คำตอบที่ 91
      

fiogf49gjkf0d

คุณกบไปคืนวันพฤหัสที่5/11 เจอกันที่ไหนครับ? กี่โมงดี จะใด้นอนตุนใว้ก่อน แล้วเรื่องแก๊สรถผม ลากยาวๆ 123ใด้รอบ4000เศษๆเองครับกว่าจะขึ้นต้องรอ(ตื้อ) ผมหมุนวาวร์ทองเหลืองที่ติดอยู่ที่สายก๊าส ก่อนเข้ามิ๊ก ออก(ทวนเข็ม)ประมาณ 15 นาที เร่งดีขึ้นมาหน่อยเดียวครับ คุณย้งพอจะมีความเห็นอย่างไรครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 92
      

fiogf49gjkf0d

เออ...พี่เรลองวิ่งนำมันดูรอบดูความเร็ว ดูว่าอืดๆมั๊ย...ถ้าใช้นำมันแรงดีกว่า (มาก) ก็ยังสามารถปรับช้วยได้อีกแต่ถ้าเหมือนกันก็ต้องมาดูที่เครื่องแล้วละ แล้วพี่เรลองถามคนอื่นว่าวิ่งได้เท่ากันมั๊ยเปรียบเทียบกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 93
      

fiogf49gjkf0d

รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง ..... ก็ต้องจูนแก๊สให้หนาขึ้นอีก เพื่อจะได้ส่วนผสมที่พอดีครับ.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 94
      

fiogf49gjkf0d

แต่ถ้าจูนหนาไปมันก็จะเปลืองเพราะมันเผาไหม้ไม่หมด สิ้นเปลือง วิ่งไม่ออก เครื่องอาจจะดับได้ในขณะเดินเบา ส่วนการจูนบาง เครื่องสึกหรอกเร็ว เครื่องพังเร็ว ความร้อนสูง เครื่องอาจจะดับในขณะที่มีโหลดเยอะครับ วิธีการปรับจูน ก็ต้องมีมิเตอร์วัด หรือมี af เพื่อดูในการปรับจูนอ่ะครับ จะดีที่สุดครับ
ที่ผมติดFUNAKI VALVE GAS MIXERเค้ามีตัววัดแก๊สที่ท่อไอเสียครับ.....ตอนที่เค้าจูนให้พี่เรเค้าทำอย่างไรครับแล้วมีเอารถไปลองวิ่งโดยมีช่างนั่งไปด้วยมั๊ยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 95
      

fiogf49gjkf0d

ตอนใช้น้ำมัน ตีนต้นอืดนิดๆ เลย 1200ไปแล้ว พุ่งครับ และจะไปตื้อตอน4000รอบอีกที แต่เลี้ยงคันเร่งก็ไหลใด้จาก 90ไมล์ไปอีกเป็น95ไมล์ครับ จากนั้นถ้าไม่ใช่ทางลาด ก็ไม่ขึ้นครับเข็มความร้อนยังปรกติ แตเข็มน้ำมันเริ่มจะสวนลงแล้วครับ อย่างนี้เครื่องปรกติใหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 96
      

fiogf49gjkf0d

ของผมก็น่าจะประมณนั้นไม่ค่อยสังเกตุ ปรกติแก๊สจะปรับได้แค่นำมันไม่ได้เหนือกว่า
เนื่องจากเราไม่มีเครื่องมือวัดราคาแพง ซึ่งไม่มีความจำเป็นในระดับนั้น การสังเกตอาการแก๊สหนาหรือบางในรถที่ติดแก๊สระบบมิกเซอร์ ให้สังเกตดังนี้
ขณะจอดไม่มีโหลด ลองเหยียบเบรคแล้วปล่อย 3-4 ครั้ง
ถ้ารอบเด้งขึ้น แปลว่าแก๊สหนาไป ลดแก๊สที่ไอเดิลหรือและเซนต์
ถ้ารอบตกลง แปลว่าแก๊สบางไป เพิ่มแก๊สที่ไอเดิลหรือและเซนต์
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรถบางคันอาจต้องการหนาเล็กน้อยเพื่อเวลามีโหลดหรือเปิดแอร์
ขณะเร่งเครื่อง ลองเร่งเครื่องค้างไว้ซัก 3-4พันรอบ แล้วเหยียบเบรคแล้วปล่อย ติดๆกันถี่ๆ
ถ้ารอบเร่งขึ้น แปลว่าแก๊สหนาไป ให้ลดเพาเวอร์วาวลง
ถ้ารอบตกลง แปลว่าบางไป ให้เปิดเพาเวอร์วาวขึ้น
ส่วนใหญ่ใช้ได้ผล อาจมีรถบางคันที่ต้องเพิ่มแก๊สหนา ขึ้นอยู่กับการวางระบบ หม้อต้ม ขนาด และตำแหน่งมิกเซอร์
ถ้าเร่งเครื่องแบบทันทีทันใด แล้วมีอาการสั้นกระตุก แบล๊ค ก็ต้องเปิดเพาเวอร์วาวเพิ่ม
ถ้าวัดด้วยเครื่องมือวัดอาจไม่ได้ค่าที่เหมาะสม เพราะรถเราอาจไม่สมบูรณ์ 100เปอร์เซนต์ ต้องเลือกเอาจะจูนแก๊สหรือจะซ่อมรถ
สรุป...ถ้าพี่เรอยากแรงกว่านี้ต้องหาตัวช้วยแล้วละ (ของผมติดท่อครับ)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 97
      

fiogf49gjkf0d

รายละเอียดเพิ่มครับลองดูหลายๆแบบไม่รู้อันไหนใช้ได้ดี

เวลาเราจูนแก๊สเนี่ย จะมี 3 จุดคือ

1. ตัวจ่ายแก๊ส หรือ sensitive
ที่เราเรียกว่า "เซนสิทิฟ" เพราะมันจะเป็นตัวปรับความไวในการปล่อยแก๊ส
เวลาเกิดแรงดูดจากลูกสูบ ผ่านท่อไอดี ผ่านมิกฯ เนี่ย
ตัวเซนฯ จะเป็นตัวคุมว่าจะยอมให้ดูดมากหรือน้อย
ถ้าไขเข้าเยอะ ก็เหมือนปิดฝาขวดแน่น ก็ดูดแก๊สยากหน่อย
แต่ถ้าคลายออก มันก็จะยอมปล่อยให้ดูดง่ายขึ้น
จะกินแก๊ส/วิ่งอืดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวนี้เป็นหลัก
(ห้ามถามว่าอยากได้ทั้งประหยัดทั้งแรงทำไง

2. ตัว power valve (อยู่ระหว่างหม้อต้มกับมิกฯ)
ทำหน้าที่ "จัดแถว" แก๊สที่ถูกปล่อยมา คือแก๊สที่ถูกจ่ายมาจากหม้อต้มเนี่ย
ก็จะมาออกันที่หน้า power valve ตัวนี้ ถ้าปิดมาก
มันก็เหมือนมาแออัดกันหน้าประตู แต่เข้าได้ทีละคน
แต่ถ้ามากไปก็แก๊สก็จะท่วม

จำไว้ว่า "น้อยไปก็ไม่ไดี มากไปก็ไม่ดี..." ครับ
แก๊สน้อยไปก็วิ่งไม่ออก (แก๊สไม่พอ)
แก๊สมากไปก็ท่วม ส่วนผสมระหว่างแก๊สกับอากาศไม่ลงตัวก็วิ่งไม่ออ ก
(สัดส่วนเท่าไหร่ จำไม่ได้อ่ะ 14:1 หรืออะไรประมาณนี้...
เอาว่าให้มันพอดีละกัน)

ไอ้เซนฯ กับ power valve นี่ต้องทำงานร่วมกันนะครับ
คือปล่อยไม่มาก-ไม่น้อย (ไม่กิน-ไม่อืด) และจัดแถวให้แก๊สเข้าพอดี

3. ตัวปรับเดินเบา (idle screw)
คืองี้ ตอนเครื่องเดินเบาเนี่ย (เอาว่ารอบไม่เกิน 1200)
จะยังไม่เกิดแรงดูดจากท่อไอดีผ่านมิกเซอร์
หม้อต้มจะปล่อยแก๊สออกมาแบบหรี่ๆ ก่อน (ไม่ปล่อยก็ดับดิ่)
เรียกว่า positive pressure
(ถ้าเราเอาท่อแก๊สไปจุ่มน้ำแล้วมันจะมีฟองบุ๋ง ๆ)
จะบุ๋งมากบุ๋งน้อยก็ขึ้นอยู่กับเจ้า idle screw นี่เอง
ถ้าไขเข้ารอบเดินเบาก็ต่ำ ไขออกก็จะสูงขึ้น
ถ้าไขเข้ามาก ๆ ก็ควรจะดับ (เพราะมันไม่บุ๋งไง)

***มันจะมีหม้อต้มบางยี่ห้อที่มีตัวปรับแค่อันเดีย ว
คือมันรวมเซนฯ กับเดินเบา
ก็จูนได้เหมือนกัน แต่อาจจะยากกว่านิดนึง
เพราะต้องมือนิ่ง ๆ ค่อย ๆ หาจุดที่มันพอดีน่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 98
      

