จาก นัส 203.146.71.174
พุธที่ , 17/3/2547
เวลา : 09:36
อ่านแล้ว = 1227 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ข้อความ : เรา(วิศวกร) เป็นอย่างนี้จริงเหรอ ลองอ่านดูน๊ะ
ใครที่เป็นวิศวกรหรือมีแฟนเป็นวิศวกรควรอ่าน คุยกันเรื่องชีวิต โดย ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ บทความจาก นิตยสารสกุลไทย สถิติเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและน่าสนใจมาก
ผมมีสถิติที่สังเกตเอาเองในช่วงทำงานสุขภาพจิตมานานเกี่ยวกับอาชีพต่างๆกัน บุคลิกภาพที่อยากเอามาเล่าให้ฟัง ในบรรดาผู้ชายที่มาปรึกษาผมที่คลินิก ผมนับได้ว่าอาชีพวิศวกรมาปรึกษามาก และเรียนรู้ได้เร็วพัฒนาตัวเองได้เร็วมาก นี่พูดเฉพาะคนที่มาหานะครับ พวกที่ยังไม่มา แต่ส่งภรรยาและลูกเมียมาปรึกษานั้นยังมีอีกมาก แต่ก็ยังดีที่สนใจอ่านคอลัมน์นี้ และยังเปิดใจยอมรับเมื่อมีปัญหา แต่พวกที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจนั้นก็ยังมีอีกมากมาย
มีภรรยาที่ทุกข์ใจจากบุคลิกลักษณะของสามีวิศวกรมาปรึกษาผมที่คลินิกมากมาย ภรรยาเหล่านี้มักมีสภานภาพทางสังคมดี มีการงานและการเงินดี แต่มีความทุกข์ใจจากบุคลิก หรือ Personality ของบรรดาสามีวิศวกรเหล่านั้น ผมได้รวบรวมลักษณะที่ภรรยาไม่ชอบและทุกข์ใจเหล่านั้นมาให้อ่านดังนี้
1. หัวแข็ง หัวดื้อ
2. หลงรักตัวเอง คิดว่าตัวเองเก่งมาก หลายรายมักว่าภรรยาโง่ หรือคิดอะไรไม่เข้าท่า
3. ขาดอารมณ์ขัน
4. เอาจริงเอาจังกับงานมาก
5. เครียด ย้ำคิด ย้ำทำ
6. พูดไม่เป็น หรือพูดน้อย
7. ก้าวร้าวสูง
8. แข่งขันสูง
9. ไม่ชอบเห็นใครดีกว่า
10. ชมคนอื่นไม่เป็น ติเก่ง จับผิดเก่ง
11. ไม่รักคนอื่น
12. หลายคนไม่รักตัวเอง มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง เช่น ติดเหล้า บุหรี่ หรือหักโหมทำงานมาก
13. ขาดความสุนทรีย์ในการดำเนินชีวิต
14. ไม่มีรสนิยมในการแต่งกาย แม้จะมีรายได้ดี
15. ขี้เหนียวในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเรื่องค่าที่จอดรถ ค่าทิป แต่เรื่องบางเรื่องยอมเสียเงินมากๆโดยไม่จำเป็น
16. เจ้าระเบียบมาก จุกจิกจู้จี้ ย้ำคิดย้ำทำ
17. ชอบสอนเสียจริงๆ สอนทั้งเมีย ทั้งลูกบางรายสอนพี่น้องหรือแม่ ด้วยน้ำเสียงข่มขู่หรือจับผิด(กับพ่อมักไม่ค่อยกล้าสอนเพราะมักจะมีพ่อดุ)
18. เพื่อนน้อย
19. ขาดงานอดิเรก ถ้าเล่นกีฬาก็เอาจริงเอาจังจนเกินสนุก
20. ชอบขัดคอคน ต่อหน้าคนอื่นทำเรียบร้อย พอลับหลังนินทาหรือก้าวร้าว หรือด่าหยาบคาย
21.ปลอบคนไม่เป็นหลายรายสนุกกับการเล่นกับหมาได้มากกว่าพูดกับคน
22. มีปัญหาเรื่องลูกโดยเฉพาะกับลูกชายแข่งขันกันหรือจับผิดลูกก้าวร้าวกับลูก
23. กลัวการเสียเปรียบมาก ไม่ยอมเสียเปรียบใคร
24. กลัวคนอื่นเก่งกว่า อิจฉาคนเก่งกว่า
25. กับพี่น้องก็อิจฉากันเอง ก้าวร้าวกันเองมาก
26. หลายรายเป็นคนสมถะมากโดยเฉพาะเรื่องแต่งกายไม่ชอบซื้อเสื้อใหม่ หรือเน็คไทใหม่ ภรรยาซื้อให้กลับถูกหาว่ายุ่งและไม่จำเป็น
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้จงใจจับผิดอาชีพวิศวกรเลย ทุกอาชีพก็มีจุดดี จุดเด่น มีทุกข์ มีสุขได้ทั้งนั้น แต่ที่ยกเอาอาชีพนี้ขึ้นมาอาจเป็นเพราะสถานภาพของครอบครัวและภรรยา เอื้อต่อการจะมาพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องครอบครัว หรือการเลี้ยงลูกได้โดยไม่ลำบาก วิศวกรนั้นได้รับการยอมรับจากสังคมว่า เป็นคนเรียนเก่งตั้งแต่สอบเอ็นทรานซ์ได้แล้ว เมื่อเรียนจบมีการงานทำดี เงินเดือนมาก ก็ยังตระหนักในความเก่งของตัวเองมากเข้าไปอีก เข้าข่ายหลงรักตัวเองขั้นทุติยภูมิ (Secondary Narcissism) คล้ายๆอาชีพอื่นๆอีก เช่น แพทย์ แต่วันนี้ยังไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ
วิศวกรต้องทำงานแข่งกับความสามารถของคนอื่นที่เก่งๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆตลอดเวลา ทำให้ต้องตื่นตัวและถีบตัวอยู่ตลอดเวลา งานที่ทำก็มักสัมผัสกับสิ่งที่แข็งกร้าน เช่น งานก่อสร้าง เครื่องจักร ฯลฯ บุคคลรอบข้างก็มีแต่ผู้ชายที่แข็งและแข่งขันกันเมื่ออยู่ใกล้กัน สิ่งที่เป็นความสุนทรีย์ที่งดงามก็พบได้น้อยในชีวิตรอบตัว นอกจากเขาจะขวนขวายหาเอง จึงทำให้ชีวิตมุ่งไปแต่การแสวงหาความสำเร็จ ชัยชนะ งาน การแข่งขัน เอาจริงเอาจัง ลักษณะประจำอาชีพจึงเกิดขึ้นคล้ายๆกับที่ผมเขียนมาแล้วในตอนต้น ความทุกข์ที่เกิดจากบุคลิกภาพและงานอาชีพของเขาก็มีมาก เช่น เครียด เป็นโรคจิตสรีระแปรปรวน (Psycho Somatic Disorder) เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ หรืออาจเป็นโรคหัวใจในโอกาสต่อไป
มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูก ไม่ถูกกับลูก เอาจริงเอาจังกับลูก ภรรยาทนไม่ได้ เกิดปัญหามากมาย ศัตรูมากขึ้นเพราะพูดไม่เป็น มักพูดตามความรู้สึก ยึดหลักความจริงหรือความคิดของตัวเองเป็นให้ไม่คำนึงถึงจิตใจคนอื่น - มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี -เหงา หลายรายติดเหล้า ที่จริงวิศวกรเป็นคนเก่ง เข้าใจอะไรได้ง่าย ถ้าเขาอยากจะหาความสุขในชีวิตให้มากขึ้นอย่างสร้างสรรค์ เขาก็ทำใด้ไม่ยากนักแต่เขาจะต้องลดตัวและฝืนใจทำบางสิ่งบางอย่างมากขึ้น เช่นการสนใจเรื่องสุขภาพจิต การรู้จักออมชอม การพูดเพื่อสร้างมิตรภาพและมนุษยสัมพันธ์ การแสดงความรักเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น ลดการแข่งขัน ก้าวร้าว รู้จักให้อภัยคนอื่น ชีวิตของเขาก็จะมีความสุขมากขึ้น และสามารถนำแนวคิดแนวปฏิบัติดีๆนั้น ไปแนะนำลูกน้องได้อีกมาก ไม่เช่นนั้นเขาจะมีแต่งานและเงิน แต่เสมือนเขาทำชีวิตหาย เหมือนกวีนิพนธ์บทหนึ่ง ที่ผมจำได้ว่า อนิจจา น่าเสียดาย ฉันทำชีวิตหายไปเสียครึ่ง ครึ่งที่หายนั้นลึกซึ้ง มีทั้งน้ำผึ้ง บุหงา ลาวัณย์
ถ้ารู้อย่างนี้แล้วเราคงไม่อยากทำชีวิตหายกันหรอกนะครับ
|