คำตอบที่ 1
      
-บ้านผมอยู่ในซอย ถ้าหากผมจะขับรถแบบออฟโรดออกจากบ้าน ผมต้องเล็งเพื่อนบ้านในซอยเดียวก่อน คือถ้าผมนำรถออก แล้วเจอเพื่อนบ้านจะเข้าเมือง ตามมารยาทก็ต้องชวนอาศัยกันไป แต่รถแบบออฟโรด ปีนชึ้น/ลง ไม่สะดวกต่อผู้หญิง และหากสูงอายุด้วย ก็เสี่ยงพลัดตกอีกต่างหากด้วย ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้ว เป็นเงื่อนไขอีกอย่างที่ลำบากใจบ้างครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      
-ผมชอบเดินทางไกลด้วยรถออฟโรด เพราะไว้ใจเครื่องยนต์ดีเซล คือเคยเกิอบต้องกินข้าวลิงหลายครั้งกับรถเบนซิน ซึ่งระบบซับซ้อน เวลาเสีย หยุดหรือเครื่องไม่ติด ก็นึกไล่หาสาเหตุไม่เป็นครับ

-เคยเจอรถเครื่องดีเซล ป่วยหรือบางส่วนเสีย เครื่องรวน แต่ยังติดเครื่องได้ ก็ขับประคองไปหาช่างพอได้ บางอาการป่วยข้ามปีก็ทรงๆพอใช้งานได้ จึงวางใจกว่าเครื่องเบนซินครับ

-ที่ป่วยข้ามปีก็ทนได้คือปั๊มหัวฉีด หลงทางไปเป็นปีๆ.... เริ่มด้วยการแต่ง เพื่อหาแรงมาบิดล้อโตมากว่าเดิม และแก้ไขต่อมาอีก 2 ครั้ง เพราะผลไม่ใช่ที่รับรู้ก่อนก้าวตาม ที่สุดของเรื่องปั๊มหัวฉีดคือการเปิดฝาสูบเปลี่ยนจมูก(ห้องเผาไหม้เล็ก) ซึ่งแตก 1 สูบ และเช็คปั๊มให้เป็นแบบสแตนดาร์ด ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติ เพราะพบว่าชิ้นส่วนปั๊ม โดนเปลี่ยนหรือแปลงไปแล้ว ต้องหาอะไหล่แบบเดิม...และผลคือควันหายดำ และวิ่งดีกว่าเดิม กินน้ำมันน้อยลงด้วยครับ

-ผมคงโชคไม่ดี ที่แต่ละช่าง/ร้านเช็คปั๊ม แก้แต่ปลายเหตุ ไม่แก้ที่ต้นเหตุ และชิ้นส่วนที่ถูกเปลี่ยนไป ต่างอู่/ร้านเช็คปั๊มไม่ยอมรับสูตรแบบนั้นอีก แต่ก็ไม่รู้แล้วว่าที่ไหนทำ เพราะแก้หลายครั้ง/หลายที่ ที่สุด ไม่คิดเหตุผล ดีใจที่เหมือนเดิมก็พอ... ดีกว่าครับ

-เกือบเสียรูปหล่อประจำบ้านไป เล่าเรื่องนี้เพราะ การปั้นรถคานแข็งใหม่เพิ่ม คือเตรียมมาแทนที่คันเก่า เพราะเบื่อที่ซ่อมไม่ได้ดังใจ จะยอมแพ้ แต่ที่ไม่ขายก่อน เพราะไม่กล้าขายสภาพมีเงื่อนไข ซึ่งเดิมมีตัวบอดี้เป็นปัญหาด้วยอีกข้อ

-ตอนหลังต้องบอกขายคือรถพร้อมใช้ จึงพร้อมให้ขายอย่างไม่โยนบาปไปให้ใครแล้ว... แตอย่างไรก็ถือว่าแผนผิด คือมีรถ คานแข็ง 2 คัน ซึ่งเกินความจำเป็น

-เล่าเพื่อให้ดูการตัดสินใจที่แก้ไขตนเอง จึงต่างจากคนอื่นๆ ที่มักขายหนีปัญหา ผมแก้ไขตนเองโดยไม่ตามแบบ/หลักของคนไทยทั่วๆไป เพราะผมมองว่าส่วนรวมที่มีแต่คนเอาตัวรอดนั้น จะกลับมาเป็นภัยกับคนในครอบครัวในรุ่นต่อไปได้ หรือเชื่อว่าที่สุดของการเอาตัวรอด คือจนตรอกและไม่รอด แบบหมู่ด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       ผมก็เป็นเหมือนพี่tikแหละมีแต่ลูกชายมันชอบ แม่กับเมียไม่ยอมไปดว้ย เป็นเหมือนกันจอดซะเยอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       -จะออกจากบ้านก็ต้องดูซ้ายขวา ว่าไม่มีใคร ก็ออก กลัวทำให้คนอื่นเดือดร้อนเรื่องปีนขึ้นรถ ....ตอนน้ำท่วมเป็นตรงกันข้ามนะครับ แต่จำนวนโอกาสแตกต่างกันมากครับ...

-รถหนัก 2 ตัน ล้อ 35 นิ้ว....น้ำมันก็ซดมาก เสียงล้อก็ดัง สะเทือนมาก และวิ่งช้า(กว่ารถเก๋ง)อีกต่างหาก....

-ยังมีเงื่อนไขอีก...(คง)เป็นครั้งล่าสุดโดยผ่านไปเป็นปีแล้ว ที่ผมและรถคานแข็งมีสมาชิกในครอบครัวไปด้วยกัน.. คราวนั้นไปชลบุรี มีเวลาเหลือ ทุกคนอยากนั่งเรือไปเกาะสีชัง ผมก็อยากไป แต่ไม่ยอมไป... เพราะต้องจอดรถไว้ที่ข้างถนนบริเวณท่าเรือ ไม่มีการรับฝากจอดรถในที่ตรงนั้น ไปกลับหลายชั่วโมง ...ผมกลัวรถหาย ไม่ยอมไป ทีมเที่ยวไม่ค่อยพอใจ แต่ผมเป็นอย่างนี้มานาน เขาจึงทำใจได้ และจำได้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวกันเกิน 2 คนในรถ106ครับ

- แต่ในที่สุดก็ได้ไปเกาะสีชัง ในอีกสองส้ปดาห์ต่อมา ไปรถเก๋งที่จอดไม่มีหาย เพราะไม่มีใครอยากได้ ....สุภาษิต...กล่าวว่า "ป่าสอนโดยไม่ได้พูด"....จึงเริ่มคิดเองว่า "ละอายใจ ที่คุ้มค่าสู้รถกระป๋องไม่ได้".......