fiogf49gjkf0d

เริ่มจาก ปิดแอร์

1. จูนรอบเดินเบา โดยคลาย power valve เยอะๆ แล้วปรับ sens ที่หม้อต้มเข้าจนเครื่องเริ่มสั่น จำตำแหน่งเอาไว้ [ถ้าหม้อต้มมีตัวปรับเดินเบา ให้ไขเข้าจนสุด แล้วคลายออกมาซัก 1 รอบก่อน]
2. คลาย sens ออก นับรอบไปด้วย จนเครื่องสั่นอีกครั้ง สมมุติคลายออกมา 2 รอบ เครื่องจึงจะเริ่มสั่นอีกครั้ง แสดงว่าถ้าเราเลือกค่ากลาง ๆ ก็คือคลาย 1 รอบจากตำแหน่งที่จำไว้ในข้อ 1
อันนี้เป็นตำแหน่งคร่าวๆ ตำแหน่งที่เหมาะจริงๆอาจเพิ่มหรือลดได้อีกนิดหน ่อย
เดี๋ยวค่อยไปจูนละเอียดต่อทีหลัง เป็นอันว่าตั้งหม้อต้มสำหรับเดินเบาเสร็จแล้ว รอบได้ที่ 800 นิ่งๆ
3 คราวนี้มาเล่นกับ power valve บ้าง ต้องมือไว ๆ นิ่ง ๆ หน่อย เพราะต้องเร่งเครื่องที่รอบสูงๆ
เริ่มจาก เอามือจับลิ้นคันเร่ง เร่งแรงๆไปเลย สัก 5000 รอบมั้ง [แต่ถ้าเท้าไม่หนักมาก อาจลดเหลือซัก 4000] บิด power valve เข้าจนเสียงเครื่องยนตร์ตกลง จากนั้นคลายออกอีกครั้ง เสียงเครื่องจะเริ่มกลับมาดังอีก คลายออกเร็วๆจนเสียงดังที่สุด ตำแน่งนี้จะเป็นตำแหน่งที่จ่ายแก๊สจอกับที่เครื่องต้ องการในรอบสูง [*อย่างงี้แหละคือ "พีคจูนนิ่ง" : คือหาค่าสูงสุด เพื่อหาความเหมาะสมของการจ่ายแก๊ส
กับ พลังของเครื่องยนต์] ถ้าใครกลัวเปลืองแก๊ส จะหมุนเข้าอีกสัก 1/4 รอบจากตำแหน่งนี้ก็พอได้
โดยอัตราเร่งจะลดลงไปหน่อย
4 คราวนี้มาจูนรอบเดินเบาแบบละเอียดต่อจากที่จูนคร่าวๆ ไว้ในข้อ 2

[***ถ้าเป็นหม้อต้มแบบมีตัวปรับเดินเบา ก็ปรับตัวเดินเบาคู่กับ sens ไปด้วย]

[***รถใครที่ไม่มี O2 sensor (ผมก็ไม่มี) ก็ไม่ต้องวัดหรอกครับ กะ ๆ เอาละกัน]

ผมเอาดิจิตอลมิเตอร์มาต่อวัด O2 ประกอบการจูน โดยพบว่าที่รอบเดินเบาตอนปิดแอร์วัดค่าได้แถวๆ
920-930 mV แบบนิ่งๆไม่สวิงเลย อย่างนี้แสดงว่า sens มันไวไป จ่ายแก๊สเกินไปนิด
บิด sens เข้าสัก 1/16 รอบ แล้วมาดูค่าที่มิเตอร์อีกที คราวนี้ค่าเริ่มแกว่งนิดๆช่วง 750-920 mV
ผมก็บิดเข้าอีก 1/16 คราวนี้ค่าแกว่งช่วง 200-920 mV สมใจ ซึ่งคล้ายๆกับค่าที่แกว่งตอนใช้น้ำมัน
5 คราวนี้ลองเปิดแอร์ดู พอคอมแอร์เดิน อ่านค่าได้ 0 - 20 mV พอ คอมตัดก็โดดมาเป็น 920 mV อีก
รอบตอนปิดแอร์ 800 พอคอมแอร์เดินรอบอยู่แถวๆ 800-850
จังหวะที่คอมตัดรอบจะตกนิดไปที่ 600 แล้วเด้งมาที่ 800 ตามเดิม คิดว่าใช้ได้แล้ว
6 ดับเครื่องสัก 1 นาที แล้วลองสตาร์ทดูใหม่ว่าติดยากไหม ถ้าติดยากก็คลาย sens ออกสัก 1/16
ตำแหน่ง sens ที่ดีและไม่กินแก๊ส คือตำแหน่งที่หมุนเข้ามากที่สุดที่ยังติดเครื่องได้ง ่าย
แต่จะต้องอยู่ในช่วงที่จำตำแหน่งไว้ในข้อ 1 กับ 2 ถ้าคนชอบแรงอาจคลาย sens ออกได้อีกสัก 1/16
เพื่อให้หม้อมันไวจ่ายแก๊สง่าย กดคันเร่งนิดเดียวก็จ่ายแล้ว รถจะพุ่งดี แต่กินมากขึ้นด้วย
7 จูนเข้าที่แล้วก็เอาไปลองวิ่งดูแล้วจูนตอนขับอีกนิดห น่อยให้ถูกใจ โดยอาจจะต้องเอา sens เข้า หรือออกอีกนิด เพื่อให้หม้อต้มจ่ายแก๊สได้พอดีๆกับการขับของเร า
-ตอนแอร์ตัด เครื่องเดินตัวเปล่าไม่ใช้พลังงานมาก แก๊สเผาไหม้ไม่หมด เลยวัดได้ 920-930 mV
พอเปิดแอร์มีโหลดให้เครื่อง มันเลยต้องเผาแก๊สมากขึ้นเพื่อให้ได้พลังงานไปหมุนคอ มแอร์
คราวนี้เลยเผาไหม้แก๊สจนหมด ค่า O2 ที่วัดได้จึงตกมาเหลือ 0-20 mV
-การจูนเดินเบาเราจูนตอนปิดแอร์ได้ 800 รอบ ถ้าเปิดแอร์แล้วแก๊สไม่พอจนรอบต่ำไป
อาจคลาย sens ช่วยได้อีก 1/16 - 1/8 คลายมากกว่านี้ก็ไม่ช่วยอะไร รอบมันจะไม่สูงขึ้นแล้ว
ถ้าอยากได้รอบสูงขึ้นกว่านี้ ต้องโกงโดยการตั้งลิ้นคันเร่งให้เปิดนิด ๆ
เหมือนกับเราเหยียบคันเร่งช่วย ที่ลิ้นคันเร่ง มันจะมีน็อตสำหรับตั้งรอบเดินเบาอยู่ครับ

-อย่าลืม เป่ากรองให้สะอาดนะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 99
      

fiogf49gjkf0d

หม้อต้มของผมมีทีจูนอยู่อันเดียว เดี๋ยวจะลองอย่างที่คุณย้งแนะนำครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 100
      

fiogf49gjkf0d

มีตัวช้วยมาฝากพี่เรครับ FUEL BANK เพิ่มแรงม้า/แรงบิด ไม่พอใจคืนเงินใน 7 วัน ที่ตลาดญี่ปุ่นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
ยอดขายกว่า 20,000 ตัวต่อปี ในญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 101
      

fiogf49gjkf0d

แรงม้าขึ้นจริง ไม่มีโม้ เรากล้าทดสอบมาแล้ว
ทดสอบมาแล้วบนไดโนโดยไม่มีการปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น @ Dyno King (WorldTec) อ่อนนุช
[ผลการวัดแรงม้าจริงในบ้านเรา]
หมายเหตุ: การทดสอบในประเทศญี่ปุ่นอาจแตกต่างกับการทดสอบของเรา (รวมถึงหน่วยวัด)
อากาศและจุดติดตั้งที่แตกต่างกัน
การติดตั้ง Fuel Bank ครั้งนี้ติดตั้ง 1 ตัว เท่านั้น
ซึ่งจริงๆสามารถใส่ได้มากกว่า 1 ตัว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ
[คันแรก] BMW เครื่อง M54 > 2,500cc.
โดยในรถ BMW นั้นได้ติดตั้ง Fuel Bank และขับใช้งานมาก่อนแล้วประมาณ 1 อาทิตย์
ซึ่งทางเราได้ Dyno ตอนที่ติดตั้ง Fuel Bank ก่อนแล้วถอด Fuel Bank ออก
แล้ววิ่ง Dyno ทันที
หลังจากถอดออกจากที่เห็นคือแรงม้าหายไป 3.3 แรงม้าที่ล้อ กับแรงบิดที่ต่างกันประมาณ 6 nm โดยในความเป็นจริงแล้ว Fuel Bank
ได้ทำลายคลื่นไฟฟ้ารบกวนส่วนมากไปก่อนหน้านี้แล้วช่วงที่ใช้งานไปประมาณ 1 อาทิตย์
ซึ่งถ้านำรถไปวิ่งซัก 2 วันหลังถอดออกน่าจะเห็นผลที่แตกต่างมากกว่านี้ครับ แต่
ด้วยเวลาที่จำกัดจึงทำการทดสอบได้เท่านี้ยังไม่รวมถึงการย้ายจุดการติดตั้งอีกด้วย
ที่เห็นได้ชัดเจนคือช่วงรอบช่วงต้นก่อน 4,200 rpm
กราฟเพิ่มขึ้นเห็นได้ชัดเจน และทำให้เครื่องยนต์วิ่งได้เรียบและต่อเนื่องมากขึ้นตลอดทั้งเส้น
แสดงให้เห็นการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นในรอบต่ำ
[ความรู้สึกของผู้ทดสอบบนไดโน]
ใน BMW รู้สึกได้ชัดเจนตอนที่กดคันเร่งเพื่อเริ่มการวัดนั้น
ก่อนติดตั้ง Fuel Bank เครื่องยนต์มีการกระตุกก่อนรอบจะวิ่งขึ้นไป
แต่หลังจากติดตั้ง Fuel Bank อาการกระตุกหายไปทันที รอบวิ่งนิ่งและเรียบกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 102
      

fiogf49gjkf0d

คันที่ 2 Toyota (2JZ-GE ไม่มีเทอร์โบ) เพิ่ม 6 แรงม้าที่ล้อ + แรงบิดถึง 10.5 nm
ในรถ Toyota คันนี้เป็นรถที่ยังไม่เคยติดตั้ง Fuel Bank มาก่อน
โดยเราได้วิ่งหลายรอบเพื่อให้ได้แรงม้าสูงสุดในรถเดิมๆก่อน (จริงๆรอบแรกวิ่งได้แค่ 155 แรงม้า)
แต่ทางเราต้องการโชว์ค่าที่ไม่เวอร์เกินจริง จนมาได้สูงสุดที่ 160 แรงม้า

