WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


สินค้ามหัศจรรย์ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง(ลอกเขามาลองอ่านแล้ววิจารณญานด้วยตัวเองนะครับ)

จาก นัส
203.146.71.174
พุธที่ , 9/6/2547
เวลา : 08:49

อ่านแล้ว = 820 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      

สินค้ามหัศจรรย์ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

มีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นควบคู่กับวัฏจักรของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยเสมอมา คือในช่วงที่ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น จะมีการเสนอขายสินค้าที่มีคุณภาพค่อนข้างมหัศจรรย์ ในการช่วยลดการใช้น้ำมันของยานยนต์เข้าสู่ตลาด สินค้าดังกล่าวจะมีคุณสมบัติในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนมากจะระบุตั้งแต่ 20 % ขึ้นไป และเมื่อราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ในระดับปรกติ สินค้าพวกนี้ก็จะค่อยๆ ลดกิจกรรมด้านการตลาดลง จากประสบการณ์ในรอบ 20 ปีเศษที่ผ่านมา ซึ่งมีวิกฤตการณ์น้ำมันแพงหลายระลอก พอจะรวบรวมประเภทของสินค้าเหล่านี้ออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มแรกเป็นอุปกรณ์เสริมติดตั้งในยานยนต์ กลุ่มที่สองเป็นประเภทสารเคมีสำหรับเติมลงในน้ำมันเชื้อเพลิง หรือน้ำมันหล่อลื่น

กลุ่มอุปกรณ์เสริม (Gimmicks) สำหรับติดตั้งเพิ่มในส่วนต่างๆของยานยนต์ มีหลากหลายชนิด ได้แก่

1. แม่เหล็กแรงสูง เป็นแท่งแม่เหล็กนำไปรัดติดกับท่อน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลโดยอธิบายการทำงานว่า สนามแม่เหล็กจะช่วยจัดระเบียบ (สังคม) ให้โมเลกุลของน้ำมันที่วิ่งผ่านให้เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบแบบแผนก่อนเข้าห้องเผาไหม้ มีผลทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 20-30 % และช่วยลดควันดำได้ด้วยในขณะเดียวกัน ในช่วงกำลังนิยมราคาขายสูงสุดอยู่ที่ 7,000-8,000 บาท ระยะหลังมีวางขายในห้างสรรพสินค้า ราคาลงมาอยู่ที่ 800 บาท ต่อมามีผู้พัฒนาสินค้าชนิดนี้ให้ดูไฮเทคขึ้น โดยเปลี่ยนจากแท่งแม่เหล็กถาวรเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยต่อกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ อธิบายหลักการทำงานเหมือนกัน

2. ท่อเพิ่มพลังงาน สร้างด้วยโลหะผสมพิเศษ มีตั้งแต่ 5 ถึง 9 ชนิด โดยทำเป็นท่อกลมหรือท่อสามเหลี่ยม ติดตั้งโดยการตัดต่อเข้ากับท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้น้ำมันไหลผ่าน โดยอธิบายว่า โลหะเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ให้โมเลกุลของน้ำมันเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ขึ้น มีผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อแบบสามเหลี่ยมผสมด้วยโลหะ 9 ชนิด เคยมีขายในราคาอันละ 4,500 บาท

3. ท่อช่วยรีดดูดไอเสีย ลักษณะเป็นท่อขนาดใหญ่ ประกอบด้วยครีบโลหะภายใน ติดตั้งที่ปลายท่อไอเสีย โดยอธิบายว่าอุปกรณ์นี้จะช่วยรีดดูดไอเสียออกได้มากและรวดเร็วกว่าปรกติ ทำให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่ดีขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำมันและลดควันดำ ราคาที่เสนอขายอยู่ที่ 20,000 บาท

4. เครื่องอุ่นน้ำมันดีเซล (Diesel Heater) มี 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นแบบขดลวดไฟฟ้า โดยใช้พลังไฟจากแบเตอรี่ ชนิดที่สองมีลักษณะเป็นท่อโลหะ 2 ท่อประกบกัน ท่อหนึ่งติดแทรกเข้าไปกับท่อยางหม้อน้ำ อีกท่อหนึ่งติดแทรกกับท่อทางเดินน้ำมันดีเซล (การติดตั้งจะต้องตัดท่อน้ำกับท่อน้ำมัน) อธิบายว่าเมื่อน้ำมันดีเซลไหลผ่านจะได้รับความร้อนจากหม้อน้ำ ทำให้น้ำมันดีเซลมีความใสสามารถแตกตัวเป็นฝอยเผาไหม้ได้ดีขึ้น

มีผลช่วยให้ประหยัดน้ำมันและลดควันดำ ต่อมีมีผู้ประดิษฐ์เอาเครื่องอุ่นดีเซลนี้พ่วงกับแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้ได้พลังยกกำลังสอง ในการช่วยประหยัดน้ำมัน

5. เครื่องเพิ่มออกซิเจน เป็นอุปกรณ์คอยล์ไฟฟ้าผลิตอิเล็กตรอน เพื่อแยกสารประกอบออกไซด์ในอากาศ ทำให้เพิ่มปริมาณออกซิเจนเข้าไปในเครื่องยนต์มากขึ้น ทำให้เพิ่มกำลังแรงม้าและอัตราการเร่งของเครื่องยนต์ และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในบางกรณีได้ถึง 60 % ราคาเสนอขายที่เครื่องละ 3,500 บาท

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อีกหลายชนิดที่จะไม่กล่าวถึงรายละเอียด อาทิเช่น กระบอกโลหะบรรจุเม็ดตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับจุ่มแช่ไว้ในถังน้ำมันแบบถาวร ครีบช่วยอัดอากาศ (Cyclone) เป็นแผ่นโลหะประกบเข้ากับไส้กรองอากาศ ฯลฯ

กลุ่มสารเคมี (Chemicals or Additives) ในท้องตลาดเรียกกันว่าหัวเชื้อ มีการทำออกจำหน่ายมากมายหลายสิบหรืออาจจะเป็นร้อยยี่ห้อในท้องตลาด เริ่มตั้งแต่สารหัวเชื้อประเภทพื้นฐาน ใช้ในการทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ลดการกินน้ำมันเครื่องและยืดอายุการใช้งาน ซึ่งบางชนิดก็อาจพอมีประโยชน์บ้าง แต่สำหรับรถยนต์ที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงเป็นประจำ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องใช้สินค้าเสริมเหล่านี้ ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะสินค้าที่อ้างสรรพคุณในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นจุดขาย ได้แก่

สารเร่งปฏิกิริยา (Catalysts) ผสมลงในน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณเพียงเล็กน้อย (ppm) จะช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมาก 20-30 % ขึ้นไป แต่ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดถึงกลไก (Mechanism) การทำงานของ Catalysts เหล่านั้นได้

เอ็นไซม์ (Enzymes) ระบุว่าผลิตมาจากน้ำย่อยของแบคทีเรียบางชนิด เมื่อผสมลงไปในน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มาก และลดมลภาวะ เช่น ควันดำลงในขณะเดียวกัน

หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง เป็นสารเคมีสูตรพิเศษ ผสมลงไปในน้ำมันเครื่องจะไปเคลือบผิวโลหะของกระบอกสูบและลูกสูบ เพิ่มความลื่น มีผลให้ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้มาก สินค้ากลุ่มนี้ราคาแพง กระป๋องหนึ่งราคาหลายร้อยบาทขึ้นไป

เทคโนโลยีของการหล่อลื่นในปัจจุบัน มีสารอยู่ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Friction Modifier เป็นสารช่วยลดความฝืดระหว่างผิวโลหะได้ ชนิดที่เติมลงไปในน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ประมาณ 1-2 % ซึ่งมีอยู่ในน้ำมันเบนซินบางยี่ห้อ การซื้อไปเติมเองจะไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ส่วน Friction Modifier ชนิดที่ใช้ผสมในน้ำมันเครื่องนั้น จะมีอยู่ในน้ำมันเครื่องชนิดที่มีคุณภาพสูงมากๆบางยี่ห้อ ซึ่งเมื่อผสมลงในน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดใส เช่น เบอร์ SAE 0W-30, 5W-30 หรือ 5W-40 อาจจะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ 3-4 % แต่การเติมสารพวกนี้ลงไปในน้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำมันหล่อลื่นก็ตามจะต้องมีการทดสอบก่อนว่า จะไม่มีผลร้ายข้างเคียง (Harm Effect) ต่อชิ้นส่วนใดๆของยานยนต์ การเติมพวกหัวเชื้อ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปลงไปในเครื่องยนต์ ย่อมมีความเสี่ยงอยู่ในตัว

