คำตอบที่ 1
       จัดกระเป๋าขึ้นรถไฟ แบบไปวันเดียวกลับ เที่ยวน้ำตก ชมควมงามของหน้าผา ลุยทั้ง ชัยภูมิ และลพบุรี ในวันเดียว ในที่ๆคุณอาจไม่เคยไป

มีวันหยุดอยู่วันหนึ่ง คุณจะตัดสินใจไปที่ไหนล่ะ ผมกับเพื่อน นั่งคิด ที่จะเดินทางไปไหนสักที่หนึ่ง ที่ท้าทาย และเป็นประสบการณ์ใหม่ของเรา ในการท่องเที่ยว ฉุกคิดขึ้นได้ถึงการเดินทางด้วยรถไฟ ที่น้อยคนจะเลือก สำหรับการเดิน ท่องเที่ยว "ตัดสินใจแล้ว ผมว่าเราน่าจะไปที่ "อ.เทพสถิตย์" เคยไปที่นี้เมื่อครั้งมีเทศกาล ทุ่งดอกกระเจียวบาน จำได้ถึงเส้นทาง อีกหลายเส้นทาง ที่ยังไม่มีโอกาส เข้าไปสำรวจ ชมธรรมชาติที่นั้น ทางการรถไฟเคยจัด ทริปรถไฟไปที่นั้นในช่วงเทศกาล แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่เป็นไร เราก็จะขบวนที่ผ่านแล้วแวะลง ที่นั้น
ผมและเพื่อนร่วม 5 คน (รวมลุง จิ๊บ ด้วย) ยอมตกลง ไปกับผมทันที เพราะเราไม่ได้นั่งรถไฟกันมานานแล้ว จึงไม่ยากนัก ที่จะตัดสินใจ ในครั้งนี้ เริ่มกันเลย เราต้องโทรไปถาม ที่การรถไฟกันก่อน ว่าเราจะเดินทาง ได้วันไหนกันบ้าง ได้ความว่า ทางการรถไฟ มีรถ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย ในเวลา 6.00 น. เท่านั้น นั้นคือเวลาที่เราต้องไปให้ทัน ในราคาตั๋ว 90 บาท ต่อคน สำหรับตั๋วชั้น3 นั่งกะพัดลม การรถไฟ สอบถามตารางรถไฟ และสำรองที่นั่ง โทร.0-2223-0341-2

ชมภาพบรรยากาศการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่ http://www.sabuy.com/ttt/trip/tapsatit/

คำตอบที่ 2
       จัดกระเป๋าขึ้นรถไฟ แบบไปวันเดียวกลับ เที่ยวน้ำตก ชมควมงามของหน้าผา ลุยทั้ง ชัยภูมิ และลพบุรี ในวันเดียว ในที่ๆคุณอาจไม่เคยไป

มีวันหยุดอยู่วันหนึ่ง คุณจะตัดสินใจไปที่ไหนล่ะ ผมกับเพื่อน นั่งคิด ที่จะเดินทางไปไหนสักที่หนึ่ง ที่ท้าทาย และเป็นประสบการณ์ใหม่ของเรา ในการท่องเที่ยว ฉุกคิดขึ้นได้ถึงการเดินทางด้วยรถไฟ ที่น้อยคนจะเลือก สำหรับการเดิน ท่องเที่ยว "ตัดสินใจแล้ว ผมว่าเราน่าจะไปที่ "อ.เทพสถิตย์" เคยไปที่นี้เมื่อครั้งมีเทศกาล ทุ่งดอกกระเจียวบาน จำได้ถึงเส้นทาง อีกหลายเส้นทาง ที่ยังไม่มีโอกาส เข้าไปสำรวจ ชมธรรมชาติที่นั้น ทางการรถไฟเคยจัด ทริปรถไฟไปที่นั้นในช่วงเทศกาล แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่เป็นไร เราก็จะขบวนที่ผ่านแล้วแวะลง ที่นั้น
ผมและเพื่อนร่วม 5 คน (รวมลุง จิ๊บ ด้วย) ยอมตกลง ไปกับผมทันที เพราะเราไม่ได้นั่งรถไฟกันมานานแล้ว จึงไม่ยากนัก ที่จะตัดสินใจ ในครั้งนี้ เริ่มกันเลย เราต้องโทรไปถาม ที่การรถไฟกันก่อน ว่าเราจะเดินทาง ได้วันไหนกันบ้าง ได้ความว่า ทางการรถไฟ มีรถ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย ในเวลา 6.00 น. เท่านั้น นั้นคือเวลาที่เราต้องไปให้ทัน ในราคาตั๋ว 90 บาท ต่อคน สำหรับตั๋วชั้น3 นั่งกะพัดลม การรถไฟ สอบถามตารางรถไฟ และสำรองที่นั่ง โทร.0-2223-0341-2

ชมภาพบรรยากาศการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่ http://www.sabuy.com/ttt/trip/tapsatit/

คำตอบที่ 3
       นอนป่าหินงามหนึ่งคืน อายุยืนสิบปี !! อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ตั้งอยู่บนสันเขาพังเหย สันเขาพังเหยเป็นเขาที่กั้นดินแดน ภาคกลางกับภาคอีสานและภาคเหนือ และยังตระการไปด้วยทุ่งดอกกระเจียว ที่ออกดอกสะพรั่งไปสุดลูกหูลูกตา ห้วงเวลาเข้าพรรษา มิถุนายน-สิงหาคม จะปรากฏทุ่งดอกกระเจียว สีชมพูม่วง ออกดอกชูช่อล้อลม เป็นทุ่งกว้างใหญ่สวยงามภายใต้สายหมอก และที่จุดชมวิวเรียกว่า"สุดแผ่นดิน"จะมีชะง่อนหินยื่นไป สามารถขึ้นไปยืนชมทิวทัศน์แผ่นดินที่ราบลุ่มเบื้องล่างได้

คำตอบที่ 4
       เมื่อมาถึงถิ่นแล้ว อยากแนะนำสถานปฏิบัติธรรม ที่ได้ชื่อว่า "เขตประกาศธรรม" คือ วัดเขาประตูชุมพล ( http://www.watkhao.com )อยู่ในเขตอุทยานฯป่าหินงาม โดยกรมศาสนากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมป่าไม้ ร่วมกันตั้งเป็นวัด มีพระครูไพศาล ประชานุกูล (พระอาจารย์สมพงษ์ ฐิติสมปนโน) เป็นเจ้าอาวาส โดย เมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ท่านธุดงค์ผ่านมาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เห็นว่าแถวนี้เป็นที่สงบ ห่างไกลชุมชนเหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงสร้างเป็นสำนักสงฆ์ เป็นที่โด่งดัง และกลายเป็นวัดจนถึงทุกวันนี้ ภายในวัดมีสภาพธรรมชาติใกล้เคียงกับป่าหินงาม เต็มไปด้วยโขดหินหน่อ และโขดหินขนาดใหญ่ มองดูคล้ายเพิงผา ประตู กำแพง จึงเป็นที่มาของชื่อวัด บรรยากาศภายในวัด ก็สงบวิเวกเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

คำตอบที่ 5
       เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 3 ชั่วโมง กับระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร โดยแวะ

เติมพลังมื้อเที่ยงกันที่ไร่องุ่นเทพสถิต ซึ่งถือเป็นไร่องุ่นแห่งเดียวของจังหวัดชัยภูมิ


ก่อนจะใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติป่าหิน

งาม ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเทพสถิต โดยอุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 112 ตารางกิโล

เมตร หรือประมาณ 70,000 ไร่ สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรังหรือป่าโคก และ

หญ้าเพ็กสีเขียวสดในวันฝนแรก ซึ่งถือเป็นภาพแรกที่ผู้มาเยือนจะได้เห็น


จากรถทัวร์ 2 ชั้นคันงาม ถึงตรงนี้ (ทางขึ้นอุทยานฯ) พวกเราต้องเปลี่ยนมา

ใช้รถสองแถว ซึ่งโดยปกติจะมีไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดท่อง

เที่ยวที่เป็นไฮไลต์จุดแรก นั่นก็คือ เขตสิ้นสุดแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นหนึ่งเดียวของภาคอีสาน

ใต้ และถือเป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขาพังเหย โดยสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

ประมาณ 846 เมตร เป็นแนวสันเขาที่แบ่งลุ่มน้ำป่าสักในภาคกลาง และลุ่มน้ำชีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


โดยในทางธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินในภาคกลาง

(ฉานไทย) ซุกเข้าไปใต้แผ่นดินของภาคอีสาน (อินโด-ไชน่า) ทำให้เกิดการยกตัว

ของแผ่นดินที่สูงชัน จนสามารถมองเห็นทัศนียภาพของที่รายภาคกลางในเขต

อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ทิวทัศน์ของสันเขาพังเหย และพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา


กว่าครึ่งชั่วโมงสำหรับการชมทิวทัศน์บริเวณเขตสุดแผ่นดินที่ตั้งอยู่ทางทิศ

เหนือของอุทยานฯ พวกเราเดินย้อนกลับลงมาอีกเล็กน้อย เพื่อสัมผัสความงามของทุ่ง

ดอกกระเจียวปทุมมาหรือบัวสวรรค์ ที่ถือเป็นหนึ่งเดียวในโลก และเป็นไฮไลต์จุดที่

สอง โดยเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเดินธรรมชาติที่ทางอุทยานฯ ได้ทำขึ้นมา เพื่อ

ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับราชินีแห่งมวลดอกไม้บนเทือกเขาแห่งนี้ ที่ทอด

ตัวยาวสุดลูกหูลูกตา


ซึ่งช่วงเวลาที่ถือเป็นไฮไลต์สำหรับการชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวก็คือ

ตั้งแต่ตีห้าไปจนถึงหกโมงเช้า โดยนักท่องเที่ยวจะได้เห็นสายหมอกขาวที่ปกคลุม

ยอดดอกกระเจียวไปทั่วท้องทุ่ง


แต่ถ้าจะดูหลังจากช่วงเวลานี้ ก็ไม่ผิดกฎอะไร เพราะระยะเวลาไม่ได้ทำให้ความ

งามของทุ่งดอกกระเจียวแห่งนี้ลดลงแม้แต่น้อย


พวกเราจบการเดินทางในวันแรกด้วยภาพของดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วง ที่

ตัดกับพื้นสีเขียวขจีของหญ้าเพ็กและโขดหิน ก่อนจะกลับมายังที่พักที่เจ้าภาพจัด

เตรียมไว้ให้ เพื่อเก็บแรงเอาไว้สำหรับการเดินทางสู่ลานหินงามหรือป่าหินงาม ซึ่ง

ถือเป็นไฮไลต์จุดสุดท้ายในทริปนี้ที่เราจะได้สัมผัส


05.00 น. คือเวลาที่ทีมงานนัดหมายกับพวกเราเอาไว้เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

ระบบการปลุกแบบมอร์นิ่งเคาะ (ย้ำว่า มอร์นิ่งเคาะ ไม่ใช่มอร์นิ่งคอล) ถูกนำมาใช้ตาม

สภาพที่พักของไร่เอ๋ยฝุ่น ที่ต้องการให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง


ผมพยายามยกตัวฝืนแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นมา พร้อมลมหายใจที่ยังมีกลิ่นดี

กรีเล็ดลอดออกมาพอให้ตาสว่าง


โดยเช้าวันนี้ พาหนะเขาเรายังคงเป็นรถสองแถวคันเดิม แต่ที่แตกต่างไปก็คือ

ทางเจ้าภาพได้จัดเส้นทางเดินให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติและทิวทัศน์ในอีกมุมมอง

หนึ่งของอุทยานฯ โดยเดินลัดเลาะไปตามหน้าผากว่า 2 กิโลเมตร เพื่อไปยังป่าหิน

งาม ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอุทยานฯ


สำหรับป่าหินงามแห่งนี้ จะมีหินก้อนใหญ่รูปร่างแปลกแตกต่างกัน กระจายอยู่

ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะดินและ

เนื้อหินทรายในส่วนที่อ่อนกว่าส่วนอื่น ซึ่งใช้เวลานับล้านปี ทำให้เกิดโขดหินรูป

ลักษณ์ต่างๆ มากมาย อาทิ หินรูปตะปู หินรูปปราสาท หินรูปพญานาค หินรูปถ้วยฟุตบอลโลก ฯลฯ


กว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากชมความอัศจรรย์ของธรรมชาติ และเก็บภาพจนหนำใจ

พวกเรามุ่งหน้ากลับที่พักอีกครั้งเพื่อเก็บสัมภาระเดินทางกลับกรุงเทพฯ ซึ่งใครจะ

คิดยังไงไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้ว การเดินทางครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมอีก

ครั้ง และเป็นทริปที่มีความสุขมากเป็นพิเศษ