คำตอบที่ 1
       3.0 auto ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ฝากไว้เป็นแนวทางนะครับ......เครื่องแรงไว้ก่อนเป็นต่อ (ถ้าชอบยางใหญ่ๆ)
....ส่วนตัวผมใช้ 2,500 d4d 4wd M/T กันชนเหล็ก หน้า-หลัง บันได-ไซค์เรียล รอบคัน เฟือง 8:39 ยาง 33"ก็ถือว่า O.K. อยู่นะครับ ทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กม/ชม (เครื่อง 2.5 d4d เฟือง 8:39 ยาง 33"ไมล์จะเร็วกว่าปกติประมาณ 10%ครับ) ความเร็วเฉลี่ยที่ 100 กม/ชม อัตราบริโภคอยู่ที่ 11 กิโล/ลิตร ตอนนี้ถือว่าพึงพอใจอยู่ครับสำหรับการบริโภค แต่โปรเจคต่อไป ว่าจะเปลี่ยนเป็นยาง 35"ยังไม่รู้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าไงก็ลองพิจารณาดูครับ

โครงการของพี่ ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ ได้ยังไงขอเป็นความรู้ด้วยนะครับ จาก : shoguntui(shoguntui) 28/8/2554 10:20:06 [183.88.80.146]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
      
ไม่ว่าอย่างไร หากจะทำเพื่ออนาคต ...ดันขึ้น 3.0 Auto ให้ได้ครับ ...แล้วจะรู้ว่า เพียงพอกับความต้องการ เพราะ 2.5 D4D Auto แต่ลุยเทพๆ ก็มีเหมือนกัน เจ้าของรถท่านนี้ แกก็วนๆ เวียน ในบอร์ดนี้แหล่ะครับ ..หากจะบอกว่า "พลัง" ของเครื่องยนต์มีผลน้อยก็คงไม่ใช่ ฝีมือสำคัญกว่าก็จริง แต่หากฝีมือดี แล้ว มีพลัง ด้วย คิดดูว่าจะเถิดเถิงไปไหนล่ะครับ....

อย่างไร กำลังที่ดีกว่า ย่อมเป็นต่อสำหรับรถที่ต้องการรอบต่ำ แรงบิดสูงอย่าง 4x4 ครับ.... !!

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เชียร 2.5 MTสิคับ เพราะใช้อยู่ ดิ้นไม่ไหวก็วินซ์เอา หนุกๆขำๆ
ความเร็วเราไม่ค่อย need ครับ สัก 120-130 ก็พอเพียงล่ะครับ ยกสูงยาง35 แค่นี้ก็จายหวิวๆแล้วครับพี่ เข้าพื้นที่ก็แค่ 10-20 กม/ชม
ถ้าจะเร็วแรงกว่านี้ สงสัยต้องเปลี่ยนแนวล่ะจ้า
อันนี้แค่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะจ๊ะ
เพราะทางทีมงานใช้รุ่นนี้ทั้งทุกคันเลย สวยคับสวย 555

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       เชียร์เครื่องสามพันครับ เพราะยังไงพื้นฐานของเครื่องยนต์สำคัญที่สุดครับ ถ้าตามธรรมชาติของเครื่องยนต์ที่ความจุเยอะ ก็ย่อมที่จะให้กำลังดีกว่าเครื่องยนต์ที่ความจุน้อยกว่าครับ (ถ้าเทียบกับสเปคเครื่องที่ไม่มีอะไรมาเป็นตัวช่วยอย่างเทอร์โบนะครับ) ยิ่งถ้าวิ่งต่างจังหวัดทางไกลๆบ่อยผมว่าเครื่องสามพันยังไงก็ดีกว่า เพราะในความเร็วที่เท่ากัน มันใช้รอบต่ำกว่าเครื่องสองพันห้าแน่นอน ซึ่งมีผลต่อความประหยัดน้ำมันด้วย แต่ถ้าวิ่งในเมืองรถติดๆก็กลับกันครับ (อันนี้คงไม่มีใครเถียงว่าไม่จริง) ลองเอากระทู้นี้ไปอ่านดู

http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/shtml/18732.shtml

เป็นที่น่าเสียดายครับว่ารถกระบะดีๆอย่างนิสสัน กับ ฟอร์ดเรนเจอร์ตัวใหม่ที่จะนำเข้ามา หรือ ปาเจโร่สปอร์ต (ไม่เกี่ยวกับไทรทันนะครับ) ที่ยกเลิกไม่ทำเครื่องสามพันสองแล้ว เขาหันไปใช้เครื่องยนต์สองพันห้า มาทำตลาดกันหมดเลยครับ แต่...เพราะนั่นมีตัวช่วยคือเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งถ้าคิดกลับกันว่า ถ้านาวาร่ามีเครื่องสามพัน มันก็ต้องดีกว่าเครื่องสองพันห้าอยู่แล้ว เรื่องประหยัดหรือไม่ประหยัดมันก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและอุปนิสัยในการขับขี่ของคุณด้วยนะครับ แต่ถ้าถามผมนะ ถ้าวิ่งตจว.ไกลๆ เครื่องสามพันกับสองพันห้าก็กินน้ำมันเกือบพอๆกัน เผลอเครื่องสองพันห้าจะกินมากกว่าด้วย)

