คำตอบที่ 5
เอามาให้อ่านอีกหน่อย จาก เดลินิวส์
ครม.ไฟเขียวโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่หมด ยอมเฉือนเนื้อปีละ 2,000 ล้านบาท ดันไทยเป็นดีทรอยซ์แห่งเอเชีย รถเล็กต่ำกว่า 2,000 ซีซีส้มหล่นราคาถูกลงคันละ1.5 หมื่นบาท ส่วนรถใหญ่เกิน 3,000 ซีซี ราคาแพงขึ้นอีก 4 หมื่นบาท มีผลทันที ยกเว้นรถออฟโรดที่ต่อลมหายใจให้ถึงสิ้นปีนี้ ส่วนรถนำเข้ามีผลอีก 2 เดือนข้างหน้า
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น. วันที่ 27 ก.ค.นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบแนวทางปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งต้องการให้เกิดความชัดเจนในการเก็บภาษีและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งให้สอดรับกับการเป็นดีทรอยซ์แห่งเอเชีย โดยคาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันที ยกเว้นภาษีรถตู้ดัดแปลงและรถตรวจการณ์ (โอพีวี) หรือรถประเภทออฟโรด เช่น รถรุ่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ไฟว์ หรือโตโยต้า แลนด์ ครุยเซอร์ ที่จะให้เวลาถึงวันที่ 31 ธ.ค. 47 ส่วนรถที่นำเข้าใหม่จะมีผลบังคับใช้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า คือประมาณเดือน ก.ย.นี้
สำหรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวได้แบ่งรถยนต์เป็น 7 ประเภท คือ รถเก๋ง ไม่เกิน 220 แรงม้า ขนาด 2,000 ซีซี เก็บภาษี 30% ของ[b ราคา หน้าโรงงาน /b]จากเดิมที่เก็บ 35%, ขนาด 2,001-2,500 ซีซี เก็บ 35% จากเดิมเก็บ 35% และ 41%, ขนาด 2,501-3,000 ซีซี เก็บ 40% จากเดิม 41 % และขนาดเกิน 3,000 ซีซี หรือเกิน 220 แรงม้า เก็บ 50% จากเดิมเก็บที่ 48%
ส่วนรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ซึ่งดัดแปลงมาจากรถตู้ทึบ หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งเกิน 10 คน เดิมเก็บ 35% และ 40% แต่อัตราใหม่เก็บตามซีซีเหมือนรถยนต์นั่งในอัตรา 30,35,40,50% ส่วนรถยนต์นั่งตรวจ การณ์ เดิมเก็บภาษีในอัตรา 29% แต่อัตราใหม่จะเก็บเท่ากับรถยนต์นั่ง
สำหรับรถกระบะบรรทุกไม่เกิน 1 ตัน ไม่เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 3% เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 50%, บรรทุกพิเศษ ไม่เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 18% เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 50%, รถยนต์นั่งที่มีกระบะดับเบิลแค็บ ไม่เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 12%, รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (พีพีวี) ไม่เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 20%, รถกระบะดัดแปลงของไทยรุ่ง ไม่เกิน 3,250 ซีซี เก็บ 3% จากมูลค่าทั้งคัน จากเดิมที่เก็บ 20% จากมูลค่าดัดแปลง
ส่วนรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสาร ประหยัดพลังงานที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ได้แก่ แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ไม่เกิน 3,000 ซีซี, แบบพลังงานไฟฟ้า และแบบเซลล์เชื้อเพลิง เก็บในอัตรา 10% ส่วนรถยนต์นั่ง ที่ใช้พลังงานทดแทนมีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้งเพลิงไม่น้อยกว่า 20% และที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และขนาดไม่เกิน 3,000 ซีซี เก็บ 20% และประเภทสุดท้ายคือ รถยนต์นั่งสามล้อ และรถยนต์นั่งที่ผลิตขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ของ รถจักรยานยนต์ ขนาดไม่เกิน 250 ซีซี เก็บในอัตรา 5%
ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรม สรรพสามิต กล่าวว่า รถเก๋งที่มีขนาดไม่เกิน 2,000 ซีซี จะมีราคาถูกลงเฉลี่ยคันละ 15,000 บาท แต่รถที่มีขนาดเกิน 3,000 ซีซี จะมีราคาสูงขึ้นประมาณคันละ 40,000 บาท.