WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


อยากให้ดูเป็นความบันเทิงและสังเกตเครื่องมือในการสร้างงาน
chotikan14
จาก Tik
IP:58.10.219.85

อังคารที่ , 5/7/2559
เวลา : 11:31

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      
เป็นความพร้อมระดับสูงในทุกด้าน....หากคิดตาม(ประสาคนชอบรถ) อาจพบว่า ไม่มีช่องว่างใดที่(เราคือผมหรือท่าน) จะเข้าไปร่วมงานกับเขาได้เลย แม้แต่จะไปเช็ดรถก็คงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องทำความสะอาด..หรือแม้แต่สร้างเป็นสารคดีเพื่อให้คนอื่นดูแล้วเข้าใจ.. ทุกวินาทีเป็นเรื่องของมืออาชีพแท้จริง...การเทียบเคียงนี้เองอาจทำให้เข้าใจภาวะมากขึ้น เพื่อให้รู้จักวางตนเองได้เหมาะสมครับ...

http://สารคดีภาคไทย.blogspot.com/2014/06/22-bugatti-veyron.html#!http://xn--42ca1cn7bob9c1de5a7p.blogspot.com/2014/06/22-bugatti-veyron.html



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  5  

คำตอบที่ 31
      
-ในการถ่ายทำสารคดีในแดนทุรกันดาร เช่นเรื่องชีวิตของนกเพนกวิน ที่แถบขั้วโลก คณะถ่ายทำเป็นผู้ไปเยือนพื้นที่ หมายถึงไม่ใช่คนในพื้นที่นั้นๆ..

-เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ / ยานยนต์พิเศษ และปักหลักรอถ่ายทำครั้งละหลายวัน....

-กติกาที่ทีมงานภาคสนามแจ้งให้คนดูเรียนรู้ด้วยคือ ทุกสิ่ง/ทุกชิ้น ที่นำเข้าไปที่ขั้วโลก ต้องนำกลับออกมาด้วย แม้แต่เศษกระดาษทิชชู่ "ไม่ทิ้งขยะทุกสิ่งที่นั่นแม้แต่ชิ้นเดียว".....เหมือนทีมออฟโรดเที่ยวป่าไทยหรือไม่ ตอบในใจด้วยครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 5/8/2559 เวลา : 07:49  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77981

คำตอบที่ 32
      
-รูปแนบคต.นี้....เป็นรูปต้นมะม่วงที่บ้านผมเอง....ยืนต้นตาย..จึงตัดเพื่อนำไปทิ้ง ใช้เลื่อยมือ และใช้วิ๊นซ์ดึงตึง เพื่อช่วยให้ใบเลื่อยไม่ติดครับ....

-บน...คือรอยสลิงบาดลำต้นจุดที่คล้องรั้งดึง เทียบขนาดลำต้นกับปากกา....

-ล่าง....คือจุดตัด เทียบขนาดลำต้นกับปากกาเช่นกัน...

-ใช้วิ๊นซ์ดึงให้ง้างเพื่อเลื่อยไม่ติด(ดึงขยับหลายครั้ง)...และสุดท้ายก็ดึงเพื่อล้มในทิศที่ต้องการครับ

-ขอให้สังเกต รอยสลิงบาดลำต้นเป็นรอยลึก โดยการดึงนี้ใช้แรงดึงคิดว่าน้อยกว่าดึงรถล้อจมครับ....

-ยังไม่เห็นใครเตือน/แนะนำสมาชิกเที่ยวป่าด้วยกันเรื่อง ผลต่อต้นไม้ ในคลิปเที่ยวทั่วไป...อยากให้ทบทวนเรื่องนี้ในใจดูบ้างครับ....





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik ศุกร์, 5/8/2559 เวลา : 10:15  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77982

คำตอบที่ 33
       -สุภาษิตของคนยุโรป..."คนดี..จะขอโทษต่อความผิดพลาดในอดีต....แต่ชายผู้ยิ่งใหญ่ จะแก้ไข(มัน).."....ไม่แน่ใจคำสุดท้าย แต่ไม่อยากเปลี่ยนเป็นสำนวนที่ฟังมาอีกทอดหนึ่งครับ....

-ตอนที่ผมนำรถคันที่สองไปแจ้งขนส่ง..เจ้าหน้าที่ถามว่าทำไว้เที่ยวป่าเหรอ ผมตอบว่า "ไม่ใช่" ในการตรวจครั้งที่ 3 ผมใส่ล้อเล็กและถอดวิ๊นซ์/กันชน/บันได และของแต่งอื่นๆออกหมด และชี้แจงว่าปั้นเพื่อใช้ในการทำไร่ส่วนตัว...เขาจึงให้ผ่านครับ... ก็ดีใจ และเริ่มเข้าใจว่าภาครัฐส่งเสริมทิศทางใด และกีดกันรถลักษณะไหน ..ไม่เหมือนที่ในเวปคุยกัน ในช่องทางแบบ"ซื้อ" การตีความหมายของสิทธิที่พึงได้ /ความต้องการในขอบเขต ....เล่าเพื่อให้ท่านที่อ่านทราบความจริง ไม่ต้องหลอกตัวเองว่าไม่เดือดร้อนใคร..ปรับตัวเองให้รับเงื่อนไขสังคมได้ก่อน จึงค่อยก้าวเข้าไปเล่นครับ

-----------------------------------------

-รถออฟโรดที่มีวิ๊นซ์ หาชิ้นส่วนที่เป็นผ้าหรือเชือกใหญ่ เพื่อเป็นส่วนคล้องดึงลำต้นไม้ยืนต้น ติดรถไว้ด้วย เพิ่มภาระจ่ายอีกนิด เพื่อป้องกัน เป็นทั้งทักษะเหนือชั้นและความสบายใจครับ....

 แก้ไขเมื่อ : 7/8/2559 14:32:46



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 5/8/2559 เวลา : 14:50  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77983

คำตอบที่ 34
       -ความเห็นต่อไปนี้ อ่านเป็นข้อคิดได้ แต่ก็ควรได้ผลแค่นั้นครับ....

-คำเพี้ยนในภาษาไทย เกิดจากการใช้ในอดีต ไม่ว่าผลใหม่จะเพิ้ยนหรือถูกต้องกว่า สักวันจะต้องมีการตัดสิน เพื่อแก้ไขให้เกิดหลักการใช้ไวยากรณ์เดียวกันครับ...

-หลังน้ำท่วมปี 2554 แวดล้อมรถใช้งานรถเอนไปเป็นรถขนาดเล็ก หรือ ECO CAR ทุกค่ายมีรถแบบนี้จำหน่าย แต่ในตอนนั้นเป็นการจูงใจด้วยราคาที่เอื้อมถึงง่ายครับ....

-จนถึงวันนี้...ECO CAR เป็นที่นิยมแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ "ราคา" ที่สูงขึ้น(มาก) พร้อมออฟชั่นระดับรถใหญ๋เป็นแรงจูงใจให้ก้าวตามต่อ..."สะดวกสบายและหรูหรา" ....ผมเห็นด้วยกับแนวทางภาพรวมอย่างนี้ แต่อยากขอวางคำเตือนไว้ว่า....

-วันนี้ราคาที่คุ้มค่า ควรเป็นของผู้ซื้อ เพราะจำนวนซื้อมาก/ต้นทุนผลิตจะต่ำลง....ส่วนราคาที่ขึ้นเพราะความนิยม เช่นรถอีซุซุในแต่ก่อน เป็นส่วนที่ควรได้(เพิ่ม)ของผู้ผลิต เนื่องจากได้รับความ "นิยม"

-หลังน้ำท่วมกทม. ผมได้ใช้รถ VIOS & YARIS ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรตัวเดียวกัน แตกต่างกันที่ตัวถังคนละแบบ...ผมคิดเองว่า VIOS ออกแบบมาลงตัวกว่าหรือเงื่อนไขน้อย เช่นล้ออะไหล่และที่เก็บแม่แรง คอนโซลหน้าปัทม์ช่วงต่อกับแผงบุประตู(เรียบร้อยดีกว่า)...โดยรวมคือชอบ VIOS มากกว่า YARIS ...แต่รสนิยมในการเลือกผมผิดครับ....

-เพราะ YARIS แพงกว่า VIOS ทั้งรถใหม่และรถมือสอง...นี่คือสิ่งที่อยากวางไว้เป็นข้อสังเกตครับ...

-ผมได้ไปดูรถใหม่ MAZDA 2 มาครับ ...มีแบบซีดาน 4ป. และแฮทซ์แบค 5 ป. ราคาที่ออฟชั่นเท่ากันคือ "เท่ากัน"ครับ....

-การเลือกจึงอยู่ที่"ชอบ"อย่างเดียวไม่ต้องชั่งว่าแพงกว่าคุ้มหรือไม่คุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายเพิ่ม...

-ย้อนกลับไปในอดีต ปี 1981 รถมาสด้า323 ขับล้อหน้าเข้ามาเปิดตัวในไทย(แทนรถขับหลังรุ่นเดิม) มีตัวถังให้เลือกซื้อ 2 แบบ คือ ซีดาน 4ป. และแฮทซ์แบค 5ป. ราคาในเวลานั้น แบบซีดาน 4ป. แพงกว่าประมาณ 2 หมื่นบาทครับ...

-ราคาที่กลับไปกลับมา ไม่ใช่นโยบายถาวรของแบบรถ(ยกเว้นเก๋ง2ป./คูเป้ 2ป.) แต่เป็นสิ่งที่ควรได้ ซึ่งหมายถึง "ดักหน้า-ดักหลัง"หาประโยชน์จากความรู้สึกของผู้ซื้อ...และนี่คือสิ่งที่ผมขอวางไว้เป็นข้อคิดครับ...

-การนิยมรถในแบบ "สาวก" จะทำให้ผู้ซื้อเสียเปรียบ ผู้ที่นำคำนี้มาใช้แบบเผยแพร่ ถือเป็นการเจาะยางกันก็ว่าได้ครับ....

-ด้วยการมองย้อนกลับไปในอดีต คนที่จ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อรถอีซุซุ ก็คือเหยื่อของกระแสซื้อในตอนนั้นครับ..

-ดังนั้น...ในขณะที่โรงงานกำลังแข่งขันกันทำเป้าผลิตมาก/ขายมาก เพราะลดต้นทุนลดลงก็คือกำไรมาก จากจำนวน ....เป็นบทบาทของผู้ผลิตซึ่งพยายามแข่งขันเพื่อครอบครองตลาด....

