คำตอบที่ 1
       Sport Rider

ส่วนรุ่น Sport Rider นั้นเพิ่มความสปอร์ตด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ สี Smoke Chrome ไฟเลี้ยวด้านข้างสีขาว เบาะดีไซน์ใหม่ (มีทั้งหนังและผ้า) วิทยุเทปเป็นแบบ 2 Din พร้อมเครื่องเล่น ซีดี 1 แผ่น สติ๊กเกอร์ดีไซน์ใหม่ทุกจุด
ชอบดีไซน์ของรุ่นไหนเลือกกันได้ตามใจชอบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       สุดยอดนายช่างเมืองเพชรฯ

เมืองพิษณุโลก ครับพี่ ธามทัย จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 6/2/2554 21:24:54 [118.172.134.212]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ภายใน ของรุ่น SPORT CRUISER 4WD

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       รอความรู้ครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       โอแมน ณ ป่ายิ้ม ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

อย่าพึ่งน้อยใจ เก็บข้อมูลมาให้ชม ไปดูได้เลย จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 4/2/2554 8:45:21 [118.172.139.133]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
      

พิมพ์แล้วหาย เย็นๆเดียวมาโพสให้ หรือสงสัยใจร้อนก็โทร 081-2806693 เพราะผมใช้มา 3 คันแล้ว จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 31/1/2554 12:52:18 [118.172.137.27]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       Sport Cruiser 4x2

รุ่น 2.5 E-Limited จะได้เบาะหนังสีทูโทน ดีไซน์ใหม่ล่าสุด แผงคอนโซลเป็นลายไม้ วิทยุเทปเป็นแบบ 2 Din พร้อมเครื่องเล่น ซีดี 1 แผ่น ด้านข้างเสริมความเป็นสปอร์ตปิกอัพด้วยโป่งล้อและสเกิร์ตข้าง ไฟเลี้ยวด้านข้างสีขาวใส สติ๊กเกอร์โลโก้ดีไซน์ใหม่

รุ่น 2.5 E แผงคอนโซลเป็นสีเมทัลลิก เบาะผ้าดีไซน์ใหม ไฟเลี้ยวด้านข้างสีขาว สติ๊กเกอร์ดีไซน์ใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       "คอมมอนเรล ต้องโตโยต้า ดีโฟร์ดี"



เครื่องยนต์ 1KD-FTV 3,000 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 125 แรงม้า (EEC net) ที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ 2KD-FTV 2,500 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 102 แรงม้า (EEC net) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที

ความโดดเด่นของ สปอร์ต ครูสเซอร์ ใหม่ ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตมากขึ้นเท่านั้น แต่อยู่ที่ความแรงใหม่แบบประหยัดของเครื่องยนต์ D-4D ทั้ง 2 บล็อก ทั้งเครื่องยนต์รหัส 2KD-FTV ซึ่งเป็นบล็อกแรกที่เปิดตำนาน D-4D ของโตโยต้าจนกระหึ่มตลาดรถปิกอัพเมืองไทยนั้น และเครื่องยนต์รหัส 1KD-FTV อันโด่งดังของโตโยต้า

เทคโนโลยี "คอมมอนเรล" ไดเร็กอินเจ็กชั่น เป็นระบบที่ทำงานด้วยการเพิ่มแรงดันการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบท่อร่วมรางเดียว หรือ "คอมมอนเรล" ส่งไปยังหัวฉีดได้มากกว่าเครื่องยนต์ไดเร็กอินเจ็กชั่นธรรมดาถึง 8 เท่าด้วยปั๊มน้ำมันแรงดันสูง ฉีดน้ำมันได้ฝอยละเอียดกว่า ทำให้การเผาไหม้หมดจดซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการประหยัดน้ำมัน

ระบบ D-4D คอมมอนเรลจะทำงานร่วมกับระบบ ECU 32 บิท ระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการจ่ายน้ำมันอย่างแม่นยำในทุกระดับความเร็วรอบเครื่องยนต์โดยไม่ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ แต่จะฉีดตลอดเวลาไม่ว่ารอบต่ำหรือรอบสูง ทำให้อัตราเร่งดี สามารถเปลี่ยนเกียร์สูงในรอบต่ำได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบ

การเผาไหม้ที่หมดจดจึงทำให้เป็นเครื่องยนต์ตัวแรกในประเทศไทยที่ผ่านมาตรฐานไอเสียของยุโรป EURO Step III ที่จะบังคับใช้ในปี 2547 แต่โตโยต้านำมาใช้ตั้งแต่ปลายปี 2544 หรือก่อนกำหนดถึง 3 ปี

เมื่อ D-4D ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์แบบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ เทอร์โบ ที่ปกติใส่ไว้ในรถสปอร์ตก็ทำให้เพิ่มสมรรถนะในเรื่องความแรง ทั้งการออกตัว การเร่งแซง รวมทั้งการบรรทุกหนัก จึงกลายเป็นสุดยอดเครื่องยนต์ที่ทั้งประหยัดทั้งแรง

เครื่องยนต์ 2KD-FTV 2,500 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 102 แรงม้า (EEC net) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที ซึ่งนอกจากจะทำให้สปีดต้นดี แรงปลายจัดจ้านแล้ว ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความประหยัดอีกด้วย




สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำการทดสอบรถปิกอัพไฮลักซ์ ไทเกอร์ แบบขับเคลื่อนสองล้อ ที่ใช้เครื่องยนต์ 2KD-FTV D-4D ที่ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. ในสภาพการใช้งานจริง เปิดแอร์ แล้วปรากฏว่ามีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 22.08 กม./ลิตร เมื่อเทียบกับรถโตโยต้ารุ่นเดียวกันที่ใช้เครื่องยนต์ตัวเดิมรุ่น 2L แล้วประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นถึง 21%

ส่วนเครื่องยนต์ 1KD-FTV 3,000 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 125 แรงม้า (EEC net) ที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที ซึ่งอัตราเร่งแซงเป็นเยี่ยมโดยไม่ต้องรอรอบหรือเปลี่ยนเกียร์บ่อย ทำให้มั่นใจในเรื่องความปลอดภัย

และยังคงความประหยัดตามแบบฉบับของเครื่องยนต์คอมมอนเรล โดยจากการทดสอบรถปิกอัพไฮลักซ์ ไทเกอร์ แบบขับเคลื่อนสองล้อ ที่ใช้เครื่องยนต์ 1KD-FTV D-4D ที่ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. ในสภาพการใช้งานจริง เปิดแอร์ แล้วปรากฏว่ามีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 21.71 กม./ลิตร เมื่อเทียบกับรถโตโยต้ารุ่นเดียวกันที่ใช้เครื่องยนต์ตัวเดิมรุ่น 5L-E แล้วประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นถึง 16%

นับว่าเป็นอัตราการสิ้นเปลืองที่ต่ำมากด้วยกันทั้งสองรุ่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       เทคโนโลยี "คอมมอนเรล" ไดเร็กอินเจ็กชั่น เป็นระบบที่ทำงานด้วยการเพิ่มแรงดันการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบท่อร่วมรางเดียว หรือ "คอมมอนเรล" ส่งไปยังหัวฉีดได้มากกว่าเครื่องยนต์ไดเร็กอินเจ็กชั่นธรรมดาถึง 8 เท่าด้วยปั๊มน้ำมันแรงดันสูง ฉีดน้ำมันได้ฝอยละเอียดกว่า ทำให้การเผาไหม้หมดจดซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการประหยัดน้ำมัน

ระบบ D-4D คอมมอนเรลจะทำงานร่วมกับระบบ ECU 32 บิท ระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการจ่ายน้ำมันอย่างแม่นยำในทุกระดับความเร็วรอบเครื่องยนต์โดยไม่ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ แต่จะฉีดตลอดเวลาไม่ว่ารอบต่ำหรือรอบสูง ทำให้อัตราเร่งดี สามารถเปลี่ยนเกียร์สูงในรอบต่ำได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบ

การเผาไหม้ที่หมดจดจึงทำให้เป็นเครื่องยนต์ตัวแรกในประเทศไทยที่ผ่านมาตรฐานไอเสียของยุโรป EURO Step III ที่จะบังคับใช้ในปี 2547 แต่โตโยต้านำมาใช้ตั้งแต่ปลายปี 2544 หรือก่อนกำหนดถึง 3 ปี

เมื่อ D-4D ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์แบบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ เทอร์โบ ที่ปกติใส่ไว้ในรถสปอร์ตก็ทำให้เพิ่มสมรรถนะในเรื่องความแรง ทั้งการออกตัว การเร่งแซง รวมทั้งการบรรทุกหนัก จึงกลายเป็นสุดยอดเครื่องยนต์ที่ทั้งประหยัดทั้งแรง

เครื่องยนต์ 2KD-FTV 2,500 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 102 แรงม้า (EEC net) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที ซึ่งนอกจากจะทำให้สปีดต้นดี แรงปลายจัดจ้านแล้ว ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความประหยัดอีกด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       นอกจากนี้ระบบช่วงล่างของสปอร์ต ครูสเซอร์ 4WD ยังครบเครื่องด้วยระบบที่จะทำให้มีสมรรถนะอันยอดเยี่ยมทั้งในเส้นทางออนโรดและออฟโรด มากมายไม่ว่าจะเป็น

ระบบ A.D.D. Shift on the Fly
ซึ่งเป็นระบบที่สามารถปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ โดยไม่ต้องหยุดรถด้วยเทคโนโลยีตัดต่อกำลังอัตโนมัติ A.D.D. (Automatic Disconnecting Differential) ให้การขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง (แต่ต้องใช้ระบบนี้ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กม../ชม.)
ข้อพึงระวังในการใช้ระบบนี้ในรถออฟโรดก็คือ ต้องใช้ในขณะที่รถวิ่งในแนวระนาบ ไม่ใช่ขณะไต่ทางชันหรือขณะเข้าโค้ง เพราะอาจเกิดความเสียหายได้

ชุดเกียร์พิเศษขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสุญญากาศและกลไก
ระบบนี้ถูกออกแบบขึ้นเพื่อการขับขี่ออฟโรดโดยเฉพาะ ช่วยให้เข้าเกียร์ได้ง่าย ไม่ติดขัด ในยามฉุกเฉิน และไม่กลัวการลุยน้ำเหมือนในระบบไฟฟ้าทั่วไป โดยล้อการขับเคลื่อน 2 ล้อ H2 ยามใช้งานปกติ H4 สำหรับสภาพถนนลื่นหรือขรุขระ และ L4 สำหรับทางลาดชันหรือสภาพแบบออฟโรด

อัตราทดที่ยอดเยี่ยม
ด้วยการออกแบบเกียร์ในตำแหน่ง L4 ให้มีอัตราทดเกียร์ Low เท่ากับ 1 : 2.566 ซึ่งเป็นอัตราทดสูง ช่วยให้รถมีกำลังในการลากจูงสูงเมื่อเทียบกับปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไป

เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (Limited Slip)
เฟืองท้ายแบบนี้ช่วยให้การส่งถ่ายกำลังฉุดของล้อหลังทั้งซ้ายและขวา ในกรณีที่การลุยโคลนหรือติดหล่ม ช่วยเพิ่มกำลังฉุดลากให้พ้นอุปสรรคต่างๆได้อย่างง่ายดาย

สุดยอด Walking Speed และ Engine Brake
จากการออกแบบอัตราทดเกียร์และเฟืองท้ายได้อย่างเหมาะสม เมื่อใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (L4) ด้วยคุณสมบัติของเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงในรอบต่ำ เพียงใช้รอบเดินเบาของเครื่องยนต์ (WALKING SPEED) ก็สามารถข้ามเส้นทางวิบาก ไต่เนินชัน ได้อย่างสบายๆ และเมื่อประกอบกับการใช้เบรกจากเครื่องยนต์ (ENGINE BRAKE) ก็ทำให้การลงเส้นทางที่ลาดชันเป็นไปอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย

ประสิทธิภาพการไต่ทางชันที่เหนือชั้นสปอร์ต
ครูสเซอร์ 4WD สามารถปีนป่ายเนินชันได้ถึง 46.5 องศา โดยที่ยังมีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม มุมวิ่งระนาบเอียงซ้ายสูงสุด 45 องศา และมุมเอียงขวาสูงสุด 44 องศา จึงลุยได้ทั้งทางชันและทางแคบๆ
มุมคร่อมและมุมจากที่ดีกว่าเพิ่มขีดความสามารถในการปีนไต่ และข้ามเนินสูงได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยออกแบบให้มีมุมคร่อมแคบลง ช่วยลดปัญหารถแขวนอยู่บนเนินสูงหรือติดอก และมุมจากที่กว้างขึ้นทำให้ท้ายรถไม่กระแทกกับพื้นขณะไต่เนินชัน

ทอร์ชั่นบาร์และระบบกันสะเทือนหน้าปีกนกคู่ที่แข็งแกร่ง
ติดตั้งทอร์ชั่นบาร์ที่ปีกนกบน ช่วยให้มีการทรงตัวและแรงกดที่ดีขึ้น และปีกนกที่แข็งแกร่งช่วยให้บุกตะลุยได้ในทุกสภาวะ นอกจากนี้เหล็กกันโคลง โช้คอัพหลังทรงกระบอกที่ติดตั้งแบบทะแยงมุมกันและระบบรองรับแบบไทเกอร์เบอร์ลินอาย ทำให้การขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนนและเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ

ระบบ SUPER LSPV
เป็นระบบที่ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกที่ส่งไปยังล้อทั้ง 4 ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุกโดยการตรวจจับของเซ็นเซอร์ที่แม่นยำ ขจัดปัญหาล้อล็อก และเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกด้วยระบบเบรก LTS (Leading Trail System) ปรับตั้งระยะผ้าเบรกอัตโนมัติเพื่อการเบรกที่นุ่มนวลและแม่นยำ

G-Senser
ตรวจสอบและวัดค่าแรงเหวี่ยงของรถในสถานการณ์การขับขี่แบบออฟโรด (H4 และ L4) ทำให้ระบบเบรก ABS อ่านอาการล้อหมุนฟรีได้ละเอียดยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกได้ดีขึ้น
แผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ 3 ตำแหน่ง

ติดตั้งแผ่นกันกระแทกบริเวณจุดสำคัญของรถครบทั้ง 3 ตำแหน่ง คือ ด้านหน้า ชุดเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และถังน้ำมัน ป้องกันการกระแทกบริเวณใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและมั่นใจในการบุกตะลุย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       นอกจากรุ่น SPORT CRUISER 4WD ที่มีการแปลงโฉมใหม่แล้ว โตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ รุ่นอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนโฉมใหม่เช่นกัน เรามาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
C-Cab 4x2

รุ่น 3.0 G-Limited เบาะเป็นเบาะหนังสีทูโทน ดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต แผงคอนโซลลายไม้ดูดีมีระดับ ไฟเลี้ยวด้านข้างสีขาวใส (จากเดิมสีส้ม) เน้นความเป็นสปอร์ตปิกอัพด้วยสเกิร์ตข้าง พร้อมสติ๊กเกอร์ดีไซน์ใหม่รอบคัน

รุ่น 3.0 G, 2.5 E ABS/Airbag และ 2.5E นั้นแผงคอนโซลจะเป็นสีเมทัลลิก เบาะผ้าดีไซน์ใหม่ ไฟเลี้ยวด้านข้างเปลี่ยนเป็นสีขาวที่ดูเรียบแต่เท่ ส่วนสติ๊กเกอร์ดีไซน์ใหม่รอบคัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       C-Cab 4x4

รุ่นนี้แผงคอนโซลจะเป็นสีเมทัลลิก ไฟเลี้ยวด้านข้างสีขาว เบาะดีไซน์ใหม่ (มีทั้งหนังและผ้า) สติ๊กเกอร์ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกของโตโยต้า รถปิกอัพไฮลักซ์ ไทเกอร์ จึงเพียบพร้อมด้วยระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (ACTIVE SAFETY) และระบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน (PASSIVE SAFETY) อยู่เต็มคัน

ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (ACTIVE SAFETY)

นั้นประกอบด้วยระบบเบรก ABS แบบ 4 เซ็นเซอร์ พร้อม G-senser ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ECU เพิ่มความแม่นยำทั้งสี่ล้อ ป้องกันล้อล็อกในทุกสภาพถนนแม้บนถนนที่ลื่น สามารถเบรกหักหลบและควบคุมทิศทางได้ตามความต้องการ พร้อมระบบ SUPER LSPV ที่จะควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกที่ส่งไปยังล้อทั้ง 4 ให้เหมาะสมกับสภาพการบรรทุกด้วยตัวเซ็นเซอร์ที่แม่นยำ แก้ปัญหาล้อล็อกตาย และทำให้การเบรกสมบูรณ์แบบขึ้นด้วยระบบเบรก LTS (Leading Trail System) ปรับตั้งระยะผ้าเบรกอัตโนมัติเพื่อให้เกิดการเบรกอย่างนุ่มนวล

ที่พิเศษจากรุ่นที่แล้วก็คือมีการใส่ไฟตัดหมอกหน้ามาให้เสร็จจากโรงงาน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ขณะที่ทัศนวิสัยไม่ดี เช่น บริเวณที่มีหมอกลงจัด หรือมีควันไฟจากการเผาหญ้าข้างถนนได้มากยิ่งขึ้น

ที่กระจกหลังติดตั้งแผงไล่ฝ้าเพื่อขจัดละอองน้ำที่เกาะอยู่ที่กระจกหลังเพื่อให้มีทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ และติดไฟเบรกดวงที่ 3 ไว้ที่ฝากระบะหลังเพื่อให้รถคันที่ตามหลังมองเห็นได้จากระยะไกล

