คือเครื่องปั่นไฟ...ที่เป็นสิ่งที่ชมรมภูมิใจอย่างยิ่ง...หลังจากแนะนำวิธีการใช้ให้กับ หลวงพี่ท่านรับทราบ และนมัสการลากลับแล้ว...พวกเราก็ยังได้ อิ่มท้อง กับอาหารกลางวันด้วยฝีมือ ของโยมอุปถาก ที่โรงครัวสำนักสงฆ์ นั่นเอง...............
เราจึงได้นำ น้ำดื่มและเสบียง ส่วนใหญ่ ที่มีติดรถมา มอบให้ที่โรงครัวไว้สำรองใช้เพราะพวกเราจะกลับบ้าน กันแล้วที่โรงครัวคงจำเป็นมากกว่า จะออกไปหาซื้อเส้นทางก็ลำบาก...และพวกเราก็คงกลับไปทานอาหารเย็นกันในตัว อ.ไทรโยค เลยทีเดียว
..............................................................................................................................................
ด้วยความอิ่มบุญ อิ่มท้อง ได้พักหายเหนื่อย อิ่มเอิบกันทุกคน และขาย้อนกลับลงมาจากสำนักสงฆ์ เป็นเส้นทางลงเขาโดยตลอด ขึ้นทางชันไม่ค่อยมี รวมทั้งมอเตอร์ไซค์ที่เหลืออยู่ก็สมบูรณ์ดีทุกคัน....ร่องไลน์ ร่องน้ำ ลำห้วย ก็แทบจะจำกันได้หมดเพราะเพิ่ง ขับขี่ผ่านไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง....ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ...ทุกคันก็กลับลงมาถึง หน่วยเขาพลู เพื่อเก็บสัมภาระที่เหลือ.....จะเสียเวลาอยู่บ้างก็ตอนที่ต้องกู้ รถยนต์ 4wd คันที่มีปัญหาและจอดไว้ข้างทาง....ให้หันหัวกลับลงมา ตำแหน่งที่รถจอดอยู่เป็นจุดหักศอกบนปลายเนินชัน เหวลึกทั้งซ้ายและขวา ณ.จุดนี้เป็นไปได้ยากที่จะนำรถ 4wd คันอื่นๆไปช่วยลากจูง เผลอๆจะจูงมือกันร่วงลงข้างทางซึ่งเป็น เหวลึกด้วยซ้ำ โชคดีที่รถคันดังกล่าวติดตั้ง วินซ์หน้า และหลังอยู่แล้ว...อาศัยกอไผ่ และต้นไม้ใหญ่ข้างๆ...เป็นหลักค่อยๆวินซ์ หน้าที หลังที ...ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆที่มีประสพการณ์ รถก็สามารถหันหัวกลับลงมาตามต้องการได้.....และตามเส้นทางขากลับรถคันนี้ ใช้เกียร์ 4WD ไม่ได้....ต้องขับเคลื่อนด้วย 2 ล้อหลังที่เหลือตลอดเส้นทาง...แต่ทั้งนี้ก็จะมีรถในทีม ขับนำเป็นพี่เลี้ยง เผื่อต้องได้ช่วยลากจูงในช่วงผ่านอุปสรรค ต่างๆ.....
ประมาณ บ่าย 2 โมง ที่หน่วยเขาพลู พวกเราช่วยกันเก็บสัมภาระที่เหลือ ขึ้นท้ายรถยนต์ อีกทั้งยังมีรถมอเตอร์ไซค์ บางคันเครื่องพังต้องยกขึ้นท้ายรถยนต์กลับไปด้วย ซึ่งก็ต้องพยายามเฉลี่ย สัมภาระที่เหลือทั้งหมดให้ลงตัวกับรถยนต์ 4wd ที่เหลือของเรา 4 คัน....ตั้งแต่เช้า ฟ้าเปิดอากาศเย็นสบาย ไม่น่าต้องเป็นห่วงเรื่องฝนตก พวกเราก็เร่งเดินทางกลับออกมา โดยให้ มอเตอร์ไซค์ ซึ่งตอนนี้เหลือประมาณ 20 กว่าคัน...นำไปก่อน นัดเจอกันที่ ด่านหน่วยล่าง เขาปลาน้อย...เพื่อกล่าวลาเจ้าหน้าที่
เนื่องจากบ่ายคล้อยแล้วเส้นทางขากลับ...ดินเริ่มแห้ง จะมีบางช่วงที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ แดดส่องไม่ถึง จะยังชุ่มน้ำอยู่...แต่ก็ดีหน่อยที่เส้นทางนี้ เป็นดินปนทราย สลับหินลอย ไม่ค่อยลื่นเหมือนช่วงขึ้นสำนักสงฆ์...ไม่ถึงบ่าย 3 พวกเราก็มาพร้อมกันที่ ด่านหน่วยล่างเขาปลาน้อย แต่วิบากกรรมของพวกเรายังไม่จบอยู่เพียงเท่านั้น....!!!!!
ลำห้วยเล็กๆ น้ำใสๆ สูง ไม่ถึงหน้าแข้ง ที่ขี่ข้ามกันมาเมื่อวานที่หน้าด่าน ตอนนี้กลายเป็นลำน้ำป่า สีขุ่นแดง กว้างประมาณ15-20 เมตร ไหลเชี่ยวกราก สูงขึ้นมาจนเกือบจะถึงหน้าอก เสียงสายน้ำโครมคราม เหมือนจะข่มขู่ ทุกคนที่คิดจะข้ามไปอีกฝั่ง ให้ตรองคิดว่าจะกล้าเสี่ยง กับความเกรี้ยวกราด ของสายน้ำนี้ไหม....จากคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ และผู้นำทาง....ฝนที่ตกต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์ และเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ ต้นน้ำที่ยอดเขา ซึ่งอาจจะมีกิ่งไม้ ใบหญ้า ซากพืชซากสัตว์ทับถมกันขวางเส้นทางน้ำ จนกลายเป็นเขื่อนธรรมชาติ กักเก็บน้ำเอาไว้จำนวนมาก และเมื่อช่วงบ่ายๆของวัน ด้วยปริมาณน้ำที่มหาศาล ทำให้เขื่อนธรรมชาติดังกล่าว พังลงเปิดทางให้น้ำที่สะสม อัดอั้นไว้พุ่งทะยานลงมา ตามลำห้วย ร่องน้ำข้างล่างที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้านั่นเอง....
เรารออยู่จุดนี้ เป็นเวลาเกือบๆ ชั่วโมง....น้ำป่า ก็ไม่มีทีท่า ที่จะลดระดับ และกำลังลงเลยแม้แต่น้อย....4 โมงเย็นแล้ว ทุกคนเริ่มเป็นกังวล เพราะเกรงว่าคนทางบ้าน จะเป็นห่วง มือถือก็ไม่มีสัญญาณ.....ยิ่งเห็น กลุ่มออฟโรดยกสูง 2-3 กลุ่มลุยข้ามน้ำไปได้....ยิ่งทำให้รู้สึก กระวนกระวายใจกัน.....จนเมื่อน้ำป่าเริ่มลดระดับ และกำลังลง....เหลือแค่ระดับเอว...ทดลองนำมอเตอร์ไซค์ คันแรกลงทดสอบ.....ไปยังไม่ถึงกลางลำห้วยเลยแรงน้ำก็แทบจะพัดพา ทั้งรถทั้งคน ไปด้วยกัน ต้องรีบช่วยกันนำขึ้นกลับมาบนฝั่ง....ปรึกษากันอยู่พักใหญ่..จนน้ำลดระดับลงอีกเล็กน้อย ระดับน้ำไม่ใช่ปัญหา แต่แรงน้ำ จะพัดให้รถมอเตอร์ไซค์ล้มได้ และหากคนเสียหลักล้มด้วย ก็จะไหลไปกับ กระแสน้ำทันที.......
สรุปกันว่า....ให้สมาชิกส่วนหนึ่งลงไปยืนจับมือกัน เรียงกันไปขวางลำน้ำไว้เป็นฝายมนุษย์ฝายกั้น เพื่อชลอแรงปะทะของสายน้ำ แล้วให้ที่เหลือ ทะยอยเข็นมอเตอร์ไซค์ ข้ามน้ำไปทีละคันโดย จะต้องมี หนึ่งคนเป็นหลักเข็นรถ อีกคนปิดปลายท่อไอเสียไม่ให้น้ำเข้าออกแรงช่วยเข็นท้าย และมีอีก 3 คนรออยู่กลางลำห้วย ยืนห่างกันเล็กน้อยช่วยพยุง และช่วยดึงให้ขึ้นไปยังอีกฝั่ง.....เมื่อเริ่มลงมือ...ก็มีติดๆขัดๆบ้าง...แต่รถคันแรกก็ผ่านไปได้โดยง่าย ด้วยความร่วมมือของทุกคน ตามด้วยเสียงโห่ร้องไชโย เสียงปรบมือ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะด้วยความดีใจของทุกๆคน.....
แล้วพวกเราก็ค่อยๆนำรถมอเตอร์ไซค์ทุกคัน คันเล็กหน่อยก็ยก ก็แบกข้ามฝั่งได้จนครบ...เป็นภาพแห่งความประทับใจมากๆ....ทั้งเจ้าของมอเตอร์ไซค์ เพื่อนๆที่อยู่บนรถยนต์ 4wdแม้แต่เจ้าหน้าที่ ตชด.ยังมีน้ำใจช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาเป็นฝายกั้นน้ำ และช่วยกันเข็นรถข้ามอีกด้วย......รถมอเตอร์ไซค์ เมื่อข้ามฝั่งได้ก็ ไล่น้ำกันเล็กน้อย ก็ติดเครื่องขี่ต่อไปได้....รถยนต์ 4wd ก็ขับข้ามทุกคันโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด......
เราต้องผ่าน ลำห้วยเช่นนี้ อีกหลายห้วย ก็ใช้วิธีเดิมในการช่วยเหลือกัน เหมือนห้วยแรกที่ผ่านมา ซึ่งก็มีความกว้าง เชี่ยวและลึกไม่น้อยไปกว่ากัน....แล้วฝนก็เริ่มตก ฟ้าก็เริ่มมืด ลำห้วยหลังๆ น้ำเริ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นจนแทบจะท่วมรถมอเตอร์ไซค์ทั้งคัน ...ความเหนื่อยล้า และหนาวเหน็บ เริ่มเข้าเกาะกิน พวกเราทุกคน....หลายคนหมดแรงล้มลงไหลไปกับตามแรงพัดพาของสายน้ำ ดีที่เพื่อนๆคว้าได้ทัน....ทุกคนหายใจหอบถี่ น้ำลายเหนียว คอเริ่มแห้งผาก....เสื้อผ้าเปียกโชก ทั้งจากน้ำป่า ฝน และเหงื่อ น้ำดื่มที่มีอยู่จำกัด นำออกมาแบ่งกันดื่ม คนละนิดพอลื่นคอ...บางคนเริ่มมีอาการตะคริว....บางคนแทบจะก้าวขาไม่ออก...ฝนก็ยังตกลงมาเรื่อยๆกระหน่ำเพิ่มระดับน้ำในลำห้วยให้ สูง และเชี่ยวมากขึ้น...อย่างไม่เห็นใจ จิตใจที่เริ่มท้อ และหดหู่ ของพวกเรา......ถึงแม้ทุกคนจะอยากช่วยเหลือเพื่อนๆ....แต่ด้วยสภาพทางร่างกายที่เริ่มประท้วง และเมล็ดข้าวที่ทานกันเมื่อช่วงกลางวันเมล็ดสุดท้ายย่อย และแปรมาเป็นกำลังจนหมดสิ้นแล้ว.....ทำให้เริ่มมีการเกี่ยงกัน ตัดพ้อกัน โดยไม่รู้ตัว...
พวกเราหลายคนมีงาน ภาระกิจ ธุรกิจ ที่ต้องรับผิดชอบทำในเช้าวันพรุ่งนี้.....หลายคนรับปากกับคนทางบ้านว่า...ออกจากป่าไม่เกิน 4 โมงเย็น จะโทรไปบอกเพื่อไม่ให้เป็นห่วง....บางคนมีธุระในช่วงเย็นนี้ด้วยซ้ำ.....แต่นี่พวกเรายังอยู่กลางป่า ไม่สามารถติดต่อกับ คนภายนอกได้เลย.....ลำห้วยล่าสุดที่ข้ามมาได้ แทบจะไม่มีเสียงพูดคุยกันด้วยซ้ำ...ทุกสายตาเหม่อลอยมองไปกับ สายน้ำที่อยู่ต่อหน้า สลับกับขึ้นมองดูสายฝนที่โปรยปรายมาไม่หยุด......เมื่อมืดมาก...มอเตอร์ไซค์บางคัน ไม่มีไฟหน้า...หลายคันน้ำเข้าเริ่มติดเครื่องไม่ได้....ชุดช่างจำเป็นเริ่มไม่มีแรงแม้แต่จะจับเครื่องมือ ซ่อมให้เพื่อนๆ......อีกอย่างลำห้วยใหญ่ที่เป็นอุปสรรคขวางอยู่ข้างหน้ามันลึก และ ขุ่นเชี่ยวกว่า ทุกห้วยที่ผ่านมา.....หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย เลยสรุปว่า เราต้องนอนพักกลางป่า นี่แหละและภาวนาให้...พรุ่งนี้น้ำป่าลดระดับลงจนเป็นลำห้วยปกติ.....
ราวๆ 2 ทุ่ม เสบียงและน้ำดื่ม ที่มีเหลืออย่าง จำกัดจำเขี่ย...เพราะส่วนใหญ่นำไปถวายสำนักสงฆ์ และนำกลับออกไปกับชุด มอเตอร์ไซค์ ที่กลับก่อนในช่วงสายๆหมดแล้ว.....นำมาจัดสรรปันส่วน...ให้ทั่วถึงทุกคน...ถึงแม้จะไม่อิ่ม แต่ก็พอรองท้องไว้ก่อน...แล้วยังต้องแบ่งบางส่วนสำหรับมื้อเช้าอีกด้วย.....จัดแบ่งเวรยาม เพื่อดูแลความปลอดภัย และเฝ้าดูระดับน้ำ ตกลงกันว่า หากน้ำลดระดับลงจนพอข้ามได้ ก็ให้รีบปลุกเพื่อนๆ และเดินทางในทันที เพราะไม่มั่นใจว่าถ้ารอจนเช้า หากฝนยังไม่หยุด ระดับน้ำอาจจะสูงขึ้นกลับมาอีก.... พวกเรากางเต้นท์ ผูกเปลเท่าที่มีอยู่ แล้วแบ่งๆกันนอน บ้างก็นอนในรถเสบียง ไม่สบายตัวนัก แต่ก็หลับกันได้ เพราะความเหนื่อยอ่อน ท่ามกลางเสียงฝนที่ยังไม่ขาดสาย ผสมกับเสียงครวญของสายน้ำป่า ในลำห้วย......
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประมาณ 6 โมงเช้าของวันที่ 3 ทุกคนถูกปลุกด้วยเสียง สตาร์ทมอเตอร์ไซค์ จากทีมซ่อม ที่ลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อซ่อมแซม รถเพื่อนๆที่มีปัญหา ทุกคนที่ตื่นขึ้นมาก็อดไม่ได้ ที่จะเดินไปดูระดับน้ำ ในลำห้วยก่อนเป็นอย่างแรก.....และเดินกลับมาด้วยรอยยิ้มอย่างมีความหวัง เพราะระดับน้ำลดลงเยอะ ถึงแม้ยังไม่ปกติ แต่ก็สูงไม่ถึงเอว...เพราะเมื่อวานสูง และเชี่ยว กว่านี้พวกเรายังผ่านมาได้....ทุกคนรีบเก็บของและ เตรียมตัว...อาหาร และน้ำที่เหลือสุดท้ายแล้ว นำมาแบ่งกันพอไม่ให้ท้องว่าง..เพื่อนๆหลายคนที่ขับ และนั่งรถยนต์ 4wd ไม่ขอรับส่วนแบ่ง เพราะอยากให้ เพื่อนๆที่ขี่มอเตอร์ไซค์ ได้ทาน เพราะต้องใช้เรี่ยวแรง ฝ่าฟันอุปสรรคออกจากป่าให้ได้ในเช้านี้....มอเตอร์ไซค์คันเล็ก และคันที่เสียบ่อยๆ รวม 3 คัน...ถูกยกขึ้นไว้ท้ายรถยนต์ อีกเพื่อไม่ให้เป็นภาระเสียเวลา...เราข้ามลำห้วยอีก 4-5 ห้วย อย่างราบลื่น...เพราะทุกคนรู้หน้าที่กันดีแล้ว...พร้อมทั้งกำลังกาย กำลังใจเต็มเปี่ยม....จนมาถึงลำห้วยที่ลึกสุด....ก่อนที่จะข้ามเข้าไปยังหมู่บ้าน ชาวไร่ และจุดนี้นี่เองที่มีชาวบ้านมาดักรอบอก...ว่ามันลึกจนท่วมหลังคารถยนต์ 4WD พัดลอยไปหลายคันแล้วเมื่อคืน ของกลุ่มออฟโรด ที่ออกเดินทางมาก่อนพวกเราเมื่อช่วงเย็นวานก่อน ตรงด่าน หน่วยล่างเขาปลาน้อยนั่นเอง....ชาวบ้านเลยแนะนำเส้นทางลัดเลาะ เพื่อไปข้ามลำห้วยในจุดที่ตื้นเขินมากที่สุด....และยังนำทางพาพวกเราขึ้นไป พักผ่อน ทานข้าวเช้าในหมู่บ้านเล็กๆ ของพวกเขาก่อน...พวกเราทานกันเต็มอิ่ม พร้อมกับมอบเงินเล็กน้อย เป็นน้ำใจคืนให้แก่เจ้าของบ้าน....จากจุดที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่บนยอดเนินสูง สามารถมองย้อนกลับลงไปยัง ลำห้วยใหญ่ที่พวกเราเพิ่งข้ามกันมา....ทอดยาวคดเคี้ยวไปตามเชิงเขา ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต ขนาดใหญ่ยาว ที่กำลังเลื้อยผ่าน หน้าพวกเราไป......
