คำตอบที่ 7
fiogf49gjkf0d
บันทึกนายแม้น : สวนห้อมแห่งทับลาน
เรื่อง และภาพ โดย นายแม้นคนสวน
ละอองฝนเบาบางมาทักทายเราตั้งแต่ 18.00 น.
กะเพราหมูกับไข่ดาวร้อนๆ ราดข้าว ฝีมือแม่คุณ อร่อยอยู่ในเต็นท์
ฝนกลั่นแกล้ง
ขู่กรรโชก
หนักมือขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่เกรงใจ
แค้นนี้ต้องชำระ
19.00 น. มืดสนิท เราก็กระโดดออกไปเล่นน้ำฝน ถูสบู่อย่างไม่เกรงใจ ด้วยวัย 2 คนเฉียดร้อย อย่างสนุกสนาน บนลานเปิดโล่งกว้างริมหน้าผา 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยประมาณ
เทวดากับนางฟ้าเท่านั้นที่เป็นพยาน
จริงๆ
young traveller ฉบับเขาใหญ่และปางสีดาผ่านสายตาด้วยความชื่นชม
แล้วเราก็พบว่า ยังมีเพชรอีกเม็ดซ่อนอยู่ระหว่างป่าเขาใหญ่ กับปางสีดา
อุทยานแห่งชาติทับลาน
อันดับสองในความกว้างของพื้นที่ 1,400,000 ไร่ รองจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
คลอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอใน 2 จังหวัด คืออำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี และ อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา
หลังการหารือ และชัยชนะของ
แม่คุณ
เราก็มานั่งหมุนพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดีที่ได้ออกเที่ยวอย่างใจปรารถนาอีกครั้ง ... ปลายฝน
เส้นทางบางนา - ตราด เลี้ยวซ้ายตรงบางปะกงเข้าฉะเชิงเทราเส้น 314 ต่อด้วยเส้นพนมสารคาม 304
ผู้โดยสารยกมือพนมไหว้ ขณะภาพอุโบสถวัดหลวงพ่อโสธร ผ่านไปทางด้านซ้าย บนสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง
ถนนเลนคู่ไปจนถึงพนมสารคามครับ จากนั้นอีกประมาณ 20 กิโลเมตรเป็นเลนเดียว และกลับมาเป็นเลนคู่อีกจนถึงสี่แยกกบินทร์บุรี
ขวาไปสระแก้ว ซ้ายไปเขาใหญ่ ตรงหน้าคืออำเภอนาดี ถนนเลนเดียว รถน้อยครับ
ขับสบาย
นโยบายหนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งริมถนน ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่น มีให้เห็นเป็นระยะๆ เริ่มตั้งแต่ป้ายโฆษณาข้าวโพด 8 แถว บริเวณพนมสารคาม
เราแปลกใจว่ามันคืออะไร สุดท้าย
เสร็จแม่ค้า ก็ข้าวโพดนะแหละครับ แต่มีแค่ 8 แถว หึ หึ
อร่อยมาก
แม่ค้าลากเสียงยาวและยิ้ม เมื่อเราจ่ายสตางค์
อ้อยลำยาวมัดเป็นฟ่อนวางตั้งสูงเหมือนจะให้ซื้อเอาไปสู่ขอสาว เราสงสัย เสร็จอีก แบบควั่นก็มีครับ ใส่ถุงเรียบร้อย พร้อมน้ำอ้อยชื่นใจ วางข้างๆ แต่ไม่เห็น
ถัดไป แผ่ขากางทักทายเหมือนบิน ในไม้เสียบหมุนไปมา
หมูหันครับ รายการนี้ใหญ่ไป ไม่เอา ถ้าเป็นแบบไม้ปิ้งเล็กๆ ไม่แน่
กาแฟโบราณ อีกไม่ไกล คนขายจิ้มลิ้มเชียว โบราณตรงใช้ถุงเท้าดำๆ ชง สีอื่นไม่ได้ ไม่โบราณ
ตลาดผลไม้ อันนี้เราแวะนานหน่อย ซื้อไปตุนครับ สดๆ และออกจากสวน รวมไปถึงกล้วยไม้และ
ของป่า
ไม่รู้มาจากไหน ถ้าซ้ายก็เขาใหญ่ ขวาก็ทับลานนี่แหละ
เส้นทางเบื้องหน้าทะมึนขวางด้วยภูเขาสูง เขียว องอาจและยิ่งใหญ่ ในความรู้สึก
ถนนเริ่มคดเคี้ยว อากาศเย็นสบาย ต้นไม้เขียวสดชื่น และ
ที่กิโลเมตร 30 ขวามือ อุทยานแห่งชาติทับลาน ครับ
ต้นลานสมบูรณ์ขนาดใหญ่เรียงรายสองข้างทางเข้า พร้อมป้ายยินดีต้อนรับ ทักทายเราอย่างกระตือรือร้น
เจ้าหน้าที่อัธยาศัยอบอุ่นและเป็นมิตร
ที่ตัวอุทยานมีลานกางเต็นท์และศาลาริมน้ำนั่งพักผ่อน
จุดเที่ยว
ต้องไปอีกครับ มีหลายจุด โดยเฉพาะเดินป่าและน้ำตก อาทิ น้ำตกทับลาน(เหวนกกก) อ่างเก็บน้ำทับลาน แก่งหินเพิง ฯลฯ เปิดดูได้จากเว็บของ ททท. ครับ ที่ www.tat.or.th
จุดหมายของเราคือหน่วยพิทักษ์สวนห้อม และน้ำตก 3 แห่ง
ห้วยใหญ่ สวนห้อม และห้วยขมิ้น
อุทยานแห่งนี้เป็นป่าลานแห่งสุดท้ายของประเทศไทย
พันธุ์ไม้โบราณตระกูลปาล์มที่หายาก ออกดอกเมื่อต้นมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ช่วงเมษายนถึงมิถุนายน สีเหลืองสวย และ
ตายเมื่อออกดอกเสร็จ
เศร้าแบบสวยงาม
ประทับพาสปอร์ต
ออกจากอุทยานฯ เราเลี้ยวขวาไปต่อ ถนนชันขึ้นเรื่อยๆ รถใหญ่วิ่งช้าๆ แบบหมดแรง
ต้นลานยืนอวดโฉมเป็นระยะๆ สองข้างทางเหมือนจะบอกว่า ถิ่นนี้ของข้า มาต้องเจอ
กิโลเมตรที่ 45 โดยประมาณ ขวามือ
ร้านไก่ย่างระดับเปิบพิสดารก็ตกเป็นเป้าจู่โจมของเรา
มื้อเที่ยงครับ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
เลิศทิพย์สมชื่อ
ภาพของผู้นำประเทศที่พลัดเข้ามาทาน วางอวดให้เห็นอย่างน่าภูมิใจว่า อร่อยจริง
วิวเปิดครับ มุมสูง อากาศเย็นสบาย ร้านสะอาด
และดอกพุดตานที่เช้าสีขาว
เที่ยง - บ่าย สีชมพู
เย็นๆ สีเข้ม
แค่สีชมพูเราก็ไปกันต่อ
อิ่มแล้ว
ป้ายโฆษณารีสอร์ท และบ้านพักหลายแห่งตามเส้นทาง ยืนยันความสวยงามของภูมิประเทศแถบนี้อย่างดี
ยกเว้นตู้ยาม
มั้ง
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่คอยตรวจตรายานพาหนะผ่านไปมา ขับระวังครับ ช่วงนี้ถนนชัน และคดเคี้ยวพอสนุก
เข้าเขตวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถนนขยายใหญ่ขึ้น ป้ายตลาด 79 ปรากฏให้เห็นด้านขวา กิโลเมตรที่ 58 โดยประมาณ
เราแวะซื้อเสบียงเพิ่ม สินค้าราคาชนบทครับ อิ่มใจกับพืชผักสด
ไข่ไก่และเนื้อหมู
ทางเข้าสวนห้อมอยู่ตรงปากซอย
ครับ ปากซอย
ฟังทะแม่งๆ ซอยเทศบาล 4
ไม่แน่ใจถามแถวนั้นได้ครับ ไม่หลงแน่
เผลอๆ อาจได้คำแนะนำว่า ไม่ไปเขาแผงม้าหรือครับ สวยนา มีโฟร์วีลไปส่งให้ด้วย คิดเหมาไม่แพงนะ พี่ ฮา
เขาแผงม้าที่นิยมไปดูกระทิงกันอยู่ซ้ายมือก่อนถึงสวนห้อม ราว 10 กิโลเมตร ครับ
จากปากซอยเข้าสวนห้อม ระยะทาง 3 กิโลเมตรแรก เป็นทางราดปูน มีฝายน้ำล้นให้ขับลุยเล่นแบบสนุกสนาน
ตั้งใจจะถ่ายรูปแบบรถวิ่งน้ำกระจายออกเป็นฝอยด้านข้างๆ เหมือนโฆษณายางรถยนต์ครับ
ซ้อมดูหลายหน
ก่อนกลับมาคิดว่า รถเราน่าจะกระจายก่อนเป็นแน่แท้
เลิกครับ
แถมชาวบ้านมาเมียงๆ มองๆ ว่ามันเล่นอะไรกัน
ไปดีกว่า ถนนลูกรังอัดแน่นในระยะทางที่เหลือ
ค่าธรรมเนียมอุทยานฯ 20 บาท/คน รถยนต์ 30 บาท/คัน กางเต็นท์ 30 บาท/หลัง
100 บาทครับ สำหรับการมาเยือนธรรมชาติที่สวยงามแห่งนี้
ถ้าขึ้นเป็น 200 บาท/คน คงลำบาก
ทางลูกรัง แซมด้วยหญ้าคา ขับสบายๆ วิวเปิดทั้งซ้ายและขวา ภูเขาสูงๆ ต่ำๆ ขนาบข้าง ไร่ข้าวโพดและพืชเกษตรหลายอย่าง สูงท่วมหัว
ป้ายบอกทางยืนยันว่า ไม่หลงแน่
เราขับผ่านเข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ 3 - 4 กม. ป่าทึบสลับโปร่งและรอยโฟร์วีล วิ่งทะลุไร่ข้าวโพด หายไปจนสุดสายตาที่เชิงเขา
ชัดเจน
โผล่ที่ไหน ไม่รู้ ..
" สวัสดีครับ " ทักทายจากเจ้าหน้าที่แต่ไกล พูดคุยขอข้อมูลแบบหอมปากหอมคอ หลังมาหยุดที่บริเวณกางเต็นท์แรก และเรือนพักเจ้าหน้าที่ ตามป้ายบอกทาง
มี 2 - 3 จุดครับ ที่กางเต็นท์เป็นลานกว้าง และหญ้านุ่มสั้นๆ
เขียวเพราะ ฝนตก
เราขับต่อไปอีกนิด จากจุดนี้ราว 100 เมตร แล้วก็วนมาจอดที่ที่เราอยากจะเรียกว่า " ลานเทียบเมฆ "
ด้วยวิวเปิดโล่ง 360 องศา เบื้องหน้าคือแนวภูเขาใหญ่น้อย คลอเคลียด้วยเมฆอิจฉา หุบเขาลึกและโลกมนุษย์เบื้องล่าง ต่ำลงไป
เหมือนจุดชมวิวสวยๆ ของอุทยานทางเหนือหลายแห่งครับ ..แต่ที่นี่ 200 กม. จากกรุงเทพ เท่านั้นเอง
ทับลานมีภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน ต่อเนื่องกันไปโดยมีเขาละมั่งเป็นยอดสูงสุด 992 เมตรจากระดับน้ำทะเล
สูงกว่า world trade center
เทือกเขานี้เป็นแนวแบ่งเขตระหว่างจังหวัดปราจีนบุรีและนครราชสีมาครับ เป็นหุบเขา เหว น้ำตก และแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสายที่ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำมูล และบางปะกง ไปออกอ่าวไทย เป็นต้นน้ำให้ทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิคในที่สุด ฮา
ยิ่งใหญ่ทีเดียวครับ
เราเล็งๆ ที่กางเต็นท์แล้วไปเที่ยวน้ำตกกันก่อน แดดยังแรงครับ ไม่มีอะไรบัง ควรมาปักเสาเต็นท์ตอนบ่ายแก่ๆ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
เราขับไปต่อตามป้าย น้ำตกห้วยใหญ่ครับ ใกล้นิดเดียว เส้นทางเหมือนอยู่กลางป่าซาฟารี
เอาสัมภาระขึ้นเป้หลังพร้อม
ขนม
หลายชั้นครับ
ชั้นที่ 1
ประมาณ 100 เมตรจากจุดจอดรถ เดินเข้าป่า
สวย สง่าด้วยแผงหน้าผาหินสีดำสนิท กว้างใหญ่และสูงตระหง่าน มีน้ำตกหล่นมาเป็นสายๆ ไม่มากนัก แม่คุณนั่งเป็นเพื่อนกินขนมอวด
ขณะเราถ่ายรูป นี่ถ้าน้ำมากเสียหน่อย อื้อฮือ
ต้องมาใหม่ให้ได้ มาดูให้สะใจ เราเดินลงมาชั้นที่ 2 ครับ ห่างกันไม่เท่าไร
คบคนให้ดูหน้า คบน้ำตกให้ดูทุกชั้นครับ
สะใจกับความแรงของสายน้ำและสวยแบบโหดๆ ของพื้นที่ตั้งกล้อง น้ำมากเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าจะต่างกันขนาดนี้
นี่ถ้าถอดใจไม่มาละก้อเสียดายแย่ เราใช้เวลาสบายๆ นั่งชื่นชมธรรมชาติ และกระแสน้ำที่โจนทะยานผ่านไปแบบไม่ย้อนกลับ ลงไปยังหน้าผาชั้นล่าง อย่างดื่มด่ำและครุ่นคิด ว่า
เย็นนี้จะกินอะไรดี
อีก 2 น้ำตกไม่ได้ไปเพราะต้องใช้รถกระบะเนื่องจากฝนตก
เราฝ่าดงหญ้าคา ป่าโปร่งและแดดอ่อนๆ กลับมายัง " ลานเทียบเมฆ " ที่เวิ้งว้าง และเปิดโล่งอย่างต้อนรับ
กางเต็นท์ ยกเตาปิกนิคและเสบียงออกมาจัดวาง
ผ้าพลาสติคผืนใหญ่ปูนอนเล่น เก้าอี้พับกางให้นั่งสบายๆ
ห้องน้ำและก๊อกน้ำไหลแรงอยู่ใกล้ๆ
ฟ้าสีแดง อมส้ม อมม่วง อมเขียวและอีกหลายอม ของยามเย็น ความเงียบรอบด้านและลมที่พัดหยอกล้อ สะกดให้เราหลับตานิ่ง ดื่มด่ำ ซึมซับเอาคุณค่า เอาภาพ และความรู้สึกของการมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติเหล่านี้ไว้ ให้สมกับที่ตั้งใจมาเยือน
เสียงกระซิบกับตัวเองได้ยินไปถึงคนข้างๆ ที่นอนเอกเขนกสำรวจภูมิประเทศตามข้อมูลของอุทยานฯ ให้หันมามอง
ยิ้มหวาน
คำรามเบาๆ
หั่นหมู ปอกกระเทียม เด็ดใบกะเพรา พริก จุดเตา เอาน้ำเท ใส่ข้าวลงไปเร็วๆ
แน้ ยังจะมองหน้าอีก
โลกให้นายแม้นมาเกิดแล้ว ยังให้แม่คุณนายแม้นมาเกิดด้วย โอ้
ทับลานนะทับลาน
ละอองน้ำเบาบางไล่เป็นแนวขาวโพลนจากเขาลูกไกล และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เรายก main course ไปทานในเต็นท์ ก่อนเย้ยฟ้าท้าดินเล่นน้ำฝนกัน
เม็ดฝนกระทบฟลายชีทตูมตามทำให้เราถวิลถึงวัย
เด็กมาก
ที่ชอบฟังเสียงฝนตกใส่หลังคาสังกะสีตอนกลางคืน
วันนี้
เด็กน้อยแล้ว
แต่ก็ยังไม่ลืม
หันไปดูเพื่อนร่วมทาง เล่นน้ำฝนสบายตัว หายใจแผ่วอยู่ข้างๆ
เรามองนิ่ง อย่างตื้นตัน ขณะน้ำใสๆ เริ่มซึมคลอออกมา ไม่รู้ตัว
ยกมือขึ้นป้ายให้อย่างนุ่มนวลเบาๆ ที่
มุมปาก
หลับเสียแล้ว 19.30 น.
ฟ้าหลังฝน คืนเดือนมืด บนที่สูงขนาดนี้ เหมือนอยู่ในท้องฟ้าจำลองครับ ดาว ดาวและดาว
ขณะออกมายืน
สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ จุดเตาต้มชากิน เพลินกับธรรมชาติรอบด้าน
แสงสลัวๆ ไกลออกไปที่ขอบฟ้า และเงาลางๆ ของขุนเขา
เป็นเพื่อน
พร้อมเสียงกบ เขียดและสรรพแมลงนานาชนิด .. หลับ
ก่อนได้เวลาจัดระเบียบสังคม
ห้วยน้ำดัง ภูชี้ฟ้า พะเนินทุ่ง .. ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
เราเห็นตรงกัน ขณะเคียงบ่าเคียงไหล่ชื่นชมทะเลหมอกตอนเช้า
หน้าร้อนอาจจะน้อยหน่อยแต่ไม่ใช่ปลายฝนต้นหนาว
แว่วเสียงไก่ขันไกลๆ
สวนห้อม
แค่นี้เอง
แดดอ่อนมาทักทายแล้วหลีกลี้ไป เมฆก้อนใหญ่บดบังแทนให้ร่มครึ้มสบาย
... อร่อยอาหารเช้าด้วย ซุปเห็ดข้นแบบกระป๋อง เทใส่หม้อ น้ำตาม
5 นาทีก็ได้อุ่นกระเพาะแล้วครับ ใส่ไส้กรอกและแคบหมูลงไป สูตรหมึกดำชวนลอง
ปิดท้ายด้วยมะม่วงจากตลาด 79
มื้อนี้เราคิด 300 baht ++ ครับ
รวมค่าล้างจาน เก็บของ และทิวทัศน์รอบด้าน
หมอกลอยอ้อยอิ่งตลอดสองข้างทางขากลับในตอนเช้า ตั้งแต่ออกจากอุทยานฯ เรื่อยมาจนปากซอยและทางลงเขา
แล้วเราจะกลับมาอีก ฝากไว้ก่อนเถอะ ทับลาน
ทริปนี้ไปสบายๆ ครับ
พักผ่อน นอนดูดาว ไปฟอกจิตใจ ไปให้พลังกับตัวเอง และชื่นชมธรรมชาติแบบง่ายๆ เงียบๆ
มีรายการสำหรับขาลุยอีกแยะที่นี่
ทั้งเดินป่าไปทุ่งตู้รถไฟ ล่องแก่ง หรือโฟร์วีลปีนผา
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่ออุทยานโดยตรงได้ที่หมายเลข 0-3721-9408
เพื่อความสมบูรณ์ของการเดินทาง
ขอให้สนุกครับ
เมืองไทย ไม่ไป ไม่รู้
รายงานโดยนายแม้น คนสวน
คู่มือเดินทาง : จากกรุงเทพไปได้ 2 เส้นทางครับ ไปทางรังสิต - นครนายก เส้น 305 แล้วต่อไปอำเภอกบินทร์บุรี ด้วยเส้น 33 เลี้ยวซ้ายไปอุทยานแห่งชาติทับลานด้วยเส้น 304 ครับ อีกเส้นก็ไปทางบางนา - ตราด แล้วเข้าฉะเชิงเทรา จากนั้นใช้เส้นพนมสารคาม 304 จนถึงสี่แยกกบินทร์บุรี มุ่งหน้าอำเภอนาดี
ที่พัก : อุทยานฯ มีบ้านพักรับรอง 7 หลัง อยู่ที่หน่วยพิทักษ์ฯ (เขามะค่า) 3 หลัง หน่วยพิทักษ์ฯ (ไทยสามัคคี) 1 หลัง หน่วยพิทักษ์ฯ (สวนห้อม) 1 หลัง หน่วยพิทักษ์ฯ (ลำแปรง) 1 หลัง และหน่วยพิทักษ์ฯ (ลำปลายมาส) 1 หลัง อาหารการกินเตรียมไปเองจะสะดวกกว่าครับ ที่พักบางจุดคงหาร้านอาหารยาก
ที่มา : แผ่นพับของอุทยานแห่งชาติทับลาน
ข้อสังเกต : ฝนตกบ่อย และยุงค่อนข้างแยะครับ ยุงที่นี่แพ้ห่านฟ้า
ไม่ต้องเหนียวตัวด้วยสารพัดโลชั่นทั้งแบบฉีด ทา และอม ฮา ,,,, สบายกว่ากันเยอะเลย