--------------------------------

-รูปตอนไปเที่ยว สถานที่คือบางตะบูน เพชรบุรี หลายปีแล้ว เป็นรูปที่ถ่ายกันเอง ตอนนี้สถานที่ไม่เหมือนในรูปนี้อีกแล้ว จึงขอลงไว้ เผื่อท่านอื่นๆ อยากเก็บไว้ดูบ้างครับ...


 แก้ไขเมื่อ : 1/3/2557 19:16:14

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       -ให้ข้อมูลแบบสารภาพกึ่งโจมตี จะเหมือนจิกหัวตัวเองแบบในหนังอินเดีย ลงรูปเดิมพันไว้ให้ดู ก็เท่ห์ดี ต่างคนต่างตัดสินใจเองแล้วกันครับ

-อย่างน้อยก็ไตร่ตรองแล้ว หรือรู้ตัวมาก่อน ไม่ลากปัญหาไปเป็นพรวน และแก้ด้วยการขาย ซึ่งอาจพลัดหลงเข้าไปในขบวนการเสียสติได้ครับ....

-ผมหมายถึงมีไข้จนเพ้อเจ้อ ตอนบอกขายนั่นเองครับ.....

-รูปแนบคต.นี้ รถผมเอง เวลาเดียวกับที่ถ่ายรูป "เรือร้านอาหาร" คือจอดรถแล้วเดินขึ้นไปถ่ายรูปกลางสะพาน แล้วหมุนกลับมาถ่ายรูปรถที่ขับไปจอดอยู่เชิงสะพาน...

-ตอนนั้นรถผม "สวยลิงๆ"....ตอนนี้ ...ดีขึ้นอีกหน่อย เป็น "สวยเกือบจริง"......คงไปไม่ถึงสวยจริงๆ แต่ก็ไม่เคยเสียใจ มีแต่เวียนหัวและท้อบ้าง เพราะไม่ได้ดังใจ จึงอาจไม่เหมือนกันทุกคัน หรือเป็นรายๆไปครับ...

-ผมโชคไม่ดี แต่การสู้ปัญหา ก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ครับ

 แก้ไขเมื่อ : 1/3/2557 19:57:16

หล่อครับ ทะเบียนก็ลงตัวเลย จาก : Mammoth(thanina) 1/3/2557 22:18:10 [203.130.144.108]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       สู้ๆครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
      
-ใช้เหตุผลเพื่อให้มีที่จอดในบ้านว่า เป็นรถเอนกประสงค์ บรรทุกได้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
      
-เที่ยว และ น้ำท่วม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
      
- กระบะ 4ป.ท้ายบรรทุก เอนกประสงค์ดี 4WD มั่นใจขึ้น...แต่ซดน้ำมัน ทำให้ใช้น้อย และรย.1 ภาษีปีแพงกว่า เป็นข้อลบล้าง ความคุ้มค่า...

-เมื่อไม่มีใครอยากไปด้วย รถกระบะ 4WD แบบมีแค็ป และค่าใช้จ่ายรย.3 ถูกกว่า จึงเป็นเหตุผลทางเลือกที่มีน้ำหนัก ต้องชั่งใจ...

-สุดท้าย ไม่ยอมเสีย(ไม่ใช่เสียดาย) แลกด้วยล้มโครงการรถใหม่แทน ....โดนโห่นิดหน่อย...เป็นเหตุการณ์ที่บ้านผม มองไว้เป็นตัวอย่างได้ครับ....

-เพื่อเลือกให้ดี คันเดียวพอ...ถ้ามองเป็นเครื่องมือมาก ก็รย.3 ....เหมาะกว่า ถ้ามองเอนกประสงค์ ก็รย.1 ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       -กระทู้นี้มีจุดหมายเตือนผู้ที่จะเริ่มต้น 4WD แบบคานแข็ง จุดประสงค์คือ ผมคิดว่าการมีรถกระบะ 4WD ไว้ใช้ในบ้านสักคัน เป็นเรื่องดี เหมาะกับคนไทย แต่คนไทย ตัดสินรถที่ความสวยงาม และรถคานแข็ง มักจะมีภาพเท่ห์ เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจ ซึ่งอาจเกินความจำเป็น และมีข้อเสียในภาพเท่ห์แบบนั้นด้วย ตามแจ้ง...ความหมายคือดี แต่เหมาะกับการใช้ยาวนาน และอาจไม่เหมาะกับทุกคน ดังนั้นผู้ที่มั่นใจ หรือรู้ข้อเท็จจริงแล้ว จึงตัดสินใจดีกว่าครับ

-เป็นการเตือน ไม่ใช่การห้าม เพราะเครื่องมือเป็นเรื่องดี จะมีทักษะตามมา เหมาะกับคนไทยครับ...

-รถไทเกอร์แบบ 4WD แบบปีกนก เป็นรถที่เหมาะกับการเริ่มต้น คือมีลักษณะดี ตามความนิยมของตนไทย คือเริ่มต้นลองใช้ในแบบเบาๆตามความหมายที่ทางโรงงานเขากำหนดมา คือใช้งานหนักได้ ไม่ใช่ลุยหนักได้ ....

-หากใช้แล้วชอบ แต่อยากลุย ก็นำไปปั้น ตอนปั้นรถไทเกอร์จะมีทางเลือกคือใช้คานหน้าแคบแบบรถ106 ก็ได้ หรือใช้คานกว้างของ VX80 ก็ได้ครับ

-รถ106 จะเปลี่ยนคานหน้าเป็น VX80 ก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ได้ผลดีเท่าไทเกอร์....เพราะไทเกอร์มีคิ้วล้อประจำรุ่นมาเป็นตัวช่วยได้ และที่ประจำรุ่น ก็สวยด้วย เข้าหลักที่คนไทยชอบ...

- รถ106 ไม่มีอะไหล่คิ้วล้อนี้ เวลาเปลี่ยนคานVX80 ก็จะกลายเป็นล้อยื่นมากเกินไป ผิดจากข้อเด่นประจำตัว คือเป็นรถที่สวยแบบเรียบร้อยได้..

-ผมใช้รถ106 พอใจรถรุ่นนี้... แต่คิดว่าไม่อยากแนะนำ เพราะเก่ามาก และก่อนที่รถ106 จะนิยมมากจนมีค่า ก็ตรากตรำกันมามาก และในแต่ก่อน ไม่ซ่อมดีหรือซ่อมไม่ถึง เหมือนตอนที่ดังแล้ว ความคงเหลือจึง ดีมากเป็นบางคัน และเมื่อเจ้าของเขารู้ เขาก็คงไม่อยากขายครับ หมายถึงมีความหวังน้อยเกินไป..

-รถไทเกอร์ คงหาสภาพดี โอกาสสูงกว่ามาก เป็นข้อเลือกที่จำเป็น เพราะต้องใช้ยาว จึงจะเข้าหลัก แต่โดยก่อนหาต้องรับบางสิ่งที่เหมือนเงื่อนไขก่อนให้ได้ด้วยเช่นกันครับ

-เพราะไทเกอร์เป็นรถค่าตัวสูง ใช้ทุนมากกว่า และความประหยัดน้ำมันน้อยกว่ารถใหม่ในเวลานี้ ต้องรู้และรับได้ก่อนครับ...

-ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องการปรับแต่งเครื่องยนต์ เพราะเป็นเรื่องที่อะไหล่รองรับ อาจมีไม่ตลอดไป ถ้าหมดรุ่นจะเกิดปัญหาได้ คือถ้ารับเรื่องเครื่องเดิมไม่ได้ เลือกร่นอื่นที่เครื่องยนต์พร้อมหรือถูกใจดีกว่า เพราะมีหลายรุ่นให้เลือก

-แต่ผมเองคิดเสมอว่า ตัวถังสำคัญกว่าเครื่องๆ ขอให้แรงถึงระดับพอใช้งาน ก็คงเหมาะกับภาวะน้ำมันแพงแล้ว ดังนั้นหากจะลองตามการชี้แนวนี้ ควรต้องหารถสภาพดีเท่าที่หาได้ กับเครื่องยนต์ที่ทนและประหยัดที่สุดของรุ่น คงหมายถึงปีท้ายๆก่อนเปลี่ยนเป็นวีโก้นั่นเองครับ

-ไทเกอร์คงใช้ไม่สะดวกสบายเท่าวีโก้ เป็นอีกข้อที่ต้องยอมรับ แต่ในเวลาข้างหน้า หากเป็นตามความคาดหมาย รถไทเกอร์ซึ่งมีขนาดกระทัดรัดกว่าจะไปอยู่ในกลุ่มหรือฝูง LN/4WD ซึ่งตัวเท่ากัน ซึ่งโอกาสจะก้าวลงจากความนิยม ก็คงหลังจากรุ่นLN เริ่มหมดไปก่อน แต่เป็นความหมายในอนาคตครับ

-ดังนั้น ถ้าต้องการหยิบผลทันที ควรเลือกวีโก้ดีกว่าครับ....



 แก้ไขเมื่อ : 4/3/2557 21:47:35

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       -หากต้องการใช้กระบะ 4WD ไม่เปลี่ยนใจ และต้องการอยู่ในกลุ่มกระทัดรัดกว่าหรือกลุ่มLN/4WD.... แต่ไม่ชอบไทเกอร์ ก็ควรในเส้นทางเดียวกับไทเกอร์4WD ครับ

-คือเป็น 4WD แบบปีนกเดิมจากโรงงาน อาจเป็นนิสสันฟรอนเทียร์หรือฟอร์ด เรนเจอร์หรืออื่นๆ ที่ใช้คานได้ทั้งแคบ/กว้าง เลือกที่เครื่องยนต์มีแรงพอรองรับการเพิ่มขนาดล้อ ตามความนิยมของไทย เพื่อให้งานน้อยกว่า ไม่ต้องโมเครื่องหาแรงเพิ่มมาก ประหยัดรายจ่ายลงทุน...

-ผมเคยได้รับความเห็นของช่างวางคานหน้าว่า รถคานแข็ง ปั้นจากรถขับสองดีกว่า คงถูกต้องหากเป็นผู้แน่วแน่หรือเคยปั้นรถมาแล้ว

-แต่ผมอยากให้เริ่มที่ 4WD แบบปีกนก เพื่อลองใช้ ให้เห็นแนวทางก่อน.... ผมคิดเองว่า การวางคานหน้าคือควรเป็นก้าวที่สองครับ

-แต่ก็เลือกรถที่ พร้อมเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนรถคันใหม่

-เพราะถ้าลองใช้แล้วพอใจแค่นั้น หรือในที่สุดห่วงว่าจะใช้ในครอบครัวไม่สะดวก ก็หยุดตรงนั้นเลย หรือใช้แบบเดิมๆ ก็ไม่ด้อยในเรื่องความเป็นเครื่องมือหรอกครับ อาจดีกว่าด้วย เพราะจะได้ใช้บ่อยหรือใช้มากกว่า....

-รถฟรอนเทียร์ในคต.ที่9 อยู่ในรหัส YD-DI ซึ่งไม่มี 4WD จากโรงงาน จึงก้าวข้ามมาเป็นคานแข็งรวดเดียว ผมพอใจ เพราะเครื่องยนต์มีกำลังพอใช้ เป็นระบบไดเร็คและไม่มีสายพานไทมิ่ง คือแรงเหลือสำหรับขับสอง

-และตัวถังเดิม เป็นรถขี้เหร่ประจำรุ่นฟรอนเทียร์(ใครๆก็ว่าอย่างนั้น) แต่เป็นรุ่นท้ายๆ จึงมีออฟชั่นสะดวกสบายพอสมควร การวางคานหน้าทำให้รถเปลี่ยนบุคลิกไปหรือดูดีขึ้น ไม่ขี้เหร่อีกต่อไป...หมายถึงผมพอใจที่เหตุผลพอ แต่อย่างไรเงิน 2 แสนบาทที่ลงไป เท่ากับซื้อฟรอนเทียร์รุ่นแรกขับสี่ แบบปีกนกได้อีก 1 คัน จึงเกินความจำเป็นไปไกลพอสมควรครับ.....

-สำหรับท่านที่เริ่มต้น จึงขอแนะนำให้ตามขั้นตอนดีกว่าครับ....

-------------------------------

-เพิ่มข้อความว่า ...ในแต่ก่อน ส่วนมากจะมองรถเก่าๆราคาถูก นำมาปั้นชุบชีวิต ให้กลายเป็นคานแข็งจอมลุย หลักการนี้ เวลาปัจจุบันยังใช้ได้กับมือโปร ที่มีอะไหล่ในมือมาก...