ด้วยไม่มีใครคาดคิด...พี่ๆกลุ่มมอเตอร์ไซค์ ที่ออกจากป่ามาก่อนพวกเราตั้งแต่เมื่อวาน....ด้วยความเป็นห่วงเลยยังไม่มีใครกลับบ้านกันเลย....ขี่รถมอเตอร์ไซค์ 2-3 คัน ซื้อปลาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ มาฝากหลายชุด...ขี่เข้ามาตั้งแต่เช้า จากตัว อ.ไทรโยค มาเจอพวกเราที่หมู่บ้านนี่พอดี และยังมีเพื่อนๆ...อีกบางส่วนรอช่วยพวกเรา ตรงลำห้วยสุดท้าย ตรงปากทาง ที่ไม่ลึกมาก แต่กว้างกว่า 50 เมตร และเล่าให้ฟังว่า มอเตอร์ไซค์ชุดแรกที่กลับออกไปก่อน...ไม่เจอน้ำป่าเลยแม้แต่น้อย....แต่ต้องเสียเวลากับการ เข็นและลากจูง รถที่เสียจนซ่อมไม่ได้...กลับออกมาด้วย....ครั้นเมื่อรอจนเย็นไม่เห็น ชุดหลังตามมา...เลยย้อนกลับมาเพื่อจะเข้ามาดู ก็มาเจอน้ำแตกห้วยขวางหน้าพอดี.....เห็นดังนั้นก็พอจะเข้าใจว่า..ชุดหลัง ต้องเจอกับอุปสรรคใดๆบ้าง...เลยมาดักรอแต่เช้าเพื่อหาทางเข้ามาช่วยเพื่อนๆที่ติดอยู่กลางป่าทั้งคืนนั่นเอง....
แล้วลำห้วยสุดท้ายทุกคันก็ข้ามสำเร็จ อย่างง่ายดายพร้อมรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเช่นเคย...ประมาณ 11 โมงเช้า กลับถึง ตัว อ.ไทรโยค ด้วยความปลอดภัยทุกคน.....สิ่งแรกที่ทุกคนรีบทำคือโทรศัพท์ ติดต่อกลับคนที่บ้าน ที่ทำงาน โทรหาเจ้านาย โทรสั่งงานลูกน้อง....และโทรกลับทุกสายที่โชว์ Missed Calls ในเครื่องมือถือของตน........ และแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทำบุญเข้าพรรษาครั้งนั้น ได้รับผลบุญทันตาจริงๆ....เพราะจากเหตุการณ์ต่างๆผู้ร่วมเดินทางด้วยกันในทริปนั้น...ถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน ทั้งสาขาอาชีพ ตำแหน่งหน้าที่การงาน รายได้ คุณวุฒิ วัยวุฒิ มาจากหลายจังหวัด หลายพื้นที่ รถมอเตอร์ไซค์ ที่ใช้ร่วมทริป มีทั้งราคาระดับพัน หมื่น ถึงคันละหลายแสน แต่เมื่อทำบุญกลับมาพวกเรา ได้ทั้งเพื่อน พี่ น้อง ที่ดีและมีน้ำใจ เพิ่มขึ้น...ด้วยกุศลบุญที่สร้างร่วมกันโดยแท้................THE END
.
.......................................................