-บทบาทผู้ซื้อ ที่จะได้เปรียบจากนโยบายครองตลาดของผู้ผลิต ก็คือ "การเลือก" แล้วเลือกอีก อย่าใช้คำว่า "สาวก" เพราะประโยชน์จะเอนออกจากตัวไปเข้าผู้ผลิตขายครับ...

-ข้อความนี้เกิดจากการเห็นกิจกรรมที่โชว์รูมขายโตโยต้า(ดีเล่อร์รายหนึ่ง) ซึ่งมีการนำดารานักแสดงมาโชว์ทุกวันหยุดของสัปดาห์ เปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ ในขณะที่ค่ายอื่นไม่มี คำถามคือรายจ่ายการจัดงาน(คือต้นทุนของสินค้าอย่างหนึ่ง) ใครเป็นผู้จ่าย...ตอบในใจดีกว่าครับ

-----------------------------------

-แจ้งเป็นข้อมูลเพิ่มว่า เครื่องยนต์ดีเซลของมาสด้า 2 ใช้โซ่ขับราวลิ้น ไม่ใช้สายพานไทมิ่ง /ภายในเบาะโทนสีดำด้ายแดง / ภายในเนื้อที่แบบพอนั่งแต่ไม่กว้าง / มีรุ่นดิสเบรค 4 ล้อให้เลือกซื้อ ฯ....

-ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ ทุกค่ายใช้กลยุทธเพิ่มราคาขาย ในรถรุ่นที่ขายดีเสมอ เป็นเจตนาถาวรตลอดกาล ส่วนที่ไม่เป็นที่นิยม ก็ใช้กลยุทธ "พูดง่าย/กันเอง" เพื่อเกาะตำแหน่งในตลาดไป....หมายถึง ขายดีนิสัย "แย่"...ขายไม่ดี..ทำตัว"กันเองดี"....เสมอต้นเสมอปลายไม่มีใครเจ๊ง(ยกเว้น SAAB) ผลัดกันกระทำต่อสาวกตลอดมา คือสิ่งที่ควรเตือนใจไว้ครับ.....

 แก้ไขเมื่อ : 9/8/2559 6:05:37



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 8/8/2559 เวลา : 12:01  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77991

คำตอบที่ 35
      
-ปีที่ผมแจ้งว่ามาสด้า 323 ขับหน้าเข้ามา อาจไม่ตรง(เป๊ะ) 1981 หรือ 1980 แถวนั้นแหละ...ขอโทษด้วยครับ...

-ในบทภาพยนต์เรื่องหนึ่งกล่าวถึงการค้ามนุษย์ในศตวรรษที่18(1700-1800) ในเรือบรรทุกทาส ผู้ขนส่งจะจับตัวทาสที่ป่วยในระหว่างเดินทางโยนทิ้งทะเล เมื่อสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ(ไว้ก่อน).......ไม่รักษาโดยใช้เหตุผลว่า .."ทาสเป็นสินค้า ไม่ใช่คน"...

-ราวๆ 40ปีที่แล้ว "The Driver"เป็นหนังเทศที่เข้ามาฉายในไทย ดารานำชายคือ ไรอัล โอนีล( เลิฟ สตรอรี่) เป็นโจรนักขับรถฝีมือดี ในเรื่องตอนหนึ่งเขาขับรถกระบะเชฟโรเล็ต เหมือนอีซุซุ KB ในบ้านเรา ขับไล่ตามรถสปอร์ตใหญ่ เป็นฉากตื่นเต้น ที่ไทยอาจไม่เข้าใจครับ...

-เพราะรถในบ้านเราตอนนั้นเป็นเบนซิน 1600 ดีเซลตัวแรกที่เข้ามาขายก่อนคือ 2000 ซีซี....ส่วนรถใน(หนัง) นั้นเป็นสเปคอเมริกา คงประมาณเบนซิน 3.0-3.5 ลิตร ครับ....

-ความหมายของผมคือ รถเชพโรเล็ตกระบะที่ผลิตขายในไทย เป็นสเปคเฉพาะ อาจคิดเป็นของ ที่ทำให้(เผ่าพันธ์ทาส)ใช้ได้เปล่า(หนอ)..

-เวลาเดินทางมาถึงจุดที่ไล่ตามกันทันแล้ว...การจำจุดเริ่มต้นได้ อาจช่วยเตือนใจไม่ให้ประมาท ในสายตาที่เคยมองไทยเป็นชนชั้นที่ต่ำกว่าผู้ผลิต(มาก) มนุษยธรรมของเขาคือการรอดของ(เราคือผมหรือท่าน) ....

-การเลือกซื้อ ไม่ใช่การโยกโย้งอแง...แต่เป็นการบอกถึงรสนิยมที่แสดงว่าเจริญแล้วได้ครับ...

-ดังนั้น...จ่ายเท่าที่เขาตั้งราคา แต่กับสิ่งที่ทำให้(เราคือผมหรือท่าน) พอใจแล้วเท่านั้น...เป็นความยุติธรรมที่เขารับได้ โดยไม่มีมนุษยธรรมเข้ามาเกี่ยว เพราะเป็น"ธุรกิจ"...

-ในยุคล่าอาณานิคม คนยุโรปใช้เรือรบส่งกำลังเข้ายึดประเทศ ที่เขาคิดว่าป่าเถื่อนพูดกันไม่รู้เรื่อง หากที่ด้อยกว่ามากแต่ยังพูดรู้เรื่อง เขาต้องการแค่เอาเปรียบทางธุรกิจเท่านั้น เพราะง่ายกว่าปกครองเมืองขึ้น...เป็นความจริงในประวัติศาสตร์มนุษย์ครับ....

-เล่าอุทาหรณ์ในใจผมให้ท่านอ่านดู...การวางตนสูงเสมอG7 ต้องมีอำนาจและบารมีเป็นฐานรองรับ....ไทยมีเพียงการเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก จึงไปอย่าคิดว่ามีสิทธิระดับนั้นด้วยครับ...

-ที่ผ่านมาเดินตามมาจนใกล้แล้ว....ต้องเดินตามเป้าต่อให้ระยะใกล้ขึ้นไปอีก จึงจะยิ่งปลอดภัยครับ....





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 11/8/2559 เวลา : 17:52  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77995

คำตอบที่ 36
      
-ในอดีตกาล แวดล้อมลำบากและอันตราย แต่การเดินทางไปสู่ความหวังใหม่ เป็นการเสี่ยงโชค จึงมีคำว่า "ผจญ" เกิดขึ้นมากำกับให้ระวัง และหลายครั้งที่ต้องการกำลังใจเพื่อทนเดินทางที่ลำบากได้ต่อไป "เทพนิยาย"จึงเกิดขึ้น..เพื่อสร้างกำลังใจให้ก้าวต่อครับ..

-ในปัจจุบัน การอยู่ลำพังยังเป็นเรื่องอันตราย เพราะความป่าเถื่อนเป็นนิสัยที่สงบนิ่งได้ การเรียนรู้มีแบบแผนแล้ว การะวังกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ...จึงเกิด "เทพน้ำลาย" มาเป็นเสียงชวนคุย/ชวนแวะ เพื่อให้ไม่เบื่อครับ...

-ฐานะไทยตอนนี้ ตามให้ทันอย่างเดียว หรือเลียนแบบเท่านั้น มีแบบอย่างให้คัดลอกและลองทำตามอยู่แล้ว ...

-แต่"ไทยส่วนหนึ่ง" ซึ่งเชื่อคนยาก ชี้ระแวงแต่หลงใหลง่าย ชอบแสดงออก ซึ่งมักเข้ามาหยิก/บิด/ข่วน/ขยำ/เขี่ย สิ่งใหม่ๆที่เข้ามาเป็นบทเรียนประจำวันเล่น ถ้าชอบก็จะเพิ่มมาดวางตนเองเป็นผู้ค้นพบ(Discoverry)หรือผู้รู้ เทคนิคใหม่ๆนี้ครับ...

-ในฐานะ"น้าแนะ" กระซิบข้างหูบอกช่องทางเรื่องราวตอนเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน..ก็อีกรูปแบบหนึ่งครับ..

- "รู้ก็ชี้ ไม่รู้ก็ชี้"...ก็คือวิธีเดินอีกแบบครับ

-เมื่อประเทศนี้มี "ช่างพูด" แทน"ช่างยนต์" เส้นทางตรงก็กลายเป็นคดเคี้ยว และเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะเลี้ยว/แวะ บ่อยครับ...

-ผู้นำหน้า...ห่วงคณะตามหลัง ซึ่งมีแต่เรื่องตุกติกกันเองจนช้า....ที่สุดความห่วงจะเปลี่ยนเป็นความ"รำคาญ" ....."การรอ"กลายเป็นภาระของโปรแกรมอาณานิคมใหม่ในโลกหน้า คือแค่เดินตามยังไม่ให้ความร่วมมือ ถ้าให้ขึ้นเครื่องและคุมกลไกบางอย่างด้วย จะเป็นไง(หนอ)....

-การเปรียบเปรยนี้หวังเพียงให้หลายๆท่าน อย่ามอง"ความชุ่ย/ห่วย" เป็นของชินตา..เพราะการเดินตามมีขอบเขตเวลาบังคับอยู่ด้วยครับ...

-ช่วยกันทำให้รู้ตัว ....ว่าต้องเดินตามโลกอย่าหยุดเล่นหรือหยุดคอย...เพราะจะเกิดอันตรายต่อตนเองรวมถึงครอบครัวได้...

-สำหรับผม...รถเก๋งขนาดเล็ก เครื่องดีเซล คือสิ่งที่คาดหวังใช้(ยาวนาน) เงินเกือบแปดแสนบาท ที่ต้องจ่ายแลก คือเงื่อนไขที่ไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องรับให้ได้..."แพงจังเลย"....คือคำบ่นเบาๆให้คนในครอบครัวรู้ฐานะ แต่ไม่ให้ผู้อื่นกังวลด้วย....คือเรื่องราวของผมเองในป.นี้ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 12/8/2559 เวลา : 07:36  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 77996

คำตอบที่ 37
      
-โลกใบนี้ มีคนถนัดขวา มากกว่าถนัดซ้าย....ของใช้จึงออกแบบมา/ผลิตเพื่อเอื้อต่อคนถนัดขวา...เป็นความได้เปรียบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความสามารถครับ..

-BUGATTI VEYRON เมื่ออยู่ในไทย จะเสียเปรียบอย่างมาก เพราะถนนทั่วไปแคบกว่า และเรียบน้อยว่าประเทศสากล...และกฏจราจรหรือวิธีวิ่ง หรือพวงมาลัยรถอยู่ขวาครับ....

