WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ธรรมะ...วันละนิดจิตแจ่มใส .....for Terrano...
อู๋ T035
จาก TTC035
IP:124.120.212.119

เสาร์ที่ , 10/11/2550
เวลา : 12:07

อ่านแล้ว = 4131 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
" ใฝ่ร้อน - นอนเย็น " ..............คัดลอกจากปฏิทินธรรม ฝ่าทะเลไฟ

ประพันธ์โดย ท่านพุทธทาส .........
โบราณว่า "ใฝ่ร้อน จะนอนเย็น"

คนทุกวัน ดันไปเห็น เป็นเรื่อง "บ้า"

จึงดูหมิ่น คำทอง ของปู่ - ตา

ชอบเสวนา หลงเย็น ที่เป็นร้อน

พ่อคุณเอ๋ย ดูให้ดี ที่ว่า "เย็น"

ให้ตรงเป็น ตามที่ท่าน อาจารย์สอน :

การต่อสู้ ความชั่ว ทุกขั้นตอน

ใช้ความร้อน คือตบะ ปะทะมัน

ครั้นความร้อน แผดเผา บรรเทาชั่ว

ทั้งเนื้อตัว จะเย็นลง อย่างคงมั่น :

เผาเท่าไร เย็นลงไป สมส่วนกัน

ถูกของท่าน ว่า "ใฝ่ร้อน จะนอนเย็น "

ความเย็นเห็น อยู่ในร้อน ท่านสอนจริง

......................................................







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.205.150 จันทร์, 12/11/2550 เวลา : 08:25  IP : 124.120.205.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32014

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d
สงสัยต้องให้อีกซักตำแห่นง........แล้ว สำหรับ TTC035 (เก่ง ขยัน อย่างนี้ชมนรมต้องการมากครับ )



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก TTC020 125.25.191.141 จันทร์, 12/11/2550 เวลา : 13:09  IP : 125.25.191.141   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32025

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d
คัดลอกจาก เวบ http://www.pantown.com/board.php?id=9706&area=1&name=board2&topic=466&action=view

๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘

ความว่า..............................



หมวด มอง

มองถูก ทุกข์คลาย

•มองอะไร ให้เห็น เป็นครูสอน มองไม้ขอน หรือมองคน ถ้าค้นหา

มีสิ่งสอน เสมอกัน มีปัญญา จะพบว่า ล้วนมีพิษ อนิจจัง

•จะมองทุกข์ หรือมองสุข มองให้ดี ว่าจะเป็น อย่างที่ เรานึกหวัง

หรือเป็นไป ตามปัจจัย ให้ระวัง อย่าคลุ้มคลั่ง จะมองเห็น เป็นธรรมดา

•มองโดยนัยให้มันสอนจะถอนโศก

มองเยกโยกมันไม่สอนนอนเป็นบ้า

มองไม่เป็น จะโทษใคร ที่ไหนมา

มองถูกท่า ทุกข์ก็คลาย สลายเอง ฯ

มอง-มอง-มอง

•มองอะไรมองให้เห็นเป็นครูสอน มองไม้ขอนหรือมองคนมองค้นหา

มองเห็นความเสมอกันมีปัญญา มองเห็นว่าล้วนมีพิษอนิจจัง

•มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง

มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา

•มองโดยนัยที่มันสอนจะถอนโศก มองเยกโยกมันไม่สอนร้อนเป็นบ้า

มองไม่เป็นโทษผีสางนางไม้มา มองถูกท่าไม่คว้าทุกข์มองถูกจริง!

เมื่อมองดินเห็นฟ้า

•เมื่อมองดิน เห็นฟ้า นิจจาเอ๋ย มองเห็นฟ้า ดินใหญ่ กระไรเลย

ฉันจะเอ่ย ฟังดูหนา บ้าหรือดี? คือมองโลก เห็นว่าง จากอัตตา

ว่างจากอัต- ตนียา อย่างเต็มที่ มันว่างจริง ยิ่งกว่าฟ้า เพราะว่ามี

สิ่งหนึ่งที่ เรียกมหา- สุญญตา ครั้นมองดู โลกว่าง อย่างแท้จริง

ก็เห็นสิ่ง ที่เรียก ว่ามหา- อมฤต นคร ซ้อนอยู่นา

นี้เรียกว่า มองฟ้า แล้วปะดิน คิดดูเถิด บ้าหรือดี มีให้ดู

ถ้าไม่เห็น อย่าเพ่อจู่ มาติฉิน ถ้าจะมั่ว อยู่ที่เห็น ดินเป็นดิน

ก็ดูดกิน มันไป เป็นไส้เดือนฯ

มองฟ้าปะดิน

•แรกมองฟ้า ก็เห็นว่าง อย่างเขาว่า ไม่เห็นพวก เทวดา คลาสวรรค์

ยิ่งมองไป ยิ่งว่างมา สารพัน จิตใจมั่น ยิ่งเห็นว่าง อย่างสุดใจ

•กลับได้เห็นสาระหนึ่งซึ่งความว่าง มอบให้อย่างแก่นสารปานดินใหม่

เป็นแผ่นดินเย็นและหยุดกว่าจุดใด ทรงคุณใหญ่เรียก"อมตะมหานคร"

•เป็นที่ตั้ง เย็นสนิท แห่งจิตว่าง กิเลสร้าง ทุกข์หาย ไร้โศกศร

เป็นแดนดิน ที่คงมั่น นิรันดร นี่แลตอน ที่มองฟ้า แล้วปะดิน ฯ

จะดูโลกแง่ไหนดี?

