จาก Auto IP:202.80.239.130
อังคารที่ , 15/9/2552
เวลา : 19:17
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
การกำจัดแมลงสาบ**
ในบ้านที่มักจะอยู่ตามครัว ตู้ โต๊ะ
หรือตามซอกตามมุมต่างๆ**
* เขาบอกว่าวิธีที่ได้ผลและง่ายแสนง่าย
แต่คนมักไม่ทราบหรือคิดไม่ถึง
นั่นก็คือใช้ " พริกไทยเม็ด " ไปวางตามจุดต่างๆ
ที่แมลงสาบชอบออกมาไต่ยั้วเยี้ย
หรือแอบมากินเศษอาหาร โดยวางไว้ที่ละ 4-5 เม็ดก็พอ แค่นี้
แมลงสาบได้กลิ่นก็ไม่มารบกวนแล้ว เพราะมันไม่ถูกกับกลิ่นพริกไทยเม็ด
ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงให้เสียเงิน หรือเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน
พอกลิ่นหมด ก็คอยเปลี่ยนใหม่ ข้อสำคัญ ระวังเด็กเล็กในบ้านอย่าคลานไปกินเข้า
จะร้องไห้จ้าเพราะความเผ็ด
** กำจัดยุงและแมลงตัวเล็กๆ**
ไม่ให้มารบกวนตอนอ่านหนังสือหรือทำงานตอนกลางคืน** * เขาให้ใช้ "
การบูร " มาห่อผ้าขาว หรือไปซื้ออย่างที่เขาห่อสำเร็จมาแล้วก็ได้
จากนั้นนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับหลอดไฟ
หรือโคมไฟ เพื่อความร้อนจากหลอด หรือโคมจะทำให้กลิ่นการบูรค่อยๆ
ระเหิดออกมาอย่างรวยริน ยิ่งกลิ่นออกมามากเท่าใด ยุงและแมลงก็จะบินหนี
เพราะมันไม่ชอบกลิ่นการบูร
แค่นี้ก็ไม่ต้องจุดยากันยุงหรือทายากันยุงให้เหนอะหนะเหนียวตัว
** ขับไล่หนูชุกชุม**
โดยไม่ต้องฆ่าให้บาปกรรม ด้วยการนำ น้ำมันระกำ **10 ** ส่วน*
* * ผสมกับน้ำมันสะระแหน่อีก 90 ส่วนให้เข้ากัน
แล้วเอาไปทาตามทางเดินของหนู หรือที่ๆ
หนูชอบมา มันจะไม่มาอีกเลย เมื่อได้กลิ่นน้ำมันทั้งสองอย่างนี้
แต่ทางที่ดีควรจะเก็บเศษอาหารให้หมด และทำบ้านเรือนให้สะอาด
อย่ารกรุงรังเป็นดีที่สุด
** วิธีต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่าย**
การต้มไข่นั้น ดูเป็นเรื่องไม่ยาก
แต่เชื่อไหมว่า หากจะต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่ายๆ หลายคนกลับทำไม่ได้
แถมปอกแล้วเนื้อไข่ติดเปลือกทำให้ไม่สวยงามอีก ดังนั้น
วิธีง่ายๆที่จะต้มไข่ให้ปอกเปลือกได้ง่าย
เขามีเทคนิคพิเศษด้วยการ ต้มไข่แบบธรรมดานี่แหละ แต่ให้เอา
" เกลือ " ใส่เข้าไปพอสมควร ให้น้ำที่ต้มมีความเค็มเล็กน้อย
กะว่าไข่สุกดีแล้ว ก็ให้เอาไข่นั้นแช่ในน้ำเย็นธรรมดา
พอไข่ต้มเย็นลงพอควร ก็จับปอกเปลือกได้
จะรู้สึกเลยว่าเปลือกไข่แกะออกง่าย และล่อนดีไม่ติดเหมือนปกติ
ทำให้ปอกไข่ต้มออกมาได้อย่างสวยงาม น่ากิน
** ต้มถั่วดำถั่วแดงให้สุกเร็ว**
การต้มถั่วดูเหมือนจะง่ายคล้ายๆกับต้มไข่ แต่จริงๆแล้ว
ใครที่เคยต้มทั้งถั่วดำ ถั่วแดง
จะรู้ดีว่ากว่าจะต้มสุกได้ต้องใช้เวลานานมาก
จนหลายคนเอือม ไม่คิดอยากกินถั่วอีกเลย หรือไม่ก็ไปซื้อเขาสบายกว่า
บางคนก็ใช้วิธีแช่น้ำคืนหนึ่งก่อนนำมาต้ม
แต่เขาบอกว่าวิธีที่เร็วและสะดวกกว่าคือ
ก่อนนำถั่วไปต้ม ให้เอาไป " คั่ว " ในกะทะให้สุกเสียก่อน
เป็นการทำให้สุกครั้งแรกที่ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจึงเอาหม้อใส่น้ำ
แล้วใส่ถั่วลงไป โดยกะน้ำให้พอดีกับถั่วที่จะต้ม
แล้วตั้งไฟต้ม คราวนี้แหละถั่วที่ต้ม ก็จะสุกเร็วขึ้น
เมื่อถั่วสุกก็ใส่น้ำตาลลงไป
กะให้หวานพอเหมาะหรือตามแต่ชอบ
** วิธีเก็บขนมปังให้นานวันขึ้น**
โดยมิให้เสีย หรือหมดอายุเร็วเขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก
ขนมปังที่ซื้อมาแล้ว และเรากินไม่หมดก็ให้ห่อเก็บในพลาสติก
เหมือนเดิมนั่นแหละเพียงแต่ให้เอาผ้าขาวสะอาดๆมาห่อหุ้มเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
จากนั้นให้ผูกด้วยเชือกหรือใช้ยางรัดให้แน่น
แล้วไปเก็บไว้ในตู้เย็นตามปกติธรรมดา
ไม่ต้องไปเข้าช่องแข็ง
ทำแบบนี้ขนมปังที่ว่าก็จะมีอายุนานขึ้นโดยไม่เสื่อมสภาพ
เมื่อเอาไปย่าง ปิ้ง ทาเนยแยม ก็ยังจะอร่อย
และคงความนุ่มไว้เหมือนเดิม
** วิธีหาเสี้ยน หรือหนามที่ตำ ให้เห็นง่ายๆ**
เมื่อเราถูกเสี้ยนหรือหนามตำไม่ว่าที่ไหนก็ตาม
บางทีเสี้ยนมีขนาดเล็กและกลมกลืนไปกับสีผิว
ทำให้มองไม่เห็นแต่หากไม่เอาออกก็จะระคายเคือง เจ็บปวดไม่หาย
เขาบอกว่าวิธีการหาง่ายๆ
คือให้ใช้ " ทิงเจอร์ไอโอดีน " แตะบริเวณที่ถูกเสี้ยนหรือหนามตำ
สีของทิงเจอร์ฯ จะทำให้เห็นรอยเสี้ยนที่หักคาอยู่อย่างเด่นชัด
ทำให้เราจัดการเอาออกได้โดยง่าย อีกทั้งทิงเจอร์ฯ
ยังช่วยรักษาแผลสดได้ดีอีกด้วย
* วิธีบำรุงสายตาด้วยสมุนไพรราคาถูก**
นั่นคือ " ผักบุ้ง " ที่เราส่วนใหญ่รู้ๆ กันอยู่แล้วนี่เอง
นอกจากจะกินผักบุ้งเพื่อให้ได้วิตามินเอ
ที่มีมากมายในตัวผักมาบำรุงสายต??แล้ว คนไม่น้อยคงไม่รู้ว่า
เราสามารถเอาผักบุ้งไทยมาล้างให้สะอาด
แล้วปั่นให้ละเอียดจากนั้น
เอาผ้าขาวบางไปต้มฆ่าเชื้อเสียก่อน แล้วผึ่งให้หมาด
นำมาปิดไว้ที่หน้าแล้วให้ผักบุ้งไทยปั่นที่ว่ามาโปะบนผ้าขาวบาง
บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ปล่อยไว้นานพอควรจนรู้สึกว่า
มีน้ำจากผักซึมเข้ามาที่ดวงตาที่หลับอยู่ ก็เอาออก
แล้วหลับตาล้างเปลือกตาให้สะอาด เขาว่าให้ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้ง
จะช่วยสุขภาพของดวงตาให้ดีขึ้น ทำให้สายตาแจ่มใสอยู่เสมอ
** วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง**
นอกเหนือไปจาก " สารส้ม "
ที่เขาแนะให้นำมาถูรักแร้ตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้ว
ก็ยังมีอีกสูตรในการแก้กลิ่นเต่าแรงคือ
" ใบตำลึง " กับ " ปูนแดง " โดยให้ตำใบตำลึงให้เละที่สุด
แล้วนำมาผสมกับปูนแดงสักก้อนเล็กๆ ผสมให้ทั่วกันดีแล้ว
ก็นำมาทาที่รักแร้เพียงบางๆ แล้วปล่อยให้แห้งไปเอง
ควรทำตอนอาบน้ำก่อนไปทำงานตอนเช้า จะได้ทำงานได้ตลอดวัน
โดยไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ออกมารบกวนใครต่อใคร บางคนอาจคิดว่ายุ่งยาก
ลำบาก หาซื้อพวกโรลออนทาง่ายกว่า แต่แนะไว้เผื่อวิธีอื่นไม่ได้ผล
ก็ลองดูวิธีนี้ดูบ้าง
** ว่ายน้ำแล้ว**
มิให้เกิดเป็นตะคริวขึ้นมา** *ตะคริว หมายถึง
อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง ชาไปหมด ความรู้สึกเสียไปถ้าเป็นบนบก ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ
ก็จะหายไปเอง แต่ถ้าอยู่ในน้ำหรือกำลังว่ายน้ำอยู่จะอันตรายมาก
เพราะทำให้จมน้ำตายได้
วิธีแก้ไขหรือป้องกันมิให้เกิดเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำอยู่นั้น
เขาให้ดื่มน้ำเกลือ เสียก่อนลงไปว่าย เกลือที่ใช้ก็คือ
เกลือแกงในครัวนั่นแหละโดยเอาไปละลายน้ำให้มีรสเค็มพอประมาณ
ดื่มเสียให้เรียบร้อยก่อนลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำ ทีนี้รับรองไม่เป็นตะคริวแน่นอน
** เป็นบิด**
และไม่มียาแผนปัจจุบัน
โรคบิดเป็นโรคทางเดินทางอาหาร เวลาถ่ายจะปวดมวนท้องไส้มาก
โรคนี้ส่วนใหญ่ต้องแก้ด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่หากไม่มี ก็ให้เอากระชายาสัก 5 ราก เผาไฟบดให้ละเอียดผสมน้ำ
แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ดื่มน้ำนี้สักอึกสองอึก เว้นอีกสักชั่วโมงก็ดื่มอีก ไม่นานก็จะหาย
** ลดอาการไข้ ตัวร้อน**
ตามปกติเราก็กินยาแก้ปวดหัวตัวร้อน อย่างพาราเซตามอล
แต่หากไม่มี แล้วเกิดอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ขึ้นมา
เขาบอกว่าให้ดื่มน้ำมะพร้าวสัก 1 แก้ว แล้วนอนพักผ่อน
อาการไข้ก็จะทุเลาลง แล้วให้ดื่มแทนน้ำไปเรื่อยๆ
ไม่นานอาการที่ว่าก็จะหายเป็นปกติ
** มีแผลในปากที่ทำให้เจ็บแสบ**
น่ารำคาญ เขาบอกวิธีง่ายๆ ที่จะแก้ คือ
ให้กินสับปะรด ยิ่งตรงไหนเป็นแผลให้อมไว้ตรงนั้นนานๆ
ไม่ช้าไม่นานก็จะหายไปเอง
เหมือนหนามหยอกเอาหนามบ่ง ทั้งหมดนี้
เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนจกหนังสือดังกล่าวข้างต้น
ที่เป็นเทคนิคหรือความรู้แบบชาวบ้านๆ
ที่แม้ว่าโลกจะก้าวไปไกลเพียงไร
แต่ใช่ว่าความเจริญเข้าไปถึงหมดทุกแห่ง
ดังนั้นภูมิปัญญาเหล่านี้จึงยังมีประโยชน์และคุณค่าอยู่เสมอ
ซึ่งคนสมัยปัจจุบันก็ยังสามารถทดลองใช้ได้
ข้อสำคัญส่วนใหญ่มีราคาไม่แพงและทำให้พึ่งตนเองได้ด้วย
<<--เนื่องจากรูปใหญ่จึงย่อเป็น icon เอาไว้ ถ้าจะดูรูป Click ที่นี่จ๊า
|