-ยางแพงมาก ค่าใช้จ่าย...หนึ่งหมื่นกม./เกิน 5 แสนบาท....เนื่องจากเศรษฐีไทยใช้ชีวิตหลายรูปแบบ ความคุ้มค่าของ BUGATTI VEYRON ในแบบเพื่อใช้งานจึงต่ำกว่าอยู่ประเทศอื่น....ดังนั้นไทยที่พร้อมจริง ไม่ต้องทำใจที่ซื้อไม่ทัน(300คันแรก)ครับ....

-รถ ECO car หรือรถกระบะในไทย ในปัจจุบัน มีออฟชั่นและความหรูหราใส่ตัวแล้ว ทรงคุณค่า/ประณีต ก็อาจเป็นก้าวต่อไป...

-มองย้อนหลังไปในทศวรรษที่70......รถปิคอัพในไทยราคาคันละ ต่ำกว่า หนึ่งแสนบาท ส่วนรถเก๋ง1200-1400 ซีซี ก็แสนต้นๆครับ...

-ผมจำราคานิสสัน แฟร์เลดี้ตัวแรกไม่ได้แล้ว...ซึ่งมีจำหน่ายด้วยในไทยตอนนั้นด้วยครับ...

-แต่ไม่เคยเสียดายรถที่ไม่มีอะไหล่เลยครับ...

-เพราะอะไหล่ คือความจำเป็นสูงสุดของรถที่ใช้ข้ามหลายทศวรรษได้...เลี้ยงลูก/หลานให้ดีก่อน... ง่ายกว่าคือเหตุผลครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อาทิตย์, 14/8/2559 เวลา : 07:08  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78018

คำตอบที่ 38
       -สติ๊กเกอร์ คือการแสดงออกอย่างหนึ่ง ...เจ้าของรถส่งความหมายนี้ให้ผู้อื่นทราบ....แต่คงลืมไปว่าคำล้อเลียนหยาบคาย ก็แสดงความหมายนิสัยเถื่อนของผู้ส่งคำให้ผู้อื่นทราบด้วย...

-รถคันนี้เป็นความแปลกที่ไม่มีวันดีได้.. หากไม่ได้เลียนแบบต่างประเทศมา หรือเป็นแบบแรกของโลก ก็ไม่มีคุณค่าอยู่ดี เพราะเดาว่าเบื้องหลังชิ้นส่วนเช่นไฟท้าย ไม่มีทางเรียบร้อย หรือไม่มีจุดยึดแขวนเข้าที่ L/R หลักคือต้องเหมือนกัน ยึดด้วยน็อต ไม่ยึดด้วยกาวหรือสกรูเกลียวปล่อย .../บานเปิดหลังไม่มีที่ดึงเปิด มองเป็นแปลกได้แวบหนึ่ง นอกนั้นมองเป็นความบกพร่องบกพร่องตลอดไป..../ ปลายท่อไอเสียทีไม่เข้ารูปกับรอยเว้าที่กันชน ก็คืองานออกแบบดัดแปลงที่ฝืนจนไม่เรียบร้อย ...มีอีกหลายจุด จึงสรุปว่าเป็นแค่ความแปลกที่ลงทุนเวลามากเหลือเกินครับ...

-เหตุผลคือ คนที่เอาเขาควายไปติดหน้ารถ(ในไทย)แบบเพื่อประดับ ก็แปลกเช่นกัน และตรงนี้ คุณค่าก็อยู่ที่ความแปลกในบรรทัดเดียวกันแค่นั้นครับ...

-สิ่งที่ล้ำเส้นไปเยอะคือ "การเปิดเผยตัวตน"...ซึ่งหากเขียนเป็นอักษรติดเสื้อคงได้ผลต่อความหมายตรงกว่า...ให้คนอื่นดูสารรูปรถแล้วทายนิสัยครับ

-เป็นตัวอย่างที่แย่มากของไทย ที่จำเป็นต้องหักล้างคุณค่าปลอมทิ้ง..เพราะเป็นตัวอย่างในสังคมที่อาจทำให้เข้าใจผิดได้ครับ....

-รูปนี้ได้มาจากเวปสาธารณะ หรือสื่อเปิดเผยทั่วไปครับ....

-------------------------------------

-กันชนหลังเดิมเป็นพลาสติค ยึดเกาะตัวถังรถซึ่งเป็นเหล็กด้วยพุกและน็อต จะเกิดเส้นแนวแยกชิ้นออกจากกัน...ในรูปไม่มีซึ่งหมายถึงสีโป๊วซึ่งจะเป็นเงื่อนไขการถอดซ่อมในต่อไป...จะเป็นของที่ซ่อมให้คืนสภาพได้ยากและผิดรูปไปจากเดิมได้ง่าย ซึ่งผิดหลักการออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ครับ...

 แก้ไขเมื่อ : 15/8/2559 6:41:53

 แก้ไขเมื่อ : 15/8/2559 6:49:10





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik อาทิตย์, 14/8/2559 เวลา : 09:30  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78019

คำตอบที่ 39
      
-รูปแนบคต.นี้...ศรสีแดงชี้ มือเปิดประตูซึ่งอยู่ในตำแหน่งพลางตัว เป็นเทคนิคการออกแบบ เป็นจุดเด่นที่ยอมรับเพราะมีเพียงเงื่อนไขตำแหน่งคุ้นเคยที่ไม่เหมือนอื่นๆ แต่การใช้งานยังได้เหมือนเดิม...รูปเก๋งล่าง ทำให้รถดูคล้ายรถ 2ป. มีรถรุ่นอื่นที่ใช้ลักษณะนี้อีก เช่นรถค่าย MG......

-รถในคต.ก่อน...เดาเรื่องสีโป๊วได้ด้วย ...ดังนั้นที่สุดจะพบว่า "แปลกเดี๋ยวเดียว"ครับ(ทำใช้เวลานานมาก) เป็นงานที่ไม่มีวันเสถียรได้ เพราะเครื่องมือสร้างชิ้นส่วนไม่พอหรอกครับ....





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik อาทิตย์, 14/8/2559 เวลา : 10:16  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78020

คำตอบที่ 40
      
-ในปัจจุบันมีผลงานของศิลปินและจิตรกร ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับของโลก บันทึกลงใน(มาสเตอร์เทป) หรือเป็นภาพ ทั้งหมดคือพรสวรรค์ที่เหนือชั้นครับ...มีเบื้องหลังอยู่คือในช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้ว การใช้ยาเสพติด ไม่ถูกติดตามมากเหมือนปัจจุบัน ..

-ผลงานเหนือชั้นหลายชิ้น/เพลง ถูกเรียกออกมาโดยใช้พลังยาเสพติด เป็นด้านมืดของผลงาน ซึ่งเจ้าของที่สุดมักลงเอยชีวิตไม่สวย...แต่ผลงานอมตะคือความจริงที่ยังคงอยู่ แม้ชีวิตเจ้าของผลงานจะดับไปแล้ว(ด้วยวิธีใดก็ตาม) จะมีความจริงเรื่องชีวิตปนเปื้อนอยู่ แต่ไม่ใช่จุดเผยแพร่ ผลงานที่เค้นออกมาจากความบ้าคลั่ง ที่เลอเลิศหรือเป็นงานชิ้นเอกของโลกใบนี้ คือจารึกที่จะบังเรื่องเสพติดที่น่ารังเกียจออกไป เพราะศิลปินหรือจิตรกรนั้นเป็นผู้ลงทุน/ลงแรงทั้งหมด หมายถึงด้วยแรงกาย/ใจของเขา งานชิ้นเอกจึงออกมาครับ...

-การแต่งรถแบบในคต.ที่38 อ่านจากการวางตน(ความหมายสติ๊กเกอร์+รูปแบบรถที่แปลกแบบมีเงื่อนไขสูง) นั่นคือความมั่นใจว่าทำได้เหนือชั้น...ซึ่งเข้าใจผลผิดครับ

-อยากอธิบายว่า....เป็นการเลียนแบบที่ไม่เข้าใจ...การแต่งรถทำโดยช่างที่รับงาน/คำสั่งไปทำ เจ้าของจึงเป็นเพียงนายทุนที่คลุ้มคลั่ง และไม่เข้าใจเรื่องคุณค่า..ที่สุดจะเป็นทางผ่านซึ่งไม่ได้อะไรเลย คุยก็ไม่ได้ เพราะล้าสมัยได้ หรือโหล หรือถูกจับได้ว่าเงื่อนไขมากไป หมายถึงเสียคุณค่าที่เคยมีก่อนลงมือไปครับ...

-อยากให้ผู้ที่รักการแต่งรถ อ่านความเห็นนี้...การก้าวต่อจะได้ใช้หลักคิดที่ไม่สูญเปล่า และไม่ปลดปล่อยความเถื่อนออกมาแบบเชยๆ ซึ่งหากย้อนเวลากลับสู่จุดเริ่มต้น จะพบว่า ถ้าขึ้นรถเมล์อย่างเดียว...ชีวิตจะไม่เป็นอย่างนี้เลยครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อาทิตย์, 14/8/2559 เวลา : 15:12  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78021

คำตอบที่ 41
      

-อาหาร เป็นศิลปแขนงหนึ่ง เพดานสูงแตะคำว่า "วัฒนธรรม"...ไทยมีสิ่งนี้ เพราะอาหารไทยติดอันดับนิยมของโลกด้วยครับ...

-ลาว....มีวัฒนธรรมผ้าทอมือ ระดับนิยมของโลกเช่นกัน....

-ใครก็ตามที่กล่าวโทษรสนิยมความสวยงามที่บิดเบี้ยวผิดพลาดไปที่ ..."ลาว" ...ขอให้ทำความเข้าใจใหม่ด้วยครับ...

-ฝรั่งเขาเรียกไทยเป็นจ้าวแห่งของปลอม...หรือคบไม่ได้นั่นเองครับ

-แต่"น้ำใจงาม" ก็หมายถึงคนไทยเช่นกัน....ซึ่งขัดแย้งกันอย่างมาก...

-อยากขอช่วยกันทำให้ "ปลอม" ให้น้อยลงหรือหมดไปเลยดีกว่าครับ...





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 15/8/2559 เวลา : 07:35  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78023

คำตอบที่ 42
      
-รูปแนบคต.นี้....บน...พวงมาลัยรถโฟล์คเต่าขนาดปกติ วงถูกหุ้มด้วยไวนิลแบบพันรอบแกน....ล่าง....วงของรถโฟล์คเช่นเดียวกัน...ถูกแก้ขนาดให้เล็กลง และหุ้มหนัง สำหรับผมคิดว่าสวยขึ้นครับ...

-วงล่างเป็นงานช่างไทย รถเต่าคันของผมก็ทำตาม โดยส่งไปให้ช่างคนเดียวกันทำ ผลจริงสวยถูกใจ แต่การหมุน(สาว) นิ้วมือจะติดร่องขอบวงกับแป้นแตร ซึ่งแคบลงกว่เดิมครับ...

-ลงเพื่อนำงานที่ดีที่ไม่ได้อวดโชว์ มาวางกับงานแปลกประหลาดที่พยายามโชว์...สำหรับเงื่อนไขของวงพวงมาลัยโฟล์คกึ่งๆพอดีระหว่างความสวยที่เพิ่มกับเงื่อนไขที่มาด้วย หมายถึงทำก็สวยดี แต่หมุนยากขึ้นนิดหนึ่งครับ...





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik พุธ, 17/8/2559 เวลา : 17:48  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78027

คำตอบที่ 43
      
-รถยนต์คือเครื่องมือชนิดหนึ่ง เป็นยานพาหนะ ซึ่งชื่อก็บอกลักษณะงานที่ทำหน้าที่...

-ในความเป็นเครื่องมือ มีวิธีใช้ที่นัดหมายกัน เพื่อเป็นหลักสากล เช่นตำแหน่งคันเหยียบเบรค,คันเร่ง,สวิทซ์เลี้ยว,แตร ..ฯ ใครผลิตรถก็ต้องตามหลักที่คนทั่วไปเข้าใจด้วยคือหลักครับ....

-วิธีขับรถ ก็เป็นเรื่องนัดหมายเหมือนกัน การแยกเลนถนนเป็นช่องรถช้า, ช่องรถเร็วเพื่อแซง ก็รู้จักกันทั่วโลก หรือนัดหมายวิธีใช้เช่นกันครับ...

-ในสารคดี BUGATTI VEYRON ในตอนที่ยางโดนทดสอบด้วยเครื่อง ทรมานยาง โดยจะเกิดเสียงในขณะที่หน้ายางเอียงหนีศูนย์กลาง เป็นเหตุผลให้ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนยางของ VEYRON แพงมาก ...

-รถที่แต่งในแบบคต.ที่38 หน้ายางหลังเอียงตลอดเวลาเนื่องจากการลดระดับชุดกันสะเทือนลงมาอยู่ในตำแหน่ง "จร" หมายถึงโดยปกติระดับสแตนบายจะอยู่ที่หน้ายางสัมผัสพื้นเต็มส่วนหน้า หรือตรง ยางถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่ในลักษณะเอียง เป็นชั่วขณะเท่านั้น...รถในคต.ที่38 จึงหมายถึง "ผิด" หลัก เมื่อนำไปรวมกับการโหลดเตี้ยเพื่อการวิ่งเร็วกว่าเดิม..."ยิ่งเกินหลัก ไปกันใหญ่" ส่วนการขับเร็วต้องการผิวถนนที่เรียบ และสะอาดไม่มีทราย สนามแข่งความเร็วจึงเป็นวงรอบ ยกเว้นรถแรลลี่ ซึ่งอยู่ในเกมแข่งแบบ"เผชิญสภาวะที่คาดการล่วงหน้าได้น้อย" จึงต้องมีเนวิกเกเตอร์ ในการแข่งแบบนี้ครับ...

-คำถามแรกคือ...การแต่งรถแบบคต.ที่38 เป็นอาการผิดหลักวิธี ทุกประการ ทั้งลักษณะรถ และวิธีขับ(บนถนนทั่วไป) ..คำถามคือ " ทำไม"...ถ้าไม่โกหกหรืออ้าง คำตอบจะหมายถึงจุดประสงค์ซึ่งน่ากลัว(มาก)ครับ....

-รถใช้งานบนถนนหลวง คือการใช้ร่วมกัน ทั้งกับรถคันอื่นๆ และกับคนอื่นๆในรถคันเดียวกันด้วย โดยหากมีอุบัติเหตุ คนขับคือจำเลยหมายเลขหนึ่งครับ

-รถซุปเปอร์คาร์ แมคลาเรน F1 เป็นรถที่เจตนาสร้างให้วิ่งเร็ว ที่นั่งคนขับอยู่กลางลำเหมือนรถฟอร์มูล่าวัน...มองก็เข้าใจครับ

-รถในคต.ที่38 ไม่มีลักษณะที่เอื้อต่อการโดยสารของผู้อื่น คือจะกระด้างนั่งไม่สบาย การขับใช้หลักไม่เหมือนรถอื่นในถนน เช่นทางตรงวิ่งเร็วเกิน ข้ามทางรถไฟหรือคอสะพาน ต้องคลาน ซึ่งรถอื่นๆจะเพียงชะลอ หมายถึงเสียการเป็นรถโดนสารในแวดล้อมรวมไป ควรวิ่งในสนามเฉพาะ...

-ทั้งหมดอาจกล่าวว่า ปั้นรถออกมาเพื่อให้ประสิทธิภาพใช้งาน ต่ำลงมาก....คำถามคือ "why"...คำตอบ(จริง)ในภาษาไทยอาจทำให้คนในครอบครัวเสียหน้าได้ด้วยครับ...

-*ช่วยกันทำให้รู้ ว่าเส้นทางที่ถูกตามกติกาสังคมคืออะไร ก็ควรเก่งในแบบนั้น ซึ่งมีแบบอย่างอยู่ทุกแบบอยู่แล้ว จึงจะเป็นที่ยอมรับว่าไม่ผิดเพราะเหมือนกีฬา....ขอบคุณครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 18/8/2559 เวลา : 07:20  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78028

คำตอบที่ 44
      
-รูปห้องเครื่องรถ CIVIC coupe ความประณีต ก็คือความสวยงามแบบหนึ่ง มองนานและหลายครั้งได้เพื่อหาแนวทาง ไม่เหมือนรถแปลกที่ตำหนิและเงื่อนไขเยอะ พอเข้าใจหรือรู้ทัน ก็คงไม่อยากมองอีกครับ

-การหักล้างเรื่องแปลก จึงอาจนับเป็นการปิดกั้นการหลงทางได้แบบหนึ่ง ขอให้เข้าใจด้วยครับ...





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik ศุกร์, 19/8/2559 เวลา : 17:17  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78032

คำตอบที่ 45
      
-การตกแต่งรถเก่ามาก จะยากกว่า แต่ก็มีหลายท่านที่ทำได้ดีครับ...





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik ศุกร์, 19/8/2559 เวลา : 17:19  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78033

คำตอบที่ 46
      
-ประเทศไทย ไม่มีเทคโนโลยีของตัวเอง ที่เห็นเคลื่อนที่ได้/คิดได้/มีภาพ/มีเสียง หรือแม้แต่ศิลปขั้นสูงเช่นรูปภาพ / รูปปั้น..ฯลฯ ที่เห็น(สุดยอด) สวยงาม หรือไพเราะ..ระดับโลก ล้วนมาจากการนำเข้ามาครับ...

-เวลาผมอ่านเรื่องทดเฟืองเกียร์5 ลดรอบปลายไหล / ท่อไอเสียเพิ่มแรงบิด ฯ ผมรู้สึกหดหู่ ที่นอกจากไม่มีใครรู้ตัว ยังมีของปลอมขึ้นมาชี้เป็นของแท้ เปลี่ยนทิศทางเรียนรู้ ซึ่งเดิมยังห่างไกล ให้เสียเวลามากขึ้นไปอีก....และ..."ไทย..ไม่เคยขาดแคลนพวกหลอกง่าย"

-เรา(คือผมหรือท่าน)อาจลืมไปว่าการค้นพบทางลัดพิเศษต่างๆกันตามข้างถนน หมายถึงวิศวกรผู้มีเครื่องมือ"พร้อม/ครบ"รองรับ บกพร่องหรือคิดไม่เก่งพอ ต้องนำมาเติมหรือแก้ไขให้ดีกว่าเดิม และลืมไปอีกว่า โดยวิศวกะวุฒิ กอ ทอ กอ(เกาะท่านกิน) เอกวิชาช่างพูด การลืมสองสิ่งนี้ นำฝูงชนให้เปลี่ยนทิศทางไปสู่ความล่าช้า...

-ผู้ที่สนใจถามหา พอรู้แล้วว่าไม่ใช่ความก้าวหน้าจริงก็ "เงียบ" หายไป คนดูผลเลยตามกันใหญ่ โดยนึกว่าเงียบคือได้ผล...และเมื่อบทเรียนแบบนี้กลายเป็นทิศทางการเรียนรู้ของคนที่นี่ๆ จึงผูกการนำเข้าตลอดกาล..."ลงทุนได้/ขายแพงได้" รู้ทันยาก/หลงไหลง่าย "คุ้ม" คือรางวัลให้คนฉลาดที่ไม่อธิบายใดๆ..

-"พูดไปให้ไกล"... แล้วกลับมาซื้อ "ใกล้ๆ" และถ่ายทอด จากรุ่นสู่รุ่น จนดูเหมือนอยู่ในคำสาป....สิ่งที่ผมเขียนมาจากการเห็นเรื่องการแต่งรถที่ผ่านมาหลายสิบปีของไทย ไม่มีเรื่องใด "คงอยู่"หรือเป็นทฤษฎีได้... ที่นี่จึงมีแต่เรื่องเหลือเชื่อครับ

-ผมจึงกล่าวหลายครั้ง...ว่าเพียงทำให้รู้ตัว...ว่าเรา(คือผมหรือท่าน) กำลังแต่งตัวให้มองดู"ตัวยาว/ขาสั้น" แล้วคิดว่าสวย...ดัดแปลงเอาน้ำยาอุทัยมาทาปาก แล้วฟังข่าวลิปมันออกรุ่นใหม่ดีและแพงกว่าเดิม....เป็นภาพรวมที่น่าอายมากครับ....

-แต่งเทอร์โบ เปิดบูสท์ 25 ปอนด์ ออกตัวกระโดดเป็นกบ (หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าอู้ซ่อม) และยัง "เฮ" กับเครื่องเดิมๆ 5 แสนกม.ขึ้นไปได้ด้วย คือคนที่นี่ครับ....

-ช่วย..กัน(เขี่ย)ตัวอย่างที่ผิด หรือยังไม่มีผลรวมจริง ให้ไปอยู่ในห้องส่วนตัว ลานแสดงควรให้ผู้ที่เลือกสรรแล้วว่าของจริง.. ตั้งโชว์รอก้าวหน้าที่ใหม่ที่จะมาท้าทายสถิติเดิม(ที่เป็นที่ยอมรับ)...เหมือน BUGATTI VEYRON ในตอนนี้ ซึ่งเร็วที่สุดในโลก ก็เคยอยู่กับแมคลาเรน F1 มาก่อนครับ....

-เหมือนกีฬา ที่ผู้ฝักใฝ่จะได้ผลตอบแทน รวมถึงโอกาสสร้างสถิติใหม่ด้วย.....เริ่มด้วยการ กันเรื่องเหลวไหลให้อยู่ในที่เงียบๆก่อน...เพราะจะเงียบจริงไปเองในที่สุดอยู่แล้ว เหมือนเรื่องร้อยแปดที่ผ่านมาในอดีต.....ขอบคุณครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 เสาร์, 20/8/2559 เวลา : 07:39  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78034

คำตอบที่ 47
       -รถยนต์คือ...เครื่องมือ(ยานพาหนะ) / เครื่องประดับ(ลางบอกรสนิยมและฐานะ) / อาวุธ (ทำให้เกิดการบาดเจ็บ-ตายได้)

-คนที่แต่งพลังให้รถยนต์ มีจุดประสงค์ให้รถมีความพร้อมเป็นอาวุธมากกว่าปกติ...เป็นความชอบที่มีอำนาจสำรองไว้ใต้เท้า(คันเร่ง) อาจอ้างเพื่อหนีเรื่องราว แต่เกือบทั้งสิ้น(ที่ไม่ใช่นักแข่งอาชีพ) จะลืมหรือมองคุณประโยชน์ไว้ด้านเดียวครับ....

-ในสารคดีอาชญากรรมต่างประเทศฉายในไทยด้วย มีเรื่องหนึ่งเกิดเหตุที่อเมริกา คนผิวดำ 3 คน ชายหนึ่ง หญิงสองคน ปล้นรถแท็กซี่โชเฟอร์คนขาว ซึ่งต่อมาทราบว่าภรรยากำลังท้องแก่ใกล้คลอด...

-ชายผิวดำยิงคนขับรถแท็กซี่ตาย...และทั้ง 3 คน ถูกจับได้ สอบได้ความว่ากลับจากเที่ยวกลางคืน เงินหมด หญิงอ้างไม่รู้เรื่องเพียงแต่ขึ้นแท็กซี่ด้วยกัน ไม่รู้แผนของผู้ชาย และไม่รู้ว่าเขามีปืนพกมาด้วย...

-ชายที่ปล้นและยิง ถูกถามจุดประสงค์หรือเหตุผลในการ"ฆ่า" คนร้ายอ้างเมาและควบคุมตนเองไม่ได้ ไม่มีการต่อสู้กัน เพียงแต่กลัวจำหน้าได้...

-ชายต้องโทษสถานหนัก และหญิง 2 คน ที่ไปด้วย ผลก็ติดคุกด้วยครับ.....

-อาวุธกำหนดอยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญที่ตัดสินผู้อื่นในชั้นต้นได้ เช่นตำรวจหรือทหาร....ซึ่งได้รับการฝึกเรื่องสถานการณ์ที่จะใช้ด้วย...

-รถที่แต่งพลัง ก็เหมือนอาวุธ ซึ่งพาผู้ครอบครองที่ไม่เข้าใจกฏทั้งหมด เข้าสู่สถานะการณ์ได้ การตัดสินใจในเวลาจำกัด ซึ่งเป็นเรื่องคับขัน ไม่เกิดขึ้นบ่อย โอกาสตัดสินใจพลาดจะสูงกว่าเป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่ไม่มีหน้าที่แบบเหตุการณืนั้นๆครับ...

-ผมหมายถึง การมีอาวุธ นอกจากป้องกันตัวหรือปกป้องได้ ในทางกลับกันก็ไปก่อกวนผู้อื่นได้เช่นกัน และหากไม่ได้ฝึกเรื่องการตัดสินใจแนวแบบนี้ หากอีกฝ่ายก็มีพลังเช่นกัน เรื่องจะบานปลายได้ง่ายครับ...

-ชายผิวดำ ยิงคนขับแท็กซี่ตายด้วยความคึกคนองในอำนาจปืนที่เขามี แต่เขาใช้ความขลาดกลัวเป็นเครื่องตัดสิน เมื่อถูกจับ จึงตอบเหตุผลที่ฆ่าไม่ได้ต้องอ้างเมาครับ..

-ผมเพียงอยากบอกว่า เขาเป็นคนขลาดที่หาอาวุธมาเกื้อหนุนปกป้อง และเล่นบทให้สมกับอาวุธที่พก โดยลืมไปว่า ตนเองไม่เคยฝึกสถานะการณ์อย่างนี้มาก่อน...เขาทำเกินกว่าเหตุต้องการทรัพย์ และสิ่งที่น่าเสียใจคือ เขาทำให้คนอื่นได้รับโทษจำคุกไปด้วยครับ...

-ใน(หนังเกาหลี) เรื่อง Sassy girl มีตอนหนึ่งบนรถไฟใต้ดิน..นางเอกเมา ได้อ๊วกใส่หัวชายซึ่งนั่งในตู้นั้น คนพากย์หนังไทยเติมมุขนอกบทเข้าไป โดยเป็นเสียงรำพึงรำพัน/บ่น ว่า แค้นนะ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่สู้คน...ไอเดียดีครับผมจึงคิดออกว่า การต่อสู้ ไม่ได้เกิดจากการป้องกันอย่างเดียว ระรานผู้อื่นก่อนก็ได้ด้วย และถ้าผู้ถูกรังแกมีทางสู้ ก็คือเหตุการณ์จะเริ่มบานปลายครับ....

-ผู้ที่แต่งพลังและช่วงล่างรถ(ซิ่ง) เพื่อรองรับความเร็วที่ "สั่งได้" ไม่ได้มีบทเดียวที่จะแสดงออก และการใช้เป็นเชิงอาวุธ เช่นปาดหน้า(คืน) อาจทำให้เรื่องยิ่งบานปลายมากกว่าครับ..

-ถ้ารู้ว่าตอบโต้ไม่ได้ โอกาสเหตุระงับ ...จะสูงกว่า .....ตอบโต้แล้วหนี /หรือให้บทเรียนผู้อื่นแล้วหนี....เป็นความเสี่ยงทั้งขึ้นและล่องครับ

-----------------------------------

-ดังนั้นการเตรียมรถให้พร้อมซิ่งเกินกำหนดธุระใช้งาน คือการเปิดประตูเผื่อบทนักเลงไปในตัว....ภาษิตญี่ปุ่น..."สายล่อฟ้า ย่อมถูกฟ้าผ่า".....เพียงอยากให้คิดตามครับ...

 แก้ไขเมื่อ : 21/8/2559 18:16:54



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อาทิตย์, 21/8/2559 เวลา : 12:58  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78035

คำตอบที่ 48
      
-ความพยายามเปลี่ยนนิสัย(ไทย) ให้ระวังการล่วงเกินผู้อื่น(มีมารยาท) ไม่ใช่ทั้งหน้าที่ และไม่มีช่องทางให้สำเร็จได้ง่าย.. แต่คนไทยย่อมคิดเองเป็น ถ้าเขารู้ทุกอย่างหรือรู้ข้อดี/ข้อเสีย การตัดสินใจก็จะอยู่ในแนวถูกเอง เพราะมนุษย์มีวัฒนธรรมเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ

-บางทีคำว่า"พิเศษ" (รสนิยม)อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่รู้ตัวครับ

-ก๋ยวเตี๋ยว,ข้าวผัด ธรรมดา 40 พิเศษ 50 ซุปเปอร์ 60 บาท..... รถรุ่น TOP , ออฟชั่นเต็มสุด,ประกอบนอก(แท้),สีพิเศษ,รุ่นพิเศษ ฯลฯ คือแวดล้อมรอบตัว ซึ่งคนไทยมักชี้สูงสุดเป็นส่วนใหญ่หรือต้องการพิเศษ คือจุดเริ่มคิดว่าสำหรับตนเองซึ่งพิเศษ(เชื่อถือได้กว่าผู้อื่น) โดยลืมไปว่า ของพิเศษไม่ได้หมายความถึงของดี และไม่ได้หมายถึง "เพื่อคนดี"....อยากให้ลองคิดตามดูครับ

-มีคนบอกผมว่าคนญี่ปุ่น รู้จักการเข้าแถวโดยไม่ต้องมีป้ายแจ้ง/ พูดคำว่า "ขอโทษ" ได้ทุกวันหรือใช้บ่อยมาก...และสูบบุหรี่จัดที่สุดในโลก....ขัดแย้งไหมครับ

-ผมหมายถึงคนเคร่งเครียดที่มีอารยธรรม หรือเคารพกติกาอย่างเจ้าอารมณ์ อาจคือเคล็ดลับของชาติคนเก่งแห่งเอเชีย(1 ใน G7)....

- เลือกของแพง รุมซื้อ ขายแบบเอาตัวรอด รอดูการตั้งข้อหาก่อน ชอบแก้ตัว ทำตัวสบายๆ ฯ....คือชนชาติที่ต้องใช้แรงงานขุดดินทำไร่ หรือจับปลาธรรมชาติเลี้ยง เพื่อหาเงินไปซื้อของคนชาติ G7....คือความจริงที่อยู่ในมุมที่มองไม่เห็นครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 จันทร์, 22/8/2559 เวลา : 07:10  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78036

คำตอบที่ 49
      
-ขออนุญาตวางเรื่องส่วนตัว ไว้เป็นตัวอย่างชวนคิด(เท่านั้น)ครับ...

-ตอนที่ฟอร์ด FOGUS ออกรุ่นใหม่ ผมสนใจจะซื้อจึงไปดูรุ่นซีดาน และตั้งใจเลือกรุ่นที่ไม่มีออฟชั่นจอดรถเองอัตโนมัติ โดยไม่ลังเลเลยครับ..

-มีสิ่งที่ต้องกลับมาทำใจรับให้ได้ก่อนคือ.. ไม่มีเครื่องดีเซล(รุ่นก่อนมี) / ภายในโทนสีน้ำตาลหรือสีเบจ(ไม่ชอบ) รุ่น 5ป.มีโทนสีดำเบาะผ้า แต่ที่บ้านมีรถ 3ป.แล้ว....ในที่สุดก็แขวนคือไม่ซื้อด้วยเหตุผล 2 ข้อนั้นครับ..

-ตอนนี้ตัดสินใจซื้อรถแล้ว ใช้หลักคือเป็นเก๋ง เครื่องดีเซลที่ไม่มีสายพานไทมิ่ง/เซ็นทรัลล็อค,กันขโมยของโรงงาน +ดิสเบรค 4 ล้อ+ ภายในเบาะไวนิลโทนสีดำ..เลือกด้วยหลักแค่นั้น...แต่ไปตรงกับรุ่น TOP ครับ...