ข้อสังเกตของสินค้าช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

1. ผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้น ส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรม

อย่างเป็นทางการ และไม่สามารถหาข้อมูลของแหล่งผลิตที่อยู่ในรูปบริษัทที่เป็นตัวตนได้

2. คำบรรยายสรรพคุณของสินค้า ไม่มีหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน บรรยายไปตาม

จินตนาการ ที่คล้ายๆจะเป็นวิทยาศาสตร์ของผู้เขียนหรือผู้ทำ แหล่งต้นตอของสินค้าประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากทางไต้หวันและญี่ปุ่น เมื่อคนไทยได้พบเห็นจึงทำเลียนแบบหรือดัดแปลงขึ้น เพราะไม่ได้เป็นอุปกรณ์มีความสลับซับซ้อนมากนัก

3. การทดสอบเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่อวดอ้าง จะเป็นวิธีการของผู้ทำหรือผู้ขายเอง ไม่ใช่

วิธีการที่เป็นมาตรฐานสากลที่ทางอุตสาหกรรมยานยนต์ยอมรับกันอยู่ในปัจจุบัน วิธีการทดสอบการประหยัดน้ำมันที่ใช้เป็นมาตรฐานในประเทศไทยคือ มอก.1870-2542 ซึ่งเทียบเท่ามาตรฐาน EURO 2 และ

มอก. 2160-2546 เทียบเท่ามาตรฐาน EURO 3

4. ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ได้มีผู้นำสินค้าประเภทนี้หลายรายมาว่าจ้างให้ทางสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ของ ปตท. ทำการทดสอบการประยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตามวิธีการทดสอบมาตรฐาน มอก.1870-2542 ปรากฏว่ายังไม่เคยมีรายใดสามารถแสดงผลการประหยัดน้ำมันได้อย่างมีนัยสำคัญ

ความเป็นจริง ในสภาพของการแข่งขันทางธุรกิจเพื่อเสนอขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงและกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นตามลำดับ ทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั่วโลกทุกวันนี้ ใช้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรวมกันเป็นหมื่นๆ คน และงบประมาณปีหนึ่งเป็นแสนๆ ล้านบาท เพื่อทำการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้ยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษน้อยที่สุด ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า ถ้าหากมนุษย์จะได้ค้นพบเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลพิษ สิ่งเหล่านั้นย่อมถูกนำมาอยู่ในผลิตภัณฑ์ยานยนต์และปิโตรเลียมที่ท่านใช้อย่างรวดเร็ว โดยที่ท่านไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้อหาสิ่งพิเศษมาใช้กับรถของท่าน นอกจากจะไม่คุ้มค่าเงินแล้ว ยังอาจจะต้องเสี่ยงกับผลร้ายข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับรถของท่าน









รวบรวมโดย ดร. ธานินทร์ อุทวนิช

ผู้จัดการฝ่ายวิจัยวิศวกรรมและเครื่องยนต์ทดสอบ

สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท.


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       เยี่ยม

จาก ก๊อง บีคลี่ 169.210.0.78 พุธ, 9/6/2547 เวลา : 16:17   


คำตอบที่ 2
       ไหนๆก็พูดกันเรื่อง พวกที่ทำมาหากินบนความต้องการของชาวบ้าน แต่ไม่มีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมรองรับ ผมขอบ่นซักเรื่องเถอะครับ คุณๆเคยได้ยินหรือได้เห็นอุปกรณ์ป้องกันสนิมรถยนต์แบบใช้ไฟฟ้าไม๊ครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่หลงเชื่อซื้อมาใช้ เนื่องจากมีการโฆษณาว่าได้รับการทดสอบจากสถาบัน KMIT...ซึ่งเป็นสถาบันที่สุดยอดทางด้านวิศวกรรมในเมืองไทย. แต่บังเอิญว่ามันเป็นกรรมของผมที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับระบบป้องกันสนิม สำหรับระบบท่อใต้ดิน ของบริษัทชั้นนำในเมืองไทยและองค์กรของรัฐวิสาหกิจ และผมได้เรียนรู้ทางด้านวิศกรรมของระบบป้องกันการผุกร่อน พร้อมทั้งศึกษามาตรฐานต่างๆที่มีในโลกที่เกี่ยวข้องกับระบบนี้ ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า แล้วไอ้ตัวที่ผมซื้อมาติดเพื่อป้องกันสนิมรถมันใช้งานได้จริงรึเปล่า เนื่องจากอุปกรณ์ที่โฆษณาไม่ได้อ้างถึงมาตรฐานที่ผมศึกษามาแม้แต่ที่เดียว ผมจึงลงทุนแกะออกจากรถ เพื่อทดสอบตามมาตรฐานที่กำหนด ผลการทดสอบไม่ต้องบอกก็ได้ครับ ผมโดนหลอก เพราะผลที่ได้จากการใช้อุปกรณ์นี้ ชิ้นงานเกิดสนิมครับ ผมก็ลงทุนอีกรอบ ไหนๆก็ลองแล้ว ....ผมแกะดูครับ ....และบังเอิญอีกนั่นแหละที่ผมจบมาทางด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิค ผมเจออะไรทราบไม๊ครับ....วงจรดิฟเฟอร์เรนเชี่ยนที่ไว้สร้างไฟกระพริบเท่านั้น สรุปว่าผมโดนหลอกให้ซื้อวงจรไฟกระพริบ ในราคา 4,500- บาท นึกถึงตัวเองแล้ว...โง่บัดซบจริงๆ ที่ซื้อวงจรไฟกระพริบมาในราคานี้ จึงขอเตือนมายังผู้ที่คิดจะติดนะครับ ตรวจสอบดูให้ดีว่ามีมาตรฐานรองรับหรือไม่ มาตรฐานที่อ้างถึงของระบบนี้คือ NACE มาตรฐานของอเมริกันส่วน BS Standard เป็นของอังกฤษ
ถ้าไม่มีมาตรฐานนี้รองรับ ห้ามซื้อเด็ดขาด คุณโดนหลอก 100% ผมไม่ได้โจมตีใครนะครับ เพียงแต่ผมก็เป็นคนใช้ รถ Offroad เหมือนกัน จึงขอเตือนเพื่อนๆมาด้วยความหวังดี ขอบคุณครับที่อ่านซะยืดยาว ส่วนใครที่มีผลกระทบกับความเห็นนี้และเชื่อว่าอุปกรณ์ที่ท่านจำหน่ายอยู่ใช้งานได้จริง ผมยินดีที่จะทดสอบไห้อย่างเป็นกลางครับ

จาก ขอแจมด้วยคน 202.133.171.244 พุธ, 9/6/2547 เวลา : 21:43   


คำตอบที่ 3
      
ขอบคุณฮะคุณนัสสสสสสสสสสส

ตากอล์ฟ จาก ตากอล์ฟ ตามตะวัน 203.144.251.245 พุธ, 9/6/2547 เวลา : 14:55   


คำตอบที่ 4
       thank

omo จาก น้าโม่ 203.113.81.9 พฤหัสบดี, 10/6/2547 เวลา : 15:11   


คำตอบที่ 5
       ข้อมูลดีมากๆเลย ครับ

คุณขอแจมด้วยคน ส่งสัยเจขาทดสอบว่าไฟมันกระพริบได้มาตราฐานไงละ สนิมไม่เกาะที่หลดไฟ ฮิฮิ

ขอคิดอย่างหนึ่ง ผมเชืออว่าอุปกรณ์หลาย วิธีช่วยประหยัดน้ำมันได้จริง แต่ประเดนมันอยู่ที่เราต้องเสียค่าอุปกรณ์ในราคาแพงมาก พอเฉลี่ยออกมา + ค่าความเสี่ยงแล้ว ผลคือ แท้บไม่คุ้ม