-แต่สำหรับมือใหม่ เปลี่ยนหลักสูตรจะเป็นตรงกันข้ามแล้ว ถ้าเริ่มลองเป็นคันแรก ให้เริ่มต้นที่รถสภาพดี(มาก) และเป็นรถที่จะผ่านการตรวจสภาพ ตามข้อกำหนดของขนส่งได้ด้วย โดยเช็คผลกับท่านอื่นที่ล่วงหน้าไปแล้ว ถ้าไม่เห็น 2 ข้อ ควรระงับครับ

-รถฟรอนเทียร์แบบมีแค็ปวางคาน เป็นงานของผมลำดับที่ 4 แล้ว ผ่านออกมาพร้อมความสำเร็จเรื่องบันทึกลงเล่ม อย่างหวุดหวิด ต้องลดน้ำหนักสุดตัวเพื่ออยู่ในพิกัด 1600 กก. ก็เกือบไม่ผ่านครับ..

-ความโชคดี เป็นเรื่องยึดเป็นวิธีการไม่ได้ การวิ่งเต้นก็เช่นกัน ดังนั้น "ควรรู้ล่วงหน้า" โดยคิดตามสิ่งที่มีเหตุผลครับ..

-การฟังเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แนวความรู้สึก ควรงดทั้งผู้ให้ข้อความ(ผู้ที่เคยตรวจผ่านไปแล้ว) และผู้รับฟังมาและขยายความต่อ เพราะเสี่ยงเกินไป ที่จะนำเรื่องสิทธพิเศษ ของคนโชคดี มาเป็นวิธีทำงานครับ..

-และอาจมีแบบคุยแบบผ่านง่ายดาย เพื่ออวดศักยภาพตัวเอง แต่จริงๆแล้ว ใช้อำนาจเงิน...ลองนึกเรื่องผู้ปกครองที่คุยว่าลูกตนเองเรียนเก่ง สอบเข้าสถานศึกษาดังได้เอง โดยไม่เสียเงิน แต่จริงๆก็(ทุ่ม) เป็นมุขอวดภูมิเก่าแก่ ...ดังนั้นควรใช้เหตุผล อย่ายึดถือดวงในเรื่องแบบนี้ หมายถึงถ้าไม่ได้เหตุผลที่เชื่อได้ ยกเลิก หรือเลื่อนออกไป ..ดีกว่าครับ

-เพราะ "กรรมก็เป็นสิ่งที่ปั้นสร้างได้เช่นกัน" ครับ...



 แก้ไขเมื่อ : 5/3/2557 12:34:41

 แก้ไขเมื่อ : 5/3/2557 21:24:00

 แก้ไขเมื่อ : 5/3/2557 21:29:51

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       -ต่ออีกนิด อยากให้ครบ...เพื่อตัดสินใจวิธีทำงานให้ชัดเจนขึ้น...

-รถคานแข็งในปัจจุบัน ไม่ได้ถูกสร้างมาตามความจำเป็นแบบรถอีแต๋น แยกเป็น

-เพื่อทำงาน... แบบรถ106 ตอนเดียวที่อยู่ในเส้นทางนี้

-เพื่อเป็นจุดประสงค์ในการเล่นรถ.... เก่งเพื่อลุย,สวยเพื่อใช้งาน/อวดได้ หรือทั้ง 2 อย่าง...

-ทั้ง 2 เส้นทาง ใช้บนถนนดำเป็นหลัก หมายถึงวิ่งไกลได้ ถูกต้องตามกฎหมาย

-รถกระบะ 4WD ที่มีจำหน่ายเป็นรถใหม่ มี 2แบบ คือแบบปีกนก และแบบคานแข็ง ปัจจุบันแบบคานแข็งไม่มีรถใหม่แล้ว มีแต่รถมือสอง

-การลงทุนปั้นรถคานแข็งก็เพื่อมาทดแทน รถใหม่ที่ไม่มีขายแล้ว.. ...ใช้วงเงินคาดว่า 1.0-2.5 แสนบาท ไม่รวมค่าตัวรถเดิม เป็นเงินจำนวนไม่น้อยครับ

-สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ความถูกต้องบนถนน ที่ต้องใช้งานร่วมกับรถแบบอื่นๆ...ความหมายคือ

-ข้อแรก ต้องบันทึกลงเล่ม โดยขนส่งได้ ไม่สร้างปัญหาหรือเงื่อนไขในการใข้ หรือโอน อย่ามองเป็นเรื่องยกเว้น ใครแนะนำว่าไม่จำเป็น ขอให้มองหน้าคนนั้น เพื่อเตือนให้เขารู้ว่าควรเงียบ...

-ตัวอย่างคิดคือ หากจะซื้อรถใหม่ แล้วมีเงื่อนไขแจ้งว่า รุ่นนี้ ต่อทะเบียนได้ แต่โอนหรือเปลี่ยนจังหวัดไม่ได้ และอาจถูกด่านตาเหยี่ยว จับบ้าง แต่ไม่มาก ให้แก้ปัญหาเป็นคราวๆไป....รับรองได้ว่า ไม่มีใครยอมซื้อรถใหม่เงื่อนไขแบบนี้ ครับ

-การปั้นสร้าง เพื่อมาทดแทน ในหลักเดียวกัน ดังนั้นต้องได้สิทธิ และเงื่อนไขน้อยเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ความจำเป็น เหมือนรถอีแต๋นครับ...

-อีกข้อคือการใช้ บนทางหลวง ควรปรับสภาพรถให้พอเหมาะกับการใช้ในส่วนรวม หรือหมายถึงไม่สร้างปัญหาบนทางหลวง

-รถอีแต๋น สร้างปัญหาบนทางหลวงได้ เช่น ความเร็วน้อยบน High way เป็นเป้าให้รถเร็วชนได้ ไฟสัญญานไม่ครบ ฯ...แต่อีแต๋นเป็นรถถูกยกเว้นให้ เพราะเป็นรถที่จำเป็นต่อการเกษตร ความเข้าใจนี้ มีไปทั่วประเทศ เป็นการยกเว้นที่ยอมรับทั่วไป...

-รถออฟโรด ที่ไม่ยอมอยู่ในข้อกำหนดของขนส่ง โดยอ้างหลักของรถอีแต๋น ถือว่าผืดมากๆที่จุดประสงค์เป็นมหันต์ ถ้าย้อนถามว่าใครสอนให้คิดๆแบบนั้น และเพื่ออะไร คาดว่าตอบไม่ได้แน่นอน ดังนั้นควรรู้ขอบเขต ถ้าไม่รู้จักขอบเขตในส่วนรวมเอง ก็อาจต้องถูกบังคับ และอาจครอบคลุมไปทุกเรื่อง,ทุกอย่าง เพราะเข้าหลักฝ่าฝืนๆเพื่อส่วนบุคคล ...ไม่เป็นการดีแน่นอน...ใครๆก็คิดได้...แต่ใครๆก็ทำ...ครับ.....

-นั่นคือ(ไทย)ที่ผ่านไป....ขอให้เริ่มต้นหลักสูตรใหม่....ท่านใดยังคุ้มครองผลที่ผ่านมาได้ ก็ถือว่าโชคดี และควรเงียบ อย่านำความโชคดีไปเป็นเป้าหมายให้คนอื่นต่อไป เพราะเหมือนกับ"หวังร้าย"ได้ เมื่อใช้เหตุผลครับ......


 แก้ไขเมื่อ : 6/3/2557 6:28:18

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
      
-อ่านอีก 1 เรื่อง....นะครับ อาจมีอุทาหรณ์ ไปเปรียบเทียบได้...ดังนี้ครับ

-การเลือกซื้อรถใหม่ ของไทยอยู่ในระดับ"ต้องจอง" หรือรถคือสินค้าขายดี และส่วนมากจองซื้อโดยไม่ลองขับ ซึ่งหมายถึง "เชื่อถือ"....

-เชื่อถือในมาตราฐานทุกด้าน ตัวรถ/การจดทะเบียน/การบริการก่อนและหลังการขาย ฯ แต่อาจมีข้อปลีกย่อย ที่ไม่ถูกใจบ้าง....เป็นผลส่วนใหญ่ของไทย ในการซื้อรถใหม่

-พอจะปั้นรถเก่า...กลับหลังหัน กับหลักการของรถใหม่ที่เชื่อถือ ....นี่คือเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ไทยช้ามากครับ...

-นานแล้ว......คือผมเอง ตอนเรียน ทางสถานการศึกษา ก็จัดงานปีใหม่ จัดที่โรงแรมมีระดับในสมัยนั้น มีดนตรี ทั้งสตริงวงดังเพื่อนักศึกษา สลับกับวงแบบเพื่อลีลาศด้วย....คนไปงานผู้ชายใส่สูท ผู้หญิงใส่ชุดราตรี ทั้งนศ.และอาจารย์ ...หรูหราเลยครับ...

-พองานจบลง นศ.ชายทียังไม่กลับ ก็แหวกเก้าอี้นั่งออกให้เป็นวง ....นั่งลงกับพื้น แล้วเริ่มวงเหล้าต่อไป....จำไม่ได้แล้ว ได้แรงบันดาลใจ แบบอย่างหรือจำใครมา และทำไมต้องนั่งพื้นในชุดสูท หรือเพราะอะไรถึงทำแบบนั้น...

-ไม่เคยให้อภัยให้ตนเอง แต่ก็พยายามนึกว่าความเป็นวัยเยาว์ที่ยังไม่รู้ แก้ตัวแบบกระแด๋วๆไปบนพื้นแห้ง เวลานึกถึงอย่างไร ก็รู้สึกแย่ครับ....

-แต่หากวันนี้ ผมนำเหตุการณ์งานเลี้ยงนั้น มาเล่าโดยชี้นำไปที่วงเหล้า ว่าเป็นความบันเทิงสูงสุดของงานนั้น ของคนกลุ่มหนึ่ง เน้นให้เหมือน"พิเศษ" สิ่งที่อาจเกิดขึ้นอีก คือผู้ที่สนใจความหมายแบบนั้นตามการชี้นำ จะหาโอกาสให้ตนเองบ้าง และทางออกหรือประตูความก้าวหน้า ก็จะปิดลงอีกครั้ง เพื่อให้เดินวนเป็นวงกลมต่อไป...

-จุดประสงค์ของผมคือ การให้ข้อความในแบบออฟโรดผจญภัย ต้องควบคุมด้วยครับ...

-เพราะรถลุย คือรถ 4WDใช้งาน ที่นำมาปรับแต่งเพิ่มเขี้ยวเล็บเพื่อไปเฉพาะกิจ เฉพาะกลุ่ม ไม่ใช้รถ 4WD คือรถลุยที่เลิกเที่ยวแล้ว ความหมายกลับทางกัน... ไม่เชื่อถามขนส่งได้ครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
      
-อ่านต่อนะครับ อาจได้วิธีทำงาน....

-คต.ก่อนแจ้งว่าฟรอนเทียร์วางคานเป็นงานแจ้งลงเล่มครั้งที่ 4 แล้ว...ให้รายละเอียดเพิ่มว่า มีเรื่อง Big M วางคาน รายการเดียวที่ไป ครั้งเดียวจบ กลับบ้านได้ อีก 3 รายการๆละ 2 ครั้ง....เพราะเป็นงานไม่ได้วิ่งเต้น ผิดก็กลับมาแก้ไข เจ้าหน้าที่ขนส่งเข้มงวด แต่ไม่ได้แกล้ง แก้ไข(ได้) ก็ผ่านครับ ...

-เวลามองย้อนกลับไป ดีใจที่ได้ทำงานแบบตรงไปตรงมานั้นครับ ...เมื่อมั่นใจว่าสร้างเส้นทาง ไม่ใช่ซื้อเส้นทาง จนไปถึงจุดถูกต้อง เหนือกว่าคำว่าพอใจอีก เพราะผมเดินเรื่องด้วยตัวเองครับ

-รายการขอให้ขนส่งบันทึกลงเล่มรถดัดแปลง แก้ไขระบบรองรับน้ำหนัก ตรวจทีกรุงเทพฯทั้ง 4 คัน จริงๆไม่ได้คิดว่าขนส่งแตกต่างกัน แต่เป็นกรุงเทพฯเพราะเรื่องทะเบียนติดรถ เป็นเลขที่ชอบไม่ยอมเปลี่ยน หมายถึงไปตรวจกรุงเทพฯ เพราะ(เล่น)เลขทะเบียนด้วย แต่พอเรื่องผ่านไป ก็ดีใจที่ได้ผ่านขนส่งกรุงเทพฯครับ

-เกี่ยวกับรถแบบนี้ รวมถึงจดประกอบ ในบางจังหวัด อาจมีปัญหาบ้าง จะไม่ให้รายละเอียดเพราะ ซับซ้อนพอสมควร อาจไม่เป็นอย่างที่เข้าใจกันครับ

-บันทึกลงเล่มที่ขนส่งกรุงเทพฯ..ผมพอใจ(มาก) ถึงแม้ตอนเดินเรื่อง 3 ใน 4 ครั้ง ต้องไปใหม่ ก็ไม่หัวเสีย ผมอยู่ในเหตุการณ์เอง จึงรู้เอง ว่าเจ้าหน้าที่เขาทำงานกันอย่างดีแล้ว ผมเองที่กลับดัดแปลงรถไปก่อน โดยการมองๆชาวบ้าน แล้วก็ทำบ้าง ไม่ได้ถามหรือศึกษาระเบียบจริง รอดเพราะโชคด้วย ทีเลือกอะไหล่ไม่หนักเป็นหลักแต่แรกโดยไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องเรื่องน้ำหนักบังคับ.......

-รถตอนเดียว หากนำไปปั้นสร้างเป็น 4WD แบบคานแข็ง ต้องระวังมาก(ที่สุด) เพราะระหว่าง รถตอนเดียว ช่วงสั้น,ช่วงยาว จุดมุ่งหมายจะคนละทิศ ถ้ามองเหมือนกัน และไม่เข้าใจ อาจต้องซื้อประสพการณ์ เสียเงิน คงไม่ถึงกับทำให้จนหรือล้มไป แต่เสียเวลา คือต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ นอกจากจะหน้าแก่ขึ้นเยอะตามอารมณ์หลงทาง หรือเครียด อาจเสียขวัญ เลิกเลยก็มี ยิ่งเท่ากับ O นั่นเองครับ...

-รถช่วงสั้นเป็นรถที่มีเป้าหมายสวยเป็นหลัก ไม่นับเม็ดเงิน นับผลที่ออกมาตามความตั้งใจ หรือเต็มที่ เงินไม่มีก็เพียงพักรอ เงินมา ก็ลงต่อได้ครับ

-ส่วนรถช่วงยาว ไปเป็นแรงงานตามหุ่น และจะต้องไปเจอพระเอกในเส้นทางด้วย คือรถ106 มีวิธีเดียว ที่จะทำให้น่าสนใจกว่ารถ106 คือต้องถูกกว่า และเงื่อนไขการใช้งาน น้อยกว่า จึงจะเป็นตัวเลือกในเส้นทางทำงานได้...ดังนั้น ต้องควบคุมทุน และต้องเลือกรถที่มีข้อดีกว่าบางข้อด้วย เช่นเครื่องยนต์ดูแลง่ายกว่า...

-หากมีโครงการที่รถตอนเดียว จริงๆอยากแนะนำให้เลือกรถโรงงาน ชี้ของแพง ถ้าดี ก็ไม่กลัวถูก(ด่า)ว่า เพราะผลภายหน้า คนที่ใช้รถ106 ต้องรู้บ้างอยู่แล้ว แต่เกรงว่าจะหารถสภาพดีไม่ได้ เพราะถ้าซื้อแพงแล้วยังสภาพแย่ จะทำให้เสียใจได้เหมือนกันครับ

-รถ106เป็นรถอายุมาก และตรากตรำมา ตอนนี้ชื่อรุ่นติดหูแล้ว ดังนั้น หากใครมีรถ106 สภาพดี ก็คงไม่ขายง่าย ยิ่งเป็นกระบะลักษณะใช้งาน เหตุผลยิ่งให้อยู่ตลอดไปด้วยครับ

-รถตอนเดียวที่มีแววดี พอจะนำมาปั้นใช้ได้ ภาพรวมถึงการซ่อมและขายด้วย... ผมเลือกฟรอนเทียร์,ไทเกอร์ ตอนเดียวช่วงยาว คาดการณ์ว่าผลจะออกมาพอกัน เมื่อแลกผลดี/ด้อย กันแล้ว แต่แบนด์โตโยต้าเหนือกว่านิสสัน มีอีกข้อคือฟรอนเทียร์จะใช้ทุนต่ำกว่าคงราวๆ 5 หมื่นขึ้น เป็นจุดที่ทำให้น้ำหนักเลือกใกล้เคียงให้ลังเลอีกครั้งครับ....

-ข้อความกระทู้นี้ต้องการเตือน และอยากบอกทางที่ตรงจุดหมาย เพื่อให้ประหยัดเงิน แต่ถ้าไม่เกี่ยงทั้ง 2 แบบ คือไม่มีผลกระทบครอบครัว ไม่เกี่ยงเงิน ซื้อรถโรงงานดีกว่าครับ ใช้งานได้ ไม่ต้องรอ เพราะการรออาจทำให้หน้าแก่(เร็ว)ได้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      
- รูปแนบคต.นี้ บน....รูปตัวอย่างไทเกอร์ตอนเดียวช่วงยาววางคาน....ล่างเป็นรุปรถฟรอนเทียร์โฉมปี 2000 แก้ไขรูปจริงเพื่อให้มองเป็นตอนเดียว เป็นสมมุติไม่ใช่รูปจริงครับ

-ผมไม่เลือกไมตี้ช่วงยาว เพราะผลออกมาไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นของเลียนแบบรถ106ที่ได้ผลแค่คล้าย ในการลงทุน ควรเป็นทางเลือกได้ด้วยดีกว่าครับ

-แต่LN80 วางคาน เมื่อเทียบกับ LN100 จะเป็นทางเลือก มองคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน คือสิ่งที่ควรรู้ไว้ระวังครับ

-เพราะรถคานแข็งช่วงสั้น เป็นโมเดล มากกว่าเป็นรถทำงาน การแต่งตัวจัด จึงเป็นจุดประสงค์ ซึ่งLN80 เติมได้จัดกว่ารถต้นแบบแท้LN100 และผลของLN100,106 ต่างกัน เพราะถ้าเป็น106 นิยมที่เดิมๆเป็นตัวหลัก แต่LN100 ยึดแต่งสวยเป็นหลัก แต่ติดมีขอบเขต เพราะช่วงล่างเดิมคือโรงงานทำไว้คุณค่าสูง หรือหมายถึงมีค่าอนุรักษ์ส่วนหนึ่ง ดังนั้น LN80 ซึ่งเป็นการเติมช่วงล่างใหม่ จึงไปได้ไกลกว่าหรือตามใจชอบ เป็นทางเลือกในหมวดโมเดลได้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       -ผมชี้นำไปที่ไทเกอร์หลายครั้ง และก็ชี้ไปที่ 4WDแบบปีกนกว่า จะใช้งานนชีวิตประวัน ได้มากกว่าแบบคานแข็ง แต่คนไทย ต้องการรถุมากกว่าเป็นเครื่องมือ และรถคานแข็งมักเอื้อต่อการแต่งตัวกว่า ผลเช่นนี้ จึงจะมีจุดตัดแบ่งย่านขนาดที่ได้เปรียบต่างกัน ต้องตัดสินใจ หรือเค้นคำตอบตนเองให้ดี ไม่เช่นนั้น จะต้องเสียเงิน/เสียเวลา

-เช่น เมื่อใช้ 4WD แบบปีกนก ใส่ชุดยกล้อ 33 นิ้ว ก็พอเหมาะ แต่หากอยากขยับไปเป็นล้อ35นิ้ว จะต้องลงทุนเปลี่ยนชุดยกเดิมอีกหรือไม่ และเมื่อผลออกมา หากนำไปเปรียบกับรถคานแข็ง ก็จะเหมือนอ่อนแอกว่า หรือใช้ต้องระวัง เป็นความกังวลได้ ..ในขณะเดียวกันว่าหากวางคานแข็ง มักเริ่มต้นล้อที่ 34นิ้วขึ้นไป หากพบว่าเสียงดังของยาง และความกระด้าง เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ หรืออยากถอย ก็เสียเงินเช่นเดียวกันครับ

-ดังนั้นทุกท่านที่สนใจเส้นทางนี้ และอยากสมหวัง ควรหาคำตอบว่าจะใช้รถในย่านหรือพิกัดใด ที่เหมาะกับตนเอง เพื่อให้สมหวังอย่างประหยัดนั่นเองครับ

-ไทเกอร์ตัดสินใจยาก เพราะไปดีได้ทั้งสองแบบ คือปีกนกหรือคานแข็ง ในหัวข้อคานแข็งยังเลือกแยกได้อีกว่าจะใช้งาน หรือจะลุย ทางเลือกเยอะครับ

-ผมมีความเห็นเฉพาะรถใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือล้อไม่เกิน 35 นิ้ว ...

-ครั้งหนึ่งผมเห็นไทเกอร์รุ่นเดียวกัน 2 คัน ล้อ 33 นิ้วทั้งคู่ คันหนึ่งใช้ชุดยก อีกคันวางคานแข็ง ได้เห็นกันหลายนาที เพราะรถติด เป็นจุดตัดย่านพอดีคือ 33 นิ้วพอเหมาะกับแบบปีกนก และเป็นจุดเริ่มต้นของคานแข็ง เป็นการตัดสินใจที่เลือกยาก จึงนำมาบอกให้คิดเป็นการบ้านด้วยครับ

-ส่วนรถตอนเดียว ขอแจ้งว่ารถฟรอนเทียร์ต้นทุนต่ำกว่า และเครื่องยนต์ดูแลง่าย แต่มี 2 ข้อทีเป็นปัญหาค่อนข้างใหญ่ คือความสูงที่หลังคาอาจใกล้ๆ 2 เมตรที่ล้อ 35นิ้ว สูงมากไปสำหรับรถทำงาน และรถปี2000 (เท่านั้น) คือกระบะไม่มีขอบ, ภายในสีเทา,เกจ์ความเร็วสีขาว, พ.เพาเวอร์โรงงาน เป็นหลักการเลือกที่เอื้อต่อแผนครับ(ดูรูปแนบคต.นี้) สีตัวถังขาว,เทาหรือบอนด์ ได้เปรียบในการตกแต่งครับ

-ทุกรุ่นจะมีข้อดี/ด้อย ผลที่ออกมา ต้องไปเทียบกับ 106 เพื่อเป็นทางเลือกได้ ถ้าไม่เป็นทางเลือก ซื้อ106 คงคุ้มกว่าครับ..

 แก้ไขเมื่อ : 11/3/2557 7:52:39

 แก้ไขเมื่อ : 11/3/2557 7:55:57

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       ผบ.ไม่ไปก็ไปคนเดียวโลดดดด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       ถ้าเป็นผมคงเหลือ Tiger รุ่น Sport Cruiser 4WD 4 ประตู เพราะเล่นง่ายกว่าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
      
-รถไทเกอร์ 4WD มี 2 แบบ คือแบบ 4ป.ท้ายบรรทุก,แบบมีแค็ป อาจรวมสปอร์ตไรเดอร์ 4WD ด้วยก็ได้ ทั้ง 3 บอดี้เป็นรถที่เหมาะกับการวางคานหน้า แต่อยากให้ความเห็นว่า ควรใช้ 4WD ของเดิมติดรถดูก่อน เพื่อเช็คผลกับความต้องการก่อนให้แน่ใจ เพราะเดิมก็ใช้ดีเหมือนกัน....หากวางคานแล้ว จะกลับมาแบบเดิมไม่ได้อีกครับ... สำหรับรถที่เหมาะ ก็จะเหมาะตลอดไป ไม่ต้องรีบ ตัวอย่างเช่น LN51,80 หรือรถกระบะช่วงสั้นรุ่น ฮีโร่,ไมตี้ ก็เหมาะตลอดไป แต่ที่เขาตัดสินใจกันเร็วใน 2 รุ่นนั้น เพราะเดิมเป็น 2WD ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ที่เลือกครับ...

-ไทเกอร์แบบมีแค็ปเป็น รย.3 หากจะก้าวข้ามไปเป็นคานแข็ง ควรเช็คน้ำหนักรถเดิม หรือความเป็นไปได้ก่อนครับ...ขนส่งกำหนดไว้คือ รย.3 น้ำหนักไม่เกิน 1600 กก.ครับ ขอให้ระวังตั้งแต่ก่อนเริ่ม หรือควรแต่งตัวรถ หลังจากบันทึกลงเล่มแล้วครับ

-ขอเล่าซ้ำตรงนี้อีกครั้งเพื่อสมาชิกโตโยต้า ลองดูเป็นแนวทางครับ

-คือผมนำรถรย.3 วางคานหน้าเข้าตรวจ โดยไปเต็มยศ วิ๊นซ์หน้า,เหล็กกันโคลง,สตรัทปรับเกลียวช็อคหน้า,บันไดข้าง,ล้อวิ่ง+อะไหล่ 35 นิ้ว,แบตสองลูก,สปอร์ตไล้ท์ 2 ดวง และกันชนหลัง ชั่งน้ำหนักได้ 1860 กก. เจ้าหน้าที่ส่ายหัว บอกกลับบ้านได้ พูดปลอบผมให้ลองไปขอตรวจที่จังหวัดอื่น ผมตอบในใจว่า ซื้อรถุคันนี้มาวางคานเพราะเลขทะเบียน ถ้าต้องเปลี่ยนเลข ก็ไม่ใช่ความตั้งใจ...กลับบ้านครับ...

-ถอดทุกอย่างออกหมด โดยชั่งทีละชิ้นที่ออกมา จดรวมแล้วก็ยังเกิน ถอดไลเนอร์ เบาะแค็ป เปลี่ยนล้อเล็ก จนไม่รู้จะถอดอะไรแล้ว ก็ยังเกินอยู่ คาดว่ารีดน้ำมันอีกหน่อย ก็ยังเกินอีกราว 20 กก....เดินทางไปตรวจใหม่..

-เข้าชั่งเกินนิดหน่อยตามแจ้ง เจ้าหน้าที่บอกให้นำรถออก ผมถามผล เขาบอกให้ผ่าน แต่ยังไม่ใช่การอนุมัติ ต้องรอหัวหน้าเขาพิจารณา ก็ยังดี กลับบ้านดีกว่า....ขับรถมาจนถึงนครชัยศรี เติมน้ำมันจนเต็มถัง ออกจากสถานีน้ำมัน ก็มีโทรศัพธ์จากขนส่ง แจ้งให้ไปชั่งใหม่ เพื่อถ่ายรูปเลขน้ำหนักพร้อมรถด้วย ผมจึงขับกลับไป และขึ้นชั่งใหม่ แต่ครั้งนี้น้ำมันเต็มถัง เจ้าหน้าที่คนที่โทรเป็นอีกคนกับตรวจชั่งครั้งแรก เขาทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ...เขาไปเรียกหัวหน้างานมาดูตัวเลขด้วย และถามผมนิดหน่อย หากท่านอ่านถึงตรงนี้ คงคิดว่าผมกำลังเข้าสู่วิกฤต ...

- การที่เขาพาหัวหน้างานมาดู และถามผมให้ผมตอบอีกหน่อยเหมือนการเดินลัด เป็นจุดตัดสินให้ผ่านและอนุมัติ เมื่อผ่านไปจนได้เล่มคืน ผมอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ท่านนี้อย่างมาก ลืมบอกว่าตอนเรื่องผ่าน เขาโทรบอกผมในวันต่อมา ให้ไปรับเรื่อง และเรื่องอยู่ที่เคาน์เตอร์ หรือไม่ต้องเจอเขาอีกแล้ว หมายถึง ตรงไปตรงมา ผมรู้สึกว่าโชคดีมาก...

-จุดประสงค์ในการเล่า คืออยากให้ทุกท่านที่เตรียมตัวไปในเส้นทางแบบเดียวกันนี้ ได้เห็นตัวอย่าง เพื่อเตรียมวิธีทำงานให้ถูกต้อง อย่างที่แจ้ง ผมดีใจที่เรื่องผ่านแบบถูกต้อง ลองคิดตามดูครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
      
-คต.ที่แล้วผมเล่าเรื่องการเข้าตรวจรถแก้ไขระบบรองรับน้ำหนัก หรือวางคานหน้า เล่าโดยย่อ จริงๆมีรายละเอียดกว่านั้น ทำให้เครียดกันพอสมควรครับ

-เช่นเปลี่ยนล้อจาก 35 เป็น 30 นิ้ว รถผมไม่สูงมาก พอเปลี่ยนล้อเล็กลงหลายนิ้ว ก็ยังไม่ลอย แต่คนตรวจเขาก็มองออก ต้องชี้แจง หากผมวางล้อใช้จริงไว้ที่ 37 นิ้ว เดินหน้าช่วงล้อมาก และสูงกว่านี้ คำชี้แจงอาจกลายเป็นแก้ตัวน้ำขุ่นๆ หรืออาจไม่ผ่าน ผมจึงบอกว่ามีโชคช่วยด้วยที่เจอคนเข้มงวด แต่ใจไม่ร้ายครับ....

-รถคันดังกล่าวตอนครั้งแรกที่โดนไล่กลับบ้าน เขาถามว่าก่อนนำรถไปทำ ได้ศึกษาระเบียบบังคับก่อนหรือไม่ ผมต้องเงียบ แต่ตอบไปว่า เมื่อ 5 ปีก่อนก็เคยมาขอผ่านไปแล้ว เขาบอกว่า แวดล้อมเปลี่ยนไป หรือตอนนี้นโยบายให้เข้มงวดมากขึ้น...

- ความหมายคือ ที่ผ่านมารถออฟโรดไปสร้างผลกระทบแวดล้อม มีผลในภาพรวมเป็นลบ การบริจาคของหรือก่อสร้างแดนทุรกันดาร ที่ชาวออฟโรดภูมิใจ มีน้ำหนักน้อยกว่าผลเสียด้านอื่น...ในภาพรวม คือสิ่งที่อยากบอกให้รู้ตัวกันด้วยครับ...

-เมื่อ 5 ปีก่อนก็ตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ก็เดิม ไปวันเดียว ตรวจและรับเล่มกลับบ้านได้เลย ล่าสุด ไป ตรวจ+ชั่ง2ครั้ง+ลงเล่ม,รับ = 4 รอบใน 3 ครั้ง

-คุณค่าอยู่ที่ครั้งสุดท้ายนี้ เพราะทำให้ผม..."รู้ตัว"....ว่าตอนนี้เขาส่งเสริมหรือกีดกันกลุ่มออฟโรด เป็นผลเพิ่มจากเวลาที่ผ่านมาครับ

-ดังนั้นจึงอยากให้รู้ตัวกันด้วยว่าไม่เหมือนเดิม ช่องทางยังไม่ปิด แต่ผ่านได้ยากขึ้นโดยการเข้มงวด ผมสรุปโดยใช้วิธี "ตรงไปตรงมา" เป็นหลักเกณฑ์นะครับ

-ท่านใดที่ยังผ่านได้ง่าย ด้วยสิทธิพิเศษ ผมคิดว่านำมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ เพราะหากถึงภาวะตรวจ และไม่ผ่าน โดยไม่มีทางออก การลงทุนเงินคือการไปซื้อกรรมมาครอบครองนั่นเองครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย