คำตอบที่ 1
       เอามาเปรียบแบบนี้ต่างกันเยอะครับเลือกลำบากควรบอกรายละเอียดการใช้งานมามากกว่านี้หน่อย จะได้เลือกได้ถูกเดี๋ยวจะอธิบายข้อดีและเสียคร่าว ๆ ให้ฟัง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       หือ... เห็นโจทย์แล้วปวดหัวแทนเลย
นอกจากราคาที่ต่างกันเยอะแล้ว
2.7 เป็นขับ 2 ไม่ยกสูง ตามโจทย์ (เฉพาะรุ่นใหม่นะ)
3.0 น่าจะเป็นตัว Hilander 4WD หรือเปล่า?
ชอบตัวไหนคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วมั๊ง


 แก้ไขเมื่อ : 13/1/2553 15:16:18

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
      
รถ 2.7 เป็นรถที่ใช้งานได้ดีต่างจากปิคอัพทั่วไปเพราะฟิลลิ่งในการขับขี่ดีกว่าเนื่องจากเป็นเบนซินเกียร์อัโนมัติกำลังเครื่องยนต์สูงกว่ารถปิคอัพ 2.5 ดีเซล ถ้าจะซื้อควรซื้อมาติดแก๊สเพราะถ้าไม่งั้นกระเป๋าแฟบแน่
เพราะเครื่องยนต์ใหญ่มีขนาด 2700 ซีซี มีจุดเด่นตรงที่เครื่องยนต์มีความทนทานสูงดูแลง่ายