คำตอบที่ 1
       รังเกียจกันเหลือเกิ้นนนน รถออฟโรด ออกกฎออกระเบียบ กีดกันเข้าไป คนเล่นออฟโรดมันน่ารังเกียจมากนักหรือไงครับ นอกจากทางเละ ผมไม่เคยเห็นออฟโรดเอารถเข้าไปล่าสัตว์สักตัว ไม่เคยเห็นกลุ่มออโรดเข้าไปตัดไม้แบกกันออกมาจากป่า จะเบี่ยงลายทั้งทีก็ต้องคอยระวัง ไม่ให้โดนต้นไม้ใหญ่ อาจมีบ้างบางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์บวกกับความมักง่ายวิ้นซ์จนต้นไม้ตาย แต่ก็น้อยนักเทียบไม่ได้กับชาวบ้านที่ถางป่า เผาป่า หรือนายทุนในคราบเจ้าหน้าที่แอบตัดไม้กันเอง การอ้างว่าถนนเสียหาย มันหน่อมแน้มไปหน่อยครับ ร่องลึกๆ เปลี่ยนลายใหม่ ปล่อยไว้ไม่เกินหนึ่งฝนหนึ่งฤดูดินมันก็ไหลมากลบ ต้นไม้ก็ขึ้นเต็มแล้วครับ ดูแค่สวนบ้านผม หน้าฝนไม้ได้ตัดหญ้า เผลอไม่กี่เดือน ต้นกระถินต้นหญ้าขึ้นท่วมหัว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      
-ออฟโรดเป็นกิจกรรมหรือกีฬาแบบหนึ่ง ซึ่งต้นตำรับคือต่างประเทศ ไม่ใช่บ้านเราคิดค้นขึ้นมา และเขามีกฎ-ระเบียบ-ความร่วมมือ จนเป็นสัดส่วนที่ยอมรับกัน...

-บ้านเรา เล่นตามเขา เครื่องมือ-แต่งรถ ก็ซื้อจากเขา(นอก) แต่มาประยุกต์ใช้กับพื้นที่-เหตุการณ์แบบบ้านเรา ยังไม่มีระเบียบ ผลจึงมีทั้งประโยชน์/รบกวน ปนกันอยู่...

-" ช่วยๆกันหน่อยนะครับ เพื่อคัดกรองผู้แอบอ้าง "......คำลงท้ายหัวข้อกระทู้....

-คงเป็นการเริ่มแยกกิจกรรมแบบต่างๆออกจากกัน ไม่ใช่ห้ามหรือกีดกันอะไร....พิจารณาด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เนื่องจากข้อความที่โพสสั้นเกินไปไม่ได้ขยายความอาจก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน จึงขออธิบายรายละเอียดและวิธีคิดดังนี้

- แนวทางปฏิบัตินี้เชื่อว่าคณะที่จะเข้าไปส่วนใหญ่มีเจตนาที่ดี มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่สร้างความเสียหาย ดังนั้นการออกแบบแนวทางนี้ขึ้นมาน่าจะเป็นข้อดีสำหรับคณะที่มีเจตนาอันแท้จริงในการทำกิจกรรมดีๆเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

- ไม่ได้มีการกีดกันการบริจาคสิ่งของใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มออฟโรดหรือไม่

- แนวทางนี้ไม่ได้มีมาเพื่อใช้แก้ปัญหาเรื่องความเสียหายของเส้นทางโดยตรง การกำหนดปริมาณรถเนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าคณะผู้เข้าไปบางคณะมีรถที่ใช้บรรทุกสิ่งของเพื่อบริจาคจริง 2-3 คัน ส่วนที่เหลือมีคนนั่งไป 1-2 คน มีสิ่งของหลังรถเพียงเล็กน้อย หลายครั้งพบว่าย้อนกลับก่อนถึงที่หมายที่จะไปบริจาคสิ่งของซึ่งแสดงว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปทำกิจกรรมอย่างแท้จริง

- แนวคิดเรื่องแนวทางการปฏิบัตินี้เริ่มมาจากคนในชุมชนเองต้องการให้แก้ไขปัญหาการแอบอ้างของบางกลุ่มบางคณะซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อ้างว่าต้องการเข้าไปเพื่อบริจาคสิ่งของ ซึ่งในความจริงสิ่งของที่เอาเข้าไปแจกน้อยมาก หรือเป็นสิ่งของที่ไม่มีประโยชน์กับชุมชน การเล่นรถภายในชุมชน การแล่นรถผ่านสนามของชุมชน การส่งเสียงดัง การดื่มสุราในที่ที่ไม่สมควร การกำหนดให้ประสานกับวัด หน่วยงาน หรือชุมชนเสียก่อนเพื่อจะได้มีการสอบถามความต้องการอันแท้จริงของวัด หน่วยงาน หรือชุมชน

- เมื่อ วัด หน่วยงาน หรือชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรองแล้วก็จะได้มีเจ้าภาพช่วยกันดูแลชี้แนะคณะผู้เดินทางเข้าไปในการประพฤติปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง

- การถางป่า และเผาป่าของชาวบ้านในพื้นที่นั้นไม่มี พื้นที่ที่มีการถางหรือเผานั้นเรียกว่าไร่ซาก หมายถึงพื้นที่ไร่ที่เคยทำมาก่อนแล้วปล่อยพักไว้ หมุนเวียนกลับมาทำใหม่โดยไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่ตามวิถีชีวิตไร่หมุนเวียนของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ซึ่งดำรงชีวิตเช่นนี้มาอย่างยาวนาน และยังคงอยู่กับผืนป่าได้มาจนปัจจุบัน โดยมีการตรวจสอบและกำหนดพื้นที่ด้วยประเพณี ภูมิปัญญา การทำแผนที่ เก็บข้อมูลพิกัด และตรวจทานด้วยภาพถ่ายทางอากาศ

- การปล่อยเส้นทางให้ฟื้นตัวตามสภาพธรรมชาติไม่สามารถทำได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่และชุมชนต้องใช้เส้นทางตลอดทั้งปีเพื่อการปฏิบัติหน้าที่และการดำรงชีพ

- หากพบนายทุนในคราบเจ้าหน้าที่ลักลอบตัดไม้อันเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายสามารถแจ้งหรือร้องเรียนได้หลายช่องทาง

หากเป็นคณะที่เคยบริจาคสิ่งของในพื้นที่อยู่แล้วย่อมเข้าใจได้ว่ามีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยแต่สามารถแยกผู้แอบอ้างออกจากผู้มีเจตนาจะทำความดีอย่างแท้จริงได้ แม้แยกได้ไม่หมดก็ยังดีกว่าปล่อยปละละเลยไม่แก้ปัญหา

ขอบคุณสำหรับช่องทางในการประชาสัมพันธ์และอธิบายแนวความคิดครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       อยากเข้าไปเที่ยวเฉยๆก็เข้าไม่ได้ กำหนดว่าต้องมีของบริจาคหรือมีเหตุจึงเข้าไปได้ คนก็หาทางเลี่ยงบาลีจนได้ มีของมากบ้าง น้อยบ้างตามก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย รถไปห้าหกคันจำเป็นต้องขนกันแอ่นทุกคันเลยเหรอครับ เสบียงล่ะ สัมภาระในการดำรงชีพล่ะ อะไหล่ล่ น้ำมันสำรองล่ะ การบริจาคของเขาทำกันมากน้อยตามกำลังศรัทธา มิใช่หรือครับนายท่าน ถ้าการดื่มกินเฮฮาเป็นการรบกวน ก็ออกกฏห้าม เหมือนที่อื่นเช่นเขาใหญ่ไปเลยซิครับ หรือถ้ากลุ่มไหนไปทำความเดือดร้อนรำคาญส่งเสียงดัง ตอนชาวบ้านออกมาที่หน่อยก็ให้แจ้งกลุ่มหรือเลขทะเบียนรถซิครับ จะได้แบนห้ามเป็นรายๆไป ไม่ต้องเหวี่ยงแห การกำหนดขนาดยางก็ยังพอรับได้ ไม่อยากให้ถนนมันร่องลึกเกินไป แต่ท่านทำอย่างนี้ มันกีดกันคนไทยด้วยกันเกินไปครับ ขับออฟโรดเที่ยวป่า ตามถนนที่พวกท่านใช้งานกันอยู่ แล้วจอดกางเต๊นสัมผัสธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์กับเขาบ้าง ทำไมมันจึงยากเย็นนัก ทำรถก็เสียตังค์เอง น้ำมันก็ออกเอง อาหารก็เอามาเองแถมขนไปจุนเจือพวกบรรดาท่านเจ้าหน้าที่ด้วย ของบริจาคก็หามาเอง กะอีแค่ขับรถผ่านเสียงดังบ้างมันแย่ขนาดนั้นหรือครับ ไม่ได้เร่งเครื่องใส่หูใครทั้งวันทั้งคืนนี่ครับ หยวนๆกันบ้าง ไหนว่าคนไทยรักกัน ไหนว่าคนใจใจงาม หาชาติใดอื่นเปรียบมิได้....เฮ้ออออ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ดีแล้วครับ ที่อธิบายให้เข้าใจแบบละเอียด จะได้รู้ที่มาที่ไปกันสักที ว่า คนในชุมชนเองนั่นแหล่ะ ที่ไม่ประสงค์ ให้คนเหล่านี้เข้าพื้นที่ เพราะฉะนั้น คนเคยเข้าไปทำสาธารณะประโยชน์ ก็เข้าได้ตามสบาย ส่วนคนที่จะเข้าไปทำสาธารณะประโยชน์ (ไม่มากพอ)+ ลองกำลังด้วย อันนี้ก็คงต้องพิจารณาตัวเองว่าไม่สมควรจะเข้าไปนะ "ขอบอก" ผมขอเป็นกำลังใจให้กับ คนส่วนหลังก่อนแล้วกัน (คนส่วนหน้าเขาสบายตัวไปแล้ว) ประเทศไทย นั้น กว้างใหญ่ นะครับ คนจน คนด้อยโอกาส วัดที่ยังไม่เจริญพอ เด็ก ๆ นักเรียน ที่ถูกมองข้าม (มองเข้าไปในป่ากันหมด อยู่ข้างป่าแท้ ๆ ยังถูกมองข้ามไปได้) ทั้งหลายที่ผมกล่าวมานี้ ยังรอพวกท่าน อยู่นะครับ ถึงแม้ ของที่จะได้รับ มันจะมีมูลค่าไม่มากพอ เท่ากับค่าน้ำมันที่ท่านเติมเข้าไป เพื่อเดินทางไปหาพวกเขา แต่เชื่อเถอะครับคนรับเหล่านี้ เขาจะจดจำพวกท่านว่า ท่านเคยให้เขา (แค่ขนมห่อละ 5 บาท เด็ก เขายังจำได้เลย ว่า (พี่ ๆ จำหนูได้ได้เปล่า หนูที่อยู่โรงเรียน ...... ที่วันเด็ก พวก พี่ เอาขนม กับอาหารไปเลี้ยงไง จำได้ยัง) ได้ยินแค่นี้ เราก็ต้องโมเมโมมะ ไปหล่ะ ว่า เราจำหนูคนนี้ได้ ) แค่นี้เราก็รู้สึกดีใจแล้วครับ การจะทำบุญ ทำทาน เงิน แค่ 1 บาท ก็ได้บุญครับ มันอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ว่า แต่งรถเป็นแสน แล้วต้องทำบุญเป็น แสน ถึงจะได้บุญ อันนี้ไม่ถูกต้อง อยู่ที่ใจเท่านั้น ทำเท่าไหร่ก็ได้ ขอให้มีใจใฝ่ในกุศลแล้วผลบุญ ก็จะบังเกิด ครับ

สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายนะครับ คงไปแก้ไขข้อบังคับกันไม่ได้(เพราะเขาคงเดือดร้อนจริง ๆ ) ใครรับได้ ก็เข้าไป ใครรับไม่ได้ ก็หาทางออกกันไป ป่าเมืองไทย มีตั้งแต่ เหนือ จรด ใต้ เที่ยวป่าอย่างรู้คุณค่า ป่าก็จะอยู่ชั่วลูก-หลาน ถ้าเขาปิดป่าทั่วประเทศ เราก็หันไปขี่ ฮาเลย์ ก็เท่ ดีเหมือนกันนะ ผมว่า......

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
      
-ประเทศไทยปัจจุบันเป็นแกนหลักของศาสนาพุทธของโลก ประเพณีทำบุญ เป็นวัฒนธรรมสวยงาม คนในโลกที่เจริญกว่าเดินทางมาเที่ยวดู หมายถึงเป็นแบบอย่างที่ดีมีคนอยากเห็น....

-แต่คนไทยจำนวนมาก ที่เข้าใจว่าการทำบุญคือต้องได้บุญ....หยอดเหรียญ ลงตู้บริจาค(ปุ๊บ) ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนดี(ปั๊บ)....ทำนองนี้..อีกหลายรูปแบบ

-สถานที่ใดๆ ที่เป็นที่ซึ่งเราอยากไปเห็นๆแล้วเป็นสุขใจ,สนุกแบบกีฬา เช่นชายทะเล,น้ำตก,รีสอร์ทที่ถูกใจ...ฯลฯ....ค่าใช้จ่ายในการไปสัมผัส ต้องออกเองทั้งหมด รวมถึงที่ซึ่งมีค่าเช่า/ค่าบริการ ...ซึ่งแม้จ่ายค่าเช่า ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบสถานที่นั้นด้วย จอดรถ/ถ่ายทุกข์หนัก-เบา/เสียง/โชว์/หรือฯลฯ ตามใจชอบไม่ได้...ไม่ต้องสอนกัน ใครๆก็เข้าใจ....

-ถ้าหากข้างต้นมีเหตุผลเป็นสากล ผู้ที่เป็นทุกข์หรือไม่พอใจต่อกฏระเบียบที่กำหนดขึ้นมาต่อพื้นที่เขตป่า ต้องการอะไรตรงนี้น...และเป็นบุญหรือบาปกันแน่ครับ....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       http://www.thungyaiwest.com/news/345-55.html
แปลกดีเนอะ ทำเว็บซะดีแต่ไม่เห็นจะมี หน้าให้ตอบกระทู้ แสดงความคิดเห็นเลย ไม่ให้ชาวบ้านชาวช่องเขาแสดงความคิดเห็นบ้าง
มันก็มีอยู่แล้วไอ้พวกเจ้าหน้าที่ พวกนักการเมืองเป็นนายทุนตัดไม้แต่กลัวพวกเราชาวออฟโรดไปพบเจอ เห็นแจ้งไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ เรื่องก็เงียบมันก็ตัดกันต่อ มันชั่วกันเป็นขบวนการ เจ้าหน้าที่ท่านใดเป็นคนดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ก็ยกย่องล่ะ ที่ออกกฎมาเนี่ยเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใครรึป่าว ทำไมเว็บไซด์ท่านทำไมไม่เห็นมีให้เขาแสดงความคิดเห็นบ้าง แล้วอีกอย่างป่าบ้างที่ ที่ว่าเป็นไร่ซากเนี่ยถ้าพักไว้แล้วมาทำต่อล่ะกันโอเค แล้วไอ้ที่มันไปตัดป่าขยายอนาเขตออกไปอีกล่ะ แถมอยู่ในเขตป่าอุทยานทำไมไม่ไปจับมัน แล้วในป่าใหญ่เขตอนุรักษ์ทำไมมีไร่ข้าวโพดได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันไม่มี มันหมายความว่าอย่างไร ตัดไม้กันสดๆ ก็เคยมาแล้วทำไมเจ้าหน้าที่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ล่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ เจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้ ลองแข็งข้อกับพวกมันก็ตายสิครับ อันนี้ก็เห็นใจนะ แต่เรื่องควบคุมปริมาณรถ มันน้อยไปรึป่าว ต้องดูเหตุผลที่เข้าไปด้วยถ้าเข้าไปเขามีเจตนาเข้าไปทำประโยชน์ก็น่าจะอนุโลม ถ้าเข้าไปเที่ยวชมธรรมชาติก็โอเค 5- 10 คัน มันก็โอนะ ผมว่าจะออกกฎหรืออะไรก็ตาม มันน่าจะมี (และ) (หรือ) ด้วย ท่านๆ ที่ตั้งใจเข้าไปทำประโยชน์เขาจะได้ไม่เสียกำลังใจ ออกกฎมันน่าจะให้ครอบคุมแยกเป็นข้อๆ ไป ว่าเจตนาทำประโยชน์ใช้ข้อบังคับนี้ เข้าไปเที่ยวใช้ข้อบังคับนี้ ผมว่ามันน่าจะเหมาะกว่านะ อันที่ว่าบรรทุกของมากของน้อยเนี่ยคันที่บรรทุกของสำหรับบริจาคมันก็มีส่วนรถคันที่บรรทุก ข้าวปลาอาหารมันก็มีจะให้บรรทุกของบริจาคทุกคันมันคงเป็นไปไม่ได้ แล้วของยังชีพผู้เดินทางล่ะจะไม่ให้บรรทุกเข้าไปบ้างหรอ ความคิดเห็นของทุกท่านมีประโยชน์ทั้งนั้ไม่มีท่านใดผิดท่านใดถูก พวกที่ออกกฎนะน่าจะมาอ่านความคิดเห็นของทุกๆ ท่านที่แสดงความเห็น แล้วเอาไปกลั่นกรองว่ามันน่าจะออกกฎแบบไหน แสดงความเห็นเป็นร้อยเป็นพัน พวกที่ออกกฎมันก็ไม่มาอ่านความเห็นของพวกเราหรอก
*****************************************************************************************************************
********** อย่าลืมนะครับ พวกข้าของแผ่นทุกท่าน หน้าของท่านคือรับใช้ประชาชน และทำงานต่างพระเนตร พระกัณฑ์ ในหลวง***************

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ยังคงเข้ามาติดตามอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       - การทำบุญ ก็ต้องได้บุญ ถูกต้องแล้วครับ
- แต่การทำบุญ แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นคนดี (ก็แล้วแต่จะคิด)
- แต่คนไม่ดี ทำบุญแล้ว ก็ต้องได้บุญเหมือนกัน แค่ยังไม่เป็นคนที่ดีพอเท่านั้น
- จะเป็นคนดี หรือ คนไม่ดี ถ้ามีใจจะทำบุญแล้ว ก็ต้องได้บุญเหมือนกันครับ ต่างก็รู้ตัวเองดีว่า มนุษย์เราไม่มีใครดีไปหมดทุกเรื่องหรอกครับ มีดีมีชั่วปะปนกันไป วันนี้เป็นคนดีแสนดี แต่อีก 2 ปี ข้างหน้า เกิดฆ่าคนตาย ก็เป็นคนไม่ดีแล้ว ใช่เปล่า บาป กับ บุญ ต้องแยกออกจากกัน ครับ

ผมแค่พูดถึงเรื่อง บุญ บาป นะครับ ไม่ได้ว่าอะไรใครนะครับ ถ้าข้อความของผมใครอ่านแล้วไม่สบายใจ ผมก็ขอรับผิด ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน ภายหลัง เป็นแค่ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งครับ

 แก้ไขเมื่อ : 14/12/2555 14:07:28

แสดงความคิดเห็นย่อย