-หมายถึงไม่สนใจออฟชั่นอื่น แต่ต้องรับหรือได้มาด้วย ...เพราะข้อหลักที่เลือกรถอยู่ในclassนี้ครับ / ส่วนที่เลือกเล็กลงกว่าโฟกัส เพราะงบประมาณซื้อจำกัด ต้องปรับตัวเองตามสภาพสินค้าที่เอื้อมถึงครับ....

-การซื้อ มีข้อตกลงเรื่องของแถมปลีกย่อยอีกหลายรายการ ผู้ที่จะใช้รถในบ้านเขาเป็นคนรับข้อมูล ผมเพียงรับฟังไม่ต้องจำ แต่ได้ความว่ามีของแถมเยอะและเซลเอาใจใส่ดี..รวมแล้วน่าพอใจ....ตรงนี้ครับที่อยากเขียนถึง "กลยุทธ".....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 23/8/2559 เวลา : 07:45  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78037

คำตอบที่ 50
      
-นักมวยมักมีเชิงมวยต่างกัน และมักไม่เปลี่ยนเชิงตลอดชีวิต เช่นถนัดซ้าย / หมัดฮุคหนัก....

-กลยุทธใช้ในการค้าระดับใหญ่ มีหลายแบบ เลือกใช้ไม่คงที่ ความหมายคือกลยุทธ ไม่ใช่นิสัย หรืออุดมการณ์ เป็นยุทธวิธีซึ่งเปลี่ยนบมบาทได้ ...

-หากมองไปที่การเลือกใช้กลยุทธใด เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ "พิชิตยอดขาย"..."ผู้พิชิตไม่ต่อสู้เรื่องเล็กน้อย"...มีความหมายว่าการพิชิตยากกว่าชัยชนะ..

-พม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน ก่อนกรุงแตกพ่าย.../ คนไทยคิดเรื่องรถกันเดี๋ยวเดียวก็ซื้อแล้ว ..อยากบอกว่า ผู้ใช้รถไทยในปัจจุบัน ไม่ต้องลงมือระดับพิชิต แค่กระดิกนิ้วมือ+ทองสักบาท ก็ราบคาบ...ง่ายดายคือความอ่อนแอหรือไม่ คือสิ่งที่ชวนให้คิดตามครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 23/8/2559 เวลา : 09:30  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78038

คำตอบที่ 51
      
-ประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่ออนาคตมนุษยชาติ....แต่ไม่สำคัญต่อสัตว์ทั่วไป...ความแตกต่างนี้ยังถูกนำมาอ้างอิงเรื่อง"กลยุทธ"ต่ออีกหน่อยครับ..

-รถยนต์(ยี่ห้อ)ต่างๆที่ได้เห็นขาย/ใช้งานในไทย...ผ่านมา 40 ปี (พึ่ง)เห็นปิดกิจการไปรายเดียวคือ SAAB นอกนั้นก็ดำรงมายาวนาน และเติบโตอีกต่างหากด้วยครับ...

-แต่คนไทยเรา(คือผมหรือท่าน) คุยเรื่องยี่ห้อไหนดีกว่ากัน โดยการเปรียบตัวต่อตัว มาทุกปีโดยตลอดยาวนาน...ซึ่งหมายถึงมีผลแพ้ชนะโดยคำบอกเล่า โดยที่ดีน้อยกกว่า ก็ไม่ได้เจ๊งหายหน้าไป...ผมกำลังหมายถึงเป้าหมายถกเถียงที่ไม่เกิดประโยชน์ในการเลือก และยังใช้วิธีเปรียบเทียบอยู่(อย่างไม่ได้ประโยชน์) อย่างไม่รู้เบื่อ เหมือนละครบ้านทรายทอง / คู่กรรม ฯลฯ ที่กลับมาสร้างใหม่กันเรื่อยๆหลายรอบครับ...


-ในปี 1986 ผมซื้อรถป้ายแดง เป็นอีซุซุ KB เครื่อง 2500 DI รุ่นแรกในปิคอัพ(ในไทย) เป็นบอดี้แบบ 2 ตอนท้ายบรรทุก โดยต่อจากโรงงาน KMT ในนามของอีซุซุเอง ไม่ใช่ต่อตามอู่เหมือนที่เกิดขึ้นก่อน....เป็นแบบรถที่มีโบชัวร์ของห้างฯ ราคาขายเพิ่มตามห้างฯกำหนดเท่ากันทั่วประเทศ...

-ใช้ต่อมาอีกไม่แน่ใจว่ากี่ปี เกิดมีกฎหมายเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเพิ่มเรียก"โภคภัณฑ์" สำหรับบอดี้ 4ป.ท้ายบรรทุกครับ...

-ผู้ครอบครองรถก็ไปเสียกัน...นี่คือประวัติศาสตร์ของผมครับ...

-กลยุทธ คืออุบาย เป็นชั้นเชิงซ้ำได้ ที่เรียกใช้เป็นครั้งคราวแล้วแต่สถานะการณ์ เช่น 1 แถม 1...เป็นต้น...ซึ่งไม่ใช่หลักการ หรือแนวทางเดิน(นิสัย)ของผู้ค้ารถยนต์...

-ในกาลก่อนก็ไม่ได้คิดอะไร เขาเรียกเก็บเพิ่ม ไม่เต็มใจก็ต้องจ่ายครับ....

-แต่เมื่อนำกลับมาคิดในวลาต่อมา ผมเรียกผู้ขายรถอีซุซุว่า "ผู้เอาตัวรอด" คบไม่ได้คือความหมายเดียวที่เหมาะสม "นี่คือธาตุแท้ ไม่ใช่กลยุทธ" จึงรู้สึกกลัว และความกลัวนี่เองที่ทำให้ผมไม่มองรถอีซุซุอย่างไว้ใจอีกเลย มองระยะไกล ...เผื่อมี 1 แถม 1 จึงอาจเสี่ยงเข้าใกล้ครับ....

-ในปี 1990 ผมซื้อ BMW E30 2ป. เครื่อง M40 จากยนตรกิจ ในราคา 1,070,000บาท เทียบค่าเงินปีปัจจุบัน อาจพอๆกับรถราคา 1.5 ล้านบาทครับ...

-รถคันนั้นดิสเบรค 2 ล้อหน้า ดรัมเบรคหลัง ไม่มี ABS ไม่มีถุงลม ไม่มีตู้แบ่งลมแอร์(ใช้ตู้แขวนแบบธรรมดา) เกียร์ธรรมดา เครื่องเสียงวิทยุเทป+ลำโพงหน้า 1 คู่ เครื่องยนต์ 8V ล้อแมกซ์ขอบ14...จำได้แค่นี้ครับ....

-เป็นการเอาเปรียบที่โหดมาก...ผมโทษตัวเองที่ลอยตามกระแสนิยมไป"หูเบา" นั่นเอง....สิ่งที่ยังอยู่ตอนนี้คือความกลัว เช่นเดียวกับกลัวผู้ค้ารถอีซุซุ แต่ต่างหัวข้อ "เอาแต่ตัวเองรอด" / "มหาโหดที่1"...สรุปว่า ต้องยืนให้ห่าง แค่มองเห็น เผื่อมี 1 แถม 1 (ซึ่งไม่มีวันมี)...

-ขอยืนยันว่าเป็นความกลัว จากการได้รับผลมาแล้ว ตบมือข้างเดียวไม่ดัง คือเหยื่อก็เล่นด้วย...ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่าเคยเป็นเหยื่อ วิธีระวังจะมาเองครับ

-ดังนั้นควรแสวงหาความรู้สึก "เป็นเหยื่อ" แล้วภูมิคุ้มกัน จะเกิดขึ้นเองครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 23/8/2559 เวลา : 13:26  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78039

คำตอบที่ 52
      
-ยังมีเรื่องเกี่ยวกับ HONDA ประเทศไทยด้วย ไม่ได้ไปค้นคว้าอะไร ทุกอย่างรู้จากการผ่านด้วยตนเอง เรื่องให้รู้จึงเกิดขึ้นเองครับ...

-ผลไม่ได้อยู่ที่เงินที่ถูกเอาเปรียบไปแล้ว แต่คงอยู่ที่ใครคือผู้ไม่น่าคบหาด้วยเลยต่างหาก หมายถึงรู้แล้วว่าเขามองเราอย่างไร เพราะรู้ไว้ใช้เป็นภูมิในอนาคตต่อไปได้ครับ...

-แต่ขอเว้นวรรคเรื่องแนวเดียวกันไว้ก่อน สลับไปที่เรื่องอื่น เพื่อไม่ให้ความสำคัญของผู้ค้าซ้อนทับกัน เดี๋ยวความหมายหายหรือเปลี่ยนเป็นเบา การค้นพบนิสัยค้าขาย หรือแนวของเขาต่อเรา ย่อมมีประโยชน์ต่อเรา(คือผมหรือท่าน) ยกเว้นเสียเปรียบด้วยความเต็มใจ แบบรักข้างเดียว ก็คือฉุดรั้งแล้ว แฉแล้ว หากยังบอด/หนวก ก็คงต้องถือเป็น(กรรมประจำชาติ)แล้วครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 อังคาร, 23/8/2559 เวลา : 16:44  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78040

คำตอบที่ 53
      
-อยากขอให้นึกถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วเรื่องหนึ่ง....คือ ...ช่วงเวลาที่มีธุรกิจการขายใบจองรถ จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน ขอให้นำมาเป็น(จำเลย)ตั้งไว้ครับ...

-แล้วนำกลยุทธไล่แลกแจกแถมในขณะนี้ เป็น(โจทย์) ไปเทียบเคียงไว้ใกล้ๆกัน...คำในวงเล็บจะ สะท้อนสภาพความเป็นผู้บริโภคของไทย ณ เวลาที่ผ่านไปแล้ว/ขณะนี้ ได้ใกล้เคียงความหมายของคำครับ....


-เรื่องสมมุติต่อคือ.... หากท่านมีแผนการซื้อรถยนต์ส่วนตัว มีรุ่นที่หมายตาไว้แล้ว ...และเปลี่ยนกำหนดให้ยืดออกไปอีก 1-3 เดือน เพื่อรอดูค่ายอื่นอาจมีรุ่นใหม่มาเสนอ เพื่อมาเทียบกับที่หมายตาไว้ จะทำให้มั่นใจการเลือก ...เป็นเรื่องสมมุติที่ทำได้ยากหรือไม่ นำผลในใจไปตั้งรอไว้ก่อนครับ....

-สมมุติที่สองคือ...ท่านเป็นหนึ่งในผู้บริหารค่ายรถยนต์มีเสียงร่วมตัดสินใจ ซึ่งตอนนี้มีรุ่นใหม่ในมือเตรียมนำสู่ตลาดแล้ว แต่ช่วงเวลานี้ มีสถานการณ์บางอย่าง ทำให้กังวลว่าอาจได้ผลน้อย ควรประวิงเวลาออกไป 1-3 เดือน และช่วงที่รอนี้ไม่มีอะไรทำ หยุดระบบงานไว้ก่อนเพื่อประหยัดทุน....คำถามคือเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่...ผมสมมุติเองว่าคำตอบคือ หยุดระบบไม่ได้ ชะลอการเสนอรุ่นใหม่ได้...

-นำเรื่องสมมุติ ทั้ง 2 แบบมาตั้งในที่เดียวกัน แล้วตั้งถาม ฝ่ายใดจะเดือดร้อนก่อนในเวลา 1- 3 เดือนของการรอเวลานี้ครับ...

-เมื่อได้คำตอบก็จะทราบวิธีเดินในเส้นทางที่ได้เปรียบกว่าครับ...

-ก้าวช้า/เร็วลงหนึ่งก้าว เป็นเสียขบวนการหรือแบบแผนที่มีเป้าหมายไว้... ประโยชน์จะอยู่ที่เลือกผลไหนครับ....

-ในคต.ที่49 ...จริงๆผมมีแผนที่จะซื้อรถใหม่เดือนมกราคม เพื่อจดทะเบียนต้นปีหน้า การไปดูเพื่อไปสัมผัสตัวรถจริงก่อนเลือก แต่ได้พบข้อเสนอที่น่าสนใจ หรือของแถมมากมาย และต่อมาก็ทราบว่า กลยุทธของแถมมากมาย(เช่นฟรีประกันภัย/ฟรีดอกเบี้ยผ่อน2ปีฯ) มีหลายค่ายที่เสนอ.....

-อยากขอให้คิดตามครับ....




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พุธ, 24/8/2559 เวลา : 07:23  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78041

คำตอบที่ 54
       -HONDA CIVIC ปี 1989(ท้ายแดง) 4ป. เกียร์ธรรมดา ..เครื่องคาบูเรเตอร์ 1.5 ลิตร.. ดิสเบรค 2 ล้อหน้า หลังดรัม..กระจกประตูมือหมุน..กระจกมองข้างปรับมือ(แบบใช้แกนปรับ) ..ล้อเหล็ก+ฝาครอบพลาสติค ..วิทยุเทป+ลำโพงคู่หน้า ..ไม่มีถูงลม ..ไม่มีระบบเบรคABS...ราคารถใหม่ 495,000 บาท..

-เทียบค่าเงินปีปัจจุบัน คงราวๆ ...700,000 บาทๆ ซื้อรถมีออฟชั่นอะไรได้บ้างในตอนนี้ ...คิดในใจไว้ก่อนครับ...

-น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯปี 2554 เกิดรถฮอนด้าผลิตใหม่จมน้ำในลานจอด จำนวนมาก...ต่อมามีพิธีทุบทำลายเพื่อให้มั่นใจว่า รถจมน้ำจะไม่ถูกนำมาซ่อมขายอีก สื่อทำข่าวหลายทาง หนังสือพิมพ์รายวัน / ทีวี .. ฯ....

-ก่อนน้ำท่วมปี 2554 เกิด "สึนามิ" ที่ป.ญี่ปุน...เกิดซากรถทีเสียหายในภัยนี้ จำนวนมาก...ซึ่งถูกส่งไปส่งเข้าไปรวมในขบวนการ "เซียงกง"..นำเข้าสู่ตลาดอะไหล่มือสองป.ไทย.........ที่ไปของรถญี่ปุ่นชำรุด ขัดแย้งไหมครับ...

-ประมาณ(ปี1993-4) ผมซื้อฮอนด้า ซีวิค เกียร์ออโต/เครื่อง1.6 หัวฉีด(ตัวแรก)ยังไม่ใช่วีเทค ราคาประมาณ 6แสนบาท....ต่อมาปี 1995 ผมซื้อรถรุ่นเดียวกันอีกคัน เป็นรถ CBUเกียร์ธรรมดา/เครื่องวีเทค 1.6 ลิตร(ตัวแรก) ราคา 660,000 บาท(มีส่วนลดพิเศษ 60,000บาทชดเชยเรื่องเกียร์ธรรมดา)

-รถโฉมเดียวกันประกอบในกับCBU เครื่องยนต์ต่างกันคือหัวฉีด/ หัวฉีดวีเทค... ออฟชั่นเช่นรถCBUมีซันรูฟไฟฟ้า/ไม่มี.. CBUเบาะผ้านอก/ไวนิล ..รถ CBU มีล้อแมกซ์ขอบ14ให้ ส่วนประกอบในล้อเหล็ก+ฝาครอบ....นึกออกเท่านี้ครับ

-ต่อมาจึงได้ทราบเพิ่มว่า สีแดงเมทัลลิค ของรถผม ไม่เหมือนสีรถประกอบใน แต่รหัสเบอร์เดียวกัน...ใครเห็นก็ตอบได้ว่าสีของรถCBUแดงสด-เงากว่า.../ ตัวถังรถ CBU ใช้เหล็กหนากว่ารถประกอบใน 1 เบอร์ (จำเบอร์ไม่ได้แล้ว)...รถ CBU มีคานเหล็กเสริมในกันชน หน้าหลัง../ รถ CBU มีคานเหล็กในประตูทั้ง 4 บาน รถประกอบในเวลานั้นยังไม่มีครับ

-ในหัวข้อที่รู้ในต่อมา ทำให้ผมรู้สึกว่า HONDA ป.ไทย ทำรถให้คนไทยเป็นสเปคเฉพาะ คุ้นๆเหมือนกับรถเชพโรเลตในทำให้ไทยทศวรรษ70 (ผ่านมา 20ปีแล้ว ก็ยังคงคิดเหมือนกัน)...

-รถผมคอมเพรสเซอร์แอร์พัง ใช้ต่างเบอร์/ขากับรถประกอบใน ศูนย์ในจังหวัดจึงขอรถผมส่งเข้ากรุงเทพฯ ให้เป็นงานของสนง.ใหญ่ จำไม่ได้แล้วว่าเอารถผมไปกี่วัน กลับมาแจ้งว่ารถผมมีรอยถอดน็อตคอมเพรสเซอร์ ถือว่าผิดเงื่อนไขใช้งาน จึงไม่รับประกัน... ผมไม่รู้ว่าศูนย์ในจังหวัดที่รถเข้าเช็คก่อน เป็นผู้ถอดตรวจหรือไม่ แต่รถยังใหม่มากผมไม่เคยนำไปซ่อมร้านนอกศูนย์...เริ่มเข้าใจการเอาตัวรอดในการค้าระดับสูง/ของแพงเป็นหลักการปลอมในป.นี้ ..และเป็นโรคระบาดด้วยครับ...

-หลังจากฟังข่าวเรื่องทุบรถจมน้ำในไทยทิ้งรู้สึกจะตรงกับสุภาษิตไทย (คี่ก็ไม่ให้ม๋าแดรก) ...ผมตัดสินใจเวลานั้นว่า จะถอยออกห่างจากยี่ห้อนี้ ออกมามองห่างๆ เหมือนมองยนตรกิจ....คงเป็น 1 แถม 1 เท่านั้นที่จะทำให้สนใจอีกครั้งครับ......

-ไม่ใช่เรื่องค้นคว้าจากไหนมาแฉ แต่เจอด้วยตนเองครับ....


 แก้ไขเมื่อ : 24/8/2559 11:58:54





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พุธ, 24/8/2559 เวลา : 10:37  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78042

คำตอบที่ 55
      
-ในภาวะสงบ...คนชาติG7 เขายังคัดของไม่ดีให้ไทยเรา(คือผมหรือท่าน)ใช้ อย่างแยบยลหน่อยเท่านั้นเอง คือไม่ได้เอามาตั้งเปรียบคู่กัน..เป็นเวลาอย่างยาวนานที่เรา(คือผมหรือท่าน)ไม่รู้ตัว ก็ร้องรำทำเพลงกันแบบอุ่นใจ....นึกว่าก้าวตามแบบเพื่อนกัน ...ไม่ได้เฉลียวใจว่าเหมือนม๋าแสนรู้วิ่งตามมนุษย์..

-หากในยามสงครามโลกครั้งที่3 อาวุธไม่มี เงินก็ไม่มี ยืมเงินฝรั่ง ซื้อปืนฝรั่ง คงมั่นคงแบบปัญญาอ่อน โอกาสได้กู้เพราะน่ารัก ไม่น่าใช่ชาติที่โลกประนามว่าไว้ใจไม่ได้(ปลอม)...นึกตามดูอาจเกิดกลัวได้ครับ...

-ถ้ากลัวตอนนี้ ยังมีเวลาเตรียมขบวนใหม่...ถ้าไปกลัวตอนสงครามมาถึง คงเหมือนลูกอ๊อดที่ไม่น่าสงสาร ..ปล่อยโตขึ้นก็กลายเป็นคางคกน่าเกลียด(เปล่าๆ).....

-...."จะยอมดีๆ หรือยอมทั้งน้ำตา".... คือเหตุการณ์ที่อาจเกิดในเวลาข้างหน้า ...ถ้ารับสภาพนั้นไม่ได้ ตัดใจ(ร้องไห้)วันนี้เลยดีกว่าครับ...

-หมายถึงเริ่มวิ่งตามเพื่อความอยู่รอดของอนาคต..ใช้วิทยาศาสตร์เป็นเหตุผลให้ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะพระเหนียวที่แขวนคอ...คือสิ่งที่อยากบอกทุกท่านครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พุธ, 24/8/2559 เวลา : 17:00  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78043

คำตอบที่ 56
      
-รูปห้องเครื่องรถในคต.ที่ 22 เป็นรถที่แจ้งขายในตลาดรถเวลานี้ ตั้งราคาไว้ 6 ล้านกว่าครับ...

-หลายปีก่อน...มีรถคันหนึ่งซึ่งศุลกากรยึดและนำมาประมูลขายทอดตลาด เป็นการประมูลที่พาดข่าวหน้า 1 นสพ.หลายฉบับ.....จบกันที่ราคา 28 ล้านครับ...

-รถคันนั้น...เป็นรุ่นใหม่เปิดตัวไม่นานในราคาจองประมาณ 10 ล้านบาท(ข้อมูลจากหนังสือรถยนต์ไทยซึ่งลงเรื่องข่าวรถรุ่นใหม่ในต่างประทศ)...ผ่านขบวนการเก็บค่าใช้จ่ายหลายต่อ และด้วยที่เป็นรถคันเดียวในไทย ราคาจึงเพิ่มเพราะการแข่งขันครอบครอง หมายถึงเป็นราคาขายที่สู้กันที่ไม่ใช่การกำหนดราคาครับ...

-เจ้าของชัยชนะการประมูลครั้งนั้น (ตอนนี้ติดคุกอยู่)ครับ....ข้อหา(โกง)อาชีพตนเอง....

-สิ่งที่ต้องการบอกคือ...ภาพตัวอย่างชีวิตของไทย หากนำเรื่องมาวางไว้ที่เดียวกันทั้งเหตุที่เดินและผลลงเอย จะพบว่าการสนใจรถระดับผู้พิชิต(คันเดียวในไทยตอนนั้น) ด้วยทรัพย์ที่ได้มามิชอบ เป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงทำเลยครับ...

-ความหมายคือต้องโกง เพื่อจ่ายความฟุ่มเฟือยที่เป็นระดับใช้ชีวิตประจำวัน....การขึ้นสูงมากและลงต่ำมาก ถ้าเป็นเกมเหมือนเครื่องเล่น ก็สนุกตื่นเต้นครับ

-แต่ถ้าเป็นชีวิต...มุมองศาหนึ่งเรียกว่า "อาภัพ" ก็ได้ แต่ต้องให้คนฐานะเสมอกันเป็นผู้ออกเสียง...ผมเพียงนำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อผมหรือท่าน จะได้เลือกแนวทางการใช้ชีวิต ที่เกี่ยวกับรถได้แบบไตร่ตรองแล้วครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 25/8/2559 เวลา : 07:22  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78044

คำตอบที่ 57
      
-ในคต.ก่อนมีความหมายที่เป็นอุทาหรณ์ให้คนระดับล่างเช่นผมหรือท่าน ใช้เป็นประโยชน์ให้ชีวิตตนเองได้ครับ...

-ผมหมายถึงทางผ่านที่สูงส่ง แต่ไม่ได้เชิดชูอะไรเจ้าของเลย...ในทางกลับกัน อาจกลับเป็นคำตำหนิเรื่องการ "รักษาไว้"ไม่ได้ ..หรือ "ต้นเหตุความเสียหาย"ของชีวิตได้...เพื่อบอกว่าการฝักใฝ่ในเรื่องแบบนี้ ไม่มีวันถูก ถ้าชอบก็ควรทำ หรือเดิน แบบให้เกิดเสียหายน้อยที่สุดครับ....

-สิ่งที่จะทำให้เรา(คือผมหรือท่าน) ภูมิใจ(pround) ได้คือ"ผลงาน"ชีวิตครับ...

-ไม่ใช่ทางผ่านชีวิต เพราะแบบนั้นไปไม่ถึงก็โม้กันได้....เช่นเรื่องการผจญภัยของมาร์โคโปโล ซึ่งกลายเป็นข้อกังขาในคุณภาพคนไปในตอนหลังนี้ครับ..

-ผลงานชีวิต คือการสร้าง(รถ) ไม่ใช่การใช้(รถ) หรือแต่ง(รถ)...เป้าหมายสูญเปล่ากับเป้าหมายรางวัลชีวิต วางอยู่ใกล้ๆกัน แต่ผลต่างกันแบบฟ้ากับเหวเลยครับ...

-หากไม่ใช่อาชีพ.. นักร้องเพลง 1000 เพลง ไม่มีวันเทียบเท่าคนแต่งเพลงเดียว เป็นตัวอย่างคิด แต่การร้องเพลงมักให้ผลดีต่อผู้อื่นด้วย ไม่เหมือนการแต่งรถครับ...

-ถ้าคิดตามจะเริ่มเข้าใจถึงคำว่า "ควร" ไม่ใช่เหตุผลถูกหรือผิด แต่เป็นการแยกแยะที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นครับ....

-ซึ่งหมายถึงคุณภาพคน หรือระดับอารยะธรรม....

-ย้อนกลับไปดูข้อความใต้ชื่อกระทู้นี้อีกครั้ง จะพบว่าผมชวนดูผลงานมนุษย์ที่เป็นแบบอย่างได้...ควรมองไว้ศึกษาหาทางเอาชนะในวิถีทางคิดเดียวกัน..

-ดังนั้นหากเรา(คือผมหรือท่าน)ยกย่องงานแบบ BUGATTI VEYRON ซึ่งคือผลงานของโฟล์คสวาเก้น...ที่จะตั้งไว้ในประวัติศาสตร์มนุษย์ตอนหนึ่งครับ..

-เปิดบูสท์ 25ปอนด์ / ท่อไอเสียเพิ่มแรงบิด / ลดรอบปลายไหล....จะกลายเป็นฝุ่นในประวัติศาสตร์มนุษย์ครับ

-คำว่า"ปัดฝุ่น" หมายถึงการทำความสะอาดสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากของมีค่า...ดังนั้นขอเตือนคนที่ใช้ช่องทางแบบนี้ หากวันหน้า คนไทยมีความละเอียดอ่อนมากกว่าตอนนี้ ผู้ที่สร้างฝุ่นเกาะของมีค่า จะถูกโต้ตอบ ผมกำลังหมายถึงลูกหลานคนมักง่าย ที่จะเหมือนลูกหลานงู ซึ่งใครเห็นก็ตั้งข้อระวังไว้ก่อน..ขอให้คิดตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าครับ....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 พฤหัสบดี, 25/8/2559 เวลา : 11:45  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78045

คำตอบที่ 58
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ranger63 จาก เหน่ง 202.29.233.2 พฤหัสบดี, 25/8/2559 เวลา : 14:02  IP : 202.29.233.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78046

คำตอบที่ 59
      
-ราวๆ 50 ปีก่อน ยังได้พบเห็นโรคคางทูมในชุมชน อาการคือแก้มบวมข้างหนึ่ง คนสมัยนั้นรักษาตัวกันหลายวิธี คงแล้วแต่แวดล้อม เช่นอยู่ใกล้ รพ./สถานีอนามัย ก็คงรักษาแผนปัจจุบันนั้น ส่วนที่อยู่ไกล แต่ใกล้หมอผี ก็คงใช้วิธีของหมอผี ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยครับ.....

-วิธีรักษาแบบหนึ่งคือ เขียนอักษรจีนซึ่งแปลว่า "เสือ"ที่แก้ม เป็นพิธีกรรม หรือเทคนิคให้ระวัง(ติดต่อ) ไม่แน่ใจครับ...

ในไทยขณะนี้เต็มไปด้วยการเล่นคำเกินจริง เกิดความสับสนเรื่องคุณภาพที่ถูกบิดเบี้ยวด้วยคำสวยๆ แพร่หลายจนกลายเป็นมาตราฐานไทยอย่างหนึ่ง ถ่วงรั้งสิ่งที่ก้าวหน้าอย่างอื่นในภาพรวมของป.นี้ครับ

-ผมยังมองไม่เห็นวิธีแก้ไข แต่ห่วงลูกหลาน จะติดสไตล์ชีวิตแบบนี้ เพราะจะเป็นที่รังเกียจเมื่อนำไปเทียบวางใกล้ของแบบเดียวกันที่มาจากถิ่นอื่น เหมือนให้คนฟันเหยินไปยืนข้างคนหล่อ เพื่อคัดเลือกเป็นดาราประกอบ โอกาสไม่ได้กลับบ้านสูงครับ....

-ลองวิธีโบราณ เพื่อกำกับผู้เป็นโรค อย่างน้อยก็กันคนปกติ ไม่ให้เข้าไป(จำ)หรือติดเชื้อสืบทอด รอเวลาไปก่อน อาจยังดีกว่าปะปนแล้วขยายกลุ่มไปเรื่อยๆ...

-กำกับคุณภาพของแบบไทยๆ เห็นมักใช้คำว่า "พิมพ์/รุ่น" ลองใช้ไปก่อนดีไหมครับ...

-จึงขอวางเสนอคำว่า "พิมพ์ปากเบี้ยว"/"พิมพ์ปากหมาน" เพื่อกำกับให้ระวังการจำ หรือใกล้กลุ่มที่ควรระวังเพราะอาจติดเชื้อ แยกไว้เป็นผู้มีความสามารถพิเศษ ไปพลางก่อนที่วิธีรักษาที่ได้ผลตรงต่อโรค จะมาถึง โดยหาวิธีติดป้ายกำกับต่อไปอีกขั้นตอนครับ

อย่างน้อยคนรุ่นใหม่ ที่ยังสะอาด จะได้ระวังการเปื้อน....อาจได้ผลบ้าง หรือสู้ไม่ไหวดูผลต่อไป(ดีไหม)ครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 49.229.50.255 ศุกร์, 26/8/2559 เวลา : 05:37  IP : 49.229.50.255   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78048

คำตอบที่ 60
       -"เปอร์เซ็นต์กำเริบ"......ระบบหน่วยเปอร์เซ็นต์ คือร้อยละ...เป็นลักษณะที่ใช้ 100 เป็นฐาน ไม่ทราบว่าชนชาติใด ที่เป็นต้นคิดสูตรเลขนี้ แต่การใช้ไปทั่วโลก หมายถึงการยอมรับเป็นสมการอย่างหนึ่งครับ....

- ณ ที่นี้คือป.ไทย ซึ่งมีของใช้แล้วสภาพ 99.99เปอร์เซ็นต์ / หรือของใหม่.. 200 เปอร์เซ็นต์ / หรือของแท้ 1000 เปอร์เซ็นต์ / ล้านเปอร์เซ็นต์ ก็มีคนใช้ครับ...

-เขาใช้เพื่อรับรองความเชื่อถือได้ แต่ใช้กฏเปอร์เซ็นต์กำเริบ ซึ่งเชื่อถือไม่ได้...คำถามคือใครคือผู้นำวิธีพูด"หมานๆ" อย่างนี้มาใช้ และทำไมจึงมีการต่อยอดการใช้เรื่อยมา...จนเป็นความหมายครอบคลุมพื้นที่นั้น ของชนเผ่านั้นๆ ว่าเป็นดินแดนเหลวไหล...

-และถ้าท่านยืนอยู่ในพื้นที่นั่นด้วย ท่านควรทำอย่างไร(ดี)ครับ...

 แก้ไขเมื่อ : 26/8/2559 13:51:04



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chotikan14 จาก Tik 58.10.219.85 ศุกร์, 26/8/2559 เวลา : 12:09  IP : 58.10.219.85   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 78049

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 2 จาก >>> 1  2  3  4  5  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,21 พฤศจิกายน 2567 (Online 7674 คน)