•จงดูเถิด โลกนี้ มีหลายแง่ ดูให้แน่ น่าสรวล เป็นชวนหัว

หรือชวนเศร้า โศกสลด ถึงหดตัว ดูให้ทั่ว ถ้วนความ ตามแสดง

•จะดูมัน แง่ไหน ตามใจเถิด แต่ให้เกิด ปัญญา มาเป็นแสง

ส่องทางเดิน ชีวา ราคาแพง อย่าให้แพลง พลาดพลั้ง ระวังเอย ฯ

ตาบอด-ตาดี

•หมู่นกจ้อง มองเท่าไร ไม่เห็นฟ้า ถึงฝูงปลา ก็ไม่เห็น น้ำเย็นใส

ไส้เดือนมอง ไม่เห็นดิน ที่กินไป หนอนก็ไม่ มองเห็นคูก ที่ดูดกิน;

•คนทั่วไป ก็ไม่ มองเห็นโลก ต้องทุกข์โศก หงุดหงิด อยู่นิจสิน

ส่วนชาวพุทธประยุกต์ธรรมตามระบิล เห็นหมดสิ้นทุกสิ่งตามจริงเอยฯ

มองแต่แง่ดีเถิด

•เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่

เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย

•จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริงฯ


หมวด โลก

โลกอนิจจัง

•ตามธรรมดาถ้าไม่มีความเปลี่ยนแปลง มาบังแฝงคนจะเบื่อจนเหลือที่

จะเป็นคนทนอยู่ในโลกนี้ หนักเข้ามีแต่อยากจะดับไป

•ดับจากโลก เพราะโลก มันน่าชัง แต่ใครบ้าง รู้สึก เช่นนี้ได้

เพราะโลกมี อนิจจัง บังเอาไว้ คนเราใช้ อนิจจัง ขังตัวเองฯ

ทรงเปิดโลก

•ครั้นตรัสรู้ ลุถึง ความสำเร็จ ทุกทุกลัทธิขามเข็ดกษัตริย์สนอง

โปรดทวยเทพในเทวโลกเสร็จดั่งปอง เสด็จล่องลงมาประชาชน

•จึ่งเทวดา มานุษย์ และอบาย เห็นธรรมถึง กันได้ ทุกแห่งหน

ทั้งเหนือ-ใต้ ตก-ออก หรือล่าง-บน กำแพงคน คือวรรณะ พังทลาย

•จนโลกุตตร์ โลกิยา จ่อหน้ากัน เหลือแต่ชั้นพวกเราที่เขลาหลาย

จงเปิดโง่ ออกรับ ระงับอาย โลกิยะจะได้กลายเป็นโลกุตราฯ

โลกรอดเพราะกตัญญู

•อันบุคคล กตัญญู รู้คุณโลก อุปโภค บริโภค มิให้หลาย

ข้าวหรือเกลือผักหรือหญ้าปลาหรือไม้ รู้จักใช้อย่าทำลายให้หายไป

•อนึ่งคน ต่อคน ทุกคนนี้ ล้วนแต่มี คุณต่อกัน นั้นเป็นไฉน

มองให้ดี ดูให้เห็น เช่นนั้นไซร้ โลกรอดได้เพราะกตัญญูรู้คุณกัน

•ประเทศชาติ ศาสนา มหากษัตริย์ รวมเป็นอัตตภาพไทยใหญ่มหันต์

รอดมาได้เพราะรักใคร่อย่างผูกพันธ์ เพราะกตัญญูมีที่ใจเอย ฯ

โลกพัฒนา

•โลกพัฒนา ที่เรียกว่า Developed ดูจะเพื่อ จุดจบ เสียมากกว่า

หรืออย่างน้อย ให้จบเร็ว กว่าธรรมดา นึกแล้วพาอนาถใจใคร่ท้วงติง

•เร่งพัฒนาเหมือนเร่งฆ่าให้ตัวตาย ทรัพย์ธรรมชาติวอดวายคล้ายกับวิ่ง

ผลได้มา เฟ้อกว่า ความเป็นจริง จนยุ่งขิงกันไปหมดอดเยือกเย็น

•โลกพัฒนาวัตถุเหลือเหนือคุณธรรม

ไม่อิ่มหนำไม่คิดเปลื้องพวกเรื่องเหม็น

เรื่องอวกาศ เรื่องอาละวาด เกินจำเป็น

ยิ่งโลดเต้น ยิ่งสุมโศก โลกพัฒนา ฯ

เมื่อกิเลสยึดครองโลก

•เมื่อกิเลส ไหลนอง ยึดครองโลก มันสุดแสน โสโครก ที่โกรกไหล

เมื่อกระแส ไฟตัณหา ไหม้พาไป ทิ้งซากไว้ ระเกะระกะ อนิจจัง

•กลับยกย่อง ว่านั้นสิ่ง ศิวิไลซ์ ยั่วความใคร่เพิ่มเหยื่อแก่เนื้อหนัง

เป็นเครื่องล่อ กามา บ้าติดตัง ทั่วโลกคลั่งก็ยิ่งคล้ายอบายภพ

•ทั้งแก่เฒ่าสาวหนุ่มล้วนจนกาม

เกลียดศีลธรรมเห็นเป็นหนามระคายขบ

อาชญากรรม ลุกลาม สงครามครบ

ร้อนตลบ โลกกิเลส สังเวชจริง ฯ

โลกนี้พัฒนา

•โลกฮึดฮัด พัฒนา บูชาโป๊ เพราะเผลอโง่ทีละนิดคิดไม่เห็น

ไม่มีใคร ตำหนิใคร เพราะใจเป็น ในเชิงเช่นเดียวกันไม่ทันรู้

•รัฐบาลไหน ในโลก สับโขกมัน ดูจะชอบเหมือนกันทำไก๋อยู่

พวกนักบวช แอบหา ภาพมาดู คุณครูรู้พรางศิลปโป๊โย้ได้ไกล

•ความก้าวหน้าทางเนื้อหนังอย่างนี้เอง ครั้นพัฒนาจบเพลงไม่ไปไหน

บูชาโป๊ ถึงทูนหัว มั่วกันไป โลกยุคใหม่ต้องไม่โง่หยุดโป๊ทีฯ

โลกนี้น่าขำ

•โลกนี้มี แต่คนบ้า ไม่น่าอยู่ จงมองดู ให้ดีดี มีข้อขำ

คือตัวกู ที่เกิดอยู่ เป็นประจำ จงกระทำอย่าให้เกิดประเสริฐแล

•อย่าปล่อยให้ อารมณ์ใด เข้ามาปรุง เป็นจิตยุ่งวุ่นวายหลายกระแส

ว่างตัวกู จิตก็อยู่ เหนือโลกแท้ ว่างกูแน่ก็หยุดบ้าน่าขำเอย ฯ

โลกกลียุค

•โลกทุกวัน อยู่ในขั้น กลียุค ที่เบิกบุก เร็วรุด สู่จุดสลาย

จนสิ้นสุด มนุษยธรรม ด่ำอบาย เพราะเห็นกงจักรร้ายเป็นดอกบัว

•กิเลสไส -หัวส่ง ลงปลักกิเลส มีความแกว่นแสนพิเศษมาสุมหัว

สามารถดูด ดึงกันไป ใจมืดมัว เห็นตนตัวที่จมกามว่าความเจริญ

•มองไม่เห็น ศีลธรรม ว่าจำเป็น สำหรับอยู่สุขเย็นควรสรรเสริญ

เกียรติกามกินบิ่นบ้ายิ่งกว่าเกิน แล้วหลงเพลินความบ้าว่าศีลธรรมฯ

โลกนี้คืออะไรแน่?

•โลกเรานี้ ที่แท้ คือโรงละคร ไม่ต้องสอน แสดงถูก ทุกวิถี

ออกโรงกัน จริงจัง ทั้งตาปี ตามท่วงที อวิชชา จะลากคอ

•โลกนี้คือ กรงไก่ เขาใส่ไว้ จะนำไป แล่เนื้อ ไม่เหลือหลอ

จิกกันเอง ในกรง ได้ลงคอ เฝ้าตั้งข้อรบกันฉันนึกกลัวเอยฯ

โลกเปรียบมหาสมุทรและกรงไก่

•โลกนี้เปรียบ ปานว่า มหาสมุทร ปลามนุษย์ ผุดว่าย อยู่ไหวไหว

เพราะตัณหา หมื่นวิถี เข้าจี้ใจ วิ่งขวักไขว่ เหยื่อดี มีไม่พอ!

•โลกนี้คือ กรงไก่ เขาใส่ไว้ จะนำไป แล่เนื้อ ไม่เหลือหลอ

จิกกันเอง ในกรง ได้ลงคอ เฝ้าตั้งข้อ รบกัน ฉันนึกกลัว!

โลกคือเครื่องลองและโรงละคร

•โลกนี้คือ เครื่องลอง ของมารร้าย ไว้สอบไล่ ว่าใคร ยังหลงใหล

ว่าใครบ้า ใครเขลา เฝ้าจมใน หล่มโลกใหญ่ ติดตัง ทั้งชั่วดี!

•โลกนี้ ที่แท้คือ โรงละคร ไม่ต้องสอน แสดงถูก ทุกวิถี

ออกโรงกัน จริงจัง ทั้งตาปี ตามท่วงที อวิชชา ลากพาไป!

โลกนี้คือทางผ่านและบทเรียน

•โลกนี้เหมือน ทางผ่าน ที่รกเลี้ยว เพื่อทนสู้ อดเปรี้ยว ไปกินหวาน

พ้นโลกนี้ มียิ่ง กว่าอ้อยตาล เมื่อพบพาน "อมฤ-ตโลกา!"

•โลกนี้เพียง บทเรียน ให้เพียรอ่าน หมั่นวิจารณ์ ตื้นลึก รีบศึกษา

ให้รอบรู้ แจ่มจน พ้นมายา แล้วโลกมา เป็นบ่าว เราร่ำไป!

โลกนี้คืออะไรแน่?

•โลกนี้คือ ถ้ำมืด ไม่เห็นแสง ไม่มีความ แจ่มแจ้ง ไม่เฉลียว

คิด-พูด-ทำ โมหา ไปท่าเดียว ลองคิดเที่ยวโลกสว่างข้างหน้ากัน!

•โลกนี้คือ ร่มไม้ ได้อาศัย บัดเดี๋ยวใจพักร้อนแล้วผ่อนผัน

ออกไปสู่ โลกอื่น อีกหมื่นพัน ไยยึดมั่นหมายมีโลกนี้นาน!

โลกเปรียบศาลาให้อาศัย

•โลกนี้เปรียบ ศาลา ให้อาศัย ประเดี๋ยวใจผ่อนพักแล้วจักผัน

ทางที่ดี เมื่อพราก ไปจากมัน ควรสร้างสรรส่งเสริมเพิ่มคะแนน

•เมื่อเราได้ เกิดมา ในอาโลก ได้พ้นโศก พ้นภัย สบายแสน

จึงควรสร้าง สิ่งชอบ ไว้ตอบแทน ให้เป็นแดน ดื่มสุข ขึ้นทุกกาล

•คุณความดีของท่านกาลก่อนก่อน

ที่ท่านสอนไว้ประจักษ์เป็นหลักฐาน

เราเกิดมา อาศัย ได้สำราญ

ควรหรือผ่าน พ้นไป ไม่คำนึง ฯ

.............................................................................................................................








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 202.57.175.249 จันทร์, 12/11/2550 เวลา : 23:38  IP : 202.57.175.249   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32297

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d
แนะนำเวบไซต์ ครับ .................

http://www.buddhadasa.com/

.........................................................................






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 202.57.175.249 จันทร์, 12/11/2550 เวลา : 23:57  IP : 202.57.175.249   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32298

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d
ไปอ่านเจอ จากเวบ http://www.pantown.com/board.php?id=23136&area=3&name=board1&topic=153&action=view

------------------------------------------------------------------------------------

เป็นธรรมะ ตอนหนึ่งที่หลวงปู่ปัญญา ท่านได้แสดงธรรมไว้

-------------------------------------------------------------------------------------

ความว่า..................

ในอดีตกาลนั้นผู้สร้างโลกได้เรียกบรรดาสรรพสัตว์ที่อยู่บนโลกไปรับฟังการดำรงค์ชีวิตและอายุขัยของ

ตนเองในเบื้องต้นผู้สร้างโลกได้กำหนดให้มนุษย์ ควาย หมา มีอายุเท่ากัน คือ 30 ปี แต่ควายบอกว่าตน

เองขอเพียง 10 ปีก็พอ อายุก็เหลือ 20 ปี มนุษย์ก็บอกว่าตนขอรับไว้เอง หมาก็บอกว่า ตนเองขอ 10 ปีก็

พอ มนุษย์ก็ขอรับที่เหลือไว้อีก ตกลงมนุษย์มีอายุมากที่สุดคือ ประมาณ 70 ปี

นั่นเป็นที่มาของอายุคนเรา

คือ คนเราช่วง เวลา 1-30 ปี เป็นช่วงเวลาของ ตนเอง ก็จะมีความสุขความสบายพอควร

แต่พอหมดอายุขัยก็ต้องใช้อายุขัยที่ได้มาจากควาย คือช่วง 30-50 ต้องทำงานหนักเหมือนควาย

แล้วพอหมดอายุขัยควาย 50-70 ก็ต้องใช้อายุของหมาคือต้องเฝ้าบ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหน

ธรรมะน่าฟังจากหลวงพ่อปัญญา

----------------------------------------------------------------------------------------------







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 202.57.175.232 อังคาร, 13/11/2550 เวลา : 22:59  IP : 202.57.175.232   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32571

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.199.74 พุธ, 14/11/2550 เวลา : 14:45  IP : 124.120.199.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32776

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.199.74 พุธ, 14/11/2550 เวลา : 14:45  IP : 124.120.199.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32777

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.199.74 พุธ, 14/11/2550 เวลา : 14:47  IP : 124.120.199.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32778

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.199.74 พุธ, 14/11/2550 เวลา : 14:47  IP : 124.120.199.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32779

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d
ธรรมะ....หลวงปู่แหวน จากเวบ http://board.palungjit.com/archive/index.php/f-131.html
-------------------------------------------------------------

มรณานุสสติ

ความเกิดมีแล้ว ความแก่ ความตายมันก็มีอยู่ ไม่มีใครพ้นตาย

เกิดก็เกิดเต็มแผ่นดิน ตายก็ตายเต็มแผ่นดิน อยู่เกิดแล้วตาย

ตายแล้วเกิดอยู่นี้แหละ ความตายเต็มแผ่นดินอยู่

เป็นเป็ด ไก่ หมู หมา เขาก็ตาย

มนุษย์ชายหญิงก็ตาย

.....ใครล่ะ เกิดมาแล้วไม่ตาย..........


........ถ้าเกิดมาขวางโลกเขา เกิดมาแล้วไม่ตาย ไม่เฒ่า ไม่แก่

ไม่เจ็บ ไม่ตาย ขวางบ้าน ขวางแผ่นดิน ขวางโลก

เขาอยู่ได้อย่างไร ให้ภาวนา มรณานุสสติอยู่อย่างนี้แหละ


เป็นเป็ดเป็นไก่มันก็ตาย

เป็น วัว ควาย ช้าง ม้า หมู หมา เขาก็ตาย

.......คนแก่ก็ตาย.........

........คนหนุ่มก็ตาย........

ถ้ากลัวตายมีใครพ้นตายไหม

........ทุกคนทุกสิ่งสรุปลงสู่ความตายทั้งหมด..........


เป็ด ไก่ วัว ควาย หมู ปลา ถ้ามันไม่ตายเอง เขาก็ฆ่าเอาให้มันตาย

อยู่ในสภาพไหนล่ะมันจะพ้นจากความตาย

ถึงจะมีอายุผ่านพ้นไปร้อยปีพันปี มันก็ต้องตายอยู่นั่นแหละ

.........สัจจธรรมข้อนี้ใครๆ ก็พ้นไปไม่ได้........

นั่งอยู่ก็ตาย นอนอยู่ก็ตาย กินอยู่ก็ตาย

ไม่กินก็ตาย

........เจ็บป่วยอยู่ก็ตาย.........

.........ไม่เจ็บไม่ป่วยมันก็ตาย.........

........... ความตายมันมีอยู่ทุกฐานะทุกสถานที่...........


ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันครอบงำเราอยู่ทุกเมื่อ

พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงเสีย

แม้อบายโลก เขาก็ฆ่ากันกินกันอยู่

........... ความตายจึงไม่มีที่จะหลีกเร้นซ่อนหนี..........


ที่พึ่งอย่างอื่นไม่มีนอกจาก พุทฺธํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ

ธมฺมํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ

สงฆํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ

ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี

นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เราต้องหาที่พึ่งอันประเสริฐไว้เสียแต่บัดนี้

แต่ยังมีชีวิตอยู่อย่างนี้ ยังแข็งแรงอยู่อย่างนี้

ถ้าร่างกาย จิตใจมันไม่อำนวยแล้วจะไปคิดถึงอะไร

จะไปยึดไปถือเอาอะไรเป็นที่พึ่งมันยาก


ศีลเราก็ต้องรักษาให้มันดี

ศีลก็คือการนำความผิดความชั่วออกจากกายจากวาจาของเรานี้แหละ

ธรรมทั่วทั้งสิ้นแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์

พระพุทธเจ้าพระองค์ชี้ลงสู่กายสู่ใจของเรา

พระองค์ทรงบัญญัติพระวินัย

ก็ทรงบัญญัติเพื่อให้รักษาไตรทวาร

พระอุปัชฌายอาจารย์ท่านสอนมูลกัมมัฏฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ

ท่านก็สอนย้ำลงในสิ่งของที่มีอยู่ในตัวของเรา


ปัญจกกัมมัฏฐาน ๕ นี้แหละเป็นที่ตั้งของกรรม

กรรมมันหมุนอยู่นี้แหละ ในไตรทวารนี้แหละ

........ความรัก ความโลภ ความโกรธอันใด.....

มันหมุนอยู่ในฐานอันนี้แหละ กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา

กุศลนำสัตว์ให้ไปเกิดในทางเจริญ อกุศล นำสัตว์ไปสู่อบายภูมิ

มีเปรต นรก สัตว์เดียรัจฉานก็ดี มันหมุนอยู่ในไตรโลกอันนี้

ตกอยู่ในกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหานี้

เกิดแก่ เจ็บ ตาย ของจริงมันมีอยู่ประจำอยู่อย่างนี้

มันหมุนเป็นกงจักรบดสัตว์โลกทั้งหลาย

อยู่ประจำอิริยาบถ เจ็บแข้ง เจ็บขา ปวดหลัง ปวดเอว เจ็บไข้ได้ป่วย

เป็น อนิจจํ ทุกขํ อนตฺตา มันแสดงให้เราดูอยู่อย่างนี้

..........เว้นแต่เรามองไม่เห็นมันเท่านั้น.............


ส่วนมากจะตกอยู่ใต้อำนาจของสังขาร

มันปรุงมันแต่งเป็นอดีตอนาคตไป

ส่วนปัจจุบันสัจจธรรมที่เขาแสดงตัวให้ปรากฏอยู่

มันไม่ใคร่เอามานึกมาคิด ไม่เคยน้อมเข้าหากายหาใจของเรา

มันคอยแต่จะเป็น ธรรมเมาไป.

-------------------------------------------------------------------






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 124.120.199.74 พุธ, 14/11/2550 เวลา : 15:23  IP : 124.120.199.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 32784

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d
น้าอู่ การเมือง และ ศลีธรรม โดย พระ พยอม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก TTC 032 124.121.26.19 จันทร์, 26/11/2550 เวลา : 22:55  IP : 124.121.26.19   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34763

คำตอบที่ 12
      

fiogf49gjkf0d
ครับผม แต่หายากนะ การเมือง นี่

มาดู “อมตวาทะ พระพยอม” ของท่านพระพยอม

อ่านให้ข้อคิดดีมาก จริงๆ

กับ............“อมตวาทะ พระพยอม”

------------------------------------------------

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า
ไม่โกรธดีกว่า จะได้ไม่บ้าไม่โง่

เรายอมแพ้คน เพื่อเอาชนะกิเลส
ดีกว่ายอมแพ้กิเลส เพื่อเอาชนะคน

คนเราควรทำตัวเหมือนคนร่อนแร่
คนร่อนแร่โกยหินโกยทรายใส่ตะแกรง แล้วก็ร่อน
เจอเพชรพลอยก็เก็บไว้
เจอหินเจอดินก็เหวี่ยงทิ้งไป

คนที่ไม่ยอมให้อภัย
อารมณ์จะบูดตอนเช้า
อารมณ์จะเน่าตอนเพล
อารมณ์จะเหม็นตอนค่ำ
ฟึดฟัดฮึดฮัดอย่างกับเบนซินซุปเปอร์

เดี๋ยวนี้เรากินอาหาร ไม่ได้ทำให้เป็นอาหาร
แต่กำลังทำอาหารให้เป็นยาเบื่อ

พอมีความสามัคคีเกิดขึ้น
ทำให้หนักกลายเป็นเบา
ยากเป็นง่าย
ช้าเป็นเร็ว

การคิดดี เป็นมิตร
การคิดชั่ว เป็นศัตรูอันร้ายกาจ

ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกเก่ง เลือกกล้าได้

ดินจะดีไม่ดี ดูที่หญ้า
คนจะโง่จะฉลาด ดูที่คำพูด

คนเราถ้าไม่ลำบาก ไม่ต่อสู้
สถานภาพของความเป็นมนุษย์ก็ย่อมต่ำลง

อยู่ด้วยกัน อย่าอวดดี
ถ้าความดีมีอยู่จริง มันจะอวดตัวมันเอง

ค่าอาหาร ค่าภารกิจ ไม่เท่าไร
แต่ค่าเลี้ยงดูกิเลส นี้มันมาก

อย่าเห็นแก่ตัว อย่ากลัวเสียเปรียบ
แล้วจะเข้ากับเพื่อนฝูงได้ดี

แก่แล้วต้องทำดีไว้ให้ลูก ทำถูกไว้ให้หลาน
ไม่ทำสิ่งชั่วช้าสามานย์ ให้ลูกหลานดูถูก

อย่าทำอะไรตามอยากกันเรื่อยไป
ถ้าขืนทำตามโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ
ชีวิตก็จะวนเวียนอยู่ในวัฏจักรแห่งทุกข์ไม่สิ้นสุด

จงรักษาความถูกต้องมากกว่าความถูกใจ
คนเดี๋ยวนี้มันจัญไรรักษาความถูกใจมากกว่าความถูกต้อง

ขั้วของความชั่ว อยู่ที่เห็นแก่ตัว
ขั้วของความดี อยู่ที่เสียสละ

ทรัพย์สมบัติในบ้านที่เราว่า “เป็นของเรา”
มันเคยพูดกับเราว่า “ฉันเป็นของคุณ” บ้างไหม
มีแต่เสียงกิเลสของเราสั่งเอาว่า นั่นของกู นี่ของกู

คนขยันเปรียบเหมือนแมลงผึ้ง
ชอบบินไปดูดดมตอมเอาเกสรดอกไม้
ส่วนคนขี้เกียจเปรียบเหมือนแมลงวัน
ชอบดมตอมแต่สิ่งสกปรกโสโครก

คิดทำลายผู้อื่นเท่าไร
ตัวเองก็ต้องถูกทำลายเท่านั้น



--------------------------------------------------------------

นำมาจาก http://www.junghoo.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=27694&Ntype=4







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 202.57.182.17 เสาร์, 1/12/2550 เวลา : 23:12  IP : 202.57.182.17   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35758

คำตอบที่ 13
      

fiogf49gjkf0d
คำเทศน์พระพยอม .........นำมาจาก http://amuletbizmag.exteen.com/20051124/entry



ของแปลก



แท๊กซี่บางคน อาตมานั่งไปด้วยแล้วรำคาญ มันขี้โมโห หงุดหงิดทั้งวัน วันนั้นนั่งจากหมอชิต ไปโรงพยาบาลศิริราช มันด่าคนไปตลอดทาง ไอ้คนนั้นขับไม่ดี ไอ้คนนี้เฮงซวยขับช้า ไอ้บ้านี่ตัดหน้า ไอ้เปรตนี้หยุดไม่เปิดไฟเลี้ยวมันพูดแต่ว่าแปลกจริง.....แปลกจริง...... แปลกจริงทางม้าลายมีไม่ข้าม...แปลกจริง เวลาจะเลี้ยวทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยว.. แปลกจริง ที่ห้ามจอดดันทะลึ่งจอดอาตมาทนรำคาญไม่ไหว ใกล้ถึงศิริราชแล้ว อาตมาถามว่าคุณขับรถมากี่ปีแล้ว...หลายปีแล้วครับ ปีหนึ่งๆมีคนมายั่วทำให้โกรธอย่างนี้บ่อยไหมครับ....... บ่อยครับ..วันหนึ่งหลายสิบครั้ง... อาตมาก็เลยบอกว่า มันมีบ่อยๆวันละหลายสิบครั้ง....มันจะแปลกยังไง ของแปลกมันต้องนานๆเกิดครั้งหนึ่ง วันนี้เกิดบ่อยๆยังตวาดอยู่ได้ว่าแปลกจริง...แปลกจริง..อยู่นั่นแหละ มันน่าจะบอกว่า เออ....ธรรมดาจริง..บ่อยจริงมากกว่า ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*


เทศน์ช้าไปหน่อย


วันก่อนอาตมาไปเทศน์ในคุก.....อาตมาบอกว่า.. พวกเราที่มาติดอยู่ในคุกเนี่ย...เราไม่ได้ติดคนเดียวนะ.. เราเอาพ่อเอาแม่มาติดด้วย พ่อแม่ต้องลำบากตรากตรำ หาเงินมาซื้อข้าวปลาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้และค่ารถค่าเดินทางที่จะมาเยี่ยมเราทุกอาทิตย์... และเรายังทำร้ายจิตใจท่านให้ต้องทุกข์ทรมานตลอดเวลาจนกว่าเราจะพ้นโทษ นักโทษคนหนึ่งมันสำนึกบาป ร้องไห้โฮ อย่างไม่อายใคร ท่านทำไมเพิ่งจะมาเทศน์ตอนนี้ทำไมท่านไม่เทศน์ก่อนที่ผมจะทำชั่ว ไอ้พวกนี้..เวลามันทำชั่วทำอะไรไม่ดี มันโยนให้พระหมด อาตมาเทศน์มาตั้งนานแล้วโยมไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่มาฟังเอง..... ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
คิดก่อนจึงทำ การขยันให้ทาน...ตถาคตไม่สรรเสริญ...แต่ตถาคตสรรเสริญ.. คนที่คิดใคร่ครวญดีแล้วจึงให้.. เพราะเมื่อใคร่ครวญแล้ว จะไม่มีใครเดือดร้อนจากการให้... ที่สุพรรณบุรี...มีอยู่ช่วงหนึ่งพระพุทธรูปในวัดหายเป็นจำนวนมาก..หลายวัด... เสี่ยเจ้าของโรงสี..อดรนทนไม่ได้บอก..หลวงพ่อครับ.. ขโมยมันรบกวนพระเหลือเกิน...ผมสงสารท่าน....ผมขอถวายปืนให้ท่านกระบอกหนึ่ง มันโง่จริงๆไม่รู้เลยว่าอะไรควรถวายอะไรไม่ควรถวาย....ตัวมันน่ะไม่เดือดร้อน แต่พระน่ะ..ติดคุก ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*



พระไม่เข้าใจ


วันก่อนเทศน์ให้เด็กอนุบาลฟัง....100 กว่าคนตัวนิดเดียว...แต่พอฟังรู้เรื่องแล้ว.. อาตมาบรรยายธรรม..พร้อมมีภาพสไลด์ประกอบ... เราสอนว่า..คนเราจะประสบความสำเร็จ..มันต้องตั้งใจจริง..ทำอะไรก็ต้องทำจริงๆ.. ตั้งใจให้แน่วแน่.... เหมือนคนตำน้ำพริก..ตาจ้องดูที่ครก ตำจริงๆ ไม่ใช่ตำเป๊กเดียว..แล้วเอามากิน..ต้องตำบ่อยๆ..หลายๆครั้ง...น้ำพริกถึงจะอร่อย.. คนเราทำอะไรให้สำเร็จ..มันต้องทำบ่อยๆ ทันใดนั้น เหตุการณ์เหลือเชื่อก็เกิดขึ้น..... เด็กผู้ชายตัวเล็ก ห้าขวบ..มันลุกขึ้นยืน..แล้วพูดว่า พระ..พระ..พระรู้ไหม...ว่าเด็กก็ชอบดูพระพูดบ่อยๆ.. แต่พระอย่าพูดธรรมะเยอะนักซิ.....เด็กมันเซ็งระเบิดเลย.... พระเอารูปให้ดูเยอะๆหน่อย ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*



โสเภณีที่รัก

วันหนึ่งมีคนมานิมนต์ให้ไปเทศน์ให้โสเภณีฟัง ตั้งแต่บวชมา..เพิ่งจะเจอครั้งนี้แหละ...มันเทศน์ยากพิลึก พอไปถึงทุกคนมองพระเหมือนตัวประหลาด ...เข้ามาทำไมวะเนี่ย พอนั่งปุ๊บ..มองไปรอบๆ..ไม่มีใครสนใจสักคน.... คิดในใจว่า.. จะเอาสูตรไหนมาเทศน์สู้กับมันดีวะเนี่ย ..... ทำใจดีสู้เสือ..เริ่มต้นคำแรกว่า.... "สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง..".... ได้ผลแฮะ...ได้ผลดีเกินคาด ทุกคนหันมามอง ตั้งใจฟังหูผึ่งว่าพระจะพูดอะไรต่อ....ได้โอกาส..พระเลยปล่อยไม้เด็ดเลย สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง..ผู้ขายของเก่ากินโดยไม่ต้องลงทุน เมื่อน้องหญิงอยู่ที่บ้าน....คนทั่วไปจะเรียกน้องหญิงอย่างยกย่องว่า.. กุลสตรี...ยกย่องว่าเป็น เพศแม่แต่พอน้องหญิงมาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ ความเป็นกุลสตรีความสูงส่งของเพศแม่มันถูกทำลายไป เขาเรียกน้องหญิงว่า...อีตัว.... เวลาเขาจะหาความสุขจากเรือนร่างเธอ.. เขามารับเธอไป..เขาไม่ได้พูดให้เกียรติเธอเลย... แทนที่เขาจะบอกว่า..มาเชิญเธอไป..เขากลับใช้คำว่า..หิ้วไป ใช้คำว่า..หิ้ว...เห็นเราเหมือนเป็ดเหมือนไก่..ไม่ให้เกียรติเราเลย... เราน่าจะกลับไปอยู่บ้าน...ใช้ชีวิตทำมาหากินเหมือนเดิม.. ถึงแม้จะไม่ร่ำรวยแต่เราก็อยู่อย่างมีเกียรติ... ทุกคนนั่งนิ่ง..ทำตาแดงๆ เป็นโอกาสดีของพระแล้วที่จะดึงเธอมาเป็นพวก..จึงสนทนาสอบถามเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ น้องหญิงหลายคนสักตุ๊กแกไว้ที่ต้นแขน..สักทำไมหรือ.. อ๋อ..เวลาผู้ชายมาใช้บริการ..จะได้จับผู้ชายให้ติด...เพราะตุ๊กแกขามันเหนียวเกาะแน่น..แกะไม่หลุด โอ..หลักการดี..อาตมาเลยแกล้งหยอกไปว่า... ตุ๊กแกมันเกาะแต่ผู้ชายอย่างเดียวหรือ...มันเกาะเอาซุปเปอร์โกโนเรียมาด้วยหรือเปล่า...... ทุกคนเงียบกริบ รอยยิ้มเริ่มหายไป...บรรยากาศชักไม่น่าลงทุนแล้ว.... อาตมาเลยถามต่อ....อ้าว..แล้วบางคนที่สักขอกับเคียวไว้ที่ต้นแขนล่ะ.... มีความหมายว่าอย่างไรก็เอาไว้เกี่ยวสตางค์จากกระเป๋าคนมาเที่ยวไง....... เออ..คนเรานี่มันโง่ดี..ถ้าสักขอกับเคียวแล้วมันเกี่ยวสตางค์ได้จริง... คนไทยทั้งประเทศไม่ต้องมัวเหนื่อยไปทำมาหากินหรอก...สักขอกับเคียวไห้เต็มตัวก็รวยแล้ว ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*



ล้างแค้น... มือปืนเมืองเพชร...เมาแอ๋เข้ามาหาพระมันชูปืนขึ้น..แล้วเดินเป๋เข้ามา หลวงพี่ก็เลยโดดหลบเข้าข้างเสา เพราะพระก็เสียวเป็นเหมือนกัน... มันบอกว่า..หลวงพี่ต้องเป็นพยานให้ผมด้วย... ไอ้แคล้วมันฆ่าพ่อผมตาย..ผมขอสาบานต่อหน้าพระว่า..ผมจะต้องล้างแค้นให้พ่อผมให้ได้... ถ้าผมฆ่าไอ้แคล้วไม่ได้..ชีวิตนี้นอนตาไม่หลับ หลวงพี่โผล่ออกมาจากเสา..แล้วบอกว่า..สาธุ..ขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วยที่คิดจะล้างแค้น คนทั้งศาลาหันมามองหน้าพระเป็นตาเดียว... โธ่...ก็มันถือปืนส่ายอยู่อย่างนั้นจะให้พระทำยังไง... น่าจะเห็นใจพระบ้างนะ....อาตมาก็พูดกับมือปืนต่อว่า.... ล้าง..หมายถึง..ทำให้สะอาด การล้างแค้นเป็นเรื่องดี เรามีความแค้น...แสดงว่า..ความแค้นมันมาเปื้อนจิตใจเรา.. การล้างแค้น...คือล้างที่จิตใจของเราให้สะอาด..ให้ความแค้นมันหมดไปจากใจเรา... การไปยิงเขาตายอีก...เป็นการเพิ่มความแค้น.... ลูกหลานเขาก็ตามจะมายิงมาฆ่าเราอีก..วนเวียนอย่างนี้ไม่จบสิ้น การล้างแค้น..จึงเป็นการอโหสิกรรม..หมดเวรหมดกรรม อาตมาจึงขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วย...พูดเสร็จพระก็หลบไปยืนบังเสาไว้ พระไม่กลัวมันหรอก..แต่พระไม่ประมาท ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*



ใส่บาตรวันเกิด เหล้ากินเข้าไปแล้วก็ขาดสติ...มีเรื่องเล่าว่าวันเกิดของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง กลางคืนเลี้ยงฉลองร่ำสุรากันเต็มที่..เมาแประ..รุ่งเช้าอยากใส่บาตรทำบุญเอาฤกษ์ ขณะตักข้าวจะใส่บาตร ด้วยความเมาทำข้าวหก หมาก็วิ่งกรูกันเข้ามาแย่งกันกินข้าว กัดกันเจี๊ยวจ้าวพันแข้งพันขาจนเดินไม่ได้.. ด้วยความโมโห..เงื้อเท้าเตะหมาเต็มแรง...หมามันก็หลบทัน แต่พระหลบไม่ทัน โดนหน้าแข้งเต็มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ร่วมแย่งข้าวด้วยสักหน่อย ขณะใส่บาตร..รู้สึกว่ากับข้าวที่เตรียมไว้ ไม่พอดีกับพระ แกตะโกนเรียกหลานลั่นเลย.... "อีหนู เอาปลาทูมาอีกสององค์ วันนี้พระมาสี่ตัว..." เหล้ามันทำให้คนกิน..ไม่เป็นผู้เป็นคน..พูดผิด..คิดผิด ทำผิดแล้วยังจะกินมันอยู่อีกหรือ........ ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*




เทศน์รอบดึก


มีอยู่รายการหนึ่ง เขาจัดงานหารายได้เข้ามัสยิด... นิมนต์พระพยอมมาช่วยเทศน์ดึงคนให้หน่อย..เพราะช่วงที่กำลังดังนี้ เทศน์ทีมีคนฟังเป็นหมื่น..พอประกาศชื่อพระพยอมคนสนใจมาก เขาจัดโปรมแกรมให้พระพูดตอนดึก 5 ทุ่มพระก็อยากพูดเร็วๆ พูดเสร็จจะได้รีบกลับ... เขาบอกว่า..ไม่ได้..ถ้าท่านกลับ..คนก็กลับกันหมด..หอยทอด โรตี.. ไก่ย่าง..ยังขายไม่หมดเลย.. เดี๋ยวท่านรอให้ขาย หอยทอด โรตี ไก่ย่างหมดก่อน..ค่อยขึ้นเทศน์ กรรมของพระ...ไม่ควรดังเลยเรา.... ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*



เจ๊กหมดทุนเจ๊กหมดทุน....


มีชายคนหนึ่งอยู่สุไหงโกลก..ชื่ออาฮัง.. อาฮังหรือ..เจ๊กฮัง..ค้าขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท.... ไม่เป็นอันทำมาหากินเลย..พอขาดทุนสี่แสนก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย..... หมดแรง..หมดอาลัยตายอยาก....พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว.. อั๊วขาดทุนหมดแล้ว จนญาติๆระอา...ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหามมาส่งที่วัดสวนโมกข์... อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ 7 ปีพอดี ปรากฏว่า..มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง... นั่งเป็นทุกข์ในท่าเจ๊กหมดทุนท่าเดิม...นั่งบ่น..อั๊วเจ๊งหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว........ อาจารย์พุทธทาสก็เลยเข้าไปถามว่า.... ฮัง...ลื้อขาดทุนแน่หรือ.... แน่ซิครับ...สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง..ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย.... คิดให้ดี...ขาดทุนจริงๆนะเหรอ.... จริงซิครับ...อย่ามาถามยั่วโทสะผมนะ...... อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า...โยมอาฮัง... ที่ลื้อบ่นขาดทุน..ขาดทุนนี่..ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร....... วันที่ลื้อเกิดมานะอาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง..เอ๊ะ..ใครมันจะไปดึงทุนออกมา จากท้องแม่ได้ในวันเกิดนะ พระนี่ถามอะไรแปลกๆ... อาฮังตอบว่า ..ไม่มี.. อาจารย์พุทธทาสท่านก็ถามต่อ...เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม... หม้อหุงข้าวมี..เสื้อผัามีใส่ไหม...มี...บ้านมีอยู่ไหม......มี... ถามอะไรต่อมิอะไร..มันก็ตอบว่า..มีๆๆ... อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า ..อาฮัง...ลื้อไม่ได้ขาดทุนหรอก เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่านั้น. ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*


"คุณพระช่วย"


พวกเราชอบอ้อนวอน..ชอบบนบานศาลกล่าวกันจนเคย.... โดยเฉพาะผู้หญิงขอให้พระช่วยจนติดปากเกิดมีอะไรขึ้น..หรือตกใจอะไร..จะต้องร้องว่า "คุณพระช่วย"..ทุกครั้ง...วันหนึ่ง..อาซิ้มนั่งขายของอยู่ในร้าน... หน้าร้านมีคนมาทำความสะอาดท่อ..แล้วเปิดฝาท่อทิ้งไว้ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินตกท่อ..แล้วตะโกนว่า "ว้ายคุณพระช่วย" อาซิ้มหัวเราะตัวงอ..แล้วเดินออกมาหาหญิงผู้เคราะห์ร้าย พระช่วยลื้อไม่ล่ายหรอก..เพราะเมื่อเช้านี้พระก็ตกเหมือนกัน........ ~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

อู๋ T035 จาก TTC035 202.57.182.17 เสาร์, 1/12/2550 เวลา : 23:20  IP : 202.57.182.17   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 35759

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันจันทร์,23 ธันวาคม 2567 (Online 5698 คน)