จากนั้นเราก็ติดตั้ง Fuel Bank แล้ววิ่งบน Dyno ทันที
ผลที่ได้คือแรงม้าขึ้นมา 6 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 10.5 nm ถ้าติดตั้งแล้วนำรถไปวิ่งสักวันนึงให้
Fuel bank ได้ทำงานเต็มที่น่าจะได้แรงม้าเพิ่มมากขึ้นอีกครับ

คันที่ 3 Mercedes-Benz CLK (W208) 2,300cc เพิ่ม 3.5 แรงม้าที่ล้อ + แรงบิด 4.1 nm (วัดที่ล้อ ไม่ใช่ที่ Flywheel)
**คันนี้ทดสอบตอนที่ติดตั้ง Fuel Bank ก่อนซึ่งติดตั้งไป 2 วันก่อนหน้าการทดสอบ (กราฟสีน้ำเงิน)
หลังถอดออกประมาณ 15 นาทีซึ่งระบบยังทำงานอยู่แล้วทดสอบอีกครั้ง
[ทำไม Fuel Bank ถึงประหยัดน้ำมัน?]
จากแรงบิดและแรงม้าที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในรอบต่ำ (1000-4200 rpm) ในรถทั้งสองคันที่ทดสอบ
ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้งานในเมือง แรงบิดที่มาเร็วขึ้นทำให้ไม่ต้องแตะคันเร่งเยอะ รถยนต์ตอบสนองเร็วขึ้น
วิ่งเต็มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ 100% เหมาะสำหรับรถที่วิ่งในเมืองที่ใช้รอบต่ำ และการวิ่งที่คงที่ในรอบต่ำๆ
มาตอบคำถามที่มีหลายท่านถามไว้นะครับ

1) Fuel bank มีผลอะไรต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าอื่นๆหรือไม่?
ตอบ = ไม่มีแน่นอนครับ เพราะ Fuel Bank ทำงานในระบบไฟฟ้าเฉพาะขั้วลบ
ซึ่งจะไม่ส่งผลระบบอื่นๆได้เลย ที่สำคัญภายในกล่อง Fuel Bank ไม่มีระบบที่เกี่ยวกับไฟฟ้าโดยสิ้นเชิง!

ดังนั้น Fuel Bank จึงไม่สามารถมีไฟโชว์ได้

2) จะรู้ได้อย่างไรว่า Fuel Bank ทำงานอยู่
ตอบ = ง่ายๆโดยการนำ Fuel Bank ไปลองที่หน้าจอทีวี (จอแบบธรรมดาแบบหลอด)
บางท่านอาจเคยลองเอามือไปอังหน้าจอ จะรู้สึกถึงคลื่นไฟฟ้า ถ้านำ Fuel Bank
ไปอยู่ที่หน้าจอสักพัก คลื่นไฟฟ้าจะหายไปทันที!!

นั้นคือหลักการการทำงานของ Fuel Bank ครับ!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 103
      

fiogf49gjkf0d

Fuel Bank ต่างจากสายกราวด์ (Ground Wire) อย่างไร?
สายกราวด์ทั่วๆไปย้ายและกระจายคลื่นไฟฟ้าที่รบกวนไปยังจุดอื่นๆ
ส่วน Fuel Bank จะทำลายคลื่นไฟฟ้าที่รบกวนทั้งหมด (complete elimination)

ติดตั้งง่ายเพียง 5 นาที เห็นผลรู้สึกได้
[สินค้าตัวนี้ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรแล้ว]

ราคาปรกติพร้อมติดตั้ง
EVO II = 9,900
EVO SP = 13,500 > ราคาปลีกที่ญี่ปุ่น = 19,500!!!
รุ่นพิเศษ "EVO SP" สามารถใช้ได้ทั้งรถเบนซินและดีเซล
และเหมาะสำหรับรถที่มีเครื่องยนต์ใหญ่ๆ (ประสิทธิภาพสูงกว่า)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 104
      

fiogf49gjkf0d

รถไม่แรงก็ทำให้แรง รถซดนักก็ทำซะให้ประหยัด รถควันดำก็ทำซะให้ควันน้อย พิสูจน์ได้ในทันทีครับ
--------------------------------------------------------------------------------
POWER JET นวัตกรรมล่าสุด จากเทคโนโลยีอากาศยานหนึ่งเดียวในโลกสู่ความแรงและความประหยัดของ ยานยนต์ โดยคนไทย... สิทธิบัตรการประดิษฐ์ เลขที่ 18912
POWER JET ประหยัดน้ำมัน อัตราเร่งสูงสุด ลดมลพิษท่านพิสูจน์ได้อย่างง่ายดาย

