คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d

ไม่ได้ถ่ายหน้าจอ ตอนต่อแล้วให้ดู กล้องไม่บายครับ ตัวนี้จะมีเข็มทิศ นาฬิกา วัดความสูง อุณหภูมิ ผมว่าตัวนี้น่าใช้ติดตรงคอนโซนเราพอดีเลย ไม่ติดกระจกหน้า ไม่ต้อง set ต่อไฟเข้าใช้ได้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d

ตัวต่อไปของอะไรไม่แน่ใจ ตัว land มีสติกเกอร์เขียน mitsubishi แต่ปากกาเมจิกที่ตามร้านเขาเขียนรุ่นมา เขียน RVR เลยไม่แน่จะว่า เป็นของรุ่นไหน

ตัวนี้จะสุงติดกระจกบานหน้าหน่อยครับจะติดตั้งคงต้องเอาขาด้านล่างออก ตัวนี้จะมีเข็มทิศ อุณหภูมิ นาฬิกา แต่สายบานเลย 7 เส้น มึนตึบ แต่สายต่อทำงาน + จะเป็นเขียวใหญ่ดำเล็ก - จะเป็นเขียวเล็กดำใหญ่ ครับ ตัวนี้ถูกกว่าตัวบน ก็น่าใช้แต่ทาบดีแล้วไม่ค่อยเข้ากับคอนโซนเราเท่าไร

วิธีปรับเข็มทิศก่อนใช้งาน ( credit คุณ key board)

- จ่ายไฟเข้าเครื่อง

- กดปุ่ม S ค้างไว้จนมีขีดขึ้นและวิ่งไปมา

- หมุน landmeter กลับ 360 องศา (หรือต้องขับรถวนกลับก็จะใช้ได้)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d

Land meter เชียงกง จะไม่มี ตัววัด Temp หรือเซนเซอร์ติดมา เซนเซอร์วัดอุหภูมิ สามารถหาซื้อที่บ้านหม้อ ราคาประมาณ 50-200 บาท (ขอมูลจากช่างไฟเหมือนเดิม)

หากมีตัวอื่นเขามาจะมาเพิ่มเติมให้อีกครับ ท่านใดมีข้อมูลเขามาแชร์กันน่ะครับ ผมแค่ต่อติดได้แต่ต่อครบยังหา Diagram ไม่ได้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d

ลืมลงตัวอมตะนิรันกาล ไม่ต้องใช้เซนเชอร์ ง่ายสุดตรงรุ่น ต่อไฟหรีอย่างเดียวจบ แต่อยากจะบอกว่ายังอ่านวัดความสูงไม่เป็นเลยสมาชิคท่านใดพอแนะนำได้ รบกวนด้วยน่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d

เจ้าตัววัดความสูงของพื้นที่เมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเล ( Altimeter ) ใน Landmeter ของ T1 นั้น..
ใช้หลักการเอาความกดดันบรรยากาศ ( Barometer ) มาใช้
เพื่อทำให้โลหะภายใน มีการขยายหรือหดตัวเมื่อความดันบรยากาศเปลี่ยนแปลงนะครับ...

ทีนี้.. เมื่เราขับรถไปในที่ที่มีความสูงแตกต่างกัน เช่นขับอยู่บนภูเขา
ความดันบรรยากาศบนภูเขา จะน้อยกว่าบนพื้นราบ
เจ้าโละหะภายในก็จะมีการขยับตัวตามความดันบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
เจ้าเข็มที่หน้าปัด Altimeter ก็จะขยับสูงขึ้นมาที่ละนิด

โดยในของ T1 นั้น.. มีมาตราส่วน 1 ขีด = ความสูง 100 เมตร

แต่คราวนี้.. ที่หน้าปัดเจ้า Altimeter ก็มีปุ่มไว้หมุนปัดค่าความสูง
ที่จริงแล้วเจ้าปุ่มนี้ มีเอาไว้เพื่อตั้งค่าความสูง ( Calibration sensor )
โดยเวลาเราหมุนปุ่มนั้น.. เข็มจะไม่ขยับนะครับ แต่แผ่นจานบอกระดับความสูงจะหมุนขยับตัวแทน..

แต่เนื่องจาก.. เธอผ่านมือผู้ชายมาหลายๆคน..
เจ้าปุ่มนี้.. ก็โดนหมุนเล่นซะ จนหายค่ามาตราฐานไม่เจอ

ดังนั้น.. คุณต้องเอามันมาตั้งค่า( Calibration )ซะใหม่.. โดย..
เอา Landmeter หรือรถคันนี้
มาเทียบกับจุดวัดความสูงวัดความสูงมาแล้ว เช่นยอดดอยอินทนนท์ เป็นต้น
ซึ่งเขาจะบอกมาเลยว่าที่จุดๆ นี้นั้นมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเท่าไรกัน..
แล้วคุณก็หมุน.. เจ้าปุ่มปรับที่หน้าปัดให้แผ่นจานที่บอกค่า หมุนจนตรงกับเข็มที่ชี้ ให้ความสูงตรงกับที่เราต้องการ

แต่เราไม่จำเป็นต้องวิ่งไปตั้งค่าที่ดอยอินทนนท์หรอกครับ
ที่ไหนก็ได้ที่มีจุดบอกที่เขาวัดค่าความสูงมาให้แล้ว..

แต่เราก็มีอีกวิธีนึง..ง่ายกว่าอีกหน่อย..
คุณหา GPS ที่มันมี Function วัดความสูง ( Altimeter )
คุณอ่นค่าได้เท่าไร.. ก็หมุนปุ่มหน้าปัดที่ Landmeter ตั้งไปเท่านั้น..
แค่นี้.. เราก็แค่ระวัง ไม่ให้ใครมาหนุมปุ่มมันเล่นก็พอนะครับ...


Note : ว่าแต่... เจ้าขาค้ำหม้อลมเบรค สีฟ้าอันนั้นใช้กับรถอะไนหรือครับ?? คุณ Puky

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d

อืมมมมม... งง อยู่นาน ขอบคุณครับ

ส่วนเจ้าค้ำเป็นของสำนัก Cosco ประจำการใน Skyline r32 ครับ

หากคุณบอยสนใจอยากยึมเอาไปดูแบบแปลงใส่ AE บอกได้น่ะครับเดียวเอาไปให้ที่เดิม

fiogf49gjkf0d

 แก้ไขเมื่อ : 13/2/2554 14:34:26

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d

คุณบอย คุณ PUKY ครับ เพลาลูกเบี้ยวผมขาดอีกแล้ว ช่างบอกว่ารถผมความร้อนไปไม่ถึงช่วง
ท้ายเครื่อง เกย์วัดความร้อนรถผมวิ่งนานเท่าไร จะขึ้นชี้ที่เลยเส้นสีแดงไปนิดหนึ่ง สาเหตุเพราะไม่มี
วาวล์น้ำเพื่อดักความร้อน ถอดออกดูไม่มีวาวล์น้ำจริงๆครับ เพิ่งขาดบ่ายวันนี้ครับ โทร.ไปที่ร้านเดิม
เขาบอกจะจัดการสั่งให้ ช่วงที่เปลี่ยนครั้งก่อนใช้ไปประมาณ 2,700 ไมล์เอง หนักที่สุดก็ขึ้นดอยแม่
สลอง กลับบ้านร้อยเอ็ด ถนอมรถว่าจะขับไปสังขละบุรีซะหน่อย เอยคุณ PUKY คุณบอย เข้า 4 LOW
ล้อหน้าไม่ทำงาน เพลาขับหน้าหมุนอยู่ ล้อหลังทำงานอยู่ ช่างถอดดูบอกว่า ฟรีล็อค(ออโต้)ด้านขวา
ไม่ทำงาน ล้อหน้าเลยไม่งาน จริงไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d

โอ้!!!... พี่เพิ่งจะซ่อมเองนะนี่ ยังวิ่งได้ไม่เท่าไรเลย.. เฮ้อ น่าเห็นใจพี่อี๊ดจริงๆครับพี่

ที่ Free-Lock... เขี้ยวล็อคมันคงสึกนะครับ
1. ลองโทรถามคุณวี ดูสิครับพี่.. รู้สึกว่าคุณวีจะมีแหวนอะไหล่เหลืออยู่นะครับ ราคาไม่เท่าไรนะครับ
หรือว่า.. 2. พี่อี๊ดจะเปลี่ยนเป็นแบบ Manual มือบิดละครับ
ราคาที่เซียงกง.. ผมได้ราคา 4,000 บาท น่าจะยังมีของอยู่นะครับพี่
ถ้าพี่อี๊ดจะเอาแบบ Manual ละก็.. กลางวันได้วิ่งไปถามมาให้ครับ..

แบบแรก.. ซ่อมราคาไม่แพง น่าจะอยู่ได้นานพอสมควร
แบบที่สอง.. แพงหน่อย แต่ว่าอยู่ได้นานแสนนานคู่รถเลยครับ
ทั้งสองแบบ.. ก็ต้องถอดเอามา service สารหล่อลื่นเป็นระยะๆนะครับ มิใช่ใช้อย่างเดียวครับ..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d

ขอบคุณครับ..คุณ puky

สำหรับ AE90-92... ผมยังไม่ได้ของครับ

ตอนนี้ที่ผมมีเป็นของ AE100-101... อันนึงครับ.. และแน่นอนว่าเป็นของ CUSCO ฟ้าอะโนไดท์ เห็นเด่นแต่ไกลเลยครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d

ค้ำหม้อลมเสียดายที่ ter เราไม่มีตรงรุ่น ของดีที่ราคาแสนจะถูกผมได้มา 700

สวัสดีครับอาอี๊ด อางานเข้าอีกแล้ว เรื่องที่ช่างแจ้งว่าสาเหตุเป็นที่ถอดวาวล์น้ำออก ผมค่อนข้างเห็นขัดแย้งครับ เพราะรถผมที่ใช้มานานแล้ว 7 ปี ไอ้คันดำข้างๆ ครับผมถอดเองกับมือตามภาษาวัยรุ่นที่เขาชอบถอดกันซึ่งอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกนักแต่ถึงไงผมก็ถอด ลำนี้พาขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ใต่เขาบ้าง-วิ่งทางตรงแช่ยาวๆ รอบปาเข้าไป 7-8 พันรอบก็มีบ่อย ความเร็วไปเกิดใหม่แบบสบายๆ เครื่องก็ยังไม่เคยเป็นอะไรน่ะครับ อยากรบกวนให้อาอี๊ดช่วยถ่ายรูปเพลาลูกเบี้ยว ที่ขาดให้ดูหน่อยครับ เพื่อ พี่ๆ เพื่อนๆ ในนี้จะได้มาช่วยกันวิเคราะห์ สาเหตุกันครับ หน้าที่มันก็แค่ดันวาวล์ให้เปิด แรงต้านก็แค่สปริงวาวล์ ไม่รู้ว่าช่างที่ทำครั้งที่แล้วขันทอร์กถูกต้องหรือไม่ มาร์คตรงไหม หรือการหล่อลื่นน้ำมันไปไม่ถึง มีการปรับแต่งมา--------แคมที่ขาดเที่ยวนี้ทำความเสียหายกับตัววาล์ว-โซ่สายพานหรือส่วนอื่นไหมครับ......ไงก็แล้วแต่อาห้ามถอดใจขายทิ้งนาครับผมว่าเป็นปัญหาด้านเทคนิคมิใช่ที่ตัวรถแน่นอน ส่วน auto Freelock ตามคุณบอยแนะนำครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d

สาเหตุน่าจะ...
กรณีแรก..
ถ้าไม่มีช่วงที่ละลายติดกับตัวเสื้อมัน แสดงว่า ระบบน้ำมันหล่อลื่นปกติ แต่ถ้ามีละลายแบบนี้ต้องดูระบบปั้มน้ำมันเครื่องครับ ปั้มน้ำมันไปเลี้ยงแกนเพลาไม่พอ

กรณีที่สอง..
เพลาราวลิ้นที่มันขาดเพราะมันไม่อยู่ในตำแหน่งที่ตรง คือ เวลาเครื่องมันเกิดอาการร้อนหรือฮีต (อาจจะเกิดมาก่อนเราซื้อ หรือ เกิดตอนที่เราเอามาใช้แล้วก็ได้) แล้วฝาสูบมันโก่ง ก็ปาดฝาแล้วยกใส่ แต่ ส่วนมากการปาดฝาเค้าก็ปาดด้านที่มันแนบกับเสื้อเครื่อง ด้านบนไม่ได้ปาด

มันฟังดูน่าแปลก เพราะโดยปกติรถทั่ว ๆ ไปเค้าก็ไม่ต้องปาดด้านบน แต่ คอร์ซ่า เสื้อเพลาราวลิ้นมันวางบนฝาสูบ และใช้น็อตฝาสูบบันเสื้อเพลาราวลิ้นร้อยผ่านฝาสูบเข้ากับเสื้อเครื่อง ถ้าฝาโก่งมันโก่งทั้งตัวครับ ทั้งด้านล่างและด้านบน เมื่อเสื้อเพลาเราโก่งอยู่ พอเราประกอบเครื่องเสร็จ ขันปอด์นเสร็จเพลาราวลิ้นมันจะเหมือนโดนงัดอยู่เล็กน้อย มันไม่ขาดเลยครับ ใช้ไปซักพักถึงขาด ยิ่งวิ่งรอบจัด ๆ ยิ่งขาดเร็ว เปลี่ยนเพลาราวลิ้นไปใหม่ ใช้ได้ ใช้งานไปซักพักขาดอีก แบบนี้ ต้องปาดฝาด้านบน หรือ เปลี่ยนฝาสูบด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
      

fiogf49gjkf0d

เกย์วัดความร้อนรถผมวิ่งนานเท่าไร จะขึ้นชี้ที่เลยเส้นสีแดงไปนิดหนึ่ง สาเหตุเพราะไม่มี
วาวล์น้ำเพื่อดักความร้อน ถอดออกดูไม่มีวาวล์น้ำจริงๆครับ ผมเห็นด้วยกับคุณปุ๊กกื้ว่ามันไม่น่าจะเป็นเหตุ
แต่ความร้อนนี่ซิทำไมเวลาวิ่งความร้อนถึงไม่ลด เลยนึกถึงกรณืเครื่องเคยฮีตฝาสูบเลยโก่งเราอาจไม่สังเกตุ ถ้าไม่หาสาเหตุให้เจอ เดี๋ยวก็เป็นอืกจะเซ็ง ใจเย็นๆค่อยๆหาให้เจอนะครับ เพราะในกลุ่มเทอยังไม่มืใครเคยเป็นเลย เป็นกำลังใจให้หายเร็วๆครับพื่อื๊ด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
      

fiogf49gjkf0d

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนิดนะครับ..

ถาม : เพลาลูกเบี้ยว ( Camshaft ) ขาด... มันมีสาเหตุมาจากอะไร???

ตอบ : เอาแบบตามทฤษฎีเลยนะครับ..

1. ตามปกติ เพลา ( Shaft ) จะเกิดความเค้น ( Stress ) ขึ้นในเพลา เมื่อเพลาต้องรับแรงบิดจากการหมุนรอบแกน ( Axle ) ตัวเอง.. และถ้าเพลามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากันทั้งเพลาเลย เราก็จะได้ค่าความเค้นในเพลามีค่าเท่ากันตลอดทั้งเส้นเพลาเลย...

2. ในกรณีเพลาลูกเบี้ยว ( Camshaft ) นั้น... จะเห็นได้ว่าตลอดทั้งเส้นของเพลาจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางแตกต่างกัน ดังนั้น.. ตามธรรมชาติของเพลาลูกเบี้ยวก็จะเกิด "ความเค้นกระจุกตัว" ( Stress Concentration ) หนาแน่นขึ้นบนเพลาลูกเบี้ยวเป็นจุดตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพลาที่เปลี่ยนแปลงไป..

3. และจากการใช้งานตามปกติ เพลาที่ผ่านการใช้ งานรับแรงบิดมาเป็นเวลานาน ก็จะเกิดการล้าตัวขึ้น ( Creep ).. อันนี้เป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเนื้อวัสดุอยู่แล้วครับ..

4. ในการเพลาที่จะขาดได้นั้น.. ตามทฤษฎีแล้ว มันควรที่จะเกิด Stress Concentration ที่สูงขึ้นมากกว่าปกติขึ้นบนเพลานะครับ.. ( ต้องขออนุญาตดัดจริตใช้คำภาษาอังกฤษเยอะหน่อย เพราะว่าไม่ทราบว่าจะแปลเป็นคำภาษาไทยว่าอย่างไรดีครับ )

5. แล้วไอ้เจ้า Stress concentration ที่มันดันเกิดสูงขึ้นผิดปกตินั้น มันเกิดได้อย่างไรละ???.. นั่นนะสิครับ!!

6. มันก็เกิดได้หลายสาเหตุด้วยกัน.. แต่ถ้าสรุปเป็นหัวข้อแล้ว.. ผมว่าสามารถสรุปได้ 2 สาเหตุใหญ่ด้วยกัน จากสูตร Stress = Force / Area ก็คือ..

6.1 ถ้าพื้นที่( Area ) รับแรงเท่าเดิม.. นั่นก็หมายความว่า มีแรง ( Force ) มากระทำสูงขึ้นกว่าปกติ หรือ..

6.2 แรงที่มากระทำน่ะเท่าเดิมเลยจริงๆ... แต่พื้นที่รับแรงต่างหากที่น้อยลงไป..

7. คราวนี้.. จากข้อที่ 6.1 อะไรละ? ที่ทำให้เกิดแรงมากระทำที่สูงขึ้นมากกว่าปกติละ??...

7.1 จากที่พี่ย้งยกตัวอย่างเรื่องนำหนักที่กดลงบน Camshft ที่ไม่เท่ากันตอดทั้งเพลา ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด Stress concentration ได้เช่นกันครับ.. หรือว่า...

7.2 เพลาลูกเบี้ยวที่พี่อี๊ดได้รับมาเกิดมีการโก่งตัวคดงอนิดๆมาก่อน แต่พี่อี๊ดไม่ทราบว่ามันงอ พอเอามาใส่ในเครื่อง.. ก็แน่นอนว่า ก็จะเกิด Stress concentration ได้อีกเช่นกัน.. เป็นต้น ยังมีสาเหตุอะไรอื่นๆมีหลายอย่างที่สามารถทำให้เกิดแรงกระทำลงบนเพลาไม่เท่ากันทั้งเส้น..

8. คราวนี้.. เรามาพิจารณาจากหัวข้อที่ 6.2 กันบ้าง.. ว่าอะไรละ?? ที่ทำให้พื้นที่รับแรงมันน้อยลงไป??

8.1 สิ่งแรกเลย ที่จะทำให้พื้นที่รับแรงน้อยลง ก็คือ เกิดการขีดข่วน ที่ผิวของวัสดุขึ้น ยิ่งมีรอยขีดข่วนได้ลึกเท่าไร บริเวณนั้นก็จะยิ่งเกิด Stress concentration สูงกว่าพื้นที่หน้าตัดขนาดเดียวกันที่อยู่บริเวณอื่น.. โดยเจ้ารอยขีดข่วนเหล่านี้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกร้าวต่อไปในภายภาคหน้าก็ได้ครับ..

8.2 รอยแตกร้าวในเนื้อวัสดุ ( Cracking ).. หลายรอยแตกร้าวที่เกิดขึ้นในเนื้อวัสดุ มันมีขนาดที่เล็กมากๆ ยากที่ตาเปล่าจะมองเห็นได้ครับ.. ซึ่งถ้ามันเกิดการแตกร้าวขึ้นแล้ว ก็แน่นอนว่าพื้นที่รับแรงย่อมน้อยลงเห็นๆนะครับ.. อ้าว!! แล้วมันแตกร้าวจากอะไรละครับ.. นั่นสิ!!

8.2.1 การแตกร้าวจากข้อบกพร่องในการผลิตชิ้นเพลา
8.2.2 การแตกร้าวจากข้อบกพร่องจากวัสดุที่นำมาทำเพลา
8.2.3 การแตกร้าวจากข้อบกพร่องจากการใช้งานเพลามานาน
8.2.4 การแตกร้าวจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกระทันหันทันทีทันใด หรือเปลี่ยนแปลงแบบ กลับไปกลับมาบ่อยๆ... เป็นต้น..

สรุปว่า... การที่เพลามันหักนั้น ต้องเกิดจาก Stress concetration แน่ละครับ แต่ยังไม่ทราบว่าไอ้เจ้า Stress concentration นั้นมันมีสาเหตุแน่ชัดว่ามันมาจากอะไรกันแน่ ซึ่งเราก็ได้แต่คาดว่า.. จากไอ้โน้น จากไอ้สาเหตุนี้ มัน 108.. 1009 ประการเยอะแยะไปหมด..

แต่ถ้าเราได้เห็นชิ้นเพลาและอุปกรณ์ประกอบจริงๆ.. เราก็น่าที่จะบีบเป้า ว่ามันน่าพอจะเกิดจากสาเหตุหลักอะไรกันบ้าง แบบที่คุณ puky ว่านะครับ...

พิมพ์มาก็ตั้งนาน.. ไม่ทราบว่าที่ผมสื่อมา พอจะเข้าแก๊ป.. พอจะไปวัดไปวา ไหวกับเขาบ้างมั๊ยครับนี่...

วิจารณ์ได้เลยนะครับ... ตามสบายเลยครับ..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
      

fiogf49gjkf0d

วิศวะ มาเอง อย่างนี้ ผมไม่กล้าออกความคิดเห็นล่ะครับ แต่สำหรับงานของผมเจอบ่อยจนชินแล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      

fiogf49gjkf0d

อ่า.....ผมรอดตัวผมจบขับเรือ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
      

fiogf49gjkf0d

แฮ่ ผมก็แค่คนซ่อมเครื่อง น่าจะรอดด้วเนอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
      

fiogf49gjkf0d

ผมขอยืนยันไม่ใช่เรื่องวาวล์น้ำแน่นอนเปอเฃ็นต่ำมากๆ จริงแล้วไม่ใช่คู่กันมากับฝาสูบจะใส่ต้องเอาฝาไปโรงกลึงใสตั้งชาบใหม่ น่าจะดี ใส่อีกอันถ้าขาดอีกคราวนี้ เปลี่ยนฝาสูบใด้เลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
      

fiogf49gjkf0d

อิอิ.. ของผมมาที่หลังใครเขา ขออนุญาตตีกินรวบทั้งหมดเลยนะครับผม...

1. เห็นด้วยตามที่ทั้ง คุณ puky + พี่ย้ง + พี่เรวัต ว่าไว้ว่า.. มันมีโอกาสน้อยมากที่เราไม่ได้ใส่วาวล์น้ำจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบายความร้อนไม่พอ จนเพลาลูกเบี้ยวขาดได้..

2. เพราะว่า.. ถ้าเป็นเพราะว่าการระบายความร้อนไม่ดี.. ผมก็เห้นด้วยตามความเห็นของพี่ย้ง ที่ว่า
"..ถ้าไม่มีช่วงที่ละลายติดกับตัวเสื้อมัน แสดงว่า ระบบน้ำมันหล่อลื่นปกติ แต่ถ้ามีละลายแบบนี้ต้องดูระบบปั้มน้ำมันเครื่องครับ ปั้มน้ำมันไปเลี้ยงแกนเพลาไม่พอ .."

3. เห็นด้วยกับความเห็นพี่ย้งและพี่เรวัต ที่ว่า... น่าจะเกิดจากปัญหาเรื่องฝาสูบ ซึ่งน่าจะมีการโก่งงอนะครับ.. ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากเสียด้วย หรือไม่ก็ตำแหน่งที่เรายึดเพลาลูกเบี้ยวแต่ละจุดนั้น มันไม่อยู่บนแกนเดียวกัน ( out of line ) เพราะว่าเจ้าสาเหตุเหล่านี้นี่แหละที่ก่อให้เกิด Stress concentration แน่ๆละครับ..

โดยเฉพาะที่พี่อี๊ด บอกว่า.. เพลาลูกเบี้ยวขาดที่ตำแหน่งเดิม เหมือนที่เพลาอันแรกขาดเลย
ทำให้ความน่าจะเป็นที่เพลาขาดจะเกิดจากข้อบกพร่องต่างๆ ของเพลาลูกเบี้ยว.. มีโอกาสน้อยมากๆ

ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าว.. ถ้าเราเอาเพลาตัวที่ 3 มาใส่ในเครื่องโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ก็มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าเพลาจะขาดที่ตำแหน่งเดิมอีก..

ดังนั้น.. ถ้าจะสงสัยกัน ก็น่าจะสงสัยที่ฝาสูบ กับจุดยึดเพลาลูกเบี้ยวว่ามันตรงกัน ( in-line ) หรือป่าว.. แบบที่ทั้งพี่ย้งและพี่เรวัตสงสัยนะครับ..

และก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับคุณ puky ว่ามันต้องพิสูจน์ซาก และตรวจสถานที่เกิดเหตุ.. ว่ามันทิ้งหลักฐานอะไรไว้ให้เราได้ค้นหาความจริงและสาเหตุกันต่อนะครับ... ประมาณว่า สืบจากศพ แบบในหนังพวก CSI นะครับผม..

จากรูปที่ผมเอามาให้ชมนั้น..
เป็นภาพเพลาลูกเบี้ยวขาด 3 ท่อนเลย
และแน่นอนว่าที่ผ่านตามาเกือบจะ 100% จะมีสภาพการขาดแบบในภาพนะครับ..

มันจะขาดตรงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หน้าตัดของเพลา ( Cross-section area ) ซึ่งจุดๆนี้ ตามทฤษฎีแล้ว เป็นจุดที่เกิด Stress concentration สูงมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
      

fiogf49gjkf0d

อาอี๊ดครับไหนๆ ก็ไหนๆวาง vg30-td27t-sr20det-1jz-rb25 ซ่ะเลยครับ คอมมอนเรล โดนตั้งแต่ต้นยันปลายเลยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
      

fiogf49gjkf0d

อาอิ๊ดสู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้เสมอ ศึกษาข้อมูลดีๆ ปัญหามีไว้ให้แก้ไข ไม่ใช้มีไว้เพื่อท้อ สรรสิ่งในโลกทุกๆอย่าง มีทางอออกของมันเสมอครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
      

fiogf49gjkf0d

ไม่มีปัญหาก้ไม่ได้พัฒณา ทางแก้มีหลายทางพี่อี๊ดเลือกเอาที่สะดวก ถ้าผมเป็นพี่อี๊ดนะ ผมวางVG30เลย เพราะตอบสนองความต้องการของพี่ได้ 1.เท้าหนักช้วยได้ 2.ใครจี้ตูดช้วยได้ เครื่องเดิมๆมันไม่ทันใจพี่ แล้วพี่บี้มันมากๆก็ออกอาการหลายๆอย่าง เครื่องเดิมๆอืด+กินนำมัน เครื่องVG30แรง+ประหยัดขึ้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
      

fiogf49gjkf0d

สมมุตินะครับ.. สมมุติ

ถ้าเจ้า KA24E ของผมบ๊ายบายกลับบ้านเก่านะครับ..
แรกๆเลย.. ผมก็สนใจเจ้า VG30E มากๆเลย
แรงม้า 153 hp (114 kW)
แรงบิด 182 ft·lbf (247 N·m)
อัตราบริโภคก็เฉลี่ยประมาณ 2 บาท/กม.
เกียร์.. ผมเล่นแต่ Manual เท่านั้นครับ..

ปัญหาคือว่าจะหา VG30E ที่ของครบๆจากที่ไหนละครับ..
ก็ต้องสั่งเซียงกงตัดหัวมาเลย.. ถ้าซื้อแบบแยกชิ้น คงต้องมานั่งวิ่งไล่เก็บพวก sensor และอุปกรณ์ประกอบให้ครบ ก็คงเหนื่อยอีกมากเลยครับ..

พอมาได้พบกับกลุ่ม Frontier มีจมูกของพี่เอก TTC-123
ที่กลุ่มพี่เขามีหลายท่านวางหัวฉีด LPG ร่วมกับ Diesel ซึ่งก็ให้
อัตราบริโภคเฉลี่ยประมาณ 2.25 บาท/กม.
กับเครื่อง TD25Ti
แรงม้า 110 Hp/4000 rpm
แรงบิด 245 Nm/2000 rpm

ผมก็เลยหันกลับมามองเจ้า TD27ETi อีกครั้ง..
แน่นอนละว่ามันถูกวางไว้ใน Terrano II ตากลมที่ญี่ปุ่น ( Mistral )
แรงม้า 130 PS (95.6 kW; 128.2 bhp) @ 4000 RPM
แรงบิด 28.4 kg·m (279 N·m; 205 lb·ft) @ 2000 RPM

ซึ่งผมก็เชื่อว่ามันน่าจะให้อัตราบริโภคได้ใกล้เคียงกับ TD25Ti
ประมาณ 2.30 บาท/กม. เมื่อใช้งานร่วมกับ LPG

โดยที่.. มันสามารถสนองตอบความต้องการผมได้เกือบทั้งหมด

1. ตระกูล TD... เหนียว ทนทรหดปานแรดก็ว่าได้
อันนี้ทั้งพี่เรวัต และพี่สิงห์ทั้งยืนยัน และทั้งนอนยัน.. 555

2. เครื่องยนต์ Diesel มันจุกจิกน้อยกว่าเบนซินมากๆ
และ Diesel มันก็ไม่ได้กลัวน้ำเหมือนเบนซิน ยามที่ต้องลุยน้ำลึกๆ

3. เจ้าเครื่อง TD27ETi ที่ว่านี้.. มันถูกใช้อยู่ใน T2 ตากลมในญี่ปุ่น
ดังนั้น.. ถ้าเราซื้อหัวตัดมา ก็แกะทุกอย่างมาใส่รถเราได้ 100 % เลยละครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งของพี่อี๊ดเป็นตากลมด้วยแล้ว
อะไหล่ที่ติดมากับหัวตัด.. มันคือของตากลม พี่ใช้มันได้ทุกชิ้นเลยครับ.. แอบอิจฉาเล็กๆ..อิอิ

และพี่ทราบมั๊ยว่า.. ราคาหน้าตัดศอกตากลม ราคาที่เคยซื้อขายที่บางนา ร้านเขาปล่อยไปได้เท่าไร??
ประมาณว่า.. ซื้อหน้าตัดศอกตาเหลี่ยม+เกือบได้ประตูทั้ง 5 บานอีกชุดเลยละครับพี่... 555 จริงๆครับ

4. ราคาซื้อทั้งหัวตัดระหว่าง VG30E กับ TD27ETi ก็มีราคาพอๆกัน..

5. อะไหล่เกียร์ และอะไหล่เครื่องยนต์... ของ TD มีหาเลือกซื้อเป็นทะเล เต็มเซียงกงเลยครับ มากกว่า VG เห็นๆ...

6. ว่าด้วยเรื่องการบริโภค.. ระหว่าง 2.00 บาท กับ 2.30 หรือให้เลยถึง 2.50 บาท/กม.
ผมก็ยังรับได้ถึง 2.50 บาท/กม. ครับ.. เพราะว่าผมไม่ได้ขับเจ้าคันนี้ทุกวัน
ขับทุกวันนี้.. ได้เจ้า Corolla ประมาณ 1.20 บาท/กม.ครับ...
อีกคันที่เหลือเลยไม่ได้ไปกังวลเรื่องการบริโภคมันมากนัก แต่ถ้าประหยัดได้อีกก็ดีมากๆเลยครับ ยุคนี้..

7. ส่วนใหญ่แล้ว.. ผมเอา T2 ไว้วิ่งต่างจังหวัดและปีนเขา เข้าเที่ยวป่าบ้าง..
ผมต้องการแรงบิด ( torque ) มากกว่าแรงม้าครับ..
ซึ่งที่ทุกอย่างเท่ากัน.. เครื่องดีเซลให้แรงบิดสูงกว่าเบนซินอยู่แล้วครับ..

8. อยากจะแรง.. ก็ต้องนึกถึงตอนที่โดนบังคับให้ต้องรีบหยุดรถด้วยนะครับผม..
แรงซะ!! แต่คุมรถไม่ได้ หรือจะต้องเบรคที ก็เอามันแทบไม่อยู่นั้น... คือว่า..ผมยังไม่ได้รีบจะไปเกิดใหม่นะครับ..

ก็ในเมื่อ T2 ตากลมในญี่ปุ่น.. วิศวกรนิสสัน เขาออกแบบและทดสอบมาแล้ว.. ว่า
เจ้าเครื่อง TD27ETi + กับช่วงล่างและระบบ ABS ของ T2 มันเหมาะสม มันเอาอยู่..
จะง่ายกว่ามั๊ย.. ถ้าเราจะยกเอาของตรงรุ่นทั้งชุด มาใส่ซะเลย??
แถมเรายัง.. เอาไว้คุยโม้กับเพื่อนๆน้องๆได้อีกว่า.. "ของพี่นะ!! ญี่ปุ่นแท้ทั้งชุดเลยนะ"...555

และผมก็ขอย้ำประโยคเดิมๆครับ.. ว่า
Nissan Terrano II เขาออกแบบไว้เป็นรถ SUV ( Sport Utility Vehicle ) นะครับ.. เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็น Sport Car หรือ Racing Car นะครับ..
ไอ้ทำนะ... ทำได้ทั้งนั้นแหละครับ.. ถ้าใจมันอยาก.. แต่กว่าที่มันจะลงตัวได้ ให้มันออกมาดีแบบที่ตัวเองคิด มันไม่ได้ง่ายนะครับ..

มีคนไม่ได้เยอะหรอกครับพี่ในสังคมไทยเรา... ที่ตนเองทำอะไรผิดพลาดไป
แล้วยอมรับว่า ทำผิดจริงๆ แล้วแก้ไขมันใหม่
และมันยิ่งมีคนที่น้อยมากๆ.. ที่เมื่อรู้ว่าตนได้ทำผิดไปแล้ว
และบอกกับคนอื่นว่าอย่าทำแบบตนเองเลย..
มันหาคนกลุ่มนี้ได้ยากเย็นจริงๆครับ..

ส่วนใหญ่จะเจอพวก.. Ego เยอะ.. Form จัด...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
      

fiogf49gjkf0d

ขอออกความคิดเห็น ได้หรือเปล่า จากสภาพ เพลาราวลิ้น ขาดลักษณะนี้ เท่าที่มีประสบการณ์ทางช่างมาเล็กน้อย คงสู้ช่างในชมรมไม่ได้หรอก ขอให้ตรวจดูที่ ชาร์ปอกและชาร์ปก้าน น่าจะเกิดการหมุนตามกัน เช็คได้โดยดูจากเขี้ยวที่บังคับที่เสื้อสูบครึ่งนึง อีกครึ่งนึงอยู่ที่ก้านสูบ ซึ่งมีนจะหมุนตามได้ต้องน็อตล็อคก้านสูบและข้อเหวี่ยง เกิดการคลายตัว ที่เกิดจากการที่ไม่ขันด้วยประแจปอนด์ ก็มีเพียงเท่านี้

มีความเห็นต่างอย่างไรเชิญได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
      

fiogf49gjkf0d

พี่เอ๋ครับ รูปในกระทู้คุณบอยโพสล่าสุด น่าจะเอามาจากในเวปครับ ไม่น่าใช่ของ อาอี๊ด ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
      

fiogf49gjkf0d

ที่ผมแสดงความคิดเห็นไปนั้น เป็นกลาง ๆ โดยหลักการทำเคลม ในเครื่องจักรกลหนักครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
      

fiogf49gjkf0d

จำได้ว่าเคยคุยกับอาอี๊ดว่าหากเครื่องพังก็ไม่อยากวางเครื่องแรง อาเน้นที่ฝีมือหากวางได้จะวางเครือง 3 สูบมิร่าด้วยซ้ำ ซึ่งผมฟังประสบการณ์ในการใช้รถมาหลายยี่ห้อ ที่อาเล่าให้ฟังแล้ว ต้องขอคารวะ ครับ

ผมเห็นแย้งกับคุณบอยสักนิด ส่วนตัวผมเน้นเครื่องแรงเป็นหลัก เพราะกราฟแรงม้ามันผันตามแรงบิด ซึ่งเครื่องแรง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากความมันในยามปกติแถมเปลื่องน้ำมันอีก แต่มันจะบังเกิดประโยชน์สูงสุดในยามคับขัน เฟอรารีบางคันขับช้ากว่ารถบ้านอีกผมว่ามันอยู่ที่ตัวเราเอง จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างไรครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
      

fiogf49gjkf0d

ถูกต้อง.....ยามปรกติผมขับถนอมรถมากในเมืองค่อยๆคลาน แต่ออกทริปนิสัยเปลี่ยน70ไมล์++เดี่ยวตามผุ้นำไม่ทัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
      

fiogf49gjkf0d

ครับ.. พี่เอ๋ , คุณ puky , พี่ย้ง...

ใช่เลยครับ... ไม่ใช่ภาพจากรถพี่อี๊ดครับผม ลองหาในเวปมาประกอบการอธิบบายแบบที่คุณ puky ว่านะครับ..

และก็แบบที่พี่เอ๋ว่า.. อู่ส่วนมากหลายๆ อู่ไม่เคยมีประแจปอนด์ไว้ใช้งานในอู่เลย... แถมหลายๆอู่ที่มีหลายๆครั้งเด็กอู่ก็ไม่เคยไปเบิกเฮียเอามาใช้เสียด้วย..

และก็แบบี่คุณ puky ว่าแหละครับ... ความแรงมักมาพร้อมกับแรงบิด
การที่ทุกๆท่านอยากได้รถแรงๆนั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นปกติจริงๆ รวมทั้งผมเองด้วย
คือเวลา.. อารมณ์มันส์ๆ สนุกๆ ก็อยากจะกดคันเร่งให้มันได้สะใจเล่นๆกับเขาบ้าง..
ยิ่งเวลาเจอรถมันมาโกนโอ๊ย แล้วขับหนี ก็อยากจะไล่มันให้ทันบ้าง...

ต้องเลือกทำเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง ที่เราอยากใด้มันจริงๆครับ

ในกรณ๊ที่ผมลองยกตัวอย่างของผมเอง ว่าถ้า KA24E กลับบ้านเก่าจริงๆ
ชั่วโมงนี้.. ก็ต้องบอกว่าเลือกเครื่องยนต์ดีเซลละครับ

เพราะว่าลักษณะการใช้งานถึงไม่ส่วนใหญ่เท่าไร ของผมเองนั้น
แต่ก็มีใช้ในป่าเขา รอบเครื่องที่ถูกใช้งานมากที่สุดจะอยู่ในช่วง 1500-2300 rpm
โดยเป็นรอบที่ดีเซลจะให้แรงบิดสูงสุดอยู่ในช่วงนั้นพอดีนะครับ..
ของเบนซินส่วนใหญ่แล้ว.. แรงบิดสูงสุด จะอยู่เกิน 4000 rpm แทบทั้งนั้น

จะมีเบนซิน ก็มีไม่กี่ตัวที่ถูกออกแบบมาให้ แรงบิดสูงในรอบต่ำๆหน่อย เช่น
RB25DET ที่วางใน R34 4 ประตูนั้น...
แรงม้า 280 Hp/6400 rpm
แรงบิด 34.0 kg-m/3200 rpm แล้วก็เจ้า..

KA24DE ที่วางใน DATSUN D22 ( Frontier ) กระบะช่วงสั้น 2WD ในญี่ปุ่น
แรงม้า 125 Hp/5600 rpm
แรงบิด 17.8 kg-m/3200 rpm
แต่ในญี่ปุ่นเท่าที่เห็น KA24DE มี 2 specนะครับ

KA24DE ที่วางใน DATSUN D22 ( Frontier ) กระบะ 4 ประตู 4WD ในญี่ปุ่น
แรงม้า 150 Hp/5600 rpm
แรงบิด 21.2 kg-m/3600 rpm
รหัสเครื่องเดียวกันเลย แต่ให้ค่าแรงม้า แรงบิดที่ต่างกัน...

ส่วนเจ้า KA24E ที่วางใน Terrano II ของพวกเรานั้น..
แรงม้า 124 Hp/5200 rpm
แรงบิด 197 N-m/4000 rpm... รอบสูงมากๆกว่า KA24 spec อื่นๆครับ...

และก็แบบที่พี่ย้งว่าแหละครับ...
ในขบวนเดินทางเป็นคาราวาน... ตามธรรมชาติของขบวน..
รถคันแรกวิ่งเท่าไร.. คันสุดท้าย บวกไปอีกเลย 20% ของรถคันแรก
ถ้าคันแรกวิ่ง 100 km/h... คันสุดท้ายต้องมีไม่ต่ำกว่า 120 km/h อยู่แล้วละครับ

ดังนั้น.. รถคันปิดท้ายขบวน ควรจะเป็นรถที่มีสมรรถนะสูง และมีวิทยุสื่อสารที่ส่งได้แรงๆด้วยครับ..

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
      

fiogf49gjkf0d

ขอบคุณ ทุก ๆ ท่านในกระทู้นี้เป็นอย่างมาก ที่ช่วยออกความเห็นเกี่ยวกับการขาดของ
เพลาลูกเบี้ยว ครับ รถเสร็จตอนเช้าวันที่ 18 ก.พ. 54 เริ่มใช้แล้ว ขณะนี้มีเพลาขาดมี 4 ท่อน
เพลาจะขาดอยู่ระหว่างสูบ 3 กับ 4 ที่เดิม ครับ จะถ่ายภาพให้ดูคำตอบหน้า (ลงภาพไม่เป็น รอลูก-
สอนวิธีลงภาพ) ถ้าขาดความนี้คงต้องเปลี่ยนเครื่อง เหมือนคุณ PUKY แนะนำแล้ว คนOLD อย่าง
ผมคงต้องลงเครื่องเล็ก แรงดี ๆก็คงพอ หรือไม่ก็เอาอย่างคุณ BOY ก็น่าจะดี แต่ช่วงนี้อย่าพึ่ง-
ขาดเลย ลงทุนไปกับที่ดินอยู่ ขอบคุณทุกความคิดเห็น จากเพื่อนชาว TER... ด้วยความจริงใจ
จริง ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
      

fiogf49gjkf0d

-แดงขาวกับแดง ต่อ +
-ดำต่อ -

อ่าน speed เข็มทิศ เวลา.....

กล้องผมดีมากๆ เลย ชัดโครต sony bloggie ว่าแล้วลดครึ่งราคา

แสดงความคิดเห็นย่อย