WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


วิทยาศาสตร์ + ความรู้ รอบๆ ตัวเรา...
005
จาก BoyDogtag,TTC-005
IP:202.122.130.31

อังคารที่ , 13/7/2553
เวลา : 15:28

อ่านแล้ว = 44980 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 4 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  

คำตอบที่ 91
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

saliga578 จาก เรืองร้อยแปด 118.172.235.104 เสาร์, 25/12/2553 เวลา : 16:23  IP : 118.172.235.104   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103412

คำตอบที่ 92
      

fiogf49gjkf0d
วอลล์สตรีท เจอร์นัล / เอเอฟพี - ภาพถ่ายความชัดเจนสูงซึ่งเผยให้เห็นเครื่องต้นแบบของเครื่องบินขับไล่ยุค 5 ของจีนที่มีเทคโนโลยีสเตลต์เป็นครั้งแรกถูกนำออกเผยแพร่บนโลกไซเบอร์ ตอกย้ำให้เห็นถึงความทะเยอทะยานในการสร้างแสนนานุภาพในน่านฟ้าด้วยอากาศยานหลบหลีกการตรวจจับของเรดาห์และอินฟราเรดของกองทัพปลดแอกประชาชน (พีแอลเอ) เพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ จะไปเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ด้านการทหารกับจีนที่แตกร้าวมานานเกือบหนึ่งปีเต็มจากชนวนเหตุกรณีไต้หวัน

ภาพถ่ายเครื่องต้นแบบอากาศยานขับไล่ยุคที่ 5 (หรือยุคที่ 4 ตามที่จีนเรียกเทคโนโลยีเครื่องบินรบของตน) ซึ่งใช้ชื่อรุ่นว่า เจ-20 ถูกนำออกเผยแพร่ตามเว็บไซต์เกี่ยวกับด้านกลาโหมที่ไม่เป็นทางการทั่วโลก รวมทั้งเว็บไซต์เจแปน เซ็กเคียวริตี วอตช์ของญี่ปุ่น ภาพเหล่านี้เผยให้เห็นเจ-20 ที่มีตราดาวแดงและอักษรจีนสีเหลืองคำว่า “ปาอี” อันเป็นตราสัญลักษณ์ของกองทัพพีแอลเอ อยู่บนแพนหางคู่ของมันด้วย ขณะที่เครื่องบินลำนี้กำลังวิ่งทดสอบบนรันเวย์ ทั้งนี้การทดสอบดังกล่าวโดยมากมักเป็นหนึ่งในขั้นตอนท้ายสุดก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการบินทดสอบจริงครั้งแรก

หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุงของญี่ปุ่นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากกองทัพจีน ระบุว่า จีนมีแผนจะเริ่มทำการทดสอบบินเจ-20อย่างเร็วที่สุดภายในเดือนนี้ และจะนำเครื่องบินรุ่นนี้เข้าประจำการได้เร็วที่สุดภายในปี 2017 หลังจากก่อนหน้านี้พลเอกเหอ เวยหรง รองผู้บัญชาการกองทัพอากาศจีนเคยกล่าวไว้ในปี 2009 ว่า เครื่องบินขับไล่สเตลต์จะเข้าประจำการได้ในช่วงระหว่างปี 2017-2019

อย่างไรก็ตาม แหล่งที่มาของภาพถ่ายเหล่านี้ยังคงคลุมเครือ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่าภาพเหล่านี้น่าจะเป็นการทำลอกเลียนขึ้น โดยที่ไม่ใช่เครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีสเตลต์จริง แต่กระนั้น ผู้คร่ำหวอดในวงการส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาปักใจเชื่อว่าเครื่องบินในภาพเป็นของแท้ ซึ่งก็เป็นการบ่งชี้ด้วยว่าปักกิ่งสามารถพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุค 5 ซึ่งจะเป็นคู่แข่งของเอฟ-22 (แร็ปเตอร์) ของสหรัฐฯ ได้เร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดหมายไว้ ขณะที่เอฟ-22 ยังเป็นเครื่องบินขับไล่เทคโนโลยีสเตลต์รุ่นเดียวในโลกที่เข้าประจำการและใช้งานเต็มรูปแบบ ณ เวลานี้

“รูปถ่ายที่ผมได้เห็นดูสมจริง” แกเร็ธ เจนนิงส์ บรรณาธิการโต๊ะข่าวการบิน แห่งเจนส์ ดีเฟนซ์ วีกลี ระบุ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.84.85 พุธ, 5/1/2554 เวลา : 22:59  IP : 124.121.84.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103698

คำตอบที่ 93
      

fiogf49gjkf0d
นอกจากนี้ อังเดร ชาง จากนิตยสารรายเดือน “กันวา เอเชียน ดีเฟนซ์” ในแคนาดา และริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีนแห่งศูนย์ยุทธศาสตร์และการประเมินระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ก็ฟันธงว่ารูปถ่ายเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือ

ฟิชเชอร์ ชี้ว่า เมื่อพินิจดูแล้ว เครื่องบินต้นแบบลำนี้ “จะสามารถเป็นคู่ต่อกรของเอฟ-22 ได้ รวมทั้งอาจทรงประสิทธิภาพเหนือกว่าเอฟ-35” ซึ่งเป็นเครื่องบินสเตลต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่สหรัฐฯ ร่วมพัฒนากับชาติพันธมิตรโดยมีต้นทุนการผลิตต่อลำต่ำกว่าและมีขนาดเล็กกว่าเอฟ-22 และคาดว่าน่าจะนำเข้าประจำการเต็มรูปแบบได้ในราวปี 2014 ทว่า เขาระบุว่า เจ-20 จะสามารถต่อกรกับเอฟ-22 ทั้งในด้านประสิทธิภาพและจำนวนได้ก็ต้องรอจนกระทั่งปลายทศวรรษนี้ ส่วนนิตยสารเอเวียชั่น วีก ระบุว่า ขนาดของ เจ-20 ใหญ่กว่าที่บรรดาผู้สังเกตการณ์คาดเอาไว้ พร้อมกับบอกด้วยว่าเจ-20 น่าจะมีสมรรถนะในการบินระยะทางไกล รวมทั้งสามารถติดตั้งอาวุธหนักต่างๆ อีกด้วย

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง ระบุว่า เครื่องบินต้นแบบลำนี้น่าจะลอกแบบมาจาก เอฟ-22 และเครื่องบินสเตลต์รุ่นอื่นของสหรัฐฯ กระนั้นก็ตามพวกเขาไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับขีดความสามารถทางการบินของมัน รวมถึงการประกอบชิ้นส่วน หรือแง่มุมสำคัญเกี่ยวกับเทคโนโลยีสเตลต์ ทว่าให้ทัศนะเพียงว่า จีนยังคงตามหลังรัสเซียอยู่หลายปีในด้านของเทคโนโลยีดังกล่าว โดยที่หมีขาวนั้นมี “ซูคอย T-50 PAK FA” ซึ่งบินทดสอบครั้งแรกในเดือนมกราคมปีที่แล้ว

ก่อนหน้านี้ บรรดาเจ้าหน้าที่และนักการเมืองอเมริกันต่างแสดงความหวาดวิตกเกี่ยวกับพัฒนาการของกองทัพพญามังกร ซึ่งรวมถึงการที่จีนกำลังจะนำเรือบรรทุกเครื่องบินของตนลำแรกเข้าประจำการซึ่งคาดกันว่าน่าจะเป็นเรือ “วาร์ยัก (Varyag)” ที่จีนซื้อมาจากยูเครนในสภาพที่ต่อเสร็จสมบูรณ์เพียง 70% รวมทั้งขีปนาวุธนำวิถีซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ตงเฟิง21ดี” ที่ต่างชาติขนานนามว่าจะเป็น “มือสังหารเรือบรรทุกเครื่องบิน”






fiogf49gjkf0d
คล้าย เอฟ-22 แร็บเตอร์มากเลย จึ้นลงทางดิ่งจอดในโรงเก็บรถใด้เลยครับ
จาก : ฅนบางกอก(rawat) 21/6/2554 16:23:07 [124.122.65.11]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.84.85 พุธ, 5/1/2554 เวลา : 23:00  IP : 124.121.84.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103699

คำตอบที่ 94
      

fiogf49gjkf0d
อาวุธหนักต่างๆ ข้างต้นจะเพิ่มขีดความสามารถให้แก่กองทัพจีนในการขัดขวางการแทรกแซงของสหรัฐฯ ในประเด็นพิพาทไต้หวันในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ตลอดจนท้าทายอำนาจครอบงำของกองทัพเรือพญาอินทรีในย่านเอเชีย-แปซิฟิก ที่ปักหลักมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ซึ่งประเด็นหลังจะยิ่งทำให้สหรัฐฯ คิดหนักเมื่อพยายามที่จะหวนกลับมามีอิทธิพลในภูมิภาคนี้อีกครั้ง อันส่งผลให้จีนเกิดความระแวงและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเกิดความระหองระแหงกันเรื่อยมา

ทั้งนี้ รัฐมนตรีเกตส์ของสหรัฐฯ ซึ่งเคยออกมาปรามาสว่าจีนจะไม่มีเครื่องบินขับไล่ยุค 5 ใช้งานก่อนปี 2020 มีกำหนดการจะไปเยือนจีนในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (9) เพื่อปรับความสัมพันธ์กับแดนมังกรให้ดีขึ้น เกือบหนึ่งปีเต็มหลังจากปักกิ่งประกาศตัดสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับวอชิงตันเพื่อประท้วงกรณีที่เพนตากอนขายอาวุธยุทโธปกรณ์ล็อตใหญ่ให้แก่ไต้หวันเป็นมูลค่าประวัติการณ์ซึ่งจีนถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของตนอย่างร้ายแรง

ภาพ : "เจ-20" เครื่องบินขับไล่ยุค 5 ที่มีเทคโนโลยีสเตลต์ของจีน ขณะกำลังทดสอบวิ่งบนรันเวย์

Reference : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000000870>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.84.85 พุธ, 5/1/2554 เวลา : 23:02  IP : 124.121.84.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103700

คำตอบที่ 95
      

fiogf49gjkf0d
ไม่แปลกให้รู้ไป "ปาดแดร็กคิวล่า" บินได้ พบในเวียดนาม

นักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลียงงงันกับสัตว์ตระกูลกบ ที่เพิ่งพบใหม่เอี่ยมและพบเพียงแหล่งเดียวในภาคใต้เวียดนาม อีกทั้งเริ่มไม่แน่ใจว่าจะจัดเข้ากลุ่มครึ่งบกครึ่งน้ำได้หรือไม่ กว่าจะจับตัวเป็นๆ ไปศึกษาทำความรู้จักได้ ก็ใช้เวลานานนับปี เนื่องจากมันเป็นกบที่ "บินได้"

นักวิทยาศาสตร์ขนานนามของสัตว์ชนิดใหม่นี้ว่า "ปาดแดร็กคิวล่า" ตามชื่อของท่านเค้าน์ผีดิบดูดเลือดในตำนานแห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย

เจ้าปาดผิดิบตัวนี้จะกางเท้าที่มีพังผืดพับเก็บซ้อนๆ กันออกเป็นแผ่น ทำหน้าที่เสมือน "ปีก" ทำให้มันบินร่อนจากยอดสูงของต้นไม้ จากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พวกมันรอดพ้นจากนักล่าในธรรมชาติ ทางภาคพื้นดิน ขณะเดียวกันก็หลบหลีกพวกนักล่าทางอากาศได้อย่างว่องไว

แต่นอกเหนือไปจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพากันงุนงง หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) รายงาน

ฉายา "แดร็กคิวล่า" ตั้งขึ้นตามลักษณะของลูกอ๊อดหรือตัวอ่อนของมันที่มีลักษณะประหลาดไม่แพ้พ่อแม่ คือ มี "เขี้ยว" สีดำงอกออกมาจากสองมุมปาก ซึ่ง ดร.โจดี โรว์ลีย์ (Jodi Rowley) นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ออสเตรีย ผู้ค้นพบกล่าวว่า เป็นครั้งแรกในโลกที่พบลูกอ๊อดมีเขี้ยว

"เป็นที่แน่นอนว่า เรายังไม่รู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับพวกนี้ เราใช้เวลาเยอะมากในการศึกษาหาต้นตอว่า เหตุไฉนและมีความจำเป็นอะไรมากมาย เจ้าตัวเล็กจึงต้องมีเขี้ยว" ดร.โรว์ลีย์กล่าว ทั้งตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจจะเกี่ยวกับอาหารที่กิน แต่ก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่า ปาดพันธุ์ประหลาดนี้กินอะไรบ้าง

หลายคนอาจจะคิดว่า ปาดแดร็กคิวล่าก็คงเหมือนๆ ปาดทั่วไปที่พบตามหนองบึง หรือที่ชื้นแฉต่างๆ หรือ ตามสุมทุมพุ่มไม้เตี้ยๆ หรือบางทีก็ไปเกาะตามฝาบ้านเรือนของผู้คนเพื่อรอดักแมลงเป็นอาหาร แต่สำหรับพวกนี้..เปล่าเลย..

นักวิทยาศาสตร์กับทีมงานพบปาดแดร็กคิวล่า บนต้นไม้ใหญ่ ตัวผู้กับตัวเมียจะผสมพันธุ์กันในโพรงไม้เล็กๆ ตามกิ่งหรือลำต้นที่มีน้ำขัง ตัวเมียวางไข่ในนั้น และ ลูกอ่อนจะเติบโตในนั้นเพื่อดำเนินวัฏจักรแห่งชีวิตต่อไป โดยยังไม่ทราบว่ามันกินอะไรกัน

แต่บางทีเขี้ยวของเจ้าตัวเล็ก "อาจจะเกี่ยวกับสิ่งที่พวกมันกินบนนั้นก็ได้" ดร.โรว์ลีย์กล่าว

ยังไม่ทราบเช่นกันว่า เพราะเหตุใดปาดพวกนี้จึงขึ้นไปอาศัยอยู่ตามกิ่งสูงของต้นไม้หรือมีวิวัฒนาการมาอย่างไร บรรพบุรุษของพวกนี้ อพยพจากหนองบึงขึ้นไปปักหลักบนต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไร และ ด้วยเหตุใด

อนุภูมิภาคแม่น้ำโขงเป็นแหล่งทีมีความสมบูรณ์ทางชีวะนานาพันธุ์ไม่แพ้ภูมิภาคอื่นใดในโลก ก่อนสิ้นปี 2533 กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลกหรือ WWF ได้ประกาศการค้นพบประชากรใหม่ๆ อีกหลายชนิดซึ่งรวมทั้งงูที่ไม่มีเขี้ยว กับเขียดที่เสียงร้องเหมือนจิ้งหรีด ที่พบในภาคเหนือเวียดนาม

ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการค้นพบนกปรอดหัวโล้นที่ร้องเพลงไพเราะเกี้ยวสาวในเขตภูเขาหินปูนภาคกลางของลาว แต่ทำไมต้องหัวโล้น? ยังไม่มีคำตอบเช่นกัน.

ภาพ : หน้าตาก็ธรรมดาๆ ไม่ได้หล่อเหลามากมาย แต่กลายเป็นพระเอกขวัญใจนักชีววิทยาประจำปีนี้ เป็นประชากรที่ค้นพบใหม่ในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง เป็น "กบบินได้" ตัวแรกของโลก.--ภาพ: Tuoi Tre/ABC.

Ref. : http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000002045>



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.82.231 อาทิตย์, 9/1/2554 เวลา : 20:30  IP : 124.121.82.231   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103748

คำตอบที่ 96
      

fiogf49gjkf0d
ไม่แปลกให้รู้ไป "ปาดแดร็กคิวล่า" บินได้ พบในเวียดนาม

นักวิทยาศาสตร์จากออสเตรเลียงงงันกับสัตว์ตระกูลกบ ที่เพิ่งพบใหม่เอี่ยมและพบเพียงแหล่งเดียวในภาคใต้เวียดนาม อีกทั้งเริ่มไม่แน่ใจว่าจะจัดเข้ากลุ่มครึ่งบกครึ่งน้ำได้หรือไม่ กว่าจะจับตัวเป็นๆ ไปศึกษาทำความรู้จักได้ ก็ใช้เวลานานนับปี เนื่องจากมันเป็นกบที่ "บินได้"

นักวิทยาศาสตร์ขนานนามของสัตว์ชนิดใหม่นี้ว่า "ปาดแดร็กคิวล่า" ตามชื่อของท่านเค้าน์ผีดิบดูดเลือดในตำนานแห่งแคว้นทรานซิลวาเนีย

เจ้าปาดผิดิบตัวนี้จะกางเท้าที่มีพังผืดพับเก็บซ้อนๆ กันออกเป็นแผ่น ทำหน้าที่เสมือน "ปีก" ทำให้มันบินร่อนจากยอดสูงของต้นไม้ จากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้พวกมันรอดพ้นจากนักล่าในธรรมชาติ ทางภาคพื้นดิน ขณะเดียวกันก็หลบหลีกพวกนักล่าทางอากาศได้อย่างว่องไว

แต่นอกเหนือไปจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพากันงุนงง หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) รายงาน

ฉายา "แดร็กคิวล่า" ตั้งขึ้นตามลักษณะของลูกอ๊อดหรือตัวอ่อนของมันที่มีลักษณะประหลาดไม่แพ้พ่อแม่ คือ มี "เขี้ยว" สีดำงอกออกมาจากสองมุมปาก ซึ่ง ดร.โจดี โรว์ลีย์ (Jodi Rowley) นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ออสเตรีย ผู้ค้นพบกล่าวว่า เป็นครั้งแรกในโลกที่พบลูกอ๊อดมีเขี้ยว

"เป็นที่แน่นอนว่า เรายังไม่รู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับพวกนี้ เราใช้เวลาเยอะมากในการศึกษาหาต้นตอว่า เหตุไฉนและมีความจำเป็นอะไรมากมาย เจ้าตัวเล็กจึงต้องมีเขี้ยว" ดร.โรว์ลีย์กล่าว ทั้งตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจจะเกี่ยวกับอาหารที่กิน แต่ก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่า ปาดพันธุ์ประหลาดนี้กินอะไรบ้าง

หลายคนอาจจะคิดว่า ปาดแดร็กคิวล่าก็คงเหมือนๆ ปาดทั่วไปที่พบตามหนองบึง หรือที่ชื้นแฉต่างๆ หรือ ตามสุมทุมพุ่มไม้เตี้ยๆ หรือบางทีก็ไปเกาะตามฝาบ้านเรือนของผู้คนเพื่อรอดักแมลงเป็นอาหาร แต่สำหรับพวกนี้..เปล่าเลย..

นักวิทยาศาสตร์กับทีมงานพบปาดแดร็กคิวล่า บนต้นไม้ใหญ่ ตัวผู้กับตัวเมียจะผสมพันธุ์กันในโพรงไม้เล็กๆ ตามกิ่งหรือลำต้นที่มีน้ำขัง ตัวเมียวางไข่ในนั้น และ ลูกอ่อนจะเติบโตในนั้นเพื่อดำเนินวัฏจักรแห่งชีวิตต่อไป โดยยังไม่ทราบว่ามันกินอะไรกัน

แต่บางทีเขี้ยวของเจ้าตัวเล็ก "อาจจะเกี่ยวกับสิ่งที่พวกมันกินบนนั้นก็ได้" ดร.โรว์ลีย์กล่าว

ยังไม่ทราบเช่นกันว่า เพราะเหตุใดปาดพวกนี้จึงขึ้นไปอาศัยอยู่ตามกิ่งสูงของต้นไม้หรือมีวิวัฒนาการมาอย่างไร บรรพบุรุษของพวกนี้ อพยพจากหนองบึงขึ้นไปปักหลักบนต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไร และ ด้วยเหตุใด

อนุภูมิภาคแม่น้ำโขงเป็นแหล่งทีมีความสมบูรณ์ทางชีวะนานาพันธุ์ไม่แพ้ภูมิภาคอื่นใดในโลก ก่อนสิ้นปี 2533 กองทุนเพื่อสัตว์ป่าโลกหรือ WWF ได้ประกาศการค้นพบประชากรใหม่ๆ อีกหลายชนิดซึ่งรวมทั้งงูที่ไม่มีเขี้ยว กับเขียดที่เสียงร้องเหมือนจิ้งหรีด ที่พบในภาคเหนือเวียดนาม

ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการค้นพบนกปรอดหัวโล้นที่ร้องเพลงไพเราะเกี้ยวสาวในเขตภูเขาหินปูนภาคกลางของลาว แต่ทำไมต้องหัวโล้น? ยังไม่มีคำตอบเช่นกัน.

ภาพ : หน้าตาก็ธรรมดาๆ ไม่ได้หล่อเหลามากมาย แต่กลายเป็นพระเอกขวัญใจนักชีววิทยาประจำปีนี้ เป็นประชากรที่ค้นพบใหม่ในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง เป็น "กบบินได้" ตัวแรกของโลก.--ภาพ: Tuoi Tre/ABC.

Ref. : http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000002045>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.82.231 อาทิตย์, 9/1/2554 เวลา : 20:32  IP : 124.121.82.231   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103749

คำตอบที่ 97
      

fiogf49gjkf0d
ภัยพิบัติ 2012 จากมุมมอง “ดร.ก้องภพ อยู่เย็น”

ตลอดปีที่ผ่านมาชื่อของ “ดร.ก้องภพ อยู่เย็น” วิศวกรออกแบบอาวุโสวัย 33 ปี จากแผนกเครื่องมือไมโครเวฟ ศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ด (Gaddard Space Flight Center) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) เป็นหนึ่งในรายชื่อที่สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้คนในสังคมไทยไม่น้อย

นอกจากจะมีเครดิตจากการเป็นวิศวกรไทยอายุน้อยที่สุดในนาซาแล้ว การออกมาทำนายภัยพิบัติแผ่นดินไหว ที่เขาอ้างว่าสัมพันธ์กับปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์และการเรียงตัวของดาวนั้น ได้สร้างความสนใจแก่คนทั่วไปมากทีเดียว

เมื่อต้นปีก่อน ดร.ก้องภพ ได้คาดการณ์ภัยพิบัติที่เฮติไว้ และได้เกิดขึ้นจริง จึงทำให้ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติเกิดสนใจและนำข้อมูลของเขาไปเล่าผ่านสื่อ จึงสร้างความฮือฮากันไปไม่น้อย

ระหว่างนั้น ดร.ก้องภพก็ได้เดินสายบรรยายเกี่ยวกับภัยพิบัติในเมืองไทยอยู่หลายครั้ง กระทั่งเวทีสุดท้ายปลายปีคือคือการบรรยายเรื่อง “เราถูกทำให้ไม่รู้” เมื่อ 28 ธ.ค.53 ที่ผ่านมา ณ จัตุรัสวิทยาศาสตร์ จัตุรัสจามจุรี กรุงเทพฯ ซึ่งผู้ให้ความสนใจเข้าฟังกว่าร้อยคน

เมื่อสบโอกาสทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการ จึงนัดคุยกับวิศวกรนาซาผู้นี้ เพื่อไขข้อข้อใจในเรื่อง “ภัยพิบัติ” ที่เขาคาดการณ์ไว้ พร้อมๆ กับทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น โดยผ่านการนำเสนอแบบถามตอบ เพื่อให้ท่านผู้อ่านรู้จักกับ “ดร.ก้องภพ” ไปพร้อมๆ กับเรา

- คุณมีหน้าที่อะไรในนาซา มีทีมงานขนาดไหน?
ดร.ก้องภพ : ออกแบบอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นไมโครเวฟจากกาแลกซีหรือจากที่ไกลๆ จากกาแลกซีของเรามากๆ หรือเรียกได้จากขอบจักรวาลของเราก็ว่าได้

เรามีทีมงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ประมาณ 3-4 คน และเป็นวิศวกรประมาณ 3-4 คน ส่วนที่เหลือเป็นช่างเทคนิคที่เราร้องขอให้มาช่วยเมื่อไหร่ก็ได้

- ทำงานที่นั่นเป็นอย่างไร มีผลงานอะไรที่ประทับใจบ้าง ?
ดร.ก้องภพ : สนุกดี ส่วนใหญ่มีหน้าที่คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางด้านไมโครเวฟ สำหรับสำรวจอวกาศ ผลงานที่ประทับใจขอเป็นผลงานตีพิมพ์อย่างเป็นทางการแล้วกัน เพราะหลายอย่างคงเปิดเผยไม่ได้ มีที่ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการและจดสิทธิบัตร พวกวงจรไมโครเวฟ 2 ชิ้น วงจรคลื่นความถี่ไมโครเวฟ 2 ชิ้นงาน และตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการของนาซา ผมตีพิมพ์ไปทั้งหมด 4 ครั้ง

- ทำงานที่นาซามากี่ปีแล้ว
ดร.ก้องภพ : 6 ปี

- ได้มีโอกาสพบนักบินอวกาศบ้างหรือเปล่า
ดร.ก้องภพ : เจอครั้งหนึ่ง

- ใคร? พบเขาในงานอะไร ?
ดร.ก้องภพ : จำไม่ได้ เขาเชิญมาพูดอะไรนิดหน่อย

- นาซาให้ความสำคัญกับบุคลากรด้านไหนมากที่สุด นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ หรืออื่นๆ
ดร.ก้องภพ : ทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน อาจจะให้ความสำคัญกับนักวิทยาศาสตร์มากที่สุด เพราะเป็นเจ้าของโปรเจกต์ มีจำนวนไม่ถึง 10% แต่มีความสำคัญ เพราะเป็นเจ้าของโครงงาน และเราก็ทำงานให้กับเขา สร้างเครื่องมือให้เขา

- บรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร? เครียดหรือเปล่า?
ดร.ก้องภพ : ก็...สำหรับผมไม่เครียด ทำไปเรื่อยๆ มีงานมาก็ทำงาน เห็นปัญหา ทำได้ระดับหนึ่งก็มาคุยกัน ปัญหาบางส่วนที่แก้ไม่ถูกทางก็ช่วยกันแก้ มีการประชุมด้วยกันทุกสัปดาห์ แล้วแยกย้ายไปทำงาน

- คุณเห็นจุดบอดอะไรในองค์ระดับโลกบ้าง?
ดร.ก้องภพ : ผมไม่ทราบว่าเรียกว่าเป็นจุดบอดหรือเปล่า แต่ระบบงานที่ทำมีการแข่งขันกันสูง อย่างนาซาจะมีศูนย์หลายๆ แห่ง สาขา มีมหาวิทยาลัย ที่ต้องทำอุปกรณ์มาแข่งกันเพื่อแย่งโปรเจกต์ พูดยาด งบก็มีจำกัด บางหน่วยงานก็มีเส้น เช่น องค์การหนึ่งจะรู้ล่วงหน้า แล้วทำไปก่อนคนอื่น เรียกว่ามีเส้น แต่ผมพูดอะไรมากไม่ได้เพราะผมยังทำงานให้เขาอยู่

- คุณอยากเป็นวิศวกรมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า?
ดร.ก้องภพ : ใช่ ผมเป็นคนชอบประดิษฐ์ ชอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

- คุณได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร?
ดร.ก้องภพ : ตอนนั้นชอบทำของเล่น หุ่นยนต์ คือชอบประกอบหุ่นยนต์ ชอบวงจรไฟฟ้า เพราะเราลองประกอบและทดลองใช้ได้

- จุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณชอบประดิษฐ์สิ่งของมาจากอะไร?
ดร.ก้องภพ : เหมือนเด็กทั่วไป ที่ดูหนังการ์ตูนแล้วอยากทำได้บ้าง และตอนเด็กๆ ชอบอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์

- อยากให้เล่าเรื่องการบรรยายของคุณที่จัตุรัสวิทยาศาสตร์
ดร.ก้องภพ : ผมไม่รู้ว่าเป็นสิ่งเหมาะสมหรือไม่ ที่จะนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ข้างนอก เพราะเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ลี้ลับทั้งหลาย ประวัติศาสตร์อีกแง่มุมหนึ่งของโลก และเรื่องเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นขึ้นแต่ไม่ได้เผยแพร่ให้คนทั่วไปทราบ

- เทคโนโลยีที่ว่านั้นเป็นของนาซาหรือเปล่า ?
ดร.ก้องภพ : ไม่ใช่ครับ เป็นเทคโนโลยีทั่วไป ไม่เกี่ยวกับงานที่ผมทำ

- คุณได้รับข้อมูลตรงนี้จากที่ไหน?
ดร.ก้องภพ : ทางอินเทอร์เน็ต แต่เราก็ต้องวิเคราะห์ว่าเป็นจริงแค่ไหน มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝงบ้าง

- กรุณาขยายความหน่อย?
ดร.ก้องภพ : เช่นมีเทคโนโลยีที่ใช้แทนน้ำมันและราคาถูกกว่าน้ำมัน

- อะไรบ้าง?
ดร.ก้องภพ : น้ำ … ผมก็ไม่อยากให้ลงเท่าไหร่ เพราะมันจะมีปัญหาพวกมาเฟียคุมอยู่ ผมรู้ดีครับ แต่มีไม่กี่คนที่ทราบ แต่ผมไม่อยากพูดอย่างนั้น ผมอยากบอกว่าทุกอย่างมีผลประโยชน์ขัดแย้ง มีเทคโนโลยีที่ความสำคัญมากๆ ที่ไม่ได้รับการเผยแพร่แก่สาธารณะ แต่ก็มีการเผยแพร่นะครับ เป็นเอกสารออกมา สมมติอย่างที่สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีออกเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมา เมื่อหมดอายุถึงจะเผยแพร่ คือเผยแพร่เมื่อหมดอายุก่อนหรือต้องร้องขอ ซึ่งตรงนี้เขาเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่เราต้องไปค้นเองถึงจะเจอ

- เวลาว่างคุณชอบทำอะไร?
ดร.ก้องภพ : ตอนนี้หรือเมื่อก่อน

- เมื่อก่อนคุณชอบทำอะไร?
ดร.ก้องภพ : เมื่อก่อนผมไม่ชอบทำอะไร เล่นเกม อ่านหนังสือ

- แล้วตอนนี้ชอบทำอะไร?
ดร.ก้องภพ : ตอนนี้ทำวิจัย ทำวิจัยส่วนตัวตลอดเวลา






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.122.197.250 อังคาร, 11/1/2554 เวลา : 23:28  IP : 124.122.197.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103887

คำตอบที่ 98
      

fiogf49gjkf0d
- คุณทำวิจัยส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องอะไร ?
ดร.ก้องภพ : ปฏิกิริยาพระอาทิตย์ เกี่ยวกับการคาดการณ์ พวกแผ่นดินไหว ปฏิกิริยาพระอาทิตย์

- ทำไมคุณถึงสนใจเรื่องพวกนี้ ?
ดร.ก้องภพ : เพราะว่า ผมคิดว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจจะมีความรุนแรง หรืออาจจะไม่มีก็ได้ แต่ว่าผมต้องการจะรู้ว่าวัฎจักรของพระอาทิตย์และสาเหตุของปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แผ่นดินไหวและภัยพิบัติธรรมชาติด้วย

- แต่นาซาก็มีคนศึกษาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว?
ดร.ก้องภพ : ก็มี แต่ว่าเนื่องจากวิธีการทั่วไปจะเจาะจงเฉพาะด้าน เป็นเรื่องๆ ไม่เชื่อมโยงแต่ละศาสตร์เข้าด้วยกัน ดังนั้นภาพที่ออกมา บทสรุปที่ออกมาจึงจำกัดมาก จากที่สังเกตธรรมชาติ ภัยธรรมชาติที่ผ่านมา ผมได้สังเกตเห็นความสัมพันธ์อย่างแน่ชัดระหว่างภัยพิบัติและปัจจัยนอกโลก

- คุณค้นคว้าความรู้ตรงนี้อย่างไร?
ดร.ก้องภพ : ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคำแนะนำตามอินเทอร์เน็ตจากคนที่เขาสังเกตธรรมชาติ ผมจะเน้นเรื่องการสังเกตเป็นหลัก เพราะจะเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เราจับแพทเทิร์นได้ ถ้าเราสังเกตมากๆ เราก็จะเห็นแพทเทิร์นมาก ซึ่งก็มีแรงบันดาลใจ แต่ว่าแรงบันดาลใจที่ผมว่า ผมไม่แน่ใจว่าเป็นแรงบันดาลใจของผมหรือเปล่า ตรงนี้ทำให้ผมไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้ เพราะเวลาที่ผมพูดเรื่องพวกนี้แล้ว... บางคนเขามีความเชื่อของเขาถูกต้อง แต่ไม่ได้ว่าความเชื่อของเขาไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างถูกต้อง แน่นอน เช่น เรื่อง Crop Circle ก็มีสารคดีออกมาพยายามพิสูจน์ว่าเป็นมนุษย์ทำ แต่จริงๆ แล้วมีหลายอันเลยที่มนุษย์ทำไม่ได้ ในเชิงของเวลาในการทำ ความเที่ยงตรง และปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ลักษณะการงอของพืชไม่ใช่ลักษณะการหักลงไป แต่ว่าเป็นการงอที่น้ำในพืชแห้งออกไป

- คุณเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวหรือไม่?
ดร.ก้องภพ : ไม่เชื่อ ผมพยายามจะพิสูจน์มากกว่าก่อนที่จะเชื่ออะไรสักอย่าง ...นี่คือภาพของพืชที่เกิดจาก Crop circle ที่ไม่สามารถจะเกิดได้จากมนุษย์ทั่วไป ปกติเรางอ แกนจะหัก แต่นี่ช่วงข้อต่อจะไม่เหมือนที่เห็นข้อต่อทั่วไป (แสดงภาพตัวอย่างต้นพืชที่มีลำต้นหักงอเรียงกันหลายต้น)

- ภาพของต้นอะไร?
ดร.ก้องภพ : ไม่ทราบ เป็นต้นพืชที่เขาปลูกในไร่แล้วไปเก็บมา ส่วนใหญ่สารคดีที่ทำออกมาทางทีวีหรือภาพยนตร์ที่บางทีดูเกินจริงนั้น ทำให้คนเชื่อว่าไม่มีอะไร ตัวอย่างวิดีโอที่เขาไปถ่ายมาเมื่อเกิดปรากฏการณ์ Crop Circle จะเห็นได้ว่า มนุษย์ไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจริงแค่ไหน แต่ก็เป็นอย่างนี้ เกิดขึ้นบ่อยมาก พูดง่ายๆ คือ พอเรามีทัศนคติที่บิดเบือนจากข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน เราก็จะได้ข้อสรุปที่บิดเบือน เมื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้วิธีการคิดของเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่ พูดง่ายๆ คือมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นบนโลก แล้วผมเห็นว่าข้อความที่เขาส่งลงมาเขาบอกอะไรบางอย่าง

ตอนนั้นเมื่อปี 2009 มีรูปวาดบนผืนนาอย่างนี้ เขาวาดรูปเกี่ยวกับดาวเคราะห์แล้วประมาณว่า บอกถึงวันที่จะเกิดปฏิกิริยาพระอาทิตย์ ซึ่งเขาคาดการณ์ว่าในวันที่ 7 ก.ค.10 จะมีปฏิกิริยาพระอาทิตย์เกิดขึ้น แล้วผมก็ติดตาม นี่เขาก็คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึง 4-5 อาทิตย์ และผมก็ติดตามตั้งแต่ตอนนั้น ปรากฏว่ามีปฏิกิริยาพระอาทิตย์จริงๆ ซึ่งเขาบอกถึงเวลาด้วยว่าช่วงเวลาเท่าไหร่จะเกิด แล้วเป็นสิ่งที่พอเกิดขึ้นแล้วเขาทำนายได้ในสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันทำไม่ได้ มันก็จุดประกายให้ผมเชื่อว่าถ้ามีคนทำได้ ผมก็ต้องทำได้เหมือนกัน ผมทดลองทำและคาดการณ์ปฏิกิริยาพระอาทิตย์ได้ระดับหนึ่ง แต่ว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยเพราะผมต้องการให้ข้อมูลแน่นกว่านี้ก่อน

ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เราสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ เพียงแต่ว่าเราอย่าติดอยู่กับความเชื่อบางอย่างซึ่งถูกส่งผ่านทางสื่อ ซึ่งหลายคนถูกกับดักตรงนี้เยอะเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้เยอะเท่าไร เพราะถ้าเกิดเอาไปลงแล้วจะมีคนไม่พอใจ ความเชื่อของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่ผมโดนโจมตีก็เหมือนกัน เพราะความเชื่อของผมกับของเขาไม่เหมือนกัน โดยที่ไม่ดูว่าผลประโยชน์จากความสำเร็จตรงนั้นเป็นอะไรบ้าง ต้องดูที่ ... สมมติผมคาดการณ์ได้ถูกต้อง ผมว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะต่อไปข้างหน้าเราจะมีวิธีคาดการณ์ใช้สำหรับป้องกันและเตือนภัย ผมมองในแง่นั้น แต่คนอื่นผมไม่ทราบ สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือผมทำด้วยวัตถุประสงค์ที่ดี

- คุณเริ่มสนใจภัยพิบัติตั้งแต่เมื่อไร?
ดร.ก้องภพ : ช่วงเวลาเดียวกัน ตอนนั้นเริ่มคาดการณ์ปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แล้วมีคนทำให้ดู ไม่รู้ใครไปวาดรูปให้ผมดูเป็นตัวอย่าง ผมสังเกตปฏิกิริยาพระอาทิตย์ตั้งแต่นั้น เขาบอกว่าให้จับตาดูพระอาทิตย์นะ

- คุณจับตาดูดวงอาทิตย์ยังไง?
ดร.ก้องภพ : เราดูภาพถ่ายพระอาทิตย์จากทางนาซา แล้วก็ทางอีซา (องค์การอวกาศยุโรป) เขามีภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางสาธารณะทุกวัน เราก็ไปดูว่าเมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์มีปฏิกิริยาการระเบิด เกิดระเบิดสุริยะขึ้นมาบ้าง แล้วจดบันทึกเอาไว้ แล้วดูว่าช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นบนโลกบ้าง เปรียบเทียบอย่างนี้ทั้งปี ออกมาก็ตรงหมดเลย ผมตั้งข้อสังเกตว่าภัยพิบัติตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นไป สัมพันธ์โดยตรงกับปฏิกิริยาพระอาทิตย์ ใช้เวลาเก็บข้อมูล 1 ปีเต็มๆ พูดง่ายๆ คือ มีคนชี้แนะให้ผม ผมก็ทำข้อมูล ลองดู พิสูจน์

- คุณเคยติดต่อคนที่ให้คำแนะนำหรือเปล่า?
ดร.ก้องภพ : ไม่เคย เขาวาดรูปไว้ ที่เหลือผมทำเอง ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

ภาพ : ลักษณะของปรากกการณ์ ที่เรียกว่า " Crop Circle "






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.122.197.250 อังคาร, 11/1/2554 เวลา : 23:32  IP : 124.122.197.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103888

คำตอบที่ 99
      

fiogf49gjkf0d
- เหตุการณ์ปี 2012 จะเป็นจริงไหม?
ดร.ก้องภพ : ตามข้อมูลของผม ถ้าเป็นจริง ตอนนี้ก็เป็นจริง ตอนต้นปี 2010 ได้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า ภัยพิบัติจะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เพิ่มขึ้นจริงๆ พูดง่ายๆ คือสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ก็ยังเป็นจริง ซึ่งยังแปรตามปฏิกิริยาพระอาทิตย์ เพราะในปี 2009 และ 2010 มีปฏิกิริยาพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นพอสมควร จากเดิมที่ไม่มีเท่าไร ตอนนี้ก็มีเยอะพอสมควร และเราก็ได้ข่าวภัยพิบัติมากขึ้น ถ้าความสัมพันธ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ภัยพิบัติจะมีมากขึ้นจนถึงปี 2013 นี่เป็นเรื่องของวัฎจักรแคบๆ แต่ผมยังศึกษาในเรื่องวัฏจักรยาวๆ อีกด้วย คือวัฏจักรของพระอาทิตย์ซึ่งมีวัฎจักรทุกๆ 11 ปี ดูว่ามีความแตกต่างจากที่แล้วๆ มาอย่างไรบ้าง ไม่อย่างนั้นสมมติฐานนี้จะผิด เพราะทุกๆ ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีภัยพิบัติ แต่อยู่ดีๆ ก็เริ่มมี แสดงว่ามีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากพระอาทิตย์ ผมเลยดูออกไปด้านนอก ขอบสุริยะจักรวาล ซึ่งได้เจอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านนอกขอบสุริยจักรวาล (คำที่ถูกต้องคือระบบสุริยะ) มีพลังงานขนาดใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในขอบด้านนอกสุริยจักรวาล ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างมากกับสนามแม่เหล็ก และอนุภาคที่มีประจุความเร็วสูง

- คุณได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?
ดร.ก้องภพ : ได้มาจากบทความในนิตยสารของรัสเซียและนาซา และอีซา

- เขามีทีมที่ศึกษาตรงนี้อยู่แล้วหรือเปล่า?
ดร.ก้องภพ : ใช่ เขามีทีมอยู่แล้ว แต่คนเหล่านี้เขาจะไม่พูดถึงภัยพิบัติ ไม่ดูภัยพิบัติ เขาดูแค่ขอบด้านนอกเฉยๆ พูดง่ายๆ คือเขาต่างทำข้อมูลแต่ไม่เอามารวมกัน

- เขาเอาข้อมูลไว้ทำอะไร?
ดร.ก้องภพ : เอาข้อมูลไว้เผยแพร่ธรรมดา เหมือนกับต่างคนต่างทำวิจัยของตัวเอง รู้อะไรก็เอามาเผยแพร่ ส่วนผมนี่เอาข้อมูลทั้งหมด มาปะติดปะต่อกัน

- แต่ละทีมมีเป้าหมายอะไรในการหาข้อมูล?
ดร.ก้องภพ : ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการสร้างดาวเทียมสำรวจแล้วเอาผลการวัดมาเผยแพร่

- คุณเริ่มเป็นข่าวได้อย่างไร?
ดร.ก้องภพ : เริ่มจากไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้ว ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ไปฟังด้วย ตอนนั้นพูดเรื่องภัยพิบัติจากปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แล้วผมได้คาดการณ์ภัยพิบัติที่เฮติ เมื่อ 12-13 ม.ค.10 ซึ่งเกิดขึ้นจริงตามที่คาดการณ์ไว้ พอ ดร.สมิธ เห็นข้อมูลที่แตกต่างจากคนอื่น เห็นว่าทำนายแผ่นดินไหวได้ ท่านจึงติดตามผลงานที่ผมทำนายมาตลอด และถูกต้องด้วย จึงเป็นที่มาว่าทำไมท่านจึงพูดถึงผม และเราเพิ่งรู้จักกันอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2010 ผมส่งข้อมูลให้ท่านแต่ไม่คิดว่าจะเป็นข่าว ข้อมูลบางอย่างผมไม่คิดจะเผยแพร่แก่สาธารณชน แต่ว่ามันหลุดออกไปแล้ว พอหลุดออกไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น จะบอกว่าถูกก็ไม่ได้ ไม่ถูกก็ไม่ได้ ก็ต้องรอให้มันเกิด

ประเด็นที่เขาเอาไปตีก็เอานักวิชาการมาโต้แย้ง ผมก็ไม่ทราบว่านักวิชาการทั้งหลายที่ออกมาโต้แย้งผม เขาศึกษาอะไรบ้าง หรือศึกษาอย่างผมหรือเปล่า หรือศึกษาเข้าใจ เกี่ยวกับความสัมพันธ์พวกนี้เป็นยังไง พูดได้คร่าวๆ เฉยๆ ยังไม่ชัวร์ แต่ผมพยายามเก็บข้อมูล เพื่อดูว่าถูกต้อง 100% หรือเปล่า ไม่ได้หมายความว่าผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำทั้งหมด ผมกำลังพิสูจน์อยู่ แต่ที่ผมทำมาเริ่มสรุปได้แล้วว่ามาถูกทาง ยิ่งทำ ยิ่งถูก สิ่งที่ต้องทำต่อคือประมวลผลที่ได้มาจากพระอาทิตย์ให้อยู่ในรูปแบบที่ประชาชนเห็นได้ง่ายๆ แต่ยังไม่เสร็จ ตอนนี้ผมคืบหน้าไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่พร้อมนำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย คาดว่าปลายปีน่าจะเสร็จ

- ตอนที่กลายเป็นข่าว ตกใจไหม?
ดร.ก้องภพ : ก็ตกใจ แต่ผมไม่อยากไปโต้แย้งอะไรมาก เพราะผมกำลังศึกษาอยู่ ว่างานผมมีความถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้ามันผิดผมก็ซวยอยู่ดี หรือถ้ามันจริงแล้วผมปฏิเสธ ผมก็ซวยอยู่ดี เลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ดีกว่า แต่ว่าก็ดูปฏิกิริยา

- ปัจจัยที่ใช้พิจารณามีอะไรบ้าง?
ดร.ก้องภพ : มาจากวงโคจรของดาวเคราะห์ทั้งหมดเลย และตอนหลังมีทางช้างเผือกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

- วัดกันยังไง?
ดร.ก้องภพ : ยังไม่เปิดเผย รอให้ชัวร์ก่อน ผมยังไม่อยากลงรายละเอียด อย่างทำให้เสร็จก่อน

- ทราบไหมว่ามีนักวิทยาศาสตร์ออกมาแย้งความเห็นของคุณ?
ดร.ก้องภพ : ทราบ คือจริงๆ แล้ว เราดูพฤติกรรมของ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีรูปแบบของมัน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำคือ ผมจะไปหารูปแบบนั้นในธรรมชาติ และหาบทสรุปเพื่อนำมาใช้ในการคาดการณ์ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับวิธีการคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่เขาใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งบางส่วนอาจจะเน้นทฤษฎีมาก่อน ซึ่งบางทีทฤษฎีอธิบายกฎหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติไม่ได้

- การศึกษาของคุณนั้นหลายคนอาจจะแย้งว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์?
ดร.ก้องภพ : นี่ก็เป็นวิทยาศาสตร์ เราตั้งสมมติฐาน เราเห็นแพทเทิร์น แล้วก็ทำการทดลอง แล้วออกมาตามผลการทดลอง ก็เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ว่าอธิบายออกมาเป็นสมการทางคณิตศาสตร์ไม่ได้ เพราะว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นของกระบวนวิทยาศาสตร์ สังเกต ตั้งสมมุติฐาน แล้วสร้างแบบจำลอง แล้วพิสูจน์แบบจำลอง ซึ่งก็มาถูกต้องระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นผมคงทำนายไม่ถูกนัก ก็หมายความว่าผมได้มาถูกในระดับหนึ่งแล้ว

- วางแผนว่าจะทำงานที่นาซาอีกนานไหม?
ดร.ก้องภพ : คงไม่นานมาก กำลังคิดไว้ว่าจะออกมาทำอย่างอื่น แต่คงสักพัก ผมอย่าง ทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ เช่น ผมทำเกี่ยวกับไมโครเวฟ ก็อยากจะทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับไมโครเวฟ แต่ยังเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี ผมอยากลองพัฒนาอะไรใหม่ๆ บางทีเราอยู่ในสายงานเดิมๆ มานาน มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นพัฒนาขึ้นมาจากทฤษฎีเดิมๆ เก่าๆ เวลาผมไปประชุมวิชาการ คุยแต่เรื่องเดิมๆ กู้สึกเบื่อ เราพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้จริง แต่ความรู้พื้นฐานที่พัฒนาก็คล้ายคลึงกับของเก่า ทฤษฎีฟิสิกส์ยังเหมือนเดิม แต่ผมอยากทำอะไรที่เปลี่ยนทฤษฎีฟิสิกส์ใหม่ ผมจะเน้นเรื่องเทคโนโลยี เพราะผมเป็นวิศวกร ผมจะเน้นการนำความรู้มาใช้งาน ไม่สนใจว่าจะถูกกฎข้อไหน ผมไม่มองที่กฎ ผมมองที่ผลลัพธ์

ภาพ : - เหตุการณ์ปี 2012 จะเป็นจริงไหม?
ดร.ก้องภพ : ตามข้อมูลของผม ถ้าเป็นจริง ตอนนี้ก็เป็นจริง ตอนต้นปี 2010 ได้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า ภัยพิบัติจะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เพิ่มขึ้นจริงๆ พูดง่ายๆ คือสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ก็ยังเป็นจริง ซึ่งยังแปรตามปฏิกิริยาพระอาทิตย์ เพราะในปี 2009 และ 2010 มีปฏิกิริยาพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นพอสมควร จากเดิมที่ไม่มีเท่าไร ตอนนี้ก็มีเยอะพอสมควร และเราก็ได้ข่าวภัยพิบัติมากขึ้น ถ้าความสัมพันธ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ภัยพิบัติจะมีมากขึ้นจนถึงปี 2013 นี่เป็นเรื่องของวัฎจักรแคบๆ แต่ผมยังศึกษาในเรื่องวัฏจักรยาวๆ อีกด้วย คือวัฏจักรของพระอาทิตย์ซึ่งมีวัฎจักรทุกๆ 11 ปี ดูว่ามีความแตกต่างจากที่แล้วๆ มาอย่างไรบ้าง ไม่อย่างนั้นสมมติฐานนี้จะผิด เพราะทุกๆ ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีภัยพิบัติ แต่อยู่ดีๆ ก็เริ่มมี แสดงว่ามีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากพระอาทิตย์ ผมเลยดูออกไปด้านนอก ขอบสุริยะจักรวาล ซึ่งได้เจอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านนอกขอบสุริยจักรวาล (คำที่ถูกต้องคือระบบสุริยะ) มีพลังงานขนาดใหญ่ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในขอบด้านนอกสุริยจักรวาล ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างมากกับสนามแม่เหล็ก และอนุภาคที่มีประจุความเร็วสูง

- คุณได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?
ดร.ก้องภพ : ได้มาจากบทความในนิตยสารของรัสเซียและนาซา และอีซา

- เขามีทีมที่ศึกษาตรงนี้อยู่แล้วหรือเปล่า?
ดร.ก้องภพ : ใช่ เขามีทีมอยู่แล้ว แต่คนเหล่านี้เขาจะไม่พูดถึงภัยพิบัติ ไม่ดูภัยพิบัติ เขาดูแค่ขอบด้านนอกเฉยๆ พูดง่ายๆ คือเขาต่างทำข้อมูลแต่ไม่เอามารวมกัน

- เขาเอาข้อมูลไว้ทำอะไร?
ดร.ก้องภพ : เอาข้อมูลไว้เผยแพร่ธรรมดา เหมือนกับต่างคนต่างทำวิจัยของตัวเอง รู้อะไรก็เอามาเผยแพร่ ส่วนผมนี่เอาข้อมูลทั้งหมด มาปะติดปะต่อกัน

- แต่ละทีมมีเป้าหมายอะไรในการหาข้อมูล?
ดร.ก้องภพ : ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการสร้างดาวเทียมสำรวจแล้วเอาผลการวัดมาเผยแพร่

- คุณเริ่มเป็นข่าวได้อย่างไร?
ดร.ก้องภพ : เริ่มจากไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้ว ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ไปฟังด้วย ตอนนั้นพูดเรื่องภัยพิบัติจากปฏิกิริยาพระอาทิตย์ แล้วผมได้คาดการณ์ภัยพิบัติที่เฮติ เมื่อ 12-13 ม.ค.10 ซึ่งเกิดขึ้นจริงตามที่คาดการณ์ไว้ พอ ดร.สมิธ เห็นข้อมูลที่แตกต่างจากคนอื่น เห็นว่าทำนายแผ่นดินไหวได้ ท่านจึงติดตามผลงานที่ผมทำนายมาตลอด และถูกต้องด้วย จึงเป็นที่มาว่าทำไมท่านจึงพูดถึงผม และเราเพิ่งรู้จักกันอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2010 ผมส่งข้อมูลให้ท่านแต่ไม่คิดว่าจะเป็นข่าว ข้อมูลบางอย่างผมไม่คิดจะเผยแพร่แก่สาธารณชน แต่ว่ามันหลุดออกไปแล้ว พอหลุดออกไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น จะบอกว่าถูกก็ไม่ได้ ไม่ถูกก็ไม่ได้ ก็ต้องรอให้มันเกิด

ประเด็นที่เขาเอาไปตีก็เอานักวิชาการมาโต้แย้ง ผมก็ไม่ทราบว่านักวิชาการทั้งหลายที่ออกมาโต้แย้งผม เขาศึกษาอะไรบ้าง หรือศึกษาอย่างผมหรือเปล่า หรือศึกษาเข้าใจ เกี่ยวกับความสัมพันธ์พวกนี้เป็นยังไง พูดได้คร่าวๆ เฉยๆ ยังไม่ชัวร์ แต่ผมพยายามเก็บข้อมูล เพื่อดูว่าถูกต้อง 100% หรือเปล่า ไม่ได้หมายความว่าผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำทั้งหมด ผมกำลังพิสูจน์อยู่ แต่ที่ผมทำมาเริ่มสรุปได้แล้วว่ามาถูกทาง ยิ่งทำ ยิ่งถูก สิ่งที่ต้องทำต่อคือประมวลผลที่ได้มาจากพระอาทิตย์ให้อยู่ในรูปแบบที่ประชาชนเห็นได้ง่ายๆ แต่ยังไม่เสร็จ ตอนนี้ผมคืบหน้าไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่พร้อมนำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย คาดว่าปลายปีน่าจะเสร็จ

- ตอนที่กลายเป็นข่าว ตกใจไหม?
ดร.ก้องภพ : ก็ตกใจ แต่ผมไม่อยากไปโต้แย้งอะไรมาก เพราะผมกำลังศึกษาอยู่ ว่างานผมมีความถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้ามันผิดผมก็ซวยอยู่ดี หรือถ้ามันจริงแล้วผมปฏิเสธ ผมก็ซวยอยู่ดี เลยเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ดีกว่า แต่ว่าก็ดูปฏิกิริยา

- ปัจจัยที่ใช้พิจารณามีอะไรบ้าง?
ดร.ก้องภพ : มาจากวงโคจรของดาวเคราะห์ทั้งหมดเลย และตอนหลังมีทางช้างเผือกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

- วัดกันยังไง?
ดร.ก้องภพ : ยังไม่เปิดเผย รอให้ชัวร์ก่อน ผมยังไม่อยากลงรายละเอียด อย่างทำให้เสร็จก่อน

- ทราบไหมว่ามีนักวิทยาศาสตร์ออกมาแย้งความเห็นของคุณ?
ดร.ก้องภพ : ทราบ คือจริงๆ แล้ว เราดูพฤติกรรมของ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีรูปแบบของมัน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำคือ ผมจะไปหารูปแบบนั้นในธรรมชาติ และหาบทสรุปเพื่อนำมาใช้ในการคาดการณ์ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับวิธีการคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่เขาใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งบางส่วนอาจจะเน้นทฤษฎีมาก่อน ซึ่งบางทีทฤษฎีอธิบายกฎหรือปรากฏการณ์ธรรมชาติไม่ได้

- การศึกษาของคุณนั้นหลายคนอาจจะแย้งว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์?
ดร.ก้องภพ : นี่ก็เป็นวิทยาศาสตร์ เราตั้งสมมติฐาน เราเห็นแพทเทิร์น แล้วก็ทำการทดลอง แล้วออกมาตามผลการทดลอง ก็เป็นวิทยาศาสตร์ แต่ว่าอธิบายออกมาเป็นสมการทางคณิตศาสตร์ไม่ได้ เพราะว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นของกระบวนวิทยาศาสตร์ สังเกต ตั้งสมมุติฐาน แล้วสร้างแบบจำลอง แล้วพิสูจน์แบบจำลอง ซึ่งก็มาถูกต้องระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นผมคงทำนายไม่ถูกนัก ก็หมายความว่าผมได้มาถูกในระดับหนึ่งแล้ว

- วางแผนว่าจะทำงานที่นาซาอีกนานไหม?
ดร.ก้องภพ : คงไม่นานมาก กำลังคิดไว้ว่าจะออกมาทำอย่างอื่น แต่คงสักพัก ผมอย่าง ทำอะไรที่ผมไม่เคยทำ เช่น ผมทำเกี่ยวกับไมโครเวฟ ก็อยากจะทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับไมโครเวฟ แต่ยังเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี ผมอยากลองพัฒนาอะไรใหม่ๆ บางทีเราอยู่ในสายงานเดิมๆ มานาน มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นพัฒนาขึ้นมาจากทฤษฎีเดิมๆ เก่าๆ เวลาผมไปประชุมวิชาการ คุยแต่เรื่องเดิมๆ กู้สึกเบื่อ เราพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ได้จริง แต่ความรู้พื้นฐานที่พัฒนาก็คล้ายคลึงกับของเก่า ทฤษฎีฟิสิกส์ยังเหมือนเดิม แต่ผมอยากทำอะไรที่เปลี่ยนทฤษฎีฟิสิกส์ใหม่ ผมจะเน้นเรื่องเทคโนโลยี เพราะผมเป็นวิศวกร ผมจะเน้นการนำความรู้มาใช้งาน ไม่สนใจว่าจะถูกกฎข้อไหน ผมไม่มองที่กฎ ผมมองที่ผลลัพธ์

ภาพ : ภาพในย่านรังสียูวี แสดงจุดมืด 2 จุดบนดวงอาทิตย์เมื่อปี 2003... ซึ่งดวงอาทิตญ์มีวัฏจักรจำนวนจุดมืดเพิ่มขึ้นสูงสุดและต่ำสุดรอบละ 11 ปี ( NASA )

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000002910>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.122.197.250 อังคาร, 11/1/2554 เวลา : 23:37  IP : 124.122.197.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 103889

คำตอบที่ 100
      

fiogf49gjkf0d
ยลโฉมกันชัด ชัด กับว่าที่ "ซีวิค" ใหม่

น่าจะเรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ที่อยู่ในกระแสความสนใจของนักขับบ้านเรา เพราะหลังจากที่มีข่าวว่าโดนโรคเลื่อนเล่นงานมา ตอนนี้ทางฮอนด้าจัดการเผยโฉมความเคลื่อนไหวแรกของซีวิคใหม่ออกมาแล้ว โดยจัดแสดงผ่านทางต้นแบบที่มากับ 2 ตัวถัง คือ ซีดาน และคูเป้ ที่อวดโฉมบนเวทีของงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2011 เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีคิวขายจริงช่วงกลางปี







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:18  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104189

คำตอบที่ 101
      

fiogf49gjkf0d
สำหรับที่เห็นอยู่นี้เป็นต้นแบบที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นจำหน่ายจริงของซีวิคใหม่ค่อนข้างมาก และจะเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่นปัจจุบันที่ขายกันมาตั้งแต่ปี 2005 และเป็นเจนเนอเรชันที่ 9 ของซีวิค

รุ่นใหม่ทางฮอนด้ายังไม่เปิดเผยรายละเอียดอะไรออกมากนัก นอกจากบอกในแง่สไตล์ของการออกแบบและการพัฒนาตัวรถที่หันมาเน้นการให้ความสนใจและเอาใจใส่กับกลุ่มลูกค้าหลายระดับ ถึงกับให้นิยามว่าเป็น Civic For All People เพื่อให้สอดรับกับทุกความต้องการของลูกค้าหลากรูปแบบที่มีต่อรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กต์







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:18  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104190

คำตอบที่ 102
      

fiogf49gjkf0d
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับซีวิคใหม่ คือ ฮอนด้าจะยังแบ่งโฉมสำหรับทำตลาดออกเป็น 3 เวอร์ชันหลักต่อไปหรือไม่ เพราะรุ่นปัจจุบัน ฮอนด้าใช้วีธีนี้อยู่ และซีวิคที่ขายอยู่ในบ้านเราอิงโฉมอยู่กับตลาดญี่ปุ่น ส่วนภาพนี้จะเป็นเวอร์ชันอเมริกันที่เน้นทำตลาดอเมริกาเหนือ และตลาดพวงมาลัยซ้ายบางแห่งเช่นจีน ส่วนตลาดยุโรปจะแยกทั้งตัวถังและรูปร่างหน้าตาออกไปไม่เกี่ยวข้องกับตลาดแห่งไหนเลย






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:20  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104191

คำตอบที่ 103
      

fiogf49gjkf0d
ถึงแม้จะมีการแบ่งเหมือนเดิม ก็พอจะเดาได้ว่าหน้าตาของซีวิคที่จะขายบ้านเราก็คงแตกต่างจากนี้ไม่มากนัก เพราะรุ่นปัจจุบัน เวอร์ชันญี่ปุ่นกับอเมริกาเหนือก็แทบจะเป็นคันเดียวกัน เนื่องจากแตกต่างแค่การออกแบบช่วงกล่องแรกและกล่องท้ายที่เป็นตัวถังด้านหน้าและหลังใหม่ ส่วนที่เหลือใช้ร่วมกันซึ่งก็รวมถึงเครื่องยนต์ แผงหน้าปัดและมาตรวัดในห้องโดยสาร







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:21  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104192

คำตอบที่ 104
      

fiogf49gjkf0d
ส่วนของเครื่องยนต์ฮอนด้ายังไม่เปิดเผยออกมา แต่ยืนยันว่าจะยังมีเหมือนเดิมสำหรับขายในตลาดสหรัฐอเมริกาทั้งรุ่นธรรมดา และตัวแรงรหัส Si และไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ลูกผสมบนพื้นฐานของอินไซท์ เป็นแบบ 1,300 ซีซี i-VTEC จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงรุ่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หรือ ซีวิค GX






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:22  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104193

คำตอบที่ 105
      

fiogf49gjkf0d
สำหรับแฟนๆ ของฮอนด้ารอติดตามกันได้สำหรับความเคลื่อนไหวของซีวิคใหม่ เพราะในสหรัฐอเมริกาจะเผยคันจริงสำหรับทำตลาดและเริ่มขายไม่เกินกลางปีนี้ และคาดว่าตลาดกลุ่มอื่น รวมถึงเมืองไทยคงจะมีความเคลื่อนไหวออกมาให้ติดตามกันเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:23  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104194

คำตอบที่ 106
      

fiogf49gjkf0d
Reference : http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000006404>





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.86.234 จันทร์, 17/1/2554 เวลา : 23:24  IP : 124.121.86.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104195

คำตอบที่ 107
      

fiogf49gjkf0d
มิตซูบิชิ เผยโฉมรถต้นแบบอีโคคาร์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เตรียมเผยโฉม รถต้นแบบ “มิตซูบิชิ โกลบอล สมอล” หรือว่า “อีโคคาร์” ในไทย ที่จะผลิตและทำตลาดในไทยปี 2555 จากแนวคิด “กะทัดรัด” “สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย” และ “ประหยัดน้ำมัน” ในงานเจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 81 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-13 มีนาคม นี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม Geneva Palexpo

ทั้งนี้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (ทีเอ็มซี : TMC) ได้เตรียมนำรถยนต์เข้าร่วมจัดแสดงในงานเจนีวา อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2011 ทั้งหมดรวม 12 คัน (6 คัน ในวันสื่อมวลชน) ซึ่งในจำนวนนี้นอกเหนือจากรถต้นแบบโกลบอลสมอลแล้ว และรถที่กำลังขายอยู่ในยุโรปแล้ว มิตซูบิชิยังได้นำรถ“ไอมีฟ” ที่ใช้ไฟฟ้า 100% และได้ถูกส่งออกไปขายที่ยุโรปแล้วประมาณ 2,500 คัน (รวมรถเปอโยต์ iOn และรถซีตรอง C-ZERO ) ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เริ่มผลิตและส่งออกในเดือน ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา

สำหรับ “มิตซูบิชิ โกลบอล สมอล” เป็นรถยนต์ต้นแบบของรถเก๋งขนาดเล็กที่มิตซูบิชิวางแผนจะทำการผลิตในโรงงานของเอ็มเอ็มซีในประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2555 นี้

โดยรถต้นแบบ “มิตซูบิชิ โกลบอล สมอล” มีความโดดเด่นทั้งในด้านของความคล่องตัวและง่ายต่อการขับขี่เช่นเดียวกับรถเก๋ง และมีความสมบูรณ์แบบในเรื่องการจัดวางพื้นที่ที่สามารถรองรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ได้ 5 ที่นั่ง ขณะเดียวกันรถต้นแบบ “มิตซูบิชิ โกลบอล สมอล” ยังให้การประหยัดน้ำมันในระดับสูงสุด ด้วยระดับควบคุมมลพิษในระดับกลาง 90 กรัม ต่อกิโลเมตร เนื่องจากการใช้ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง (Idling Stop)และขนาดเครื่องยนต์ 1.0 - 1.2 ลิตร ที่ติดตั้งร่วมกับระบบชาร์จพลังงานกลับขณะเบรก (Regenerative Braking System) การลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ ระบบ CVT เจนเนอเรชั่นใหม่ เบรก และยาง รวมถึงการการลดน้ำหนักของชิ้นส่วนประกอบที่ซับซ้อน และการออกแบบรูปทรงของรถที่ช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานได้เป็นเยี่ยม

http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000007700Ref. :







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.83.206 ศุกร์, 21/1/2554 เวลา : 00:47  IP : 124.121.83.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104312

คำตอบที่ 108
      

fiogf49gjkf0d
“คน” มาจาก “ปลา” ... เมื่อไรกัน?

ลำพังข้อถกเถียงว่า “คน” มาจาก “ลิง” หรือไม่ ก็ทำเอาวงสนทนาร้อนระอุอยู่แล้ว พอมาเจอข้อมูลว่าบรรพบุรุษของเราเคยเป็น “ปลา” มาก่อน อาจทำให้หลายคนช็อคไปเลยก็ได้ เป็นได้อย่างไร? เราเคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำตั้งแต่เมื่อไรกัน?

หลักฐานยืนยันว่า บรรพบุรุษของเราวิวัฒนาการมาจากปลาคือฟอสซิลของ “ทิกทาลิก” (Tiktaalik) สัตว์ที่มีเกล็ดและครีบคล้ายปลา แต่มีหัวแบนและช่วงคอชัดเจนเหมือนสัตว์บกโบราณ ซึ่งถูกค้นพบโดย นีล ชูบิน (Neil Shubin) และเพื่อนร่วมคณะสำรวจอีก 2 คน คือ เท็ด แดชเลอร์ (Ted Daeschler) และ ดร.ฟาริช เอ เจนกินส์ จูเนียร์ (Dr.Farish A. Jenkins,Jr) และฟอสซิลดังกล่าวยังเป็นหลักฐานการยกพลขึ้นบกของบรรพบุรุษจากใต้น้ำเมื่อ 375 ล้านปีก่อนด้วย

ชูบินถ่ายทอดประสบการณ์การสำรวจที่โด่งดังเป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อปี พ.ศ.2549 ลงหนังสือ “ในคนมีปลา ในขามีครีบ” (Your inner Fish) ซึ่งถอดความเป็นภาษาไทยโดย แทนไท ประเสริฐกุล นักศึกษาชีววิทยาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมหิดล และนอกจากเนื้อหา 30% ที่กล่าวถึงปลาซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสัตว์บกแล้ว เนื้อหาในหนังสือยังกล่าวถึงเรื่องที่ใหญ่กว่า นั่นคือ มนุษย์และสัตว์ต่างมีรากเหง้าประวัติศาสตร์เดียวกัน

“ปลาไม่ได้เป็นแค่บรรพบุรุษของคนอย่างเดียว แต่สัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งหมด ทั้งนก หนู จิ้งจก ซาลาแมนเดอร์ เมื่อสืบเชื้อสายกลับไปจะพบว่ามีบรรพบุรุษร่วมกันเป็นปลาสายพันธุ์หนึ่งที่ยกพลขึ้นบกเมื่อ 375 ล้านปีก่อน แต่คนก็ไม่ได้มาจากปลาอย่างเดียว หากเป็นเมื่อ 7-8 ล้านปีก่อนก็มาจากลิง ย้อนไปอีกมาจากหนู ย้อนไปอีกเป็นสัตว์เลื้อยคลาน แล้วย้อนไปเป็นปลา และยังย้อนกลับไปได้อีก คนไม่จำเป็นต้องมีบรรพบุรุษเดียว แต่เรามีการสืบทอดและแปรผันไปได้เรื่อย” แทนไทกล่าว

ในฐานะของผู้แปล แทนไทเปรียบเทียบการสืบย้อนกลับไปหาบรรพบุรุษของคนเช่นนี้ เหมือนการไปเที่ยวต่างประเทศเช่น จีน กัมพูชา อินเดีย แล้วเราได้เจอรากเหง้าภาษาหรือวัฒนธรรมบางอย่างคล้ายๆ กัน เช่นเดียวกับทางชีววิทยาซึ่งรากเหง้าบางอย่างของเราอาจพบเห็นได้ในปลาว่ามีลักษณะอย่างหนึ่งและรากเหง้าบางอย่างเราเห็นได้ในสัตว์เลื้อยคลานอีกอย่างหนึ่ง

การที่ปลาจำนวนหนึ่งยกพลขึ้นบกนั้นในช่วงแรกๆ เกิดจากแรงผลักหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือในน้ำนั้นมีแต่ปลาที่จ้องจะกินกันเอง แต่บนบกยังไม่มีสัตว์อะไรที่จะล่าปลา มีแต่แมลง จึงมีปลาบางพวกที่ฉวยโอกาสตรงนี้แล้วขยายเผ่าพันธุ์บนบก เมื่อกาลเวลาผ่านไป สายพันธุ์ของปลาถูกตบไป-ตบมา ไปโพล่เป็นสิ่งชีวิตต่างๆ โดยที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่การกระจายของสายพันธุ์นี้สามารถสืบย้อนกลับไปได้ เช่นเดียวกั้บกรณีที่คนไทยมีบรรพบุรุษที่มาจากแอฟริกา

ภาพ : โฉมหน่า ทิคทาลิก ( Tiktaalik ) ที่ส่วนครีบ เริ่มวิวัฒนาการเตรียมยกพลขึ้นบก






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.83.206 ศุกร์, 21/1/2554 เวลา : 01:12  IP : 124.121.83.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104313

คำตอบที่ 109
      

fiogf49gjkf0d
จากข้อมูลการเปรียบเทียบประวัติศาสตร์โลก 3,500 ล้านปีกับระยะเวลา 1 ปีของแทนไทนั้น วันที่ 1 ม.ค.คือวันกำเนิดโลก และ 31 ธ.ค.คือปัจจุบัน ซึ่งมนุษย์เพิ่งเกิดขึ้นมาบนโลกในชั่วโมงสุดท้ายของปีเท่านั้น แม้แต่ไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ยังเพิ่งเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค.นี้ และปลานั้นเกิดขึ้นมายาวนานกว่านั้นมาก โดยช่วงต้นปีมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวได้กำเนิดขึ้นมา และกลางปีจึงเริ่มมีสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์

ความเชื่อมโยงระหว่างคนกับปลาที่สืบทอดกันมากว่า 370 ล้านปีนำไปสู่การอธิบายถึงโรคภัยบางอย่างที่พบในคน เพราะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากปลาเป็นสัตว์บกทำให้เกิดช่องโหว่หลายอย่าง เหมือนการออกแบบไม่เต็มประสิทธิภาพเพราะเป็นการออกแบบจากของเดิม ซึ่งแทนไทนเปรียบเหมือนการออกแบบรถคันใหม่โดยใช้โครงสร้างเดิม ทำให้การเปลี่ยนแปลงหลายๆ จุดย้อนกลับมาทำร้ายเราในทุกวันนี้

“เช่น เส้นเลือดขอด แต่ไหนแต่ไรมา ปลา ลิง สัตว์ต่างๆ มีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง แม้แต่มนุษย์ยุคหินก็ออกล่าสัตว์ตลอด และร่างกายเราก็ออกแบบมาให้ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งเลือดในร่างกายที่ไหลจากล่างขึ้นบนนั้นต้องมีตัวช่วยเพื่อต่อสู้กับแรงโน้มถ่วง โดยมีลิ้นกั้น และจะไหลขึ้นสู่ด้านบนได้โดยอาศัยการบีบตัวของกล้ามเนื้อ แต่การไม่ออกกำลังกายตามวิถีชีวิตในปัจจุบันทำให้เลือดกองอยู่และทำให้เส้นเลือดบวมกลายเป็นเส้นเลือดขอด ถ้าไปออกที่ทวารก็กลายเป็น ริดสีดวง” แทนไทยกตัวอย่างโรคบางประการที่เป็นผลจากวิวัฒนาการอันยาวนาน

ด้าน ดร.วราวุธ สุธีธร นักธรณีวิทยาผู้เชี่ยวชาญฟอสซิลไดโนเสาร์ จากศูนย์ศึกษาและวิจัยบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ให้ความเห็นว่าปัจจุบันวิทยาการได้ก้าวไปถึงการศึกษาระดับดีเอ็นเอ ซึ่งเมื่อนำมารวมกับการศึกษาซากฟอสซิลแล้วจะบอกเล่าถึงการวิวัฒนาการได้ระดับหนึ่ง พร้อมทั้งถ่ายทอดความรู้ว่า การค้นหาฟอสซิลนั้นจำเป็นต้องรู้จักหิน และลายแทงในการค้นหาฟอสซิลคือชั้นหินที่สะสมในแผ่นดิน ซึ่งโชคดีว่าเมืองไทยมีบริเวณดังกล่าวกว่าครึ่งประเทศ โดยภาคอีสานทั้งหมดมีชั้นหินที่ว่านี้ซึ่งเกิดจากการสะสมของแม่น้ำ

“เวลาเจอแล้วมีความสุขมากๆ ความเหนื่อยหายไป ทำให้มีกำลังใจ และมีความสุข เพราะเรารู้ว่ามีโอกาสที่จะเจออะไร ชิ้นแรกที่เจอเป็นเศษเล็กๆ ของฟันไดโนเสาร์เมื่อปี พ.ศ.2524 ที่ภูเวียง เมื่อเริ่มเจอฟอสซิลมีค่า มีความสำคัญ ก็มาดูต่อว่าชิ้นที่เราเจอนั้นคืออะไร แค่นี้เราก็ต้องศึกษาสรีระสัตว์ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกแล้ว ซึ่งสัตว์มีกระดูกสันหลังมีจุดร่วมกันบางอย่าง เราเอาความรู้เรื่องฟอสซิล ดีเอ็นเอ สัตว์โบราณที่ยังมีชีวิตมารวมกัน เราจึงสามารถย้อนกลับไปหาสัตว์โบราณได้ว่ากว่าจะเป็นแขนขานั้นเป็นอย่างไร” ดร.วราวุธกล่าว

สำหรับความน่าสนใจของเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ แทนไทกล่าวว่ามีอยู่ 2 ระดับ ระดับแรกคือเรื่องราวความเป็นมาของเราและความเชื่อมโยงระหว่างเรากับสัตว์ทั้งหลาย อีกระดับคือสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ในการสืบปะติดปะต่อของมนุษยชาติจนค้นพบความเป็นมาทั้งหมดโดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเขาย้ำหนักแน่นว่าเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มากๆ

“ลองนึกภาพดู ถ้าคุณตื่นขึ้นมากลางถนนในกรุงปักกิ่ง พร้อมทั้งสูญเสียความทรงจำทุกอย่าง ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จากนั้นภารกิจของคุณก็คือ ต้องค่อยๆ รวบรวมเบาะแสที่ละอย่างสองอย่าง อาจจะเริ่มจากรอยสักรูปกบเคโระที่อยู่บนหน้าผาก จนกระทั่งสามารถสืบย้อนกลับไปค้นพบตัวตนดั้งเดิมได้ในที่สุด คุณคิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากและน่าทึ่งขนาดไหน?” ข้อความจากแทนไท

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับบรรพบุรุษของคนเรานี้ ชูบินแซะออกมาจากชั้นหินที่บรรจุเรื่องราวประวัติศาสตร์โลกเอาไว้ ซึ่งแต่ละชั้นหินบ่งบอกถึงอายุของโลกและสิ่งมีชีวิตในยุคนั้นที่แตกต่างกัน โดยชั้นหินล่างๆ หรือชั้นหินที่มีอายุมากๆ เราจะพบสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าได้ยากอยู่มาก แล้วชั้นหินถัดมาจะพบสิ่งมีชีวิตที่เริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้น จนมาถึงปลาตัวแรก สัตว์เลื้อยคลานตัวแรก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรก แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยพบฟอสซิลสิ่งมีชีวิตที่จัดเรียงอยู่ในชิ้นหินที่ผิดยุค

ชูบินบอกเล่าในหนังสือว่า หากวันใดถ้าเราขุดหิน 600 ล้านปี แล้วค้นพบซากแมงกะพรุนโบราณรุนแรกอยู่ข้างๆ โครงกระดูกหนูยักษ์ เมื่อนั้นเราต้องโละตำราทุกเล่มทิ้งแล้วเขียนใหม่หมด เพราะนั่นแสดงว่า หนูยักษ์ตัวนั้นปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ก่อนหน้าที่จะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรก สัตว์เลื้อยคลานตัวแรก หรือปลาตัวแรก และยังเป็นการตีแสกหน้าว่าทุกอย่างที่เราคิดว่ารู้และเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกและความเป็นมาของชีวิตนั้น เป็นเรื่องผิดทั้งหมด แต่ตลอด 150 ปีของการศึกษาฟอสซิลนั้นเรายังไม่เคยพบความวิปริตดังกล่าว

ไม่ว่าจะยอมรับได้หรือไม่ได้ว่าคนเราและสัตว์บกทั้งหลายวิวัฒนาการขึ้นมาจากปลา แต่ข้อมูลที่สืบเสาะมาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้ก็ยังไม่มีข้อมูลโต้แย้ง รอจนกว่าเราจะพบหนูวิปริตที่ว่านั้นจึงจะได้เวลาเขียนตำราแล้วทำความเข้าใจโลกกับสิ่งมีชีวิตกันใหม่

ภาพ : แทนไท กับผลงานแปลเล่มล่าสุด

Ref. : http://www.thailandoffroad.com/terrano/terranoboard/question.asp?id=10430&page=3>






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 124.121.83.206 ศุกร์, 21/1/2554 เวลา : 01:14  IP : 124.121.83.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104314

คำตอบที่ 110
      

fiogf49gjkf0d
ความเป็นอนิจจัง คือ หลักที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้ไว้เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อผิดๆ อย่างฝังใจอยู่ว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่ ยืนยง ทรงอานุภาพ ทั้งๆ ที่คนและสัตว์ก็เหมือนกันตรงที่เป็นไปตามหลักอนิจจังตลอดเวลา ดูเหมือนจะมีแต่ต้นไม้หรือพืชเท่านั้นที่มีกระบวนการชีวิตอันอาจเรียกได้ว่าชีวิตอมตะทีเดียว หลายคนจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าพืชหรือต้นไม้คือสิ่งที่ไม่ตาย

ในทางทฤษฎีนั้น เราถือว่าต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ สามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ต้นไม้ก็มีความเป็นอนิจจัง ถึงจะสามารถสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์เก่า ได้อย่างไม่สิ้นสุดก็ตาม จุดจบของพืชนั้นไม่ได้เกิดจากความแก่ชราแต่เกิดจากการหักโค่นหรือโรคและแมลงร้าย หากไม่มีภัยคุกคาม เช่นว่านี้พืชก็จะมีอายุยืน หรือตายไม่เป็นเลยก็ว่าได้ เพราะเซลล์ของต้นไม้มีคุณสมบัติพิเศษในการสร้างเซลล์ที่ไม่เหมือนเซลล์เดิมได้ เมื่ออวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของต้นไม้ตายลงไป เซลล์ที่อยู่ใกล้เคียงก็จะทำหน้าที่สร้างเซลล์ชนิดเดียวกันในอวัยวะที่ตายลงไป ต้นไม้จึงพบอนิจจังเช่นเดียวกับสรรพสิ่งทั้งหลาย เพียงแต่ว่าต้นไม้มีความสามารถที่จะเกิด และตาย และเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

ไม่น่าแปลกใจที่เราเคยพบต้นไม้ที่อายุยืนตั้ง ๑๒,๐๐๐ปี !










 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sailom_276 จาก Add>>TTC048 125.24.131.72 ศุกร์, 21/1/2554 เวลา : 11:44  IP : 125.24.131.72   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104324

คำตอบที่ 111
      

fiogf49gjkf0d
จัด2,500ล้าน"กระทิงแดง-สิงห์"สร้างสนาม-ดึงF1แข่งไทย

ข่าวในประเทศ - เจ้าพ่อเครื่องดื่มชูกำลัง“กระทิงแดง” หรือ “เรดบูลล์” ผุดโปรเจกต์การแข่งขันรถยนต์ “ฟอร์มูล่า วัน”ในไทย พร้อมดึงพันธมิตร สิงห์ ปตท. ลงขันสร้างสนามใหม่มูลค่า 2,500 ล้านบาท เร่งถกหน่วยงานราชการทั้ง กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยช่วยหนุน คาดทุกอย่างชัดเจน 1-2 ปี

กระทิงแดง"หัวหอกนำโปรเจกต์

นายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารกลุ่มเครื่องดื่มกระทิงแดง และเจ้าของทีม “เรดบูลล์ เรซซิง” แชมป์โลกการแข่งขันรถยนต์ ฟอร์มูล่า วัน (F1) ปีล่าสุด เปิดเผยว่า ตนเองมีความต้องการดึงการแข่งขันF1 มายังประเทศไทย ซึ่งเบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับหน่วยงานราชการ และบริษัทต่างๆที่สนใจ เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ ต้องใช้เงินลงทุนอย่างต่ำ 2,000-2,500 ล้านบาท พร้อมสร้างสนามแข่งขันแห่งใหม่ที่ได้มาตรฐานระดับโลก

“ตอนนี้เรากำลังตั้งทีมงาน และหาข้อสรุปต่างๆ ก่อนที่จะนำไปเสนอกับสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ทั้งนี้นอกจากจะมีกลุ่มกระทิงแดงเป็นตัวหลักแล้ว ยังมีเครื่องดื่มสิงห์ ปตท. และกลุ่มดุสิตธานี (โรงแรม) ขณะเดียวกันต้องได้การสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งเรามีโอกาสคุยรายละเอียดกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง ไปบ้างแล้ว”

นายเฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองมีโอกาสได้หารือส่วนตัวกับ “กรณ์ จาติกวนิช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งนายกรณ์ให้ความสนใจ และพร้อมสนับสนุนเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งพื้นที่สร้างสนามแข่งขันควรอยู่ในกรุงเทพ หรือใกล้สนามบิน อาจจะแถวๆบางนา เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และมีโรงแรมรองรับ

“ไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับชาวต่างชาติอยู่แล้ว ซึ่งโปรเจกต์ F1 มีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะส่วนตัวได้คุยกับBernie Ecclestone ประธานใหญ่ของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ ผู้มีอำนาจตัดสินใจว่าการแข่งขันแต่ละปีจะใช้สนามประเทศใดบ้าง ซึ่งBernie ก็เคยคุยกับ “กรณ์ จาติกวนิช” และสนใจจะนำ F1มาลงที่ไทยเช่นกัน”

ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญโปรเจกต์ F1 จะต้องรีบสรุปแผนงาน และมีความชัดเจนภายใน 1-2 ปีนี้ เนื่องจากมีหลายประเทศในภูมิภาคนี้ต้องการทำเช่นกัน และแม้ธุรกิจนี้อาจทำกำไรลำบาก แต่สุดท้ายแล้วประเทศไทยก็จะได้กำไรทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การประชาสัมพันธ์ และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน

สิงห์”อยากเห็น“ซิตี้เรซ”

ด้านนายวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรและกิจกรรม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า โปรเจกต์ F1 เริ่มคิดกันมากว่า 1 ปีแล้ว นำโดย คุณเฉลิม อยู่วิทยา แห่งกระทิงแดง รวมถึงบริษัทสิงห์ และ ปตท. ล่าสุดมีโอกาสได้คุยกับหน่วยงานรัฐบาลบ้างแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งคณะกรรมการศึกษา และเชื่อว่าน่าจะมีความสำเร็จสูง ส่วนระยะเวลายังไม่สามารถบอกได้

สำหรับประเด็นสร้างสนามแข่งขันใหม่ หรือจะแข่งแบบ “ซิตี้เรซ” (ปิดเมืองวิ่งบนถนน) ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ส่วนตัวอยากเห็นแบบซิตี้เรซในกรุงเทพ เพราะไม่ต้องลงทุนสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ ทั้งการเดินทาง และโรงแรมที่พัก

“หลังจากจัดงาน สตรีท ออฟ คิง ราชดำเนิน แบงค็อก 2010 ที่นำทีมแข่ง เรดบูล เรซซิง ของคุณเฉลิม มาให้คนไทยได้สัมผัสเมื่อปลายปีที่แล้ว ผลปรากฏว่าได้กระแสตอบรับดีเกินคาด
"เลขาฯ กรณ์" เผยคลังสนับสนุน

นายศิโรตม์ เสตะพันธุ เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังยินดีที่จะสนับสนุนภาคเอกชนทางด้านที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการจัดการแข่งขันกีฬา ดังนั้นหากภาคเอกชนเสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการการแข่งขันฟอร์มูล่า วัน กระทรวงการคลังก็เห็นชอบในหลักการ เพราะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ยังมีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เป็นต้นว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา จึงต้องมีการพูดคุยเพื่อวางกรอบนโยบาย การเตรียมความพร้อมร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพและยอดผลประโยชน์ให้ประเทศต่อไป

ภาพ : เฉลิม อยู่วิทยา
Ref. : http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000013113







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 31/1/2554 เวลา : 15:46  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 104613

คำตอบที่ 112
      

fiogf49gjkf0d
INNOVATION.....Amazing Idea !!!

The milk carton that changes color before expiring.

What a great idea designer Ko Yang has had with this milk carton that changes color telling us how fresh the milk is.

The carton begins being black in color, and as the expiry date moves closer, it begins changing color to tell us

we should drink the milk before it¡¯s too late.
A brilliant way to help us consume our food without wasting any,







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 14:55  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108989

คำตอบที่ 113
      

fiogf49gjkf0d
INNOVATION.....Amazing Idea !!!

A cellphone that runs on Coca-Cola. Incredible !!!

Designer Daizi Zheng brings us an interesting concept: a Nokia phone that runs on Coca-Cola. Yes, you read right.






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 14:57  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108990

คำตอบที่ 114
      

fiogf49gjkf0d
It may sound incredible, but it seems this eco-friendly cellphone model really works.
The designer has called it Nokia¡®green¡¯phone and it works generating electricity through carbohydrates such as the sugar contained in this and other similar drinks. It does not pollute because the end-product of the process is water and oxygen. And to top it all off, Daizi herself assures us that this completely biodegradable battery can last up to 3 and 4 times the normal life of lithium batteries.






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 14:58  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108991

คำตอบที่ 115
      

fiogf49gjkf0d
INNOVATION.....Amazing Idea !!!


Shave anywhere, whenever you like






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 14:59  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108992

คำตอบที่ 116
      

fiogf49gjkf0d
Small, light and simple. This is the perfect razor concept for today¡¯s hectic, dynamic life. With this razor you can finally shave anywhere you like.






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 15:00  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108993

คำตอบที่ 117
      

fiogf49gjkf0d
Its name is Carzor and is designed by Kuo Chia Hung. It is a portable razor, the size of a credit card, making it perfect for carrying in a wallet. It comes with two spare blades and, best of all, it includes a small mirror, so that you can shave at any time. It also includes a small filament that gives off scents such as mint, lemon, sandal, ocean or orange to avoid irritation and give some aroma.






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 15:01  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108994

คำตอบที่ 118
      

fiogf49gjkf0d
INNOVATION.....Amazing Idea !!!

The suitcase that becomes a scooter. Forget running around the airport.

Do you travel frequently and hate having to run dow n n ever-ending corridors and terminals? Well, the people at Samsonite have joined forces with Micro Mobility to design this brilliant suitcase called Samsonite X Micro Mobility Trolley Scooter.






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 15:02  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108995

คำตอบที่ 119
      

fiogf49gjkf0d
INNOVATION.....Amazing Idea !!!

The suitcase that becomes a scooter. Forget running around the airport.

Do you travel frequently and hate having to run dow n n ever-ending corridors and terminals? Well, the people at Samsonite have joined forces with Micro Mobility to design this brilliant suitcase called Samsonite X Micro Mobility Trolley Scooter.






fiogf49gjkf0d
Interesting
จาก : ParpTTC034(ParpTTC034) 20/6/2554 17:23:02 [58.11.68.119]
ใช่ครับ.. พี่ภาพ มันน่าสนใจมากๆจริงๆ นึกถึงตอนเดินไปขึ้นเครื่องแล้วคิดถึงเจ้าตัวนี้เลยครับ..
จาก : 005 (005 ) 20/6/2554 21:45:49 [110.168.12.153]
คุณบอยไม่เห็นใจคนที่มีความรู้แค่งูๆปลาๆ555
จาก : ttc051(ttc051) 20/6/2554 23:25:42 [110.168.182.79]
ข้อมมูลเยี่ยมเลยครับคุณบอย..คุณย้ง ครับ สำหรับภาษาที่เราไม่ถนัด จับใส่แปลภาษาของ googel เลยครับ
จาก : saliga(เรือง) 21/6/2554 9:28:54 [125.25.197.113]
5555...ลืม
จาก : ttc051(ttc051) 21/6/2554 16:52:41 [110.168.182.79]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

005 จาก BoyDogtag,TTC-005 202.122.130.31 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 15:03  IP : 202.122.130.31   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 108996

คำตอบที่ 120
      

fiogf49gjkf0d
อันนี้ก็วิทยาศาสตร์ รวมสินค้า (แหกตา) โดนแล้วจะตาแหก....10อันดับยอดฮิตใครเคยลองแล้วบ้าง ใจจริงผมชื่นชมแนวคิดนะถ้าทำได้จริง....อยากได้ http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/Question.asp?ID=1659



fiogf49gjkf0d
ใน10อันดับ ผมโดนไป 2 ครับเฮีย ขอบคุณครับเฮียยย....ที่ช่วยให้หายโง่ แงๆๆๆๆ
จาก : rawat(rawat) 21/6/2554 15:04:10 [124.122.65.11]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ttc051 จาก ย้ง 110.168.182.79 จันทร์, 20/6/2554 เวลา : 23:29  IP : 110.168.182.79   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 109003

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 4 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันจันทร์,23 ธันวาคม 2567 (Online 5703 คน)