คุณสมบัติที่เหนือกว่า
ประหยัดน้ำมัน 5% (จอดอยู่กับที่ ปิดแอร์)
ประหยัดน้ำมัน 10-17% (เคลื่อนที่ ปิดแอร์)
เพิ่มอัตราเร่ง 8-12%
ลดควันดำมากกว่า 42 %
ทดสอบโดย สถาบันในประเทศและต่างประเทศ (ตรวจสอบได้ที่ สถานที่ติดตั้ง)
JET ENGINE POWER BOOSTER
POWER JET คืออะไร?

เป็นอุปกรณ์ที่ติดเสริม (Retrofit) ร่วมกับท่อไอเสียของรถยนต์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดมลพิษและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โดย POWER JET จะทำหน้าที่เหมือนกับอุปกรณ์พิเศษที่ติดมากับรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 5 ชนิด ดังนี้

- THERMAL DYNAMIC CATALYSTIC CONVERTER เป็น CAT ชนิดหนึ่งที่อาศัยหลักการไหลของอากาศผสมกับอุณหภูมิทำให้ไอเสียจากเครื่องยนต์ออกมามีค่า CO, HC, NO. x ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับ CAT ที่ทำงานโดยการ OXIDATION และ REDUCTION

- VARIABLE TURBO จะทำหน้าที่ช่วยดูดอากาศที่เข้าห้องสันดาปในขณะที่วาล์วไอดีเปิด ช่วยทำให้ปริมาณอากาศเข้ามาได้มากกว่าปกติประมาณ 10% ซึ่งทำให้เกิดส่วนผสมที่ดีระหว่างอากาศและนั้น

- INTER COOLER อากาศที่ดูดเข้ามาเป็นอากาศที่เย็น

- EXHAUST GAS VACUUM ทำหน้าที่ดูดไอเสียที่ตกค้างอยู่ภายในห้องสันดาปให้ออกอย่างหมดจด ส่งผลให้มี่ไอเสียตกค้างและไปผสมกับอากาศที่เข้ามาใหม่ จึงทำให้การเผาไหม้หรือสันดาปสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

- CLEAN JET จากการไหลอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิมถึงเท่าตัว แรงของลมไอเสียจะทำการพัดหรือกัดกร่อนทำให้เขม่าที่เกาะตามผนังเสื้อสูบ ผนังท่อไอเสียหลุดออกมาทำให้ผนังเสื้อสูบและท่อไอเสียสะอาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 105
      

fiogf49gjkf0d

POWER JET ทำงานอย่างไร?

เมื่อเครื่องยนต์เกิดการเผาไหม้แล้ว จะมีการคายไอเสีย (อากาศเสีย) ออกจากวาล์วไอเสีย ออกทางท่อไอเสีย และออกสู่ชั้นบรรยากาศ ไอเสียที่ถูกขับออกทางท่อไอเสียจะถูกไหลผ่าน POEWR JET ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ท่อไอเสีย

ไอเสียที่ไหลผ่านระบบ POWER JET ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่ 1 (A) จะเป็นไอลมแรงที่ไหลผ่านช่องใหญ่ทางตรงในตอนต้น สู่ตอนกลางที่ลดขนาดลงเพื่อรีดเพิ่มความเร็วของลม ซึ่งมีลักษณะคล้ายท่อไอพ่น และในส่วนที่ 2 (B) เป็นไอเสียลมเฉื่อยที่ถูกแยกให้ไหลผ่านช่องเล็ก ๆ บริเวณรอบกรวยที่ติดกับผนังท่อ โดยไอเสียจะไหลผ่านช่องสูญญากาศทางตอนต้นของระบบ POWER JET เมื่อไอเสียลมแรงและลมเฉื่อยไหลมาร่วมกัน (C) จะก่อเกิดปฎิกิริยาสูญญากาศ ทำให้เพิ่มแรงไหลออกอย่างมหาศล ส่งผลทำให้เกิดแรงดูดเอาไอดีเข้ามาแทนที่ไอเสีย และยังดูดไอเสียออกมาจากห้องสันดาปได้อย่างหมดจด เป็นผลทำให้วัฏจักรการสันดาปสมบูรณ์สูงสุด
ติดตั้ง POWER JET ได้กับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทุกชนิด ขนาดตั้งแต่ 1,300 cc. - 4,000 cc.
สนใจติดต่อ powerjet08@gmail.com หรือ พิจักษณ์ 086-677-2577
วันที่: 20 Oct 08 - 22:35

http://jeep.thailandoffroad.com/sale/question.asp?rting=1&id=11984

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 106
      

fiogf49gjkf0d

POWER JET ท่อนี้ติดมาปีกว่าพอใช้ได้ มีอีกท่านติดแล้วขายไปแล้วเพราะมีเทอร์โบมันไปอั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 107
      

fiogf49gjkf0d

555พี่เรคงต้องหาตัวช้วยจริงๆซะแล้ว พี่กบยังมี...มิน่าถึงตามไม่ทัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 108
      

fiogf49gjkf0d

ของผมเครื่องไกล้ยกลง พอไหลๆไปนะได้พี่ย้งเครื่องมันไม่พุ่งปี๊ดๆ คันที่อยู่หลัง ๆ นะ ต้องระวังมากๆ ผมเองก้อไม่เคยขับแบบเป็นขบวน เพราะไม่ชอบตามใครเหมือนกัน จะช้าจะเร็วอยู่ที่เราเอง แต่ไปกันเป็นขบวนก้อต้องทำใจ รู้สึกว่าจะขับยากขึ้น จังหวะมันกับเครื่องเรามันไม่ได้ไปตามสายตากับเท้าที่เหยีบมันไม่พุ่ง ขับกันแบบนี้ถ้าเครื่องพุ่งเร่งส่งไม่ทันกินข้าวต้มแน่ๆ ยังไงเราก้อต้องระมัดระวังยังมีวอช่วยๆกันเพราะเคย สังเกตพวกเราเองก้อเกือบๆกันไปหลายครั้งหลายคันคือมีเสียวๆให้เห็น ชาวบ้านด่าตามหลังรึอาจด่าชาวบ้าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 109
      

fiogf49gjkf0d

ผมเองก็ชอบที่จะไปไหนคันเดียว จะรีบหรือจะช้าก็ได้ แต่เป็นขบวนก็สนุกไม่มีใครช้า...ขอเสนอนะถ้าไปกันเยอะๆเกิน10ต้องมีจำกัดความเร็วสักนิดแล้ว555

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 110
      

fiogf49gjkf0d

อันตรายยังไม่เกิด ก้อยังไม่สนใจ อย่าให้มันเกิดแล้วมาแก้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 111
      

fiogf49gjkf0d

ติดอุปกรณ์และตัวช่วยเยอะไปป่าว ถึงอืดวิ่งไม่ออก ผมจูนมาจูนไปและจูนไปจูนมา งงไปหมดแล้วครับ เมาแก๊ส ก็เลยทำใจว่าเราใช้ก๊าส ไงTRIPหน้ารอผมมั่งครับ และคงจะใด้ยินจากวอมั่ง "เต่ากัดยางแล้วตาเรย์" หรือ "ใช้น้ำมันตราเต่าเหรอ" หรือ "อยู่ใหนตาเรย์เบียร์หมดไปสองป๋องแล้ว" แน่ๆเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 112
      

fiogf49gjkf0d

และแล้วความเสียหายจากที่เครื่องยนต์เดิน 3 สูบ ก็ตามผมมาทันอีกรอบ ไม่รู้สุดท้ายหรือป่าว คือเกือบอาทิตย์ผมขับรถๆดึงไปทางขวา ต้องดึงพวงมาลัยมาทางฃ้าย ดึงจนเมื่อยแขน ตั้งศูนย์ก็แล้ว ถ่วงล้อก็แล้วตอนตั้งก็ดี แป๊บเดียวเป็นอีก มันเกี่วยอะไรกับเครื่องเดิน 3 สูบ แป๊บหัวฉีดสูบ 3 ขาด มันพ่นโฃล่าเต็มห้องเครื่องและแบ่งไปรถคันหลัง ฉีดออกมาไปโดนยางๆอะไรก็บวม บิดงอเสียรูปรวมทั้งแผ่นยางบังโคลนเข้าเครื่อง น้ำมัน มันเลยออกไปโดนบูทยางปีกนกตัวบนโดยเฉพาะตัวหน้า วันเวลาผ่านไปยางที่ว่าแน่ก็บวมขาด ทำให้ปีกนกแกว่งใด้ แต่ใช้มือโยกฃ้ายขวาจะไม่มีอาการ แต่ถ้าวิ่งถรจะเลี้ยวขวาอย่างเดียว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 113
      

fiogf49gjkf0d

กว่าจะรู้ว่าเป็นอะไร เล่นเอาเหนื่อยเลย พอดีมีอะไหล่ เลยเปลี่ยบเข้าไป และลองขับดู หายเลยครับ ขับเป็นปรกติทุกอย่าง เฮอ.....จะมีอะไรอีกไม้ยนี่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 114
      

