คำตอบที่ 4
-อยากให้ความเห็นเพื่อเป็นข้อคิด เพื่อไปตัดสินใจในต่อไปดังนี้ครับ...
-รถยนต์ในปัจจุบันมีพ่นกันสนิมมาให้แล้ว แต่หากไม่ได้การันตีตัวถัง (10)ปีเหมือนรถยุโรบเกรดสูงกำหนดไว้ ก็อาจหมายถึงพ่นให้"เบื้องต้น"หรือส่วนที่สำคัญให้เป็นผล เพื่อไม่มีปัญหาเรื่องสนิมภายใน 5 ปีแรก เพราะหมายถึงชื่อเสียงด้านคุณภาพรถ/เป็นการตลาดที่มุ่งหวังก้าวหน้าตลอดเวลา...หรือมาตราฐานตามระดับราคา...
-พื้นที่ใช้งานแต่ละภาค/จังหวัดจะทำผลต่อรถไม่เท่ากัน เช่นจังหวัดที่มีชายทะเล ดังนั้นการพ่นกันสนิมเพิ่มเติมจึงจำเป็นไม่เท่ากัน...
-แต่สิ่งหนึ่งที่ควรศึกษาให้เข้าใจก่อนคือ ระดับราคาสินค้า/คุณภาพ ไม่ได้มีมาตราฐานเดียว เช่นฟิล์มกรองแสง ค่าติดตั้งคันละสองพันก็มี เป็นหมื่นก็มีครับ..
-ดังนั้นหากต้องการพ่นกันสนิมเพิ่ม ซึ่งหมายถึงมีเป้าหมายใช้นาน/รักษา ควรระวังที่จะใช้ของแถม เพราะฟิล์มกรองแสง หากมีอาการไม่ดี สามารถลอกทิ้งเปลี่ยนใหม่ได้ไม่ยาก แต่น้ำยาพ่นกันสนิมพ่นใต้ท้อง ซึ่งเต็มไปด้วยซอก หากต้องการเปลี่ยนใหม่หรือทำเพิ่ม จะเกิดปัญหาที่ผิวเดิมทันทีครับ หรือคือไม่สามารถเปลี่ยนได้ พ่นทับได้อย่างเดียว และนั่นคือต้นเหตุที่ทำให้รถ "เน่า"ได้แบบหนึ่ง...
-ดังนั้นหากต้องใช้รถในพื้นที่ที่มีไอเค็ม/กรดสูงกว่าปกติ และต้องการใช้ระยะยาวอย่างรักษา ควรเลือกจ่ายส่วนกันสนิมนี้เอง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สนองจุดประสงค์ได้ครับ..
-ข้อคิดสำหรับการบำรุงรักษารถ ขอให้สังเกตโฆษณาน้ำยาเคลือบยางล้อรถยนต์ จะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่ลืมกันไปคือเราสามารถใช้กับแก้มยางด้านนอกเท่านั้น ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้านในไม่ได้รับน้ำยาเคลือบบำรุงรักษาด้วยหน้าดอกยางก็ไม่ แต่โฆษณา จะใช้คำครอบคลุมทั้งหมด หมายถึงไม่เป็นความจริงนั้นเองครับ
-การพ่นกันสนิมก็เช่นกัน จุดภายในบางจุด และด้านในแชสซี ถ้าพ่นให้ทั่ว ค่าใช้จ่ายการทำงานแบบนี้ จะมากกว่าปกติมาก และตรวจสอบยาก โดยหากเลือกน้ำยาไม่เหมาะสม ก็จะไปกันใหญ่ เพราะอาจมีเนื้อมากไปจนไปอุดตันช่องระบายน้ำของรถที่โรงงานทำไว้ และจะไม่สามารถลอกออกได้ด้วยครับ
-สรุปคือเลือกรถที่ประกอบจากโรงงานที่มีส่วนกันสนิมนี้เป็นบรรทัดฐาน ถ้าไม่มั่นใจก็เลือกจ่ายซื้อเองดีกว่าของแถมซึ่งกำหนดขอบเขตที่ราคาหรือวงเงิน ไม่ใช่คุณภาพครับ