ส่วนฟอร์ด ก็ร่ำๆว่าจะไม่เอาเครื่องสามพันสองมาทำตลาดบ้านเราหรอก เพราะภาษีแพงเมื่อคุณซื้อสี่ประตู (สรรพากรจะตีความเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่คิดอัตราภาษีตามซีซีรถ ไม่ใช่กระบะบรรทุกที่คิดอัตราตามนน.ตัวรถ ซึ่งถ้าคุณเน้นบรรทุกด้วย ขับไปไหนมาไหนแค่คนเดียวหรือไม่เกินสามคน ก็เครื่องสามพันตัวแค๊ปครับ)

โชคดีในการตัดสินใจนะครับ


 แก้ไขเมื่อ : 27/8/2554 10:45:22

แก้ไขเพิ่มเติมนะครับ ได้ยินว่าฟอร์ดตัวใหม่เอาเครื่องเบนซิน 2.0 กับดีเซล 2.2 มาทำตลาดครับ จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 27/8/2554 10:51:16 [103.1.164.199] ยังไงลองตามข่าวอีกที เพราะผมฟังเซลล์สองคนพูดในงานหม้อเธอโชว์ ก็พูดไม่เหมือนกัน จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 27/8/2554 10:51:52 [103.1.164.199]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ขอบคุณ ทุกๆท่านสำหรับความคิดเห็นและความรู้ดีๆที่มอบให้ครับ
ขอถามต่ออีกเลยครับ
อืม!!! ชักสงสัยแล้วสิครับ เคยไดยินมาว่า ทอร์ค ออโต้มันเอยะกว่า แมนวล เป็นอย่างไรชี้แนะด้วยครับ และอีกอย่าง ถ้าสมมุตินะครับว่าผมได้เกียร์
แมนวล มาชนแทนออโต้เดิม นั้นมันสามารถใส่ได้เลยไหมครับ แล้วฟลายวีลมันสามารถรองรับกันได้พอดี ไหม๊ อีกอย่างครับเกียร์ RBหรือ เกียร์ VIGO อะไรประมาณนี้แหละเคยได้ยินมาจากสนามแข่ง แดรก ว่ามันสามารถใส่ได้ มันเป็นอย่างไรชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ






 แก้ไขเมื่อ : 27/8/2554 13:34:12

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
      
ที่ฟังมาคงผิดแน่ครับ เรื่อง ทอร์คที่ว่า .....

เพราะ กำลังทอร์ค มาจากเครื่องยนต์ล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับเกียร์ ....แต่หาก แรงบิดลงล้อ แล้ววิ่งผ่านอัตราทดเกียร์ลงมาแล้ว นี่ อันนี่เกี่ยวกับเกียร์แน่ๆ ครับ เพราะมันผ่านอัตราทดตัวคุณกันลงล้อแล้วเรียบร้อย ...

ผมยืม E-mails ที่ผมคุยกับ น้องม้าเขียว มาฉายซ้ำอีกรอบแล้วกันนะครับ ...เพราะขี้เกียจพิมพ์ .... ส่วนเกียร์ RB หรือ VIGO มันใส่กันได้หมดแหล่ะครับ หากจะทำ ปัญหาคือ ทำไปเพื่ออะไร?? ...เกียร์ R 151 F (5L) หรือ R 155 F (KZ) มันยังดีไม่พอ ....เกียร์ RB เป็นเกียร์ที่เก่าเอาเรื่อง ..หากถามหาเอาทนในสยามแข่ง ผมไม่เกี่ยง ...แต่เกียร์ RB มันแก่กว่า R 151 F อีกนะครับ ....แถมแรงบิดน้อยกว่าเครื่อง 5L ด้วย !!! ..... ดังนั้น เจอเกียร์ R 155 F ของ KZ ผมถือหางตัวหลังครับ เพราะมันทานแรงบิดระดับ 34-36 kg.m ได้สบายๆ ...แต่ RB ทนได้แค่ 24 kg.m เท่านั้น ...ดังนั้น ผมถึงถามว่า ทำไปเพื่อ...??