fiogf49gjkf0d

ไปลองอัดยาวๆบน ด่วนบูรพาวิถี มาแล้วครับยังตื้อ จอดรถปรับทวนเข็ม ครึ่งรอบ วิ่งดีขึ้นเยอะ ใด้ 90-95 ไมล์ เลยแช่ตลอด ขากลับขั 70-75ไมล์ทางวงแหวน ก่อนเข้าบ้านเติมแก๊ส 163บาท เลขไมล์62.5 ไมล์ หารออกมาเท่ากับวิ่งไป 10 กม กินแก๊สไป 163 บาทหรีอ 14.56 ลิตร เฉลี่ย วิ่ง1.63บาทต่อ 1 กม หรือ 1 ลิตรวิ่งใด้ 6.86กม ครับ วิ่งเร็วๆยกคันเร่งเครื่องดับประจำหรือรอบตก 3- 400รอบ ท่อไอเสีย ไม่เหม็นแก๊สครับ กลิ่นคลายเบนฃิน กูรูย้ง กูรูกบ วิจารย์ให้หน่อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 115
      

fiogf49gjkf0d

วิ่งเร็วๆยกคันเร่งเครื่องดับประจำหรือรอบตก 3- 400รอบ ท่อไอเสีย ไม่เหม็นแก๊สครับ กลิ่นคลายเบนฃิน กูรูย้ง กูรูกบ วิจารย์ให้หน่อยครับ
ถ้ารอบเร่งขึ้น แปลว่าแก๊สหนาไป ให้ลดเพาเวอร์วาวลง
ถ้ารอบตกลง แปลว่าบางไป ให้เปิดเพาเวอร์วาวขึ้น
ส่วนใหญ่ใช้ได้ผล อาจมีรถบางคันที่ต้องเพิ่มแก๊สหนา ขึ้นอยู่กับการวางระบบ หม้อต้ม ขนาด และตำแหน่งมิกเซอร์

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 116
      

fiogf49gjkf0d

วิ่งไปปรับไปอาจต้องใช้เวลา...ถ้าพี่เรว่างลองมาให้ช่างที่นี่จูนให้มั๊ยครับ เพราะช่างที่นี่เคยบอกว่ามีตัวแทนหลายที่ที่รับติดตั้งแล้ววิ่งไม่ออก ต้องเอามาให้เค้าแก้ให้บ่อยๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 117
      

fiogf49gjkf0d

ความสูงของ ถังแก๊ส รถผม ครับ พี่เรย์

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 118
      

fiogf49gjkf0d

ครับคุณย้ง ไม่ทราบจะทันจูนใหมครับ เจ้าลูกชายขอยืมไปสมุย อีกวัน สองวันนี้ ว่าจะลองจูนเองเพราะเมื่อตอนกลางวันเกรงว่าแก๊ลจะหนาสรุปความเร็วขนาดนั้นผมว่าบางไปครับ
คุณวีวัดใด้เท่ากันเลยเด๋วจะลองขันเทอชั่บบาร์ ขึ้นสัก 1" หน้าม้นทิ่มๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 119
      

fiogf49gjkf0d

ของผมเอง ว่าจะล้างหม้อเหมือนกัน ใช้มานาน 2 ปีที่ผม กับอีก 1 ปี เจ้าของเก่า คิดดูเครื่องมันจะขนาดไหน แต่มันก้อยังดีไม่ค่อยมีปัญหาแค่อืดๆ หม้อ HANA เป็นหม้อที่ทางผู้ใช่บอกว่าใช้ดีตามที่ๆโพสกัน หม้อเล็กแต่แจ่ม พอนำมาใช้ร่วมกับ โทซากิ มักจะมีปัญหาเรื่องการจูน เนื่องจาก ส่วนใหญ่จะมีตัวจูน วาล์วเดินเบา(idel) และวาล์วหลัก (sensitive) แต่หม้อเล็กฮากลิ้ง มีแต่วาล์วหลัก (sensitive) ช่างทีจูนมักจูนแบบเครื่องตัวปล่าวไม่ได้ขับขี้ พอลูกค้านำมาวิ่งมีโหลดต่างๆ กำลังจะไม่ค่อยมีจะอืดมาก วิ่งไม่ค่อยออก การจูนต้องเปิดโหลดต่างๆ ทั้งแอร์ทั้งเปิดไฟรึอาจเหยีบเบรคเพื่อสังเกตุดูการชดเชยอัตราเร่ง ซึ่งเป็นต้นของกำลัง พี่เรลองดู อัตราเร่งตอนเปิดเหยียบเบรค ดูว่าเสียงมาไวก้อเอาไว้กลางแล้วหมุนมาทางก่อนรอบมาไวสักนิด แค่ออกตัวก้อรู้สึกได้เลยครับ แต่ที่โพสมันไม่เหมือนกับทำเอง เพราะอาจจะอธิบายไม่ดีผมไม่ค่อยถนัด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 120
      

fiogf49gjkf0d

ตากบ ก้อ ขยับๆ ให้มันเข้าที่เข้าทาง ที่มันถนัดซิ อิอิ

แสดงความคิดเห็นย่อย