คำตอบที่ 1
       ทริปนี้ผมเองก็ไม่ได้ไปด้วยนะครับ แต่พอจะมีประสพการณ์จากการเดินทางไปครั้งแรก น่าจะใกล้เคียงกัน
เรื่องสมรรถนะของยางที่เจอกับสภาพเส้นทางตอนนั้นทั้ง ATกับ MT แทบไม่แตกต่างครับ เพราะดินเกาะติดในร่องลายยางเหมือนกันหมด ที่เห็นข้อแตกต่างก็น่าจะเป็นเรื่องของขนาดครับ ควรเลือกให้เหมาะสมกับกำลังเครื่องยนต์ เพราะถ้าใหญ่เกินกำลังเครื่องก็ไม่ไหวครับ รอบการหมุนเพื่อจะให้สลัดโคลนหรือดินออก ทำได้ยากเพราะมันหนัก
ถ้าเปรียบเทียบกันที่ยี่ห้อระหว่าง MT ด้วยกัน เจ้า BF ก็จะสลัดดินได้ดีกว่าครับแต่ก็ไม่ใช่ว่าใส่ BFแล้วจะไม่ติด บางจุดที่ติดก็ติดเหมือนกันหมดครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ด้วย เพราะเป็นเรื่องของคนกับเครื่อง)
จากการออกทริปครั้งนั้น สังเกตเห็นว่าการขับเคลื่อน 4 ล้อของรถผมได้สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ บ้างครั้งระบบขับเคลื่อนหน้าเหมือนไม่ทำงาน คือมันหยุดนิ่งไม่หมุนเลย ก็มาติดตั้ง Diff Lock หน้าเพิ่มเติม หลังจากติดตั้งเสร็จก็ไปทดสอบ ก็เห็นว่าด้านหลังใช้ว่าจะทำงานตลอด บางครั้งตกหลุมตกร่อง เอียง มันก็หมุนด้านเดียว อีกด้านนิ่งสนิท ก็เลยไปใส่ Diff lock หลังอีก เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนให้สมบูรณืที่สุด
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ใช่ว่าจะผ่านฉลุยทุกที่ครับ บางที่ไม่ไหวจริงๆก็ต้องพึ่งวินซ์เหมือนกัน

คำตอบที่ 2
       พี่ MOP ใช้คำว่า " ช่วยเล่าความคิดเห็นส่วนตัว " ทำให้สะดวกต่อการออกความเห็นหน่อย...
ยาง MUD แบบที่พี่ต่อบอก...ความแตกต่างของแต่ละยี่ห้อน้อยมากในเส้นทางออฟโรด....แต่ก็ใช้ว่าจะไม่แตกต่าง...เจ้า BF ทำหน้าที่ได้ดีสมราคา ส่วน SIMAX นั้นต้องบอกว่าเป็นพระอกในการเดินทาง ( มองประเด็นว่าเดินทางอย่างเดียว ) เพราะการตะกุยของมันนั้นสุดยอด
ยาง 33" เฟืองท้ายเดิม ๆ ภาระมันไปตกหนักที่เครื่องยนต์ คลัช ทำลังตกไป...
ปัญหาของยางใหญ่ที่เป็นได้ชัดๆอีกอย่าง คือ ยางหลุดขอบ...หน้ากว้างแม็กกับยางต้องสัมพันธ์กัน มันก็ต่อเนื่องไปที่ HI-LIFT / ปั้มลม / และอุปกรณ์ช่วยเหลืออื่นๆ....
WINCH สำคัญขนาดไหนทุกท่านคงรู้อยู่แล้ว
ส่วนชุดยกนั้นผมว่ามันเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ทำให้สามารถใส่ยางที่ขนาดใหญ่ขึ้นได้...ทำให้ใต้ทอ้งของรถเราผ่านอุปสรรค์ได้ดีขึ้น เท่านั้นครับ....
อะไหล่+เครื่องมือ....มีความจำเป็นมากๆ...( ในส่วนที่เป็นจุดอ่อนของรถเรา )...แต่ที่สำคัญอีกอย่าง...คือ...เปลี่ยนให้เป็นด้วย...อันนี้ยากกว่า
อุปกรณืช่วยเหลือต่างๆ สำคัญมากๆๆๆๆๆ….สายลาก / สายคล้องต้นไม้ / สแน็สบล็อก / สเก็น / จอบ / ฯลฯ …..ควรมีทุกคัน ( ถ้ามีน้อยแล้วขบวนยาวๆ….จะเสียเวลาและเหนื่อยมากครับ )
ทั้งหมดเนี่ย…ค่อยๆมีค่อยๆสะสมไปเดี๋ยวก็ครบเอง….เอาแบบสบายๆกระเป๋าดีที่สุดครับ...

คำตอบที่ 3
       ช่วยกันเล่าประสพการณ์จากกรณีสอยมาลัยยิ่งตอนหน้าฝนสิ่งแรกที่จะต้องเตรียมคือความพร้อมจะต้องพร้อมทั้งคนและรถ ผมว่าก่อนไปฟิตร่างกายกันหน่อยก็ดีแทนที่จะเหนื่อยมากก็จะน้อยลงหน่อย ทีนี้ในเรื่องความพร้อมของรถผมว่ารถที่จะขึ้นต้องยาง MUD ดีที่สุดคือสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ระดับหนึ่ง และไม่สร้างปัญหาสำหรับคันต่อไปมากนัก ไซแม็กนี่คันหลังลำบากครับ AT นี่แค่ปากทางก็เหนื่อยแล้ว ส่วนต่อมาคืออุปกรณ์ช่วยเหลือครับ วินส์ / สายลาก / สายคล้องต้นไม้ / สแน็สบล็อก / สเก็น / จอบ / HI-LIFT / ปั้มลม / ฯลฯ …..ควรมีทุกคันอันนี้ขอยืนยันครับ การวิ่งขึ้นลงเขาเพื่อไปเอาอุปกรณ์ดังกล่าวนี่เหนื่อยจริง
จากทริปที่ผ่านเรามีปัญหาเรื่อง
ยางหลุดขอบ กะปัญหาดินเข้าไปอัดอยู่ระหว่างยางกะล้อแม็กทำให้ลมรั่วซึมออกมาทำมองเห็นความสำคัญของปั้มลม และยางอะไหล่ หากเป็นไปได้ในทริปเดียวกันขนาดยาง และยางอะไหล่ขนาดเท่ากันทุกคันก็จะดี เผื่อสามารถหยิบยืมกันได้ เพราะถึงมีปั้มลมแต่ใช้งานหนักๆ มันก็ไม่ไหว

เพลาหน้าหลุดประเด็นนี้เราเจอมา 2 ทริปแล้วทำให้เห็นความสำคัญของเจ้าฟรีล็อค ในกรณีที่เพลาหลุดหากมีฟรีล้อดก็แค่ปลดฟรีล้อคก็ขับ 2 ล้อออกมาได้แต่ไนกรณีที่ไม่ได้ติดนี่สิมันจะต้องถอดเพลาตัวที่หลุดออกมาเสียก่อนถึงจะขับ 2 ล้อออกมาได้ ถ้าในทริปมีช่างไปด้วยก็ดีไปแต่ก็ใช่ว่ามันจะถอดง่ายซะเมื่อไหร่เพราะไม่มีไอ้เข้ให้ยก และยิ่งถ้าไม่มีช่างเข้าไปด้วยนี่ความเสียและปัญหาที่จะเกิดตามมานั้นมากขึ้นแน่นอน
ส่วนที่ไม่ควรมองข้ามคือจำนวนรถหากมากเกินความยากลำบากก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ ผมว่าไปน้อยคันจะดีครับ

คำตอบที่ 4
       เพิ่มเติมซักกะหน่อย
ยางหลุดขอบก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่ยางในครับ เพราะเคยได้ยินเพื่อนๆที่เที่ยวกันมาบอกอย่างนั้น
สำหรับเรื่องคนที่ร่วมเดินทางนั้นต้องมีประสพการณ์ในการแก้ปัญหามากๆครับ เพราะเวลาเจออุปสรรค จะต้องหาทางแก้ไขให้พ้นผ่านอุปสรรคนั้นๆให้ได้
ที่ลืมไม่ได้ก็ควรจะมีผู้ร่วมเดินทางที่เป็นช่างไปด้วยครับ เมื่อเกิดการเสียหาย

คำตอบที่ 5
       อยากขอแชร์..ปสก.ที่ได้ไปสัมผัสมาจากการเป็น..เนให้พี่ๆเพื่อนๆจากสอยมาลัยมา.3ครั้งคงต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวในแต่ล่ะครั้งก็ได้..ปสก.แตกต่างกันไป..แต่ใจความที่สำคัญรวมๆคงแยกได้เป็น..3หัวข้อ
1.คนซึ่งได้แก่..คนขับ+เน.รวมถึงผู้ร่วมเดินทางควรมีความพร้อมในสภาพร่างกายในระดับหนึ่งเนื่องจากยอมรับว่าบางครั้งหนทางที่ต้องไปพบปะมาอาจจะหนักเกินไปสำหรับสภาพร่างกายปกติ..และอาจจะต้องพกใจไปเพื่อที่อยากจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม(ไม่ต้องพกไปเกินร้อยนะครับท่าน)
2.รถ.ควรมีการตรวจสภาพรถเครื่องยนต์+เบรค+คลัช+ช่วงล่างรวมถึงยางอะไหล่ให้พร้อมที่สุดรวมถึงศึกษาเส้นทางก่อนที่จะร่วมเดินทางว่ามีความยากง่ายขนาดไหนเพื่อเตรียมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือตัวเองในแต่ล่ะทริปเช่นยางมัดผมไม่เน้นยี่ห้อยาง(ยกเว้นยางตะขาบ).วินส์(ให้ตรวจสอบว่าใช้งานได้ปกติ)
3.อุปกรณ์ติดรถที่ทุกคันควรมี..เช่นสายพานลาก/สายคลองต้นไม้/เชือกกระตุก/สะเก็น/สแนบบอก/จอบ+เสียม(ขอเน้นว่าให้ใช้แบบที่เป็บด้ามไม้แบบที่ชาวนาชาวสวนใช้อย่าใช้แบบด้ามเหล็กอันเล็กๆเพราะสถานการณ์จริงแล้วใช้ได้ไม่ดี)
..ธรรมชาติคือสิ่งสวยงามที่คนอยากเข้าไปสัมผัส..

คำตอบที่ 6
       ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์กันครับ....เห็นป่ะทุกทริปของการเดินทางนอกจะได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมช่ติ แล้วยังได้ประสบการณ์ที่ดีกลับติดตัวมาด้วย....คุ้มจริง ๆ ครับ

คำตอบที่ 7
       ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์กันครับ....เห็นป่ะทุกทริปของการเดินทางนอกจะได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมช่ติ แล้วยังได้ประสบการณ์ที่ดีกลับติดตัวมาด้วย....คุ้มจริง ๆ ครับ

คำตอบที่ 8
       โอ้โอ คีย์แมน TOC ทั้งสามท่านตอบเรื่อง "เล่าความคิดเห็นส่วนตัวจากประสพการณ์" ยอดเยี่ยมได้หมดจดจริงๆๆ

คำตอบที่ 9
       เพื่อนสมาชิกหลายท่านก็อธิบายกันหมดแล้ว.... ผมเพิ่มนิดแต่สำคัญ..........ความสามัคคี่ของสมาชิก......สำคัญมาก ๆ ๆ .