ข้างล่างเส้นประนี้ ....
เป็นประเด็นที่น้องม้าเขียวถามผมมาเรื่องเครื่อง 5L ...แลเรียงเฟืองคัรบ มันมีประเด็นเรื่องกำลังบิด (ทอร์ค) ที่ผ่านเกียร์ด้วย ลองทำความเข้าใจดูครับ.....
------------
อ้าวววว .....ว่าไง น้องม้าเขียว

รอจนหง่อมละม้าง ....โทดทีๆ ช่วงนี้ งานเต็มๆ ..ก็ไม่เชิงนะ แต่ มันทำไม่เสร็จสักกะที งง งง ตัวเองอยู่เหมือนกัน งานเดิม แก้ไปแก้มา อยู่นั่นแหล่ะ..เลยเซ็งๆ อยู่เนี่ย

เอ้า มาเช้าประเด็นเรากันดีกว่า ......

เอา ประเด็นแรกก่อน .....เครื่อง 5L อย่างที่ผมเคยบอก มันเป็นแนวคิดของงเฮียโตเค้าที่อยากจะเพิ่มแรงบิด โดยที่สมัยนู้นยังหวังเอาดีกะ Turbo ที่ทำงานรอบต่ำได้ยาก ...ดังนั้น เลยใช้วิธีขยายบล็อคเพื่อเพิ่มความจุเพื่อเพิ่มแรงบิดแทน ซึ่งก็ได้ผลดี ในเครื่อง 3L (2.8L) และก็เอามาทำอีกทีใน 5L แต่ไอ้ที่แย่ คือ มันดันใช้เสื้อเดิมๆ และ ฝาเดิมๆ .... ซึ่งเดิมๆ ของมันเอง ก็ไม่ได้ หนามากมายอะไร หากเปิดฝามาดูเสื้อของ 5L จะบางจ๋อยเลย เพราะมันเอาเครื่อง 3L มาคว้านเพิ่ม ...และอย่างที่เราๆ รู้ เหล็กยิ่งบาง ยิ่งสะสมความร้อนมากกว่าเหล็กหนา ...ดังนั้น เครื่อง 5L แค่เดิมๆ มันก็แทบจะมีปัญหาเครื่องความร้อนเป็นทุนอยู่แล้ว

ซึ่ง บล็อค 5L ยัน 5L-EFI ...ไม่เคยมีรุ่นที่เป็น Turbo นะน้องม้าเขียว??? Series L ค่ายพี่โต มีแค่ 2L เท่านั้นแหล่ะ ที่มีเครื่องรุ่น Turbo โรงงาน!!!

ดังนั้น มันจะมีได้ ก็ต่อเมื่อ มันเอาชุด Turbo Kit มาลง ....ซึ่งก็เห็นหลายค่ายอยู่ อย่างของ AXT แต่ไม่ค่อยหลุดมาบ้านเราหรอก.... หากเป็นอย่างนี้น่ะ พอเชื่อได้ว่า มันมี 5L Turbo kit....
ซึ่งจะ kit หรืออะไรก็ตามแต่ ...กำลังอัดที่เพิ่มขึ้น และค่าความร้อนแฝงที่มาพร้อมกับเจ้ากังหันนรก ...คงต้องบอกว่าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เรื่องความร้อนสำหรับ เครื่อง 5L ......

ส่วน 5L กับ 5L EFI ...มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมายนักหรอก ..EFI ก็ มีปั๊มไฟฟ้า มาจ่ายน้ำมันให้หัวฉีด เท่านั้นเอง โดยที่ไม่มีปั๊มธรรมาดา ที่กินแรงเครื่อง ผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ง่ายโคตรๆ เพราะไม่มีปั๊มมาฉุดแรงเครื่อง ก็ได้กำลังส่วนนี้กลับมาตรงๆ (เออ.... ง่ายดีเหมือนกัน) ส่วนที่สอง คือ การจ่ายน้ำมันทำได้แม่นยำมากขึ้น เพราะมันสั่งด้วยไฟฟ้า ดังนั้น ความเร็วในการสั้งงงานและตอบสนอง มันก็ต้องคนละเรื่องกับ เครื่อง Mechanic Pump อยู่แล้ว ซึ่งส่งผลในแง่ความประหยัดมากขึ้น กับอัตราเร่ง ที่ตอบสนองเท้าได้ดีขึ้น (...นั่นหมานถึงว่า เครื่องต้องมีแรงมาตอบสนองด้วยนา....) จบ..... ง่ายๆ สำหรับ 5L EFI.....

คราวนี้ มาที่ว่าเรื่อง เปลี่ยนลูกปั๊ม ...สำหรับเครื่องปั๊มธรรมดาอยู่แล้วอย่างของเรา ...เอาไปทำเลย อันนี้พี่หนับหนุน แต่ทำมาแล้วอย่างหวังเรื่องประหยัด ...เพราะทำมาแล้ว เครื่องจะได้กำลังเพิ่มขึ้น ไม่ได้ประหยัดเพิ่มขึ้น เพราะหน้าตัดลูกสูบโตขึ้น ปริมาตรในการอัดฉีดน้ำมันมากขึ้น ส่งน้ำมันเข้าห้องเผามากขึ้น ...แน่นอน แรงขึ้น เพราะเครื่องได้น้ำมันมากขึ้น ...ดังนั้นใครบอกว่า ขยายลูกปั๊มแล้ว ประหยัดขึ้น ก็ อืมมมมม ...ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำไงกะช่าง ก็แล้วกัน !! น่าจะหายคาใจกับประเด็นทำปั๊มเนอะ.....

..ต่อมา (..วิ่งหนีเด่ะ จะอยู่ให้มันต่อยเอาเรอะ ก๊ากกกก กั่กๆๆๆ)
เรื่อง อัตรราทดเกียร์ และอัตราทดเฟืองท้าย .....เรื่องนี้ไม่มีอะไรเข้าใจยากเลย ไม่ได้แตกต่างจาก ทดเสตอร์มอไซค์ หรือ เกียร์รถเสือหมอบหรอก....

หากคิดง่ายๆ เอาที่เกียร์ ก่อน ...มาดูอัตราทดเกียร์ของ 5L ที่ใช้ชุดเกียร์ R 151F กัน

1st Gear 4.313 : 1
2nd Gear 2.303 : 1
3rd Gear 1.436 : 1
4th Gear 1.000 : 1
5th Gear 0.838 : 1

ดังนั้น หากเราอยู่ที่เกียร์ 1 เลย เราวิ่ง ที่รอบเครื่อง 1500 รอบ รอบเพลา หลังจากผ่านเกียร์ 1 จะอยู่ที่ 1500/4.313 = 347.78 รอบ โดยยังไม่คิด ถึงอัตราทดเฟืองท้าย ....เอาตรงนี้เก็บไว้ในใจก่อน

หากอัตราทดเฟืองท้ายเดิมๆ ของ 5L เลยจะอยู่ที่ 9/41 หรือ 4.55 ...เราก็เอา อัตราทดนี้แหล่ะ เข้าไปคูณหลังจากที่ได้รอบผ่านเพลาเลย คือ .. 347.48 x (1/4.55) = 76.43 รอบ นั่นคือรอบที่ลงล้อ ....

หากได้เรื่องอย่างนี้ เก็บไว้ในใจก่อน ....
แล้วมันเกี่ยวกับแรงบิดยังไง ....มาดูกัน

หากว่าด้วยเรื่องแรงบิด คิดง่ายๆ ... หาก เฟืองกำลัง เล็ก หมุน เฟืองตามใหญ่ รอบจะช้า แต่แรงบิดจะสูง และ ในทางกลับกัน หาก เฟืองกำลัง ใหญ่ ไปหมุน เฟืองตามเล็ก รอบจะสูง แต่แรงบิดจะต่ำ ...คราวนี้พอได้กลิ่นเลาๆ ไหมว่า จะเป็นยังไงต่อ
หากว่าแรงบิดเครื่อง 5L เลย อยู่ที่ 19.5 Km-m ...เรามาคำนวนแรงบิดผ่านเพลากัน...

หากใช้เกียร์ 1 และเฟืองท้ายตามที่เขียนมา ....เราจะได้แรงบิดลงที่ล้อหลังเท่ากับ 19.5 x (4.313) x 4.55 = 382.67 Kg-m ...และลองไล่เรียงกันไปตาม ลูกเกียร์ จะได้ผลเป็น

19.5 x (2.303) x 4.55 = 204.33 Kg-m
19.5 x (1.436) x 4.55 = 127.41 Kg-m
19.5 x (1.000) x 4.55 = 88.72 Kg-m
19.5 x (0.838) x 4.55 = 74.35 Kg-m

แล้ว แต่ละรอบลงล้อ ...ก็คูณเอาเองเน้อ ไม่ได้มีเวลา ทำลง Excel ให้ ...ไม่งั้นจะเห็นง่ายกว่านี้ ...ดังนั้น เราจะเห็นว่า อัตราทดสูง รถจะได้แรงบิดมาก แต่รอบล้อต่ำ ดังนั้น รถเลยวิ่งได้ไม่เร็ว หากอัตราทดต่ำ รถจะได้แรงบิดน้อยลง แต่รอบล้อสูงขึ้น รถก็วิ่งได้เร็วขึ้น และทั้งหลายทั้งปวง ก็จะแปรผันตรงกับความเร็วรอบเครื่อง ...ก็ง่ายๆ อย่างนี้นั่นเอง! ...หากเรามีความคิดจะเรียงเกียร์ใหม่ หากทำได้ดี เข้ากับนิสัยการขับขี่ ..อ่านดีๆ นะ ..ผมบอกว่า เรียงเกียร์เข้ากับนิสัยการขับขี่ของเรา ...เราก็จะรู้สึกว่า รถวิ่งได้กระชับขึ้น เร่งได้ต่อเนื่องมากขึ้น ...แต่อาจจะต้องเปลืองมือขยับเกียร์มากว่าเดิม หรือเหยียบครัชเปลี่ยนเกียร์บ่อยขึ้น ...ก็ว่ากันไป

ดังนั้น หากเรียงเกียร์ใหม่มา ...ผมการันตีไม่ได้นะ ว่า รถเราจะวิ่งได้ดีขึ้น !! .... แน่นนอน เราทำอะไรลงไป มันก็ต้องอยู่ในเงื่อนไข "การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม" (....โห มาเป็น Full Metal Achemist - แขนกลคนแปรธาตุ เลยอ่ะ)
ส่วนการเปลี่ยน ปลายเฟืองเกียร์ 5 ของ D4D มันใช้อัตราทดเกียร์ 5 ที่ 0.753 ....แน่นอน รอบปลาย 5L (เดิม 0.838) หลังจากเปลี่ยนมันต้องไหลขึ้นแน่ เพราะอัตราทดมันลดลงนี่นา .... ที่ไม่เอาของ Vigo มาเพราะมันแทบไม่เห็นผล เพราะ Vigo ใช้อยู่ที่ 0.81 ต่างจากของ 5L นิดเดียว ...ถึงเปลี่ยนลงไป ก็คงแทบไม่รู้สึก รอบเครื่องก็คงลดได้ราวๆ 50-100 รอบละมัง ....ดังนั้น จะทดลงของ Vigo ทำไม....??

แต่หากเปลี่ยนปลายเกียร์ 5 มาจริงๆ ก็ต้องทำใจว่า ต้องใช้รอบปลายของเกียร์ 4 สูงขึ้น เพื่อช้อนส่งเข้ารอบให้ได้ กับ เกียร์ 5 ที่ทดเล็กลง ....เห็นไหม มันต้องยอมแลกด้วยเงื่อนไขเท่าเทียมอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอแหล่ะ.... ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับว่า หากเรียงเกียร์ใหม่ เปลี่ยนปลายเฟืองมา มันเข้ากับลักษณะการขับขี่เราหรือเปล่า ...หากเข้าก็อร่อยแน่ ...หากไม่เข้า ก็เซ็งจิต ได้เหมือนกัน

เอ้า ...เขียนมาก็นานเต็มทีเหมือนๆ กัน ชักเมื่อมือ ...พิจารณาเอาเองเน้อ น้องม้าเขียว... ว่าอะไรดีไม่ดี อะไรน่าทำไม่น่าทำ....

ครบประเด็นที่น้อง ถามมารึเปล่า ....ไม่รู้ เพราะดองไว้หลายวัน กลับมาอ่านอีกที ก็อ่านรีบๆ ...หากไม่ครบหรือสงสัยเพิ่มยังไง ก็ว่ามาแล้วกันนะครับ


พี่ปืน KZ Wanzer

เยี่ยมมากครับพี่ปืน... จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 27/8/2554 19:44:10 [103.1.165.200] ว่างๆก่อนนะเดียวกลับมาอ่าน ยาวจริงๆตาลาย 5555 จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 28/8/2554 20:14:34 [182.53.158.255] วิชาการและประสบการณ์ แน่นปึก จาก : แดงบ้านสวน(supee2271) 29/8/2554 7:22:25 [202.28.179.5]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       นิยามคำว่าประหยัดคงจะหายากหน่อยครับกับรถล้อโต...ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ของแต่ละคนครับ...ในความคิดส่วนตัวครับถ้าเป็นผมก็คงเป็น 3.0 M/T เหมาะสุด เฟืองก็ 8:39 จบข่าวไป

ตอบด้วยประสบการณ์ แน่นอนมากพ่ี ชุดยก5ผมดูแลอยู่จ้า จาก : กระทิงเปลี่ยว(Jumy) 27/8/2554 18:02:19 [115.67.223.151]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ถามต่ออีเลยครับ ถ้าผมไปใช้ตัว 2.5 4wd เกียร์ แมนวล จากนั้นผมมา ใส่กล่องเพิ่มแรงม้า กล่องยกหัวฉีด เปลี่ยนหัวฉีด อะไรประมาณนี้ ผลจะออกมาดีไหมครับ พอที่จะออกตัว ปรู้ดปร้าดได้ไหมครับ

หลักๆของเครื่องคอมมันเลวรุ่นใหม่ๆ ผมก็เห็นทำกันแค่นี้ก็แรงแล้วหละครับ ส่วนเกียร์ออโต้หรือแมนน่วล ก็น่าจะพอๆกัน จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 27/8/2554 21:39:08 [115.87.199.174] ใส่กล่องที่ว่าครับ แต่ส่วนใหญ่เห็นใส่กล่องดันราง ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร เห็นขายในหน้าซื้อขายกันเยอะเหมือนกัน จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 27/8/2554 21:39:52 [115.87.199.174]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
      
สงสัย เจ้าของกระทู้ คงจะอยากแรง แต่ประหยัด ใช่หรือไม่ครับ ?

ถึงเลือก 2.5 แต่อยากให้แรงเท่า 3.0 ( ถ้า..ไม่ใช่ ก็โทษที เดี๋ยวมาลบให้ )

วิธี ทำให้แรงก็มี ( ถ้า.ใช่ แล้วจะมาบอก )

 แก้ไขเมื่อ : 28/8/2554 18:46:47

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ประมาณนั้นครับ คุณ R400 ที่ผมจะหันมาเลือก D4D 2.5 นั้นแล้วไปทำการ โมดิฟาย พ่วงกล่อง อย่างที่พูดไว้แหละครับเพื่อชดเชย กับรถที่ผมใช้ปัจจุบันเพราะว่าตอนนี้ผมใช้รุ่นขับสอง D4D 3.0 พ่วงกล่อง และโมดิฟายเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย มันก็เลยติดเรื่องขับรถแรงๆ อยู่เรื่อยๆ ส่วนเรื่องเซฟน้ำมันนั้น ตอนนี้รับได้ครับในสเตปที่ทำมา ยังเป็นตัวเลขสองหลักอยู่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่อง เกียร์ แมนวล ที่ผมชอบอยู่ และมันก็สำเร็จรูปอยู่ในตัว 2.5
หรือท่านใดสะดวกให้คำปรึกษา ทิ้งเบอร์โทรให้ผมได้สอบถามให้คลายข้อข้องใจบ้างก็ดีนะครับ ส่วนเรื่องรถนั้นไม่ได้อยากทำไปเพื่อเล่นลุยหนักแต่ประการใด เพียงแต่อยากใช้ในกิจการในไร่ที่หนทางยังไม่อำนวย ครับ ขอบคุณครับทุกความเห็นที่ดีๆ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ขอแสดงความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆสำหรับเด็กคนนึงนะค๊บ ผมคิดง่ายๆแบบนี้ ค๊บ เอารถ 2 คัน เครื่อง 2.5 และ 3.0 มาขึ้นเนินชันความยาวสัก 100-200 ก็รู้ผลแล้วคิคิ ยิ่งยางใหญ่ขึ้น กำลังยิ่งลดลง หาเครื่องใหญ่ๆไว้ก่อน อุ่นใจกว่าค๊บ เวลาแซงก็เป็นต่ออีกด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       อย่างไรก้ผมเอาใหย่ๆไว้ก่อนได้เปรียบกว่า 3 คันแล้วก้ 3 พันทุกคัน
เล็กๆไม่ใหญ่ๆชอบ วิ่งเท่ากัน ความเร็วเท่ากัน กินเท่ากัน เพราะรอบเครื่องใหญ่ๆมันต่ำกว่า
อัตราเร่งมาไวกว่า กดเป้นมา ไม่ต้องแต่งอะไรให้เมื่อยตุ้ม......

นายช่างใหญ่ประจำกระทู้เพื่อน KZ มาตอบเองแล้วครับ... พี่โอแมนฯ เอาล้อแม็กไปทำสีเดียวกับสีโป่งล้อก็สวยดีนะ รมดำก็เข้าท่าครับ จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 29/8/2554 1:50:16 [115.87.199.146] ไม่ชอบดำๆ ผมชอบขาวๆอวบๆนะ อิอิอิ จาก : โอแมน ณ ป่ายิ้ม(oman007) 30/8/2554 14:28:18 [101.109.42.246]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       จะทำมาเที่ยวแนวไหน เข้าป่าบ่อยมั่ย เล่นโหดป่าว เป็นตัวแปรครับ หากจะเล่นออฟโรด

 แก้ไขเมื่อ : 28/8/2554 20:23:29

ลองเอา 3.0 กับ 2.5 มาเทียบ Walking Speed กัน ก็เห็นชัดๆแล้วครับ... จาก : ม้าเขียวกทม.(ม้าเขียวกทม.) 29/8/2554 1:48:14 [115.87.199.146] เที่ยวธรรมชาติ ทั่วๆไป หลักๆก็คืออยากเข้าไร่ที่ ทางไม่อำนวย ครับ ไม่ได้เล่นหนักหรอกครับ จาก : tiger3784(tiger3784) 29/8/2554 19:42:20 [180.210.216.74]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      
พ่วงกล่อง./ ดันราง / หนุนแหวนเทอโบ ให้บุทมากขึ้น / ขยายปากท่อไอดี / เปลี่ยนตัวเซ็นเซอร์ ตรงกรองอากาศ

