คำตอบที่ 174
fiogf49gjkf0d
กรณีข้างบนนั้น.. เป็นกรณีของเมืองไทย
ต่อไป.. เป็นกรณีหนึ่ง ในเหตุการณ์วิบัติภัย แผ่นดินไหวและTsunami ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น..
....เนื้อหา จาก CNN
Last night I was sent to a primary school, in order to assist the autonomous association there distributing food to the vic tim s. Among the long waiting queue, I noticed a boy at around 9 year-old, wearing only a T-shirt and a pair of shorts. The weather was really cold and he was standing at the end of the line. I was afraid that there might not be any food left when his turn came, thus I came over to talk to him.
เมื่อคืนนี้ผมถูกส่งไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งเพื่อช่วยหน่วยอาสาสมัครแจกจ่า ยอาหาร ให้กับผู้ประสบภัยพิบัติ ในหมู่ผู้ที่เข้าคิวยาวรออยู่นั้น ผมสังเกตเห็นเด็กชายอายุประมาณ 9 ขวบคนหนึ่ง ใส่เพียงเสื้อคอกลมและกางเกงขาสั้น อากาศขณะนั้นหนาวเย็นมาก และเขากำลังยืนคอยอยู่ตอนท้ายแถว ผมเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีอาหารหลงเหลือพอจนถึงคิวของเขา ผมจึงเดินไปเพื่อคุยกับเขา
He told me that the earthquake and tsunami came when he was at school, in his physical education class. His father, who worked nearby, came to the school. From the balcony on the 3 rd floor of the school, he saw his father and the car being swept away by the water. His father had most likely died.
เด็กคนนั้นเล่าให้ฟังว่า แผ่นดินไหวและสึนามิเกิดขึ้นขณะที่เขาอยู่ที่โรงเรียน ในชั่วโมงพลศึกษา พ่อของเขาซึ่งทำงานอยู่ใกล้ๆ มาหาเขาที่โรงเรียน และเขามองจากระเบียงชั้นสามของโรงเรียนเห็นพ่อของเขาและรถถูกน้ำพัดหายไป พ่อของเขาคงเสียชีวิตไปแล้ว
As I asked where his mom was, he told me that since his family lived close to the ocean, his mom and brother must have not escaped in tim e. He quickly turned to wipe away his tears when being asked about his relatives.
เมื่อผมถามเขาถึงแม่ เขาบอกผมว่าครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ริมทะเล ดังนั้นแม่และน้องชายของเขาคงหนีไม่ทัน แล้วเด็กน้อยก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งเพื่อเช็ดน้ำตาเมื่อถูกถามถึงญาติๆ ของเขา
Seeing that he was cold, I took off my police coat and covered him up with it. Inadvertently, my dinner portion felt out of the pocket. I picked it up, gave it to him, and said: Im afraid thered be no food left when its your turn. Here is mine. I already ate. You go ahead and have it The little boy received the food, bending over to thank. I was thinking he would start eating voraciously at that moment, but no. He carried it and went straight to the front of the line, where the people are handing out food, put what I gave him into the box of food that was being distributed, then turned back to the queue.
ผมเห็นว่าเขาคงหนาว จึงถอดเสื้อโค๊ทตำรวจของผมคลุมร่างเขาไว้ ขณะที่อาหารเย็นของผมที่ซุกอยู่ได้หล่นออกมาจากกระเป๋า ผมหยิบมันขึ้นมา แล้วส่งให้เขา พร้อมกับบอกว่า น้าเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีอาหารเหลือถึงคิวของเธอ นี่เป็นส่วนของน้า น้ากินไปแล้วหน่อยหนึ่ง เธอกินส่วนที่เหลือให้หมดเถอะ
เด็กน้อยยื่นมือมารับอาหาร แล้วค้อมตัวลงขอบคุณ ผมคิดว่าเขาคงรีบกินด้วยความหิวในทันที แต่เปล่าเลย เด็กน้อยถืออาหารนั้นเดินตรงไปยังหัวแถวที่แจกอาหาร แล้ววางอาหารที่ผมให้เขาลงไปในกล่องของอาหารที่กำลังถูกแจกจ่าย แล้วเขาก็เดินกลับมาเข้าคิวเหมือนเดิม
Extremely surprised, I asked why he didnt eat it instead. He answered: Because there are more people who probably are hungrier than me. I put it in there so they could fairly distribute it to everyone
ผมประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง จึงถามว่าทำไมไม่กินอาหารที่ผมให้ล่ะ เขาตอบผมว่า เพราะมีคนอีกมากที่อาจจะหิวยิ่งกว่าผม ผมวางไว้ที่นั่นก็เพื่ออาหารจะได้รับการแจกจ่ายอย่างเป็นธรรมให้กับทุกคน
After hearing his answer, I turned away to cry so people couldnt see it. I was moved. I cant believe that a 9 year-old little boy, who was only in the 3 rd grade, could teach me such a lesson in this difficult moment. A very touching lesson about sacrifice. A nation with children who are only 9 year-old, yet already know how to be patient, to bear hardship, and to sacrifice for others is undoubtedly a great nation.
เมื่อผมได้ฟังคำตอบ ผมต้องหันหน้าไปร้องไห้อีกทางหนึ่งไม่ให้คนอื่นเห็น ผมรู้สึกตื้นตันใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายอายุ 9 ขวบ เรียนอยู่แค่ชั้นประถม 3 จะสามารถสอนบทเรียนล้ำค่าแก่ผม ในเวลาคับขันเช่นนี้
มันเป็นบทเรียนแสนสะเทือนใจของความเสียสละ ประเทศใดก็ตามที่มีเด็กอายุเพียง 9 ปีที่รู้จักอดทน เผชิญหน้ากับกับความยากลำบาก และรู้จักเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ ประเทศนั้นต้องเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
Even though this country is in its most critical moments, it certainly will revive stronger, thanks to the people who know to sacrifice themselves for others at such a young age.
แม้ประเทศนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่คับขันที่สุด แต่ประเทศนี้ต้องสามารถฟื้นคืนกลับมาได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแน่นอน ต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่รู้จักเสียสละตัวเองให้กับผู้อื่น ดังเช่นเด็กน้อยคนนี้