คำตอบที่ 4
คนที่บอกว่าเครื่อง Heat นั้น ถ้าไม่ดูจากเกจ์ความร้อนแล้วรู้ได้อย่างไรครับ? ( ถ้าดูเกจ์แล้วปกติ )
อย่างไรก็ดีลองดูอีกหนึ่งความคิดครับ ว่าใกล้เคียงหรือเปล่า
- เกจ์ความร้อนเสีย ( เสื่อม ขึ้นแค่นั้นเอง ต้องคอยหมั่นสังเกตตรวจตราที่เกจ์ด้วยครับ วิธีตรวจดูด้วยตนเองก็คือเมื่อเครื่องเย็นก่อนติดเครื่องให้เปิดสวิตช์กุญแจไปในตำแหน่ง
ที่มาตรวัดทุกตัวทำงานแล้วสังเกตดูว่าเข็มที่เกจ์ความร้อนนั้นสงบนิ่งหรือไม่
ถ้าเปิดสวิตช์แล้วเข็มความร้อนไม่อยู่นิ่งโดยที่ยังไม่ติดเครื่องก็หมายถึงว่าตัวส่งหรือตัวรับค่าความร้อนผิดปกติต้องแก้ไข และถ้าหากเข็มยังสงบนิ่งอยู่โดยที่ยังไม่ติดเครื่อง ทดสอบขั้นต่อไปก็ด้วยการกดแตร หรือเปิดสวิตช์ไฟใหญ่หรือเปิดสวิตช์ให้ที่ปัดน้ำฝนทำงาน หรือกดปุ่มให้ไฟฉุกเฉินทำงานดู ในการกระทำทั้งหลายแหล่หรือเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งถ้าเข็มชี้วัดที่เกจ์ความร้อนเคลื่อนไหวขึ้นลง ก็มีความหมายเช่นเดียวกันครับว่า ทั้งตัวส่งและตัวรับมีปัญหาที่ตัวใดตัวหนึ่งหรืออาจจะทั้งสองตัวก็ต้องรีบเข้าศูนย์หรือเข้าอู่ให้ตรวจเช็คก่อนที่จะบานปลาย
เจ้าเกจ์วัดอุณหภูมิความร้อนนี่แหละเป็นช่องทางที่ทำให้ช่างมีความรู้ แต่ฝีมือเลวๆ แก้ไขปัญหาความร้อนที่ส่งผลเสียให้กับเครื่อง
ยนต์และผู้ใช้รถ รถที่มีปัญหาแล้วเครื่องร้อนเข้าอู่แล้วแก้อย่างไรก็ไม่หายหาสาเหตุไม่พบ จนปัญญาเข้าก็เอาวิชาโจรมาใช้คือ เกจ์ความร้อนที่หน้าปัดที่ทำงานด้วยไฟฟ้าในรถยนต์ขึ้นลงตามอุณหภูมิของเครื่อง
ช่างโจรก็จะใช้วิชาความรู้ทางไฟฟ้าติดตั้งตัวเพิ่มค่าความต้านทานซึ่งเป็นทรานซิสเตอร์ตัวเล็กๆ เข้าไปในระบบทำให้เข็มความร้อนขึ้นช้าและขึ้นไปสูงสุดที่ขีดที่ต้องการส่วนมากก็ครึ่งหนึ่งของมาตรวัด
ครับเท่านี้ก็เรียบร้อยครับ ขับออกจากอู่ด้วยความสุขที่เกจ์ความร้อนขึ้นแค่ครึ่งเดียว แต่ไม่ได้กี่วันหรอกครับ เครื่องน็อคเพราะความ ร้อนในเครื่องยนต์ขึ้นสูงเกินกว่าเครื่องจะทนทานได้แต่เกจ์วัดยังบอกเพียงครึ่งเดียว ก็ระวังกันเอาไว้ โดยเฉพาะรถเก่าที่มีปัญหาเครื่องร้อนหรือรถมือสองที่ซื้อตามเต็นท์
- วาลว์น้ำระบายความร้อนตาย (ไม่ยอมเปิดเมื่อถึงอุณหภมิที่ทำงาน (ประมาณ 80 องศา C) อันนี้ทดสอบเองได้ โดย นำวาลว์ที่ถอดออกมาขณะเครื่องเย็น ไปต้มจนเดือด ก่อนต้มให้ดูก่อนว่า วาลว์มีลักษณะอย่างไร อันน้จำไม่ได้ว่ายืดหรือหด แต่เมื่อต้มแล้วต้องมีลักษณะต้องเปลี่ยนไปครับ ถ้าเปลี่ยนไป (ยืด,หด ) มากแสดงว่ายังดีอยู่ครับ )
- ปั๊มน้ำเสีย ( ทำหน้าที่ปั๊มน้ำเข้าเครื่องเพื่อให้น้ำหมุนเวียน เมื่อวาลว์นำเปิด )
- ที่บอกไปนั้น หม้อน้ำต้องไม่รั่วนะครับ แต่ซีลยางอาจรั่วก็ได้ ถ้าต้องเติมน้ำบ่อยๆ หรืออาการที่เรียกว่า รถกินน้ำ นั้น ซีลยางเหล่านี้เป็นต้นเหตุสำคัญต้นเหตุหนึ่ง การหาจุดรั่วซึมบางครั้งต้อง ใช้เครื่องมือพิเศษอัดแรงดันเข้าไปจึงจะหาพบ และเมื่อหาพบแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่จะต้องเปลี่ยนหม้อน้ำทั้งลูก ซึ่งมีราคาสูงแต่ร้านหม้อน้ำก็สามารถเปลี่ยนให้ใหม่เป็นหม้อน้ำเหล็กได้ โดยมีราคาที่ต่ำกว่าอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง ลองตัดสินใจดูครับ
แม้หม้อน้ำจะไม่รั่วก็เกิดการอุดตันได้ ส่งผลให้เครื่องร้อนได้เหมือนกันไม่ว่าจะความเร็วช้าหรือความเร็วสูง หม้อน้ำตันจะสังเกตได้ง่ายๆ คือยิ่งวิ่งเร็วความร้อนยิ่งขึ้นสูง ก็ต้องเปลี่ยนหม้อน้ำกันละครับ ส่วนสาเหตุที่หม้อน้ำตัน ก็เกิดจากการขาดการดูแลที่ดี ไม่เคยเปลี่ยนถ่ายน้ำหม้อน้ำ ไม่เคยใช้น้ำยากันสนิมเติมในหม้อน้ำ ก็เป็นไปได้
ผมคิดว่ายังมีอีกครับ ใครมีข้อคิดเห็นก็ช่วยอีกแรงนะครับ.