ขยายท่อไอเสีย / ทำแล้ว...ได้รถ 3000 มาใช้ แต่...พังเร็ว....เคยใช้ได้ 10 ต่อไปจะเหลือ 3 ปี


ไม่เข้าใจจริงๆๆๆ มีเงินแค่ 2.5 บาท แต่อยากซื้อของให้ได้ในราคา 3.0 บาท

ไม่ได้บอกว่ามีเงินแค่ 2.5 แล้วอยากได้ ของราคา 3.0 จาก : tiger3784(tiger3784) 29/8/2554 19:38:39 [180.210.216.74]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ขอบคุณครับทุกความเห็นที่ดีๆ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
      
กำลังงานดี ได้เปรียบ ดีกว่า เอาเครื่องเล็กมาโมฯ
Rifle ติดกล้อง กับ เอาปืนพก มายืดลำกล้อง ใส่พานท้าย ติดหหล้อง ...ยิงแม่นออาจะสูสีกัน แต่อำนาจ ทำลาย และทะลุทะลวงมันคนละชั้น !!

ผมถึงบอกไงครับ ...หากรักจะเล่น มีไว้ก่อน ..."มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าพอจะใช้ แล้วไม่มี" นะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
      
คุณ KZ Wanzer พูดถึง ไรเฟิ้ล ติดกล้อง เลยนำวัตถุ โบราณ..มากฝาก คุณ KZ Wanzer

หวัดดีครับR400ไม่ทราบว่าRยังใช้เสาYagiหรือครับ เห็นข้างหลังรูปมีComtrol rotor ไม่ทราบว่าRเล่นVR จาก : เอ๋601(mtx2l) 31/8/2554 14:38:08 [202.91.23.4]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
      
ติดกล้อง ยี่ฮ้อดัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
      


โชว์ ลายไม้

 แก้ไขเมื่อ : 30/8/2554 11:02:49

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
      
โอ้โห .....ขอบคุณครับ คุณอา ..ถูกใจจริงๆ ครับ ...ผมน่ะ เรื่องรถเป็นเรื่องที่ชอบ 1 เรื่องและอีกเรื่องคือ อาวุธปืนครับ จนที่บ้านผมแซวๆ ตอนยุค "แฟนพันธุ์แท้" ...ให้ไปแข่ง แฟนพันธุ์แท้อาวุธปืนด้วยนะครับ เอิ้กๆๆๆ

Weatherby mark V พานท้ายแบบบ Monte Carlo กล้องจาก Zeiss เป็น Rifle ที่หาดูค่อนข้างจะยาก โดยเฉพาะในบ้านเราด้วยนะครับ ...ว่าแต่ว่า อา ไปได้ยังไงมาล่ะครับนี่ ผมไม่แน่ใจขนาดกระสุนน่ะครับ เดาๆ เอาว่า น่าจะเป็น .270 mag ....หรือ อาจะบอกว่า ม่ายช่ายๆ นะ น้องKZ wanzer เป็น .300 Magnum ตะหาก !!

แต่ว่าตามว่า mark V มันออกขนาดกระสุน ดาษดื่น ไปหมด ...แต่หากพิจารณาขนาดกระสุน ไรเฟิล ที่นิยมในบ้านเรา ก็น่าจะเป็น .270 Winchester , .300 Winchester หรือ .308 Winchester Magnum

เว้นเสียแต่ว่า ปืนกระบอกนี้ ผมจะดูผิดเป็น .22 - 250 ที่ใช้กระสุน Remington แทนที่จะเป็น กระสุนของ Weatherby เอง ... จริงๆ ผมว่า รออามาเฉลยดีกว่าครับ ดีกว่าจะเดาไปเรื่อย...... ฮ่าๆ ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ขนาดนี้ครับ

5 5 5 ....ผมไม่น่าเดา .270 ก่อนเลนสิ ให้ตาย สุดท้ายเป็น .300 Weatherby Magnum จริงๆ ด้วย จาก : KZ Wanzer(KZ Wanzer) 30/8/2554 18:56:36 [125.27.74.64]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ขำๆ หนุกๆ ครับ

เอาเข้าไปพี่วิท ..... !! จาก : KZ Wanzer(KZ Wanzer) 31/8/2554 10:48:13 [125.27.74.64]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ใต้ กระโจมมือ ลูกซองเบอร์ 12 ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
      
งานเนียนมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
      
ดู หัวน็อต

 แก้ไขเมื่อ : 31/8/2554 11:59:51

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
      
ผู้ผลิต

เป็นวัตถุ โบราณ ไปแล้ว... ไม่กล้าใช้กระสุนรุ่นใหม่....กลัวชิ้นส่วนหลุดใส่หน้าคนยิง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       จริงๆ อยากให้ อา เปิดกระทู้ใหม่เลยจริงๆ ครับ .....

โอ้โห ลูกซอง 12 Guage ของ Simson !!!