ส่วนระบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน (PASSIVE SAFETY) นั้นประกอบด้วย โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA (GLOBAL OUTSTANDING ASSESSMENT) ที่เพิ่มความปลอดภัยรอบทิศทาง ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง สามารถดูดซับแรงกระแทกถ่ายเทสู่ส่วนต่างๆ ของโครงรถเพื่อลดความเสียหายและป้องกันผู้ขับขี่ พร้อมเสริมคานเหล็กนิรภัยในประตูรถทั้ง 4 บาน ช่วยลดแรงกระแทกกรณีที่เกิดการชนจากด้านข้าง

ในกรณีที่พลิกคว่ำมีวาล์วตัดน้ำมันอัตโนมัติเพื่อป้องกันไฟลุกไหม้ กระจกหน้าเป็นแบบอัดซ้อนนิรภัยช่วยป้องกันกระจกแตกกระจาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุกระจกจะยึดติดกันเป็นแผ่นไม่เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยเป็นแบบ 3 เซ็นเซอร์ เทคโนโลยีล่าสุดที่จะป้องกันคนในรถได้ภายในเสี้ยววินาที โดยทำงานร่วมกับเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ เพิ่มความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ช่วยลดแรงกระแทกจากการชนด้านหน้าอย่างรุนแรง

ช่วงล่างแกร่ง...แหนบเหนือเพลา

ประสบการณ์การผลิตรถออฟโรดของโตโยต้าทำให้สามารถพัฒนาระบบช่วงล่างที่แกร่งพร้อมลุยในแบบฉบับออฟโรดพันธุ์แท้ ด้วยการติดตั้งชุดแหนบเหนือเพลา ทำให้ตัวถังถูกยกสูงขึ้น ระยะห่างจากพื้นดินก็มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้สามารถขับข้ามอุปสรรคต่างๆได้ง่ายขึ้น ในขณะที่รถปิกอัพทั่วไปยังใช้ระบบแหนบใต้เพลากันอยู่

ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ และทอร์ชั่นบาร์ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นระบบรองรับแบบไทเกอร์เบอร์ลินอาย ประกอบด้วยแหนบแผ่นซ้อนและโช้คอัพทรงกระบอกติดตั้งทะแยงมุมกัน ทำให้มีความนุ่มนวล เข้าโค้งได้มั่นใจ

ระบบเกียร์มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์กระปุก 5 สปีด ซึ่งชุดเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อของสปอร์ต ครูสเซอร์ สามารถเลือกขับเคลื่อนแบบ 4x2 หรือ H2 หรือใช้งานบนเส้นทางออนโรดทั่วไป หรือใช้ที่ตำแหน่ง H4 ในสภาพถนนลื่นหรือขรุขระ และตำแหน่ง L4 เมื่อต้องเผชิญอุปสรรคหนักๆ ในเส้นทางออฟโรด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       ด้านหลังรุ่น SPORT CRUISER 4WD

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       NEW ! TOYOTA HILUX TIGER SPORT CRUISER 4WD D-4D COMMONRAIL รูปลักษณ์ใหม่...สปอร์ตออฟโรดพันธุ์แท้



การเปลี่ยนโฉมของโตโนต้า ไฮลักซ์ สปอร์ต ครูสเซอร์ 4WD ครั้งนี้ได้พลิกมิติสู่ความเป็นสปอร์ตออฟโรดตัวจริงมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสาร และสมรรถนะที่แกร่งแบบออฟโรดพันธุ์แท้ ก็พร้อมจะเป็นพาหนะคู่ใจของคนรุ่นใหม่ที่รักการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างยิ่ง...

ความฉับไวและกล้าหาญที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดนับว่าเป็นจุดแข็งที่ทำให้โตโยต้ากลายเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกรถยนต์ยุคปัจจุบัน

การพลิกเกมตัดสินใจนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ "คอมมอนเรล" มาใช้กับรถปิกอัพโตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ เมื่อปลายปี 2544 นั้น แม้จะต้องทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อลงทุนและพัฒนา แต่ก็นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของโตโยต้า เพราะความประหยัดน้ำมันแต่แรงของเครื่องคอมมอนเรล "ดีโฟร์ดี" ไปโดนใจผู้ใช้รถปิกอัพเมืองไทยเข้าเต็มๆ ทำให้โกยยอดขายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และทำให้โตโยต้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "คอมมอนเรล ต้องโตโยต้า ดีโฟร์ดี"

ช่วงแรกนั้นโตโยต้าส่งขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์รหัส "2KD-FTV" 2,500 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็กอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ ที่เน้นจุดเด่นเรื่องความประหยัดน้ำมันและความแรงเบ็ดเสร็จในคันเดียว

ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ แต่รูปลักษณ์ก็ดีไซน์ใหม่ถอดด้าม ดูบึกบึนสไตล์ออฟโรด และแฝงความเป็นสปอร์ตปิกอัพเอาไว้อย่างลงตัว

หลังจากนั้นได้ส่งเครื่องยนต์รหัส "1KD-FTV" 3,000 ซี.ซี. ดีโฟร์ดี ระบบคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็กชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว เทอร์โบ มาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยเปลี่ยนแค่เครื่องไม่ได้เปลี่ยนโฉมใหม่

แต่ในที่สุดโตโยต้าก็ส่งโตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ โฉมใหม่ ที่ดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ชนิดยกเซ็ตไม่ว่าจะเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ ไปจนถึงโตโยต้า ไฮลักซ์ ไทเกอร์ สปอร์ต ไรเดอร์ออกมาแล้ว




 แก้ไขเมื่อ : 4/2/2554 8:12:16

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       เรามาดูกันว่ามีการปรับเปลี่ยนในจุดไหนกันบ้าง

SPORT CRUISER 4WD โฉมใหม่ สปอร์ตยิ่งขึ้น โฉบเฉี่ยวกว่าเดิม

โตโยต้า สปอร์ต ครุยส์เซอร์ 4 ประตู รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ถูกดีไซน์ใหม่ให้มีความเป็นรถสปอร์ตออฟโรดมากยิ่งขึ้น โฉบเฉี่ยวกว่าเดิม เพื่อสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่รักชีวิตอิสระ ชอบการผจญภัย และชื่นชอบรถสไตล์สปอร์ตโดยเฉพาะ

กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ให้ดูบึกบึนยิ่งขึ้นด้วยการขึ้นรูปช่วงกลางของกันชนยื่นออกข้างหน้าแบบเดียวกับบูลบาร์ และติดตั้งไฟตัดหมอกฝังไว้ในกันชนมาให้เสร็จจากโรงงาน ซึ่งรุ่นที่แล้วยังไม่มี กระจังหน้ายังคงคมเข้ม บึกบึน เน้นขอบกระจังด้วยโครเมียม รับกันดีกันกนชนหน้า ฝากระโปรงดูโค้งเว้ามีเนินนูนสะดุดตา

ไฟหรี่ที่เข้าชุดอยู่ในไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ที่ให้การส่องสว่างที่ชัดเจน กว้างไกล ทำให้มีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีและปลอดภัย ไฟเลี้ยวด้านข้างเปลี่ยนเลนส์จากสีส้มในรุ่นเดิมมาเป็นสีขาวที่ดูเรียบง่ายแต่เท่ บันไดข้างอะลูมิเนียมสไตล์ออฟโรด เสริมความหล่อด้วยล้อแม็กขอบ 15 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้าง 255/70 เสริมรูปลักษณ์ให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น

ประตูทั้ง 4 ออกแบบเส้นสายได้กลมกลืนลงตัว สติ๊กเกอร์ด้านข้างดีไซน์ใหม่เสริมมาดแกร่งแบบออฟโรดจอมลุย ส่วนของกระบะก็มีดีไซน์ในสไตล์สปอร์ต ฝากระบะท้ายมีไฟเบรกดวงที่ 3 เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนสติ๊กเกอร์ที่ติดด้านท้ายเป็นดีไซน์ใหม่ของรุ่นสปอร์ต ครูสเซอร์ 4WD โดยเฉพาะ

เทคนิคการเทินแหนบเหนือเพลาทำให้ได้ความสูงเพิ่มขึ้น ดูหล่อเหลาสมกับเป็นสปอร์ตออฟโรดขนานแท้ ทำให้โดดเด่นเตะตาเมื่อวิ่งอยู่บนท้องถนน

ภายในของ สปอร์ต ครูสเซอร์ 4WD ก็ถูกดีไซน์ใหม่ในคอนเซ็พท์ที่ดูสปอร์ต หรูหรา กว้างขวาง ทันสมัย มีความสะดวกสบายสไตล์รถเก๋ง มีพื้นที่เก็บสัมภาระเต็มพิกัด การขับขี่สะดวกสบาย ผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั่งกันสะดวกสบายในทุกท่วงท่า

แผงคอนโซลหน้าสีเมทัลลิกวางตำแหน่งอุปกรณ์และมาตรวัดระยะทางแบบดิจิตอลไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย คันเกียร์อยู่ในตำแหน่งใกล้มือ ใช้งานง่าย พวงมาลัยเพาเวอร์แบบ 4 ก้านปรับระดับได้ ตอบสนองฉับไว เบาะดีไซน์ใหม่มีทั้งแบบหนังและผ่า กระจกมองข้างโครเมียมปรับด้วยไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก ที่ปัดน้ำฝนปรับตั้งเวลาได้ กระจกมองหลังเป็นแบบลดแสงสะท้อน กระจกหลังมีแผงไล่ฝ้า และมีวิทยุ-เทป แบบ 2 Din พร่อมเครื่องเล่นซีดี 1 แผ่น เพื่อความเพลิดเพลินยามขับขี่

และถ้าเป็นรุ่น 3.0 G-LIMITED AUAUTO ก็จะมีออปชั่นพิเศษเป็นเบาะหนัง ชุดตกแต่งลายไม้ และวิทยุ 2 Din พร้อมเครื่องเล่นซีดีแบบ 1 แผ่น

 แก้ไขเมื่อ : 4/2/2554 8:13:13

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       แน่นเปรี๊ยะเลยครับพี่โอแมนฯ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       อ่านจบ หวังว่าคงเข้าใจนะครับว่าทำไมผมถึงเลือใช้รุ่นนี้ มาแล้วถึง 3 คัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       ตามที่คุณ โอแมน ณ.ป่ายิ้ม ว่าไว้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       หลายคนอยากทราบเหตุผลจริง ทำไมไม่ซื้อวีโก้มาใช้ซึ้งใหม่กว่า
1. ห้องโดยสารตอนหน้าของวีโก้แคบกว่า แต่ตอนหลังนั่งสบาย อันนี้ไม่เถียง แต่ผมเป็นคนขับ ยังไงคนขับต้องสบายกว่าเพราะเหนี่อยกับการขับรถมากกว่า
2.รูปลักษณ์ยังไม่ถูกใจ แถมตัวถังบางมากเกินไป มีชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกในการประกอบรถมากเกินไป เช่นกันชน
3. การทรงตัว สู้ไทเกอร์ ดี4ดีไม่ได้ ระยะเบรคไทเกอร์ทำได้ดีกว่า
4. น้ำหนักตัวรถไม่สมดุลกัน น้ำหนักตอนหน้ามากเกินไป ทำให้เวลาเบรคกระทันหัน หักหลบสิ่งกีดขวาง ทำให้รถเสียการทรงตัว อาจพลิกคว้ำได้มากกว่า
5. ระบบช่วงล่าง บอบบางเกินไปที่จะเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ คอม้อม้าเล็ก ปีกนกบาง คดง่ายเวลาลุยหนักๆ
6.ระบบเพลาขับหน้ามีระยะยืดน้อยเกินไป ทำให้เวลาบิดตัวเวลาลุย และยุบตัว ทำให้เพลาหลุดได้ เจอประจำ
7. ระบบกันกระแทกใต้ท้องรถ ไม่มี เช่น ถังน้ำมัน เกียร์สโล ด้านหน้าให้มาก็บางเกินไป
8.ระบบเบรค ยุคแรกๆไม่ดีพอสำหรับเครื่องแรง และเร็ว แต่ยุคหลังๆพัฒนาดีขึ้น แต่ยังเสียการทรงตัวอยู่ดี
9.กันชนหน้า และคัชชีตอนหน้า บาง เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย อาจจะต้องลากเข้าอู่เลย เพราะรับแรงกระแทกอะไรไม่ได้เลย เจอรังผึ้งแอร์ และหม้อน้ำเต็มๆ
10.อะหลั่ยที่ยี่ปุ่นไม่มี เทียบกับพราโด้95 นิวเชิพ 185 ก็ใช้ได้บางตัวเท่านั้น ต้องเบิกห้าง บางอย่างแพงเกินเหตุ เช่นล๊อคกล่อนประตูทำด้วยพลาสติก เสียง่ายถ้าปิดแรงๆ


*** 10 เหตุผล นี้แหละ ที่ดี4ดีมีให้มากกว่า เพราะราคาป้ายแดงแพงกว่าหลายหมื่นบาท เบาะหนังแท้ ลายไม้ และอีกมากมายที่มีจากข้อมูลด้านบน ที่วีโก้ไม่มี


