จาก เกเร 203.170.150.26
อังคารที่ , 14/9/2547
เวลา : 14:25
อ่านแล้ว = 1000 ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ขอบคุณพี่เอิร์ทที่ให้แผนที่และให้ดูรูปก่อนไป ขอบคุณคุณเอที่ทำลิ้งค์แผนที่ให้ครับ
วันที่ 11 และ 12 กันยายน 2547 ผมและเพื่อนมีโปรแกรมไปเที่ยวน้ำตกผาสวรรค์กัน และคิดไว้ว่าจะขับรถแบบสบาย ๆ กัน ไปพักที่กระท่อมเขาดิน และเลยไปเที่ยวต่อกันที่น้ำตกผาสวรรค์กันในตอนเช้าวันที่ 12 คิดไว้ว่าทริปนี้เป็นทริปสบายๆไปเที่ยวน้ำตกอย่างเดียว แต่.......ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนของชาวออฟโรดจริง ๆ ออกเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ตอน 9 โมง เช้า ไปกัน 2 คัน 7คน รถผม Sport Rider (อาวุธครบ) อีกคันเป็น รถกะบะ Tiger เจ้าของชื่อน้องตู่ เราออกเดินทางไปตามเส้นทางบางบัวทองผ่านกำแพงแสน สุพรรณข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ยังไม่ถึงเมืองกาญ รถของน้องตู่ก็มาเสียก่อนถึงเมืองกาญ เพียง 30 กม. ซึ่งไม่น่าจะเสียได้เลย เพราะว่าคือน้องเค้าเช็คหม้อน้ำก่อนออกเดินทางแล้วลืมปิดฝาหม้อน้ำ ขับออกมาก็ไม่ดูเกจ์ความร้อนเลย เลยทำให้การเดินทางตื่นเต้นมากๆ ผมต้องวิ่งไปหาฝาหม้อน้ำมาให้ และหาน้ำมาเติมตลอดทาง สุดท้ายตัดสินใจลากเข้าตัวเมืองกาญก่อน เพราะว่าน้องเค้าขับมาอัดมาเต็มที่จากกรุงเทพฯ คิดว่าเครื่องมันคงน๊อกแล้ว แต่เจ้าของรถใจถึงมาก บอกว่าค่อย ๆ ขับไป(ตอนนี้หน้าตาเจ้าของรถดูแย่มากคงคิดว่าจะเสียค่าซ่อมเท่าไหร่นะ) ผมขับรถไปซื้อน้ำมันเครื่อง,น้ำยาหม้อน้ำและเตรียมน้ำ หลาย ๆขวดไว้กะบะหลัง และค่อย ๆ ขับไป ด้วยความเร็ว 50 กม./ชั่วโมง ขับไปได้แค่ 50 กม. ตามเส้นทางทองผาภูมิ เครื่องก็ฮีทสุดอีกแล้ว มันมีลมดันที่ท่อระบายแบบหม้อพักจะระเบิดอยู่แล้ว ครั้งนี้ผมตัดสินใจรื้อวาวส์หม้อน้ำออกเลยน้ำจะได้วนผ่านได้ง่ายหน่อย และให้น้องอีกคนขับรถ SportRider ของผมล่วงหน้าไปก่อนเพราะใกล้จะมืดแล้ว ส่วนหนึ่งจะได้เข้าที่พักก่อน ผมก็จัดการรื้อวาวล์น้ำต่อ ไม่น่าเชื่อรถก็สามารถวิ่งไปต่อได้แล้วเครื่องก็ไม่ฮีท พอไปถึงกระท่อมเขาดินประมาณ 1 ทุ่มรถ SportRider ที่ล่วงหน้าเข้ามาก่อนหลงไปไหนก็ไม่รู้ ผมเลยตัดสินใจไปตามที่ทางเข้าน้ำตกผาสวรรค์ แต่พอเจอบ่อแรกก็ต้องถอยกลับ เพราะคิดว่ารถอาจจะฮีทขึ้นมาอีกถ้าต้องไปใช้รอบสูงๆในบ่อโคลน และไม่มีวิ้นส์ด้วยกลับไปรอที่พักดีกว่า ประมาณ 3 ทุ่ม SportRider ก็กลับมา โดยที่ผมเรียกว.แดงตลอดเวลา ปรากฎว่าเขาขับรถเข้าไปถึงที่น้ำตกผาสวรรค์แล้ว รอผมอยู่ที่น้ำตกผาสวรรค์ไม่เจอเลยขับกลับมา แล้วพอมีสัญญาณได้ยินเสียงผมทางว.แดงเลยได้พบกัน (สัญญาณโทรศัพท์ไม่ต้องพูดถึงนะไม่มีทุกระบบครับ เนี้ยแหละเห็นความสำคัญของวอดำแล้ว)และเราก็กินข้าว และเล่นน้ำตกเล็กๆที่กระท่อมเขาดินก่อนจะเข้านอนเตรียมตัวเดินทางไปน้ำตกผาสวรรค์ในเช้าวันที่ 12 เราตื่นเช็ครถตั้งแต่ 8 โมงเช้าเตรียมข้าวกล่อง และเติมน้ำรถ Tiger และเตรียมน้ำใส่ขวดไว้หลังรถกะบะ เดินทางออกจากกระท่อมเขาดินตอน 9 โมงเช้า เราขับไปหยุดไป เพราะ Tiger เครื่องฮีทเปิดฝาหม้อน้ำจะเห็นน้ำพุทุกครั้งที่จอด และได้ใช้วินส์ กับรถ Tiger จริง ๆ ในบ่อแรก เพราะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ไปกับรถ Tiger หนึ่งคนบอกลายทางผิดจึงต้องติดอยู่ที่บ่อแรกต้องใช้รถผมวิ้นส์ถอยกลับ แล้วไปลายใหม่เป็นร่องกลางเลยรอด เราไปแวะพักที่หน่วยพิทักษ์ต้นน้ำกุยมั่ง หาน้ำเติมหม้อน้ำและใส่ขวด ฉีดน้ำเพื่อลดความร้อน และก็ขับเข้าไปกันต่อ (จอดหลายรอบเหมือนกัน) ระยะทางจากที่พักไปถึงน้ำตกประมาณ 15 กม. ใชเวลา 3 ชั่วโมงในการเข้ามา จอดรถที่ทางขึ้นน้ำตกผาสวรรค์เจ้าหน้าที่บอกว่าต่อจากนี้จะต้องขับ2ไปต่อ(เดินเท้าครับ)อีก 2 กม. ทีแรกคิดว่าธรรมดาแต่ที่ไหนได้บางจังหวะต้องใช้ขับ4ด้วย(ทั้งมุดทั้งคลาน) เหนื่อยมาก แต่พอถึงชั้นที่ 7 ที่เป็นน้ำตกผาสวรรค์หายเหนื่อยเลยครับ เราเล่นน้ำ ถ่ายรูปกันสนุกมาก ๆ แล้วก็กลับลงมา ประมาณ บ่าย 2 โมง (ตอนเดินขึ้นลืมไปต้องเดินลงอีก 2 กม.เหนื่อยและเพลียมาก) เราก็ไปแวะกินข้าวเย็นกันที่กระท่อมเขาดินอีกรอบ ผมเพลียจนหลับไปหนึ่งตื่นด้วยความเหนื่อยที่ต้องเดินขึ้นน้ำตกไปกลับ 4 กม. พอมาถึงกระท่อมเขาดินประมาณครึ่งชั่วโมงฝนก็ตกลงมา ถ้าหากลงมาช้ากว่านี้สงสัยจะต้องใช้วิ้นส์กันหลายรอบแน่ๆ หรืออาจจะออกมาไม่ได้ติดอยู่ในป่าก็ไม่รู้ ผมตื่นนอนออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ ตอน 2 ทุ่ม คราวนี้สิ รถ Tiger ป่วยหนักแล้ว รถฮีทตลอดเวลา รถสั่นและมีควันขาว คิดว่าแย่แน่สงสัยต้องลากกลับ ผมเลยขับไปหาหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง 1 กระป๋องเติมลงไป และเติมน้ำมันเครื่องลงไปอีก ถ่ายน้ำร้อนออกและเติมน้ำเย็นที่เตรียมไว้หลังรถลงไป โอ้พระเจ้าช่วย อาการฮีทหายเป็นปริดทิ้ง เลยขับกลับกรุงเทพฯ สบาย ๆ สรุปว่า ที่น้ำตกผาสวรรค์สนุกมากๆ และเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก คงจะสนุกกว่านี้ถ้าไม่ต้องคอยจอดดูรถเสียบ่อย ๆ และรถ Tiger ของน้องตู่ถึงมือช่างแล้ว ผลปรากฏว่าเปลี่ยนเสื้อสูบ กระบอกสูบเพราะว่าร้อนจนเสื้อสูบแตก แต่ผมขอชมเชยเขาเลยว่าสู้จริง ๆ สู้จนหยดสุดท้าย อยากจะชวนเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป ลองไปเที่ยวกันดูนะครับ (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเปิดฝาหม้อน้ำแล้วอย่าลืมปิดกลับที่เดิมด้วยนะ)
|