หากครั้นจะว่ากัน จริงๆ Brand Simson น่ะ เปิดโรงงานครั้งแรกทำจักรยานนะครับ และมาเริ่ม line ทำรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ตามลำดับน่ะครับ

....แต่หลังจากการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี โซเวียตได้เข้ามาฮุบกิจหารโรงงาน ของ Simson ใน เยอรมันนี ดังนั้น การแกะ GDR คือ German Democratic Republic หมาถึงว่า ปืนกระบอกนี้ทำที่เยอรมันนี แต่ Knowhow รัสเซีย ซึ่งตอนแรกที่ยึดโรงงานนี้ คือ การผลิต และ Stock อะไหล่ ยานพาหนะ และ มอเอตร์ไซค์ครับ จนปี 1952 นั่นแหล่ะถึงได้ผลิตลูกซอง 12 Guage ออกมา และที่โรงงานเดียวกันนี้ ยังทำรถเข็นเด็ก (....ครับรถเข็นเด็กครับ) จักรยาน และ ปืน 12 Guage ที่เรียกว่า Sport Spring Gun กระบอกนี้ ด้วยนะครับ
และความโด่งดัง ของ Simson ในโลกของอาวุธปืน ยังไม่ได้จบแค่ทำลูกซองขนาด 12 Guage ...เค้ายังผลิตส่วนประกอบ ของ Toggle Arm (ระบบ รีคอยด์ กระเดื่องข้อเสือ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ระบบ รีคอยด์กระสุนในปืนออโต้) ใน Luger P08 คู่กัดสมัยสงครามโลก กับ Colt M 1911 ...และปืน ปลย. (ปืนเล็กยาว) Mauser Gewehr 98 หรือ หรือเรียกง่ายๆ ว่า Model 98 (M98) ที่เยอรมันใช้ในสงครามด้วย......

ดังนั้น งานระดับนี้ ทำระดับ Custom Gun ได้เลยทีเดียว เพราะงานปืนจากเยอรมันไม่มีคำว่าห่วยออกมาให้เห็น ไม่เหมือนบางโรงงานปืนสมัยนี้ อุตส่าห์มีแผนก Custom Gun / Performance Center ที่โมดิฟายปืนในสังกัดตัวเองโดยเฉพาะ ยังเคยเจอลูกโม่บางกระบอกที่ ยัดลูกไม่เข้ารังเพลิงไม่ครบโม่ (โม่มี 5 ยัดเข้าได้ 4 ลูก) แต่ดันมีเป้ายิงทดสอบ !! ...ที่สำคัญ เป้ามันแม่นขนาดยิงทดสอบที่ระยะ 15 หลา 5 นัด ร้อยเป็นรูเดียวกัน มีกระสุนผีโผล่มาด้วย 1 นัด.... ทำได้ไง??
ผมไม่บอกนะครับว่าเป็นปืนยี่ห้อไหน??

....แต่เป็นยี่ห้อดังยอดนิยมในเมืองไทยนี้แน่นอน......

สำหรับ 12 Guage กระบอกนี้ของ Simsonที่ผลิตในโรงงาน GDR นั่นคือในยุคสงครามโลกนะครับ สมัยนี้ไม่มีแล้ว ...สำหรับโรงงานนี้ จะผลิตมอเอตร์ไซค์ออกมาอีก ในยุค 60 แต่ทำออกมาในยี่ห้อ MZ .... หากเป็นคอ มอเตอร์ไซค์เก่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครไม่รู้จัก มอเอตร์ไซค์ MZ แน่นอน... เพราะมันเป็นของสะสมของ นักเลงมอเตอร์ไซค์เก่า ที่ใครๆ ก็อยากได้มาไว้ใน คอลเลคชั่นทั้งสิ้น !!

ดังนั้น ลูกซองกระบอกนี้ ....ใครรู้ประวัติ รับรองร้อง โอ้กกกก !! แน่นอน เพราะอยากได้ไว้เก็บ ...งานขนาดนี้ ของขนาดนี้ และเก่าเก็บขนาดนี้ หากได้เห็นใกล้ๆ หรือได้ลูบสักที คงเป็น บุญตา และ บุญมือ เป็นอย่างยิ่ง ....และที่สำคัญ ของที่ว่า มันอยู่ในประเทศไทย !! ...แถมอยู่ในมือ คนคุ้นเคย ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งใน Web Toyota นี่เองด้วย.....

แหม..... แค่เห็นรูปถ่าย ผมก็อยากเสวนากับท่าน R 400 ซะแล้วสิครับ ... !



 แก้ไขเมื่อ : 31/8/2554 13:58:31

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
      
ขอบคุณ คุณKZ Wanzer ที่เจาะลึกถึงรายละเอียดของ ลูกซอง 12 Guage ของ Simson !!! กระบอกนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย