คำตอบที่ 136
fiogf49gjkf0d
คุณพงษ์.. ความเห็นส่วนตัวนะครับ
1. มีสติ..
2. รับฟังข้อมูล
3. วิเคราะห์เหตุผล.. ข้อนี้แต่ละคนจะไม่เหมือนกันหรอกครับ ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์และสัพสิ่งที่เก็บสั่งสมกันมาของคนๆนั้น รวมทั้งบุญเก่าอีกด้วย
มีสติ.. ค่อยๆคิด ยังมีเวลาได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวกัน
หลังจากหายมึนแล้ว... ค่อยๆแยกหัวข้อเรื่อง ตามลำดับความสำคัญในการดำรงชีวิต
แน่นอนครับว่า.. สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต ก็คือ ปัจจัย 4
อาหาร , เครื่องนุ่งห่ม , ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
ทีนี่ก็อยู่ที่ว่า... คุณจะกำหนดขอบเขตของปัญหาที่คิดว่าคุณจะได้พบเจอให้มันมีขนาดเท่าไร???
ซึ่งมันก็จะอ้างอิงมาจาก หัวข้อที่ 3. วิเคราะห์เหตุผล..
ตรรกะความคิดหลัก.. มันก็มีอยู่เพียงเท่านี้นั่นแหละครับ
แล้วก็มากำหนดเป็นแผนการ เป็นขั้นๆไป ตามสภาวะเหตุการณ์ที่เราคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว..ว่า
ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ 1 ขึ้นมา.. เราจะทำอย่างไร และ
ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ขึ้นมาอีก.. เราจะทำอะไรเพิ่มเติมต่อ...
และถ้ายังเกิดเหตุการณ์ที่ 3 ขึ้นมาอีก.. เราจะทำอะไร ตามแผนที่เราได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ของคุณพงษ์ยังดีกว่าหลายๆคนมากๆ.. รวมทั้งผมด้วย
ที่อยู่อาศัย.. ก็มีไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปไหน แถมมีพื้นที่มากพอในการขยายสิ่งปลูกสร้างได้ในอนาคต
อาหารการกิน.. คุณก็ทำธุรกิจการเกษตรอยู่แล้ว
เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค.. คุณก็สามารถระดมหาและเก็บได้ง่ายกว่าผม..
ยังไม่รวมถึงคุณยังน่าจะมีงาน มีธุรกิจให้ได้ทำเพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัว ถึงเวลานั้นมันจะยิ่งลำบากเลือดตาแทบกระเด็นก็ตาม..
แต่ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ.. ผมไม่มีงานอะไรให้ทำแล้วนะครับ
เงินฝากที่มีอยู่ในระบบธนาคาร ก็ต้องรีบเอาออกมาก่อนที่ระบบธนาคารจะล่ม
ที่ซุกหัวนอนยังต้องเตรียมหาใหม่เลย
อาหารการกิน ขาดแคลนอย่างหนักแน่นอน...
อย่างไรก็ตาม.. สิ่งที่คุณพงษ์ พี่อี๊ด พี่เรือง พี่ตา และพี่หนึ่งมีอยู่ณ. ขณะนี้.. สามารถหามาเพิ่มเติมให้มันสมบูรณ์ได้ไม่ยากนัก อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้เริ่มนับจาก ศูนย์ ละครับ สามารถนับ สอง นับ สามได้ทันที..
ของผมปัจจุบัน... มันเริ่มจากศูนย์จริงๆ กำลังหาวิธีนับหนึ่งกันอยู่เลย..
หลายๆเรื่องที่ผมได้รับรู้รับทราบมานั้น.. มันใหญ่มากๆจริงๆ
ผมก็อยากให้มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าตลกๆ สนุกๆ จริงๆ
คุณคิดว่ามันสนุกเหรอ.. ต้องใช้เงินทั้งนั้นเลยในการเตรียมตัว
คิดแล้ว..อยากจะบ้าตายจริงๆ
มันก็เหมือนกับเราซื้อประกันนั่นแหละ..
ไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุหรอก..
แต่ถ้าเกิดขึ้นมา.. มันก็แค่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น
คนที่ไม่ซื้อประกันไว้.. ก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาคอยระวังตัวดีอยู่แล้ว
อันนี้.. ไปว่าเขาก็ไม่ได้ เป็นเรื่องของเขาเอง
เกิดอะไรขึ้นมา.. เขาก็วิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นเอง
แต่ละคนมีความคิด มีวิถีชีวิตที่สั่งสมมาไม่เหมือนกัน
ไม่สามารถที่จะให้ใครมาคิดเหมือนใครได้หรอกครับ..
ผมก็แค่ลองคุยๆดู เผื่อว่าจะมีท่านใดที่มีความคิดเห็นคล้ายๆกันบ้าง จะได้มีช่วยกันระดมสมอง หาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ผมคาดว่าจะได้เจอ และทำเป็นแผนเตรียมความพร้อม เพื่อไว้ถึงคราวที่จำเป็นต้องใช้มันขึ้นมาจริงๆ จะได้แค่หยิบมันขึ้นมาปฏิบัติได้ทันทีเลยก็เท่านั้นนะครับผม..