วิธีการประหยัดที่ได้ผลจริง ผมลองมากแล้วประยัดได้ 100% ไม่ต้องลงทุนอะไร นอกจากหน้าด้าน คือ.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทางเดียวกันไปด้วยคนนะเพื่อนช่วยข้าพเจ้าให้ถึงบ้านด้วย

karn จาก karn 202.80.225.69 ศุกร์, 11/6/2547 เวลา : 08:24   


คำตอบที่ 6
       ผมโดนมาแล้วข้อ5 เมื่อ 3-4ปี ไม่ควรเสียเงินครับ

kintaro จาก kintaro 203.107.207.5 ศุกร์, 11/6/2547 เวลา : 12:42   


คำตอบที่ 7
       ....

paladin จาก TOC 142 203.107.214.46 ศุกร์, 11/6/2547 เวลา : 12:48   


คำตอบที่ 8
       ถูกต้องครับ

นวัตกรรมครั้งหลังสุดก็คงเป็นเรื่องการเพิ่มออกซิเจน ด้วยประจุไฟฟ้า เห็นแพร่ภาพทาง TV ใช้สว่านเจาะท่อยาง ไม่รู้ว่ามีเศษอะไรบ้างที่จะหลุดรอดเข้าไปในห้องเผาไหม้ ดูแล้วสุดยอดแห่งความมักง่ายของช่างสถาบันฯ ที่ให้สัมภาษณ์และแพร่ภาพมาให้ชม

ผู้ชมผู้ฟังธรรมดาอาจจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้ที่ความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ดูแล้วเสียวจะบอกให้

จาก ชายเดี่ยว 203.144.228.200 พุธ, 9/6/2547 เวลา : 17:17   


คำตอบที่ 9
       เห็นว่ามีประโยชน์ UP UP UP

จาก นะจ๊ะ 58.10.251.76 พุธ, 27/7/2548 เวลา : 10:27   


คำตอบที่ 10
       up ด้วย

จาก BON 203.156.6.7 พุธ, 27/7/2548 เวลา : 19:00   


คำตอบที่ 11
       แล้วอุปกรณ์พ่วง EPU ที่ชื่อ Power Max ที่ทางนักเลงรถกะบะ(เดือนสิงหา)เอาผลการทดสอบมาลงให้อ่านบอกว่าเพิ่มแรงม้า 30 ประหยัดเพิ่มอีก10% แรงบิด 30% และมีตัวเลขการทดสอบให้ดู...เค้าบอกว่าเป็นการปรับอัตราส่วนผสมน้ำมันให้ดีกว่ามาตรฐาน...มันจริงแท้แค่ไหนครับ

จาก toms 202.44.210.237 พฤหัสบดี, 28/7/2548 เวลา : 09:14   


คำตอบที่ 12
       กล่องพ่วงอีเลคทรอนิคน์ หรือกล่วงพ่วง ECU ที่ต่อพ่วง
เข้าไปมีหน้าที่อย่างเดียวคือ หลอก หลอก แล้วก็หลอก
โดยหลอกกล่อง ECU วิธีการหลอกคือ กล่องนี้จะต่อพ่วง
กับคันเร่งไฟฟ้า เมื่อเราเหยียบคันเร่งลงไป Out put จะออกไปเข้ากล่อง ECU 4-20 mA. ตามลักษณะการเหยียบ
สมมุติว่าเราเหยียบคันเร่งนิดนึง Out put ประมาณ 6 mA.แต่กล่องพ่วง ECU จะเพิ่ม Out put ไปเป็นประมาณ 8 mA.
ก่อนส่งเข้า ECU ดังนั้นเครื่องจึงเร่งมากขึ้นในขณะที่เราเหยียบคันเร่งเท่าเดิม เราจึงมีความรู้สึกว่าเครื่องยนต์แรงขึ้น โดยแท้จริงแล้วเครื่องยนต์ยังแรงเท่าเดิม

SanyaP จาก Kungd4d TOC 268 202.183.235.66 พฤหัสบดี, 28/7/2548 เวลา : 18:00   


คำตอบที่ 13
       อยากเร็ว,อยากแรง,อยากประหยัดด้วยไม่มีหรอกครับ....อยากประหยัดน้ำมันจริงจริงขับไม่ควรเกิน100/ช.มครับผมช่วยชาติครับช่วยชาติ

จาก หนุ่ย 61.91.137.25 พฤหัสบดี, 28/7/2548 เวลา : 18:27   

กระทู้ข้อมูลเก่า สำหรับอ่านได้อย่างเดียว

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



      




Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,22 พฤศจิกายน 2567 (Online 6487 คน)