คำตอบที่ 250
      

fiogf49gjkf0d

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 251
      

fiogf49gjkf0d

" ในหลวงตั้งมูลนิธิสู้ภัยน้ำ...พระราชทานทุนทรัพย์ ตั้งมูลนิธิอุทกพัฒน์... "

ในหลวงทรงตั้งมูลนิธิสู้ภัยน้ำ
ใช้ชื่อมูลนิธิอุทกพัฒน์พระราชทานทุน 84 ล้าน ดูแลบริหาร-จัดการน้ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ จำนวน 84 ล้าน บาท ตั้ง “มูลนิธิอุทกพัฒน์” พร้อม ให้ใช้พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นเครื่องหมายประจำมูลนิธิ ทำหน้าที่บริหารและจัดการทรัพยากรน้ำในประเทศไทย ขณะที่ ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยสถานการณ์น้ำปีนี้น้ำมากแต่ไม่เท่าปี 2554 แนะให้เร่งระบายน้ำในลุ่มน้ำยมให้ทันเดือน ส.ค. ก่อนเข้าสู่ฤดูฝนเดือน ก.ย. พร้อมติดระบบโทรมาตรเตือนภัยแม่น้ำสายสำคัญ 80 สถานี ระบบกล้องวงจรปิดที่ประตูน้ำสายสำคัญ 216 ตัว เชื่อมต่อข้อมูล 9 หน่วยงานรัฐด้านน้ำเตรียมรับมือน้ำท่วม มั่นใจทำเสร็จหมดในเดือน ส.ค.นี้

ความคืบหน้าในการเตรียมรับมือน้ำท่วมไทยในปีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 22 เม.ย.หลังได้รับการเปิดเผยจากนายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) องค์การมหาชน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ จำนวน 84 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนประเดิมในการก่อตั้งมูลนิธิอุทกพัฒน์ ตามที่ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ขอพระราชทาน พร้อมทั้งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้มูลนิธิอุทกพัฒน์อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากนี้ ยังพระราชทานตราประจำมูลนิธิอุทกพัฒน์ ซึ่งทรงให้ใช้พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นเครื่องหมายประจำมูลนิธิด้วย โดยชื่อของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (Utokapat Foundation Under The Royal Patronage of H.M.THE KING) นำมาจากคำ 2 คำ รวมกัน คือ “อุทก” แปลว่า “น้ำ” ขณะที่ “พัฒน์” มาจากคำว่าพัฒนา มีความหมายว่า มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเรื่องน้ำ และถือเป็นมูลนิธิเกี่ยวกับน้ำมูลนิธิแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์

นายรอยลกล่าวอีกว่า มูลนิธิอุทกพัฒน์จะทำหน้าที่บริหารและจัดการทรัพยากรน้ำในประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่ทำงานด้านน้ำเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศเป็นไปในทิศทางถูกต้องเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ เนื่องจากบทเรียนจากเหตุการณ์นํ้าท่วมประเทศไทยครั้งใหญ่ เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศค่อนข้างมีปัญหา ตั้งแต่แม่น้ำสายใหญ่ๆ จนถึงน้ำชุมชน นอกจากนี้ มูลนิธิจะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานวิจัยด้านน้ำรวมทั้งให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยด้านน้ำ เพื่อให้เกิดการพัฒนา เพราะงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำของประเทศไทยมีน้อยมาก แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ งานวิจัยเรื่องน้ำที่มีอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นการนำกรณีศึกษา หรือบทเรียนจากเหตุการณ์ต่างๆ มาเป็นงานวิจัย ซึ่งไม่มีเรื่องใหม่ๆเลย เช่น อยากจะรู้ว่าเขื่อน 1 เขื่อน มีการบริหารจัดการน้ำอย่างไรและถ้าเขื่อน 5 เขื่อนต้องปล่อยน้ำออกมาพร้อมๆ กันจะบริหารอย่างไร เป็นต้น งานวิจัยแบบนี้จะไป หาที่ไหน ทั้งนี้ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธาน ส่วนสถานที่ตั้งกำลังเลือกอยู่ว่าจะอยู่ตรงไหนระหว่างสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กับมูลนิธิชัยพัฒนา แต่อย่างไร ก็ตาม ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ จะมีการเปิดตัวมูลนิธิอุทกพัฒน์อย่างเป็นทางการ

ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำด้วยว่า สถานการณ์น้ำปีนี้ยืนยันว่าปริมาณฝนจะตกมาก แต่จะน้อยกว่าปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ โดยปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนประมาณ 1,500-1,600 มิลลิเมตร ขณะที่ปี 2554 มีปริมาณน้ำฝนประมาณ 1,800 มิลลิเมตร แต่อย่างไรก็ตามให้รอดูปริมาณฝนที่ตกในภาคใต้ในสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องถึงต้นเดือน พ.ค.ว่าจะมากหรือน้อย จากนั้นจึงสามารถบอกได้ชัดเจนว่าปริมาณฝนจะเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ โดยปีนี้ประเทศไทยยังได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือหรือลมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะมีความรุนแรงต่อประเทศไทยเหมือนปี 2551 เคยเกิดพายุ 3 ลูก แต่ปีนี้อาจจะแรงกว่า ทั้งนี้ ลมมรสุมตะวันออก เฉียงเหนือจะส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคตะวันออกของไทยมีฝนตกหนักกว่าปกติ ตั้งแต่เข้าฤดูฝนเดือน ก.ค.-ส.ค.รวมทั้งภาคกลางฝนจะมากด้วย ดังนั้น ปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วมคือ ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำยม มีปริมาณมากถึง 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้น ต้องเร่งระบายให้ทันในเดือน ส.ค.ก่อนจะเข้าฤดูฝนเต็มที่ในเดือน ก.ย.

นายรอยลกล่าวอีกว่า ปริมาณฝนในเดือน ก.ย. จะมากหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ประเด็นหลักในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมคือ การระบายน้ำต้องให้ทันกับปริมาณฝนที่ตกลงมาในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในส่วนของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ ได้มีการเตรียมความ พร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ เช่น การติดตั้งโทรมาตรหรือระบบเตือนภัยในลำน้ำสายสำคัญของกรุงเทพ– มหานครและจังหวัดในลุ่มน้ำสำคัญ อาทิ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำเพชรบุรี ลุ่มน้ำโขงอีสาน-ลุ่มน้ำภาคใต้

ชายฝั่งทะเลตะวันตก ลุ่มน้ำภาคใต้ชายฝั่งทะเล ลุ่มน้ำภาคใต้ชายฝั่งทะเลตะวันออก และลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ทั้งสิ้น 80 สถานี การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ประตูน้ำสายสำคัญ จำนวน 216 ตัว เช่น ประตูน้ำ, สถานีสูบน้ำ กทม. และคันกั้นน้ำสำคัญ และโครงการติดตั้งระบบเปิด-ปิดประตูระบายน้ำอัตโนมัติในพื้นที่นำร่อง จำนวน 70 บาน พร้อมเรดาร์วัดระดับน้ำหน้าและหลังบานประตู เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถควบคุมการปิด-เปิดประตูน้ำได้จากระยะไกล การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรน้ำฯ 9 หน่วยงาน ได้แก่ กรมชลประทาน กรมพัฒนา ที่ดิน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ กรมอุตุนิยมวิทยา กรุงเทพมหานคร และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อให้มีข้อมูลน้ำเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำรวจระดับแม่น้ำและคลองสายสำคัญ พร้อมจัดทำแผนที่แสดงความลึกของแม่น้ำลำคลองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 3,500 กิโลเมตร จากลำน้ำสายสำคัญ 5,600 กิโลเมตร เพื่อประเมินศักยภาพระดับท้องน้ำในลำน้ำหลักๆ ที่เป็นทางระบายน้ำลงสู่ทะเล เป็นต้น การดำเนินการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อให้ทันกับการรับมือฤดูฝนราวเดือน ก.ย.นี้


Ref. : http://www.thairath.co.th/content/newspaper/254969

fiogf49gjkf0d

 แก้ไขเมื่อ : 24/4/2555 0:10:51

fiogf49gjkf0d .... อึม !!..... แปลว่า.. วันข้างหน้าท่าทางจะไม่รอดใช่มั๊ยครับนี่ ??? ท่านเลยต้องลงมาช่วยพวกเรา ??? จาก : 005 (005 ) 23/4/2555 21:18:53 [110.168.17.81]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 252
      

fiogf49gjkf0d

ทำไมรัฐบาลไม่เห็นสนใจเรื่องน้ำท่วมเลย ปล่อยให้พระองค์ท่านคิดแก้ปัญหา แล้วยังพระราชทานเงินตั้งมูลนิธิอีก ทั้งที่จริงแล้วควรเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลมากกว่า เรื่องน้ำท่วมก็ไม่ใช่เพิ่งจะมาเกิดเมื่อปี 2554 ซะเมื่อไหร่ มันท่วมมานาน รัฐบาล นักการเมื่อง ไม่เคยห่วงประชาชนเลย คงมีแต่พระองค์ท่านที่ทรงห่วงใยประชาชนของท่าน ทุกครั้งที่เห็นพระองค์ท่านทรงออกมาแก้ปัญหาน้ำท่วม ผมส่งสัยเสมอว่าแล้วเราจะมีรัฐมนตรี ข้าราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้องไปทำไม เสียดายเงินแผ่นดินจริงๆ ทรงพระเจริญ.

fiogf49gjkf0d เสียดายเงินภาษีจริงๆ.. จาก : 005 (005 ) 24/4/2555 10:09:38 [110.168.17.81]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 253
      

fiogf49gjkf0d

ตัวสอบพื้นที่เสียงถนนทรุดใน กทม.
นายธีระชน กล่าวต่อว่า จากการรายงานผลพบว่ามีถนนที่มีลักษณะเสี่ยงอยู่ในพื้นที่ 32 เขต จำนวน 114 แห่ง.......
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20120424/448423/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94114%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9432%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87.html

fiogf49gjkf0d http://www.bangkokbiznews.com/home ¨Ò¡ : kosol(kosol) 24/4/2555 22:51:06 [125.26.120.221] คอมเป็นไรไปเนี่ย สรุปเปิดจากเวปกรุงเทพธุรกิจเลยก็ได้ครับ ข่าวเสี่ยงถนนทรุดตัว จาก : kosol(kosol) 24/4/2555 22:53:05 [125.26.120.221]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 254
      

fiogf49gjkf0d

เริ่มและมันเอาแน่ๆ รอมันมานาน 555
ขนาด : 5.5 ริกเตอร์
จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว : NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION
วันที่ : 24 เมษายน 2555 21:57 น.
ละติจูด : 9° 14' 24'' เหนือ
ลองจิจูด : 93° 58' 48'' ตะวันออก
ความลึกจากระดับผิวดิน : 20 กิโลเมตร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 255
      

fiogf49gjkf0d

" พิษณุโลกเกิดโลกไฟระอุใต้พิบัติลวกชาวบ้านขสัตว์เลี้ยง"

พิษณุโลก 25 เม.ย.-เกิดปรากฏการณ์ไฟระอุใต้พื้นดินที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กินพื้นที่ 100 ตารางวา ทำให้ชาวบ้านถูกไฟลวกเท้า และสัตว์เลี้ยงล้มตาย

เจ้าหน้าที่ป้องกันและป้องกันสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 เข้าตรวจสอบบริเวณหมู่ 9 บ้านเนินตาโนน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จุดที่เกิดไฟระอุอยู่ใต้พื้นดินกินพื้นที่กว้าง 100 ตารางวา ริมถนนสายนครไทย-ด่านซ้าย พบซากสุนัขถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม และพบรอยแยกของพื้นดินความลึก 50 เซนติดเมตร ถึง 1 เมตร เมื่อนำเศษไม้และกระดาษโยนลงไปเกิดไฟลุกไหม้ทันที นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้าน 3 คน ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟลวกที่ฝ่าเท้า วัวตาย 1 ตัว รวมทั้งสุนัขและแมว

สำหรับพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นโรงเลื่อย คาดว่าขี้เลื่อยที่ทับถมกันมานาน ประกอบกับอุณหภูมิโลกสูงขึ้น อาจทำให้เกิดการปฏิกิริยาสันดาปจากคลื่นความร้อนกระทบกับขี้เลื่อย จนเกิดประกายไฟ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกะท้าวได้นำเชือกมาล้อมกันพื้นที่ พร้อมเขียนป้ายห้ามเข้าเขตอันตราย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์ถึงสาเหตุของการเกิดไฟระอุใต้พื้นดินครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

Ref. : http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/357451.html

fiogf49gjkf0d เพิ่งเข้าใจความหมายว่าแผ่นดินร้อนเป็นไฟ ชัดเจนเลย จาก : 005(005) 25/4/2555 16:29:19 [202.122.130.31]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 256
      

fiogf49gjkf0d

ชมภาพปรากฏการณ์ ชาวนครไทย จ.พิษณุโลก แตกตื่น! แห่ดูแผ่นดินร้อนไฟลุกจากพื้นดิน เผาสุนัข4ตัวแล้ว

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 14:19:11 น

ภาพชาวบ้านอำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก ต่างแตกตื่นแห่ชมปรากฏการณ์พื้นดินร้อนระอุ อุณหภูมิสูงอย่างมากและมีควันไฟพวยพุ่งจากใต้ดินขึ้นตลอดเวลาบริเวณริมถนนสายบ้านแยง-นครไทย หมู่ 9 ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จพิษณุโลก ก่อนเข้าตัวอำเภอนครไทย 1 กิโลเมตร ขณะที่มีสุนัขที่เข้าไปบริเวณดังกล่าว ถูกไฟเผาไหม้เสียชีวิตแล้ว 4 ตัว ส่วนผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านจัดสรรที่เดินไปตามสุนัขตกลงไปในหลุมได้รับบาดเจ็บไฟลวกเช่นกัน จนเจ้าหน้าที่ต้องกั้นเชือกและติดป้ายเตือนไม่ให้เข้าใกล้ พร้อมกับส่งตำรวจมารักษาความปลอดภัย เมื่อวันที่ 25 เมษายน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 257
      

fiogf49gjkf0d

ทรัพยากรธรณีบุกพิสูจน์แล้ว! ไฟลุกพื้นดินที่อ.นครไทย เจาะชั้นดินตรวจ ชี้เกิดจากแก๊สมีเทน

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 16:29:00 น.
Share

สำนักงานทรัพยากรธรณีส่งเจ้าหน้าที่เจาะชั้นดินพิสูจน์หลุมไฟอ.นครไทย จ.พิษณุโลก ระบุเป็นแก๊สมีเทน ไม่มีกลิ่น ติดไฟได้เอง เกิดจากการสะสมของเศษขี้เลื่อยและถ่านเก่า และเจอน้ำท่วมประจำทำให้เกิดปฏิกิริยาลุกเป็นไฟเมื่อเจออากาศร้อน ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. วันที่ 25 เมษายน ที่บริเวณหลุมไฟ ม.9 บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมถนนบ้านแยง-นครไทย หลังจากเกิดปรากฏการณ์พื้นดินเนื้อที่ประมาณ 1 งาน เกิดไฟลุกไหม้ในชั้นใต้ดิน มีความร้อนระอุ คนและสัตว์ลงไปเหยียบย่ำได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต จนชาวอำเภอนครไทยแตกตื่นกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก

นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรณี เขต 1 ( ลำปาง ) พร้อมเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณี ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ทราบว่า บริเวณที่ไฟลุกไหม้ใต้ดินนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร และต้องหาวิธีการจัดการป้องกันแก้ไขอย่างไร เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง ได้ใช้เหล็กแหลม ขุดเจาะสำรวจบริเวณดังกล่าว 3 จุดลึกลงไปประมาณ 2 เมตร เพื่อตรวจสอบว่าชั้นใต้ดินว่ามีเชื้อเพลิงอะไรบ้าง โดยขุดเจาะบริเวณที่เกิดไฟลุกไหม้ลงไป 1 จุด เบื้องต้นพบว่า มีชั้นเถ้าถ่าน ที่เป็นเชื้อเพลิงของไฟลุกไหม้หน้าประมาณ 1 เมตร อยู่บริเวณผิวดิน ขณะที่ลึกลงไป เป็นชั้นผิวดินเดิมปกติ และอีก 2 จุด ทำการขุดเจาะบริเวณทุ่งนา รอบ ๆ จุดที่ไฟปะทุใต้ดิน เพื่อนำไปเปรียบเทียบ

นายสมบุญ เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้อยู่ในพื้นที่เดิมเบื้องต้นทราบว่า พื้นที่ที่ไฟกำลังลุกไหม้ใต้ดินขณะนี้นั้น ในอดีตเคยเป็นเตาเผาถ่านเก่า จำนวน 3 เตา ด้านหลัง เป็นโรงเลื่อยเก่า ในอดีต เคยมีการประกอบกิจการเผาถ่านบริเวณนี้ และมีการนำขี้เลื่อยมาทิ้งไว้ แต่ได้เลิกกิจการเตาเผาถ่านไปนานแล้วร่วม 30 ปี ขณะพื้นที่บริเวณนี้ ได้เกิดน้ำท่วมทุกปี จากน้ำแควน้อยล้นตลิ่งในช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ และชั้นทราย ชั้นดินไปปิดทับ ทำให้เกิดปฏิกิริยาสันดาป ก่อให้เกิดแก๊สชีวภาพ ที่คาดการณ์เบื้องต้นว่า เป็นแก๊สมีเทน ที่สามารถติดเป็นไฟได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เป็นแก๊สที่ไม่มีกลิ่น เป็นธรรมชาติที่เกิดได้ในหลายพื้นที่ ลักษณะคล้าย ๆ กับไฟไหม้ป่าพลุในเขตภาคใต้ ที่จะเกิดไฟลุกไหม้ใต้ดิน

"ในวันนี้ได้เจาะชั้นดิน 3 จุด ทั้งจุดที่ไฟลุกไหม้ และพื้นที่รอบ ๆ เพื่อนำไปพิสูจน์ สถานการณ์ขณะนี้ เชื่อว่ายังคงลุกไหม้ต่อไป และไม่รุนแรง เพียงแต่ต้องกันไม่ให้คนและสัตว์เข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว หรือต้องขุดเปิดหน้าดิน เพื่อให้ไฟได้เผาไหม้ได้หมด และจะดับไปเอง"นายสมบุญระบุ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 258
      

fiogf49gjkf0d

ชาวอุตรดิตถ์แตกตื่น!! ถนนคอนกรีตระเบิดไม่ทราบสาเหตุ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 เมษายน 2555 15:41 น.

ชาวบ้านเจริญสุข หมู่ 7 ต.หาดหล้า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ แตกตื่น เมื่อเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายบ้านค่าย-ท่าปลา โดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหว และเสียงยังดังไกลกว่า 100 เมตร
จากการตรวจสอบพบถนนบริเวณดังกล่าวร้าวเป็นทางยาว 4 เมตร ลึก 15 เมตร จนเห็นเส้นลวดด้านใน เศษปูนกระจายเกลื่อนพื้น สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน เพราะไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อความปลอดภัย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 259
      

fiogf49gjkf0d

ชาวบ้านโคกสร้างแตกตื่น ถนนคอนกรีตทรุดระเบิดดังลั่น

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2555 เวลา 11:54 น.

นายชูศักดิ์ สุทธิรารักษ์ ส.อบจ.อุบลฯ เขต 1 อ.เขมราฐ รับแจ้งจาก นายบรรจง ชมชิด ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.11 ต.หนองผือ อ.เขมราฐ จ.อุบลฯ

ว่าเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันเดียวกันนี้(20 เมษา) ชาวบ้านในหมู่บ้านโคกสว่าง หมู่ 11 ต.หนองผือ ต่างพากันแตกตื่นเพราะเกิดระเบิดขึ้นบริเวณถนนกลางหมู่บ้านเสียงดังลั่น บ้านเรือนสั่นสะเทือนประชาชนพากันตื่นตกใจอย่างมาก จึงออกไปตรวจสอบพบว่าพื้นที่ ซึ่งพบว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตอยู่ใจกลางหมู่บ้านใกล้กับศาลากลางบ้าน โดยมีรอยแตกร้าวของถนนคอนกรีตเป็นทางยาวประมาณ 5 เมตร ชาวบ้านต่างมาร่วมมุงดูและพากันวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา

โดย นางเสียน โคตรสมบัติ อายุ 48 ปี ที่อยู่เลขที่ 55 ม.11 บ้านโคกสว่าง ต.หนองผือ อ.เขมราฐ หนึ่งในชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์และอยู่ใกล้เคียงในขณะเกิดเหตุ มีเสียงระเบิดในบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ แดดกำลังร้อนจัด ซึ่งตัวเองและเพื่อนบ้านกำลังนั่งคุยกันอยู่ใต้ถุนบ้านซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุหรือบริเวณถนนที่แตกร้าว หลังเกิดเสียงระเบิดประมาณ 6 เมตร โดยอยู่ๆ ต่างพากันตกใจสุดขีดเมื่อมีเสียงระเบิดเกิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวคล้าย บ้านเรือน ต้นไม้สั่นไหวเป็นเวลาเกือบครึ่งนาที ซึ่งต่อมาสอบถามชาวบ้านพบว่าเสียงระเบิดดังกล่าวดังไกลถึงทุ่งนาระยะทางกว่า 1.5 กม. และระหว่างที่แต่ละคนต่างตกใจกับเสียงระเบิดแบบไม่ทราบสาเหตุนี้ ก็เกิดอาการเวียนศรีษะเพราะแผ่นดินสั่นไหว จึงนึกว่าอาจเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวเหมือนที่ได้ดูในข่าวทางโทรทัศน์ กระทั่งตั้งสติได้จึงได้พากันออกไปดูจุดที่เชื่อว่าน่าจะเป็นต้นกำเนิดของเสียง นั่นคือบริเวณถนนคอนกรีตหน้าศาลากลางบ้านที่เกิดรอยแตกร้าวนั่นเอง

นางเสียน กล่าวว่า หลังแน่ใจว่าเสียงระเบิดเกิดขึ้นในจุดดังกล่าวและชาวบ้านต่างไม่ทราบว่าถนนเกิดระเบิดได้อย่างไร จึงได้พากันตื่นกลัวกันว่าจะมีเหตุการณ์ซ้ำเกิดขึ้นหรือไม่ หรืออาจเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวจริง หรือเป็นเพราะมีคนวางระเบิดจากการสำรวจน้ำมันใต้ดินที่เจ้าหน้าที่บริษัทขุดเจาะน้ำมันเดินทางกลับจากการสำรวจไปเมื่อหลายเดือนก่อน โดยชาวบ้านไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ และจะแผ่วงกว้างสร้างอันตรายกับชาวบ้านต่อไปหรือไม่ จึงได้แจ้งให้ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่แจ้งไปยัง ส.จ.เพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการออกมาสำรวจเพื่อความสบายใจของชาวบ้านว่าจะไม่เกิดอันตรายต่อไป เนื่องจากหลังเกิดเหตุยังคงหวั่นว่าจะมีการแตกร้าวจนทำให้ถนนยุบตัวลงไปเป็นบริเวณกว้างหรือลึกลงไปหรือไม่ เพราะตั้งแต่เกิดมาชาวบ้านก็ยังไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ส่วนถ้าหากจะเกิดจากถนนคอนกรีตระเบิดเองก็ไม่ทราบได้เพราะถนนดังกล่าวเพิ่งถูกสร้างได้ราว 4 ปีเท่านั้น

ด้าน นายชูศักดิ์ สุทธิรารักษ์ ส.อบจ.อุบลฯ เขต 1 อ.เขมราฐ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งได้เข้ามาดูในพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านได้อุ่นใจ โดยหลังตรวจสอบดูแล้วพบว่าจุดที่เกิดเสียงน่าจะเป็นจุดที่ถนนคอนกรีตเกิดแตกร้าวนั่นเองเนื่องจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงยืนยันว่าเสียงดังมากมาจากจุดดังกล่าว โดยดูจากการแตกร้าวของถนนแล้วไม่น่าจะก่อให้เกิดการยุบตัวลงอีก แต่ก็ให้ชาวบ้านระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการผ่านจุดดังกล่าว และเบื้องต้นตนได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรวจสอบว่าสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน โดยหากเกิดจากอากาศร้อนทำให้ถนนเกิดการระเบิด หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นเนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้วบริเวณรอบหมู่บ้านดังกล่าวมีการสำรวจน้ำมันใต้ดินซึ่งมีการวางระเบิดเพื่อการสั่นสะเทือนในการสำรวจโดย ซึ่งอาจเป็นเพราะสาเหตุนั้นหรือสาเหตุอื่นต้องรอเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อความสบายใจและความปลอดภัยของชาวบ้าน

fiogf49gjkf0d เกิดอะไรขึ้นกันนี่... ??? จาก : 005(005) 25/4/2555 16:49:56 [202.122.130.31]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 260
      

fiogf49gjkf0d

กรณีที่พิษณุโลก ขณะที่ตามหน้าข่าวทั่วไป.. ระบุว่า
เกิดจากการทับถมของขี้เลื่อย.. จนเกิดเป็นแก๊สมีเทน
แล้วก็บอกว่า.. ที่เกิดไฟลุกจนลวกคน..ลวกหมาจนตาย
เป็นเพราะแก๊สมีเทน..

ซึ่งผมก็ว่ามันแปลกๆ... จะเชื่อที่เขาว่ากันดีมั๊ยครับนี่ ???

เพราะว่า.. " ก๊าซมีเทน ซึ่งมีอุณหภูมิการลุกไหม้ได้เองที่ 537 °C " ( 1000 °F ) ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สูงมาก "
อ้างอิง : http://ced.sci.psu.ac.th/km/e41e25e01e40e1be25e35e48e22e19-e1be23e30e2ae1ae01e32e23e13e4c/e1ae31e49e07e44e1fe1ee0de32e19e32e04

และจากข่าวที่บอกว่า.. "เอากระดาษมาทิ้งไว้.. ก็สามารถลุกติดไฟได้เอง"
เพราะว่า.. " Paper, Dry : Temperature of Ignition = 233 °C ( 451 °F )"
อ้างอิง : http://hypertextbook.com/facts/2003/LewisChung.shtml

มาดูกันข่าวเพิ่มเติมกันต่อครับ..

กรมควบคุมโรคตรวจผงะ! สารพิษไฟลุกใต้ดิน ทำให้ความจำเสื่อม ต้องอยู่ห่างครึ่งกิโลฯ ชาวบ้านยังแห่ดู

วันที่ 25/04/2555 21:30


เวลา 17.00 น.วันที่ 25 เมษายนที่หลุมไฟ ม.9 ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กรมควบคุมโรค สำนักงานป้องกัน ควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก นำเข้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือตรวจวัดก๊าซพิษในบรรยากาศ ที่สามารถตรวจหาก๊าซพิษได้มากกว่า 100 ชนิด โดยตรวจสารพิษบริเวณรอบ ๆ หลุมไฟเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา

นายกิตติ พุฒิกานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า หลังจากมีการพบปรากฏการณ์หลุมไฟ ไฟลุกจากใต้ดินใน อ.นครไทย ในวันนี้ กรมควบคุมโรคได้นำเครื่องมือตรวจวัดแก๊สพิษในบรรยากาศได้มากกว่า 100 ชนิด หรือ miran มาทำการตรวจหาแก๊สพิษรอบ ๆ หลุมไฟ ซึ่งตรวจพบหลายชนิด ผลปรากฏว่า

พบก๊าซหลายชนิด ทั้ง มีเทน แอมโมเนียที่มีปริมาณน้อย แต่ตัวที่มีปัญหามากมีสองชนิด คือ คาร์บอนไดซัลไฟด์ หรือ CS2 ตรวจพบรอบหลุมไฟอยู่ที่ 23 ppm เกินค่ามาตรฐานทั่วไปที่ 20 ppm และ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือ SO 2 ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.12 ppm แต่ตรวจพบมากกว่าค่ามาตรฐาน 55 เท่า


โดยตัวที่มีปัญหาและน่าห่วงคือมากที่สุด ก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ หรือ CS 2 ที่ตรวจพบเกินค่ามาตรฐานมา 3 ppm นั้น เป็นก๊าซพิษที่อันตรายสำหรับผู้สูดดมอย่างมาก คาร์บอนไดซัลไฟด์ เป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศ เวลาลอยจะลอยเรี่ยพื้น จึงอยู่ในระดับที่จมูกคนยืนพอดี สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ทั้งทางผิวหนังและทางเดินหายใจ ในระยะสั้นจะมีการระคายเคืองที่ดวงตาและผิวหนัง และถ้าได้รับเวลาหลายวัน จะมีอาการทางจิต มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง ประสาทตาอักเสบ ถ้าระยะยาวจะเจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ ความจำเสื่อม คล้ายคนป่วยโรคพาร์กินสันที่สั่นตลอด รวมทั้งอาจผิดปกติทางสมอง เส้นประสาทอักเสบ หลอดเลือดแดงแข็งตัว ถือเป็นอันตรายมากสำหรับคนที่อยู่ใกล้ แนะนำว่าควรจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 500 เมตร เพราะอาจมีลมพัดสารพิษตัวนี้ไป สิ่งหนึ่งที่อยากเตือนเป็นพิเศษคือผู้ตั้งครรภ์ไม่ควรมาที่แห่งนี้เพราะจะได้รับสารพิษเป็นอันตรายกันเด็กในครรภ์เวลานี้มีการศึกษาในสัตว์ทดลอง สารชนิดอาจจะมีผลต่อการก่อมะเร็ง แต่เรายังไม่ยืนยัน คนตั้งครรภ์ควรอยู่ห่างไกล

ส่วนก๊าซมีเทนจากการตรวจสอบมีปริมาณที่น้อยมาก ส่วนที่ติดไฟลุกไหม้นั้นก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟล์ก็มีคุณสมหลังจากที่กรมควบคุมโรคได้มาตรวจพบสารพิษที่เป็นอันตรายบริเวณนี้แล้ว ได้ประสานกับอบต.หนองกะท้าว ให้นำป้าย นำเชือกกั้น มากันผู้คน ไม่ให้เข้ามาใกล้หลุมไฟแห่งนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ควบจะห่างกว่า 500 เมตร พร้อมประกาศเสียงตามสายแจ้งเตือนประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวันที่ 25 เมษายนนี้ปรากฏว่า มีชาว อ.นครไทยแห่มาชมปรากฏการณ์ไฟลุกใต้ดินอย่างมาก โดยพยายามเข้ามาดูให้ใกล้หลุม เพื่อชมไฟลุกจากพื้นดิน แต่ก็ยังอยู่ในแนวกั้นที่ อบต.หนองกะท้าวทำไว้

...... ขอเน้นประโยคที่ว่า......

" พบก๊าซหลายชนิด ทั้ง มีเทน แอมโมเนียที่มีปริมาณน้อย แต่ตัวที่มีปัญหามากมีสองชนิด คือ คาร์บอนไดซัลไฟด์ หรือ CS2 ตรวจพบรอบหลุมไฟอยู่ที่ 23 ppm เกินค่ามาตรฐานทั่วไปที่ 20 ppm และ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือ SO 2 ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.12 ppm แต่ตรวจพบมากกว่าค่ามาตรฐาน 55 เท่า "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 261
      

fiogf49gjkf0d

" The most abundant gas typically released into the atmosphere from volcanic systems is water vapor (H2O), followed by carbon dioxide (CO2) and sulfur dioxide (SO2). Volcanoes also release smaller amounts of others gases, including hydrogen sulfide (H2S), hydrogen (H2), carbon monoxide (CO), hydrogen chloride (HCL), hydrogen fluoride (HF), and helium (He). "

" ก๊าซหลักที่พบที่ปากปล่องภูเขาไฟ คือ คาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) และ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ( SO2 ) "

อ้างอิง : http://volcanoes.usgs.gov/hazards/gas/index.php

แล้วคุณคิดว่า.. ข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับมาจากสื่อหลัก มีความน่าเชื่อถือได้ระดับไหนกัน ???
เขา.. อาจจะอยากให้เรารับรู้แบบที่เขาต้องการให้รับรู้ก็ได้..

แต่ก็มีบางสำนักข่าว ที่มีรายงานข่าวจากกรณีนี้ ที่แตกต่างออกไป..

นักธรณีวิทยา ชี้ไฟใต้ดินเกิดใกล้รอยเลื่อน !!!
by Nation Channel | 25.04.2012 เวลา 14:02 น.

อ.ธนวัฒน์ จารุพงศ์สกุล ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุบริเวณที่เกิดไฟระอุใต้ดินอยู่ใกล้บริเวณรอยเลื่อนน้ำปาด ซึ่งรอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่ อาจจะส่งพลังงานขึ้นมาทำปฏิกิริยาให้เกิดไฟลุกไหม้ได้

อ้างอิง : http://www.nationchannel.com/main/news/social/20120425/27823188/นักธรณีวิทยาชี้ไฟใต้ดินเกิดใกล้รอยเลื่อน/

Note : การรับรู้รับทราบข้อมุลข่าวสารต่างๆ ควรจะพิจารณาวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะปักใจเชื่อในข้อมูลข่าวสารนั้นๆทุกครั้งนะครับ.. ส่วนอะไรจะถูกหรือผิด ใช่..ไม่ไช่.. เวลามันจะเฉลยออกมาเองแหละครับ.. !!!

fiogf49gjkf0d ขอบคุณครับ ข้อมูลดีๆที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม จาก : 130(130) 26/4/2555 12:34:58 [118.175.78.76]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 262
      

fiogf49gjkf0d

" คนระนองฮือฮาน้ำในบ่อน้ำร้อนรักษะวารินเพิ่มสูง "

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปอาบน้ำแร่ร้อนที่บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ตั้งอยู่ ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวดังของ จ.ระนองว่า สังเกตพบระดับน้ำในบ่อน้ำร้อนบ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติจากเดิมกว่า 1 ม.ทำให้ชาวบ้านที่ไปใช้บริการมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา โดยเฉพาะพยายามที่จะโยงเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณบ่อน้ำแร่ร้อน ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะรักษะวาริน ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 1 กม.พบว่าระดับน้ำภายในบ่อเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 1.50 ม. ซึ่งยังไม่สามารถระบุสาเหตุดังกล่าวที่ทำให้ระดับน้ำแร่ร้อนเพิ่มสูงขึ้นได้ว่าเกิดมาจากสาเหตุใด

นางสุดา เกตุจันทร์ ชาวบ้านที่มาใช้บริการแช่น้ำแร่ร้อน กล่าวว่า เดินทางมายังบ่อน้ำแร่ร้อนเกือบทุกวันโดยมาใช้บริการแช่น้ำแร่ร้อน และนำน้ำแร่ร้อนกลับบ้านไปต้มให้มารดาอาบ ซึ่งพบว่าในบ่อแม่และบ่อลูกซึ่งอยู่ข้างถนนมีความผิดปกติของระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจริง ซึ่งตนเองใช้บริการมากว่า 10 ปี สังเกตระดับน้ำจะอยู่ห่างจากปากบ่อลึกลงไปประมาณ 2-3 ม.แต่ขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นห่างจากปากบ่อประมาณ 20 ซม.ซึ่งถือว่ามีความผิกปกติอย่างมาก ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือไม่ แต่ตอนนี้ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างวิตก และวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปใช้บริการที่บ่อน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง ตั้งอยู่ ม.3 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง ว่า ความร้อนของน้ำแร่ร้อนมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนรู้สึกได้ โดยเฉพาะชาวบ้านที่ไปใช้บริการทุกวันจะรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
โดยตามปกติอุณหภูมิของน้ำแร่ร้อนจะอยู่ในระดับประมาณ 65 องศาเซลเซียส แต่ขณะนี้อาจจะเพิ่มสูงมากกว่า

-------
ที่มา :
เนชั่นทันข่าว Breaking News=

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 263
      

fiogf49gjkf0d

ชี้ “ถนนอุตรดิตถ์ระเบิด” ไม่ธรรมดา ใต้ดินมีรอยเลื่อนผ่านเขื่อนยันเมืองปัว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 เมษายน 2555 13:53 น.

อุตรดิตถ์ - ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 รับเหตุถนนคอนกรีตอุตรดิตถ์ระเบิด “ไม่ธรรมดา” ต้องมีการตรวจสอบพิสูจน์ให้ชัดเจน สะพัดพื้นที่เกิดเหตุเป็นรอยต่อรอยเลื่อนผ่านเขื่อนสิริกิติ์ ยาวถึงเมืองปัว

นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง ซึ่งได้รุดไปตรวจสอบพื้นที่ถนนระเบิดที่บ้านเจริญสุข หมู่ที่ 7 ตำบลหาดล้า อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ในตอนกลางคืน (25 เม.ย.) ตามที่ได้รับแจ้งและไปถึงที่ถนนสายในหมู่บ้านที่มีรอยร้าวของถนนคอนกรีต กว้างประมาณ 18 เซนติเมตร ยาว 12 เมตร มีปูนกะเทาะและลึก 20 เซนติเมตร (รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ และต่อมาราษฎรได้ใช้กรวด-ทรายมาถมรอยแตกเพื่อให้รถสัญจรไปมาได้) กล่าวว่า ตอนแรกก็คิดว่าเป็นรอยแตกเพราะผิวถนนขยายตัว แต่เมื่อไปดูในพื้นที่แวดล้อมนำมาประกอบแล้วเป็นสิ่งที่จะต้องมีการพิสูจน์ ที่ละเอียดอีกที

“พักนี้เกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นหลายแห่งในที่แห่งนี้เช่นกันที่เราจะมีการตรวจสอบและพิสูจน์อย่างละเอียดกันก่อน” นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง กล่าว

นายสมพล พรมเสน ราษฎรที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเล่าให้ฟังว่า มีเสียงระเบิด และเมื่อเข้าไปดูก็พบรอยร้าวดังกล่าว และที่ห่างจากถนนไปประมาณ 30 เมตร พบบ้านนางน้อย สุดทะ มีรอยร้าวและปูนกะเทาะเป็นแนวดิ่งหลายแห่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติมาก

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าในพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นรอยต่อ-รอยเลื่อนใต้ดินที่มีแนวยาว ผ่านอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ไปถึงอำเภอปัว จังหวัดน่านด้วย

fiogf49gjkf0d quiquek จาก : ahab(ahab) 19/5/2555 7:21:00 [27.130.104.254]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 264
      

fiogf49gjkf0d

การที่ในหลวงท่านตั้ง "อุทกพัตน์" นั้น..
ผมว่ามันคงต้องจะเกิดอะไรขึ้นแน่ๆในอนาคตนี้

เลยจะขอรบกวนพี่โกศล..
ช่วยเช็คโครงสร้างและขอบเขตหน้าที่ของหน่วยงานนี้ให้หน่อยนะครับพี่

ผมกำลังสงสัยว่าที่ท่านกำลังเตรียมจะสู้กับน้ำนั้น.. มันมีขนาดสเกลปัญหาใหญ่ขนาดไหนน่ะครับ ???

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 265
      

fiogf49gjkf0d

พี่บอยช่วยให้ความกระจ่าง หน่อยสิครับ ว่า แผนดินที่ลุกเป็นไฟนี้ ....เกิดจากอะไร ...

fiogf49gjkf0d อ่านไปมาหรือว่าโลกจะแตกจริงๆ......ลอยเลื่อนต่างๆ อ่านข่าวพบปลาตายที่ภูเก็ตอีก ข่าวไม่ดีทั้งนั้นเลย จาก : TTC-170 YOYOO(aiyoki) 27/4/2555 11:18:20 [223.204.51.44]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 266
      

fiogf49gjkf0d

จากข่าวที่พื้นดินลุกเป็นไฟที่ จ.พิษณุโลก และ จ.ลพบุรีนั้น..
แล้วยังมีข่าวบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ที่ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง
ได้ร้อนผิดปกติและเอ่อร้นขึ้นมาถึงปากบ่อ...

ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง DANTE'S PEAK ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ซึ่งก่อนจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่อย่างรุนแรงนั้นก็มีฉากที่บ่อน้ำร้อนแห่งหนึ่งในป่ามีความร้อนสูงผิดปกติจนทำให้นักท่องเที่ยวคู่หนึ่งตายคาบ่อ และสัตว์บริเวณนั้นก็ล้มตายมากจนผิดสังเกต ต่อมาพื้นดินก็มีความร้อนจนพื้นใต้ดินแตกแยก เกิดแผ่นดินทรุด ถนนขาดจากกัน และทำให้น้ำประปามีความร้อนและกลายเป็นสีแดง จากนั้นไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่อย่างรุนแรงไปทั่วเมือง ประกอบกับภูเขาไฟได้เกิดการปะทุอย่างรุนแรงจนระเบิดออกมา .....

ซึ่งจากเหตุการณ์ปัจจุบันมันดูคล้ายกับในภาพยนต์เลยครับ...ใครที่เคยดูเรื่องนี้คงพอนึกออกว่าสถานการณ์มันคล้ายกันมากจริงๆ ไม่ทราบว่าเป็นการส่งสัญญาณเบื้องต้นของธรรมชาติรึเปล่าบางทีชั้นใต้ดินลงไปอาจกำลังเกิดการปะทุพร้อมจะระเบิดออกมาก็เป็นได้ครับ...

สิ่งที่ผมสนใจ.. ก็คือ มันเจอก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์นี่สิครับคุณโยโย้...

น่ากลัวดีจริงๆครับ !!!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 267
      

fiogf49gjkf0d

หนังเรื่องนี้เคยดูครับ แต่ตอนดู ก็ไม่คิดอะไร ตามเนื่องเรื่อง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ คงน่ากลัวมากๆ ...ส่วน ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรครับ เกี๋ยวกับก๊าชตัวนี้รู้แคว่ามันเป็นก๊าซอันตราย (ทำให้ฝนเป็นกรดได้)...แต่เหตุที่ก๊าซตัวนี้เกิดขึ้นนั่น ... มันน่าจะมีที่มาที่ไหน หรือว่า บ้านเราจะมีภูเขาไฟ ระเบิด ...แต่ที่ไหนหล่ะ..

อันนี้ข้อมูล

วัดการปลดปล่อย “ซัลเฟอร์ไดออกไซด์”

การปลดปล่อยของก๊าซบางชนิด ยังเป็นสัญญาณเตือนก่อนภูเขาไฟระเบิด เนื่องจากเมื่อแมกมาเข้าใกล้พื้นผิวโลกมากขึ้นจะมีก๊าซออกมา ซึ่งก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulphur dioxide) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของก๊าซภูเขาไฟ และเป็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของแมกมาใกล้ๆ พื้นผิว

ตัวอย่างเช่น ภูเขาไฟพินาตูโบ (Mount Pinatubo) ในฟิลิปปินส์ ได้เริ่มปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค.1991 จากนั้นอีกเพียง 2 สัปดาห์ปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ตัน หรือ 10 เท่าของปริมาณที่ปลดปล่อยออกมาในช่วงแรก และในวันที่ 12 มิ.ย.ปีเดียวกันภูเขาไฟจริงระเบิดออกมา

อย่างไรก็ดี ยังมีหลักฐานหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่า ปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ลดลงนั้นป็นสัญญาณก่อนที่ภูเขาไฟจะระเบิด เช่น กรณีการระเบิดของภูเขาไฟกาเลรัส (Galeras) ในโคลัมเบีย เมื่อปี 1993 โดยนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าปริมาณก๊าซที่ลดลงนั้นมีสาเหตุจากแมกมาที่แข็งตัวกักเส้นทางออกของก๊าซไว้ และทำให้ความดันปล่องภูเขาไฟเพิ่มขึ้นจนนำไปสู่การระเบิดที่รุนแรง

นอกจากการตรวจวัดแผ่นดินไหวและการเฝ้าสังเกตก๊าซที่ถูกพ่นออกมาแล้ว ยังมีการตรวจวัดอื่นๆ ที่นำไปสู่การพยากรณ์การระเบิดของภูเขาไฟ เช่น การศึกษาการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของภูเขาไฟ ทั้งการพองตัวขึ้นหรือการยุบตัวลง การศึกษาทางอุทกวิทยา โดยตรวจวัดการไหลของลาฮาร์ (lahar) ซึ่งเป็นของเหลวและโคลนที่ไหลมาตามความลาดชันของภูเขาไฟ เป็นต้น.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 268
      

fiogf49gjkf0d

ขอบคุณครับคุณบอย.... สำหรับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ที่พระองค์ทรงจัดตั้งขึ้นนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เอาง่ายๆ เข้าใจง่ายเลย เป็นมูลนิธิที่ทำเรื่องน้ำโดยตรง แบบไม่ไว้ใจรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาทำแบบไร้ทิศทาง ใครบอกให้ทำอะไรก็เชื่อไม่มีการวิเคราะห์ก่อน มันเลยเสียหายเยอะตามมา ซึ่งในนี้คณะรัฐบาลก็มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาแก้รัฐธรรมนูญท่าเดียว ไม่มีการสานต่อแผนงานหรือวางแผนป้องกันน้ำท่วมเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าน้ำจะมากอีก แล้วก็เงียบไป พื้นที่ที่ประกาศเป็นแก้มลิง ก็ไม่ชี้แจงว่าที่ไหนบ้าง ฉะนั้นมูลนิธิอุทกพัฒน์ จึงได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาเรื่องน้ำใน 3 ภารกิจสำคัญ เช่น 1.จัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับน้ำ และนำเสนอให้ประชาชนเข้าใจ 2.ขยายผลสำเร็จของการจัดการน้ำในระดับชุมชนออกไปในวงกว้าง ตลอดจนให้ทุนวิจัยเรื่องน้ำแนวคิดใหม่ 3.สนับสนุนทุนการศึกษา และสร้างบุคลากรวิจัยให้กับประเทศ เป็นต้น แบบว่าถ้ามัวรอแต่รัฐบาลมีหวังได้ดูหนังม้วนเดิมอีกเช่นเคย

fiogf49gjkf0d ขณะนี้กำลังตามข้อมูลเกี่ยวกับวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ อยู่ ว่าจะเกิดอะไรหรือป่าว จาก : kosol(kosol) 27/4/2555 23:01:04 [125.26.119.111] วันที่ 6.. มีอะไรเอ่ยครับพี่ ??? จาก : 005 (005 ) 28/4/2555 10:33:38 [124.122.56.134]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 269
      

fiogf49gjkf0d

คุณโยโย้ กับพี่โกศลครับ...

เมื่อเย็นวานนี้.. ผมนัดเจอกับรุ่นน้องท่านหนึ่ง ที่มีพี่ที่การบินไทยแนะนำให้รู้จักทางโทรศัพท์ ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์มาอาทิตย์นึงแล้ว ผมอยากจะเจอตัวเป็นๆน้องเขาสักหน่อยน่ะครับ.. อิอิ

แถมในย่านที่นัดเจอกันนั้น.. ยังมีแหล่งข้อมูลอีกแหล่งนึง ที่มีรุ่นพี่ที่การบินไทยเคยพูดถึง..
ผมเลยอยากจะมาพบกับตัวจริงๆของแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจนั้นครับ..
เลยถือโอกาสยิงปืนนัดเดียวขอเก็บนกสักสองตัวเลยแล้วกันครับ.. 555

ร้านข้าวต้มชัยโภชนา.. ร้านอร่อยของถนนสามัคคี
ผมรู้จักร้านนี้เพราะคุณหนุ่ย TTC-132 เป็นคนแนะนำมาให้ตอนไปแข่งกีฬารัฐวิสาหิจที่การประปานครหลวง..

เรา 3 คน.. มานัดคุยกันเรื่องอะไรเหรอครับ... นั่นสิ...???
.."ภัยพิบัติที่เราคาดว่าจะได้เจอในอนาคต".... คือหัวเรื่องหลักที่เรานัดมาคุยกัน..

คุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างมันส์มาก..
3 ชั่วโมงกว่า... ผ่านไปเร็วเหมือนโกหก
มีธุระให้ต้องลำลากัน.. แต่ก็ยังบอกส่งท้ายว่า.. เดี๋ยวว่างมานัดคุยกันใหม่..

ปล. : ผมเป็นคนที่รับฟังข้อมูลทุกข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจครับ.. และสิ่งหนึ่งสำหรับบางข้อมูลที่น่าสนใจมาก.. ผมจะพยายามไปพบกับต้นทางของข้อมูลจริงๆครับ.. จะพยายามเลี่ยงข้อมูลประเภทฟังเขามาเล่าอีกทีนึง ซึ่งผมว่าอาจจะมีข้อมูลบางอย่างตกหล่นไม่ครบข้อความต้นฉบับก็ได้น่ะครับ..

fiogf49gjkf0d

 แก้ไขเมื่อ : 27/4/2555 23:29:03

fiogf49gjkf0d มีอะไร กระซิบ หน่อยนะพี่ จาก : ลมหนาว(ลมหนาว) 29/4/2555 20:05:42 [180.180.236.134]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 270
      

fiogf49gjkf0d

ก็ได้พูดคุยกันในหลายๆมิติ..
เอาแค่ด้านมิติวิทยาสศาสตร์ก็แล้วกัน..

นานมาแล้ว..ระบบกระแสน้ำอุ่นน้ำเย็นในมหาสมุทรทั้งแอตแลนติก.. ทั้งแปซิฟิก
ทำหน้าที่พาน้ำร้อนจากบริเวณเส้นศูนย์สูตร.. ไประบายทิ้งที่ทวีปยุโรปและตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ..

เพื่อลดความร้อนที่เกิดขึ้นในบริเวณเส้นศูนย์สูตร.. และก็เป้นการให้ความร้อนแกทวีปยุโรปไปในตัว..

อยู่มาวันหนึ่ง.. มีน้ำจืดจำนวนมากและก็มีอุณหภูมิเย็นมากๆเสียด้วย..
จากขั้วโลกเหนือ.. ได้ไหลลงไปในมหาสมุทรทั้งสอง

จนปัจจุบัน.. เริ่มปรากฎเด่นชัดแล้วว่า..
กระแสน้ำอุ่น.. มันไม่สามารถจะไหลขึ้นไประบายความร้อนในเขตยุโรปได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว..

ยุโรปในช่วงหลายปีที่ที่แล้วจึงมีอุณหภมิติดลบอย่างรุนแรงมากและก็มีช่วงเวลาในฟดูหนาวที่ยาวนานมากกว่าแต่ก่อนมากๆ..

และกระแสน้ำอุ่นมันก็วนเวียนอยู่แถวๆไม่ไกลจากเส้นศูยน์สูตรสักเท่าไรน่ะครับ..
อ้าว !... แล้วแบบนี้ความร้อนที่กระแสน้ำอุ่นช่วยพาออกจากแถวบริเวณเส้นศูนย์สูตรละ.. ทำอย่างไรดีละ???

สรุปว่า.. ไม่มีที่ระบายความร้อนออกไปทิ้ง..
บริเวณแถวเส้นศูนย์สูตรก็เลย... Overheat... ร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ

ในรถยนต์ของพวกเรา.. พอระบบระบายความร้อนมันเดี้ยงขึ้นมาล่ะก็...!!!
จะเกิดอะไรขึ้นตามล่ะครับ.. ???
ก็.. "ฝาสูบโก่ง"..... แน่ๆล่ะครับ !!!

ถึงวันนั้นเมื่อไร???...... งานนี้ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ !!!

fiogf49gjkf0d

 แก้ไขเมื่อ : 27/4/2555 23:57:44

แสดงความคิดเห็นย่อย