 แก้ไขเมื่อ : 6/2/2554 21:56:47

 แก้ไขเมื่อ : 7/2/2554 9:06:52

วีโก้ดีอย่างเดียว คือเครื่องแรงงงงงงงงงงมากกกกกกกกก จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 6/2/2554 21:54:18 [118.172.134.212] ชอบd4dมากกว่า ทนอึดของเล่นหาง่ายไม่แพงเชียงกงเยอะใช้ของรุ่นอื่นแทนได้ ใส่กล่อง 4500บาทก็วิ่งแล้ว จาก : ดงพญาเย็น(ดงพญาเย็น) 17/8/2556 20:37:43 [183.89.69.136]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       เยี่ยมยอดครับพี่ แต่ขอรบกวนเพิ่มข้อที่อยากทราบเพิ่มเติมหน่อยครับ...จะเสียตังค์แระ ถูกใจ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       กระจ่าง ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ตัดสิ้นใจไม่ผิดที่คิดเอา tiger d4d ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ตัดสิ้นใจไม่ผิดที่คิดเอา tiger d4d ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ขอJamหน่อยครับคุณOmanว่าตัว2500อยากจะเปลี่ยน เทอโบร์ใช่ของตัว3000ได้ป่าวครับมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

เสียคือเสียตังเพราะมันไม่จบแค่เทอร์โบ พ่วงกล่อง+ดันรางอีก ไม่งันเทอร์ที่ใส่ไปก็ไม่มีผลอะไร จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 10/2/2554 8:02:25 [182.53.211.46]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       คันแรกของผม 1 KZ-TE โฉมดี4ดี 4 ประตูปี 2001 เกียร์ธรรมดา สีนี้แหละ ซื้อมือ 2 มา เพราะมือ 1 ไม่มีแล้ว
ซื้อปี 2002 ราคา 640000 ไมล์วิ่งได้ 6 หมื่นโล รถ 9 เดือน เหตุผลที่ใช้รุ่นนี้เป็นตัวท๊อบ เบาะหนัง แอร์แบรค เอบีเอส แล้วตอนนั้น แรงมากๆๆ ใช้ 2 ปีกว่าขาย
คันที่ 2 ดี4ดี 3000 ออโต้ ปี 2003 จดปี 2004 สีเหมื่อนเดิม ราคา 520000 เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนเพราะช่วงนั้นรับงานหนัก โรดปวดหลังกำเริบ เลยต้องขับเกียร์ออโต้ เพราะขาข้างซ้ายเน็บกิน ไม่มีแรง
คันนี้อยู่นานหน่อย ออกมาได้ 1 กว่าๆก็เริ่มเข้าวงการออฟโรด(ความจริงเล่นมานานแล้ว)วางคาน ยางใหญ่ เปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนเกียร์ จนได้เป็นตำนาน KZ -185 อยู่ในกระทู้เพื่อน KZ และก็ขายออกไปเพราะต้องการใช้เงินทำธุรกิจ
คันที่ 3 รุ่นเดิม สีเดิม ปี 2004 ราคา 425000 เพราะไม่รู้จะใช้รถอะไรที่ดีกว่านี้ ไม่อยากเปลี่ยนการขับขี่ใหม่ ตอนนี้ต้องครอบครัวเป็นหลักแล้ว ต้องขับเดิมไปก่อน ว่าจะไม่แต่งอะไรแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ยากสร้างหนี้ขึ้นมาอีกครับ




 แก้ไขเมื่อ : 8/2/2554 20:39:07

 แก้ไขเมื่อ : 8/2/2554 20:40:24

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       up>>>>>>

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ของพี่มีตัวไหนบ้างครับพี่โอเเมน ณ. ป่ายิ้ม และพี่ท่านอื่นๆ หมายถึง 2.5 S E G หรือ 3.0 เกียร์ ออโต้ หรือธรรมดา ปี....พอได้เป็นแนวทางหน่อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
      
รถพี่โท้ง จาก "เพื่อน...KZ"

ขั้นแรก ยก 5L ลงวางแทน ด้วย 1KZ-185 inter บน คันเร่งสาย...

ช่วงล่างหน้า ยังเป็นปีกนก....

 แก้ไขเมื่อ : 12/2/2554 9:13:54

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       ถ้าเป็นไปได้อยากให้ใช้ 3.0 เกียร์ออโต้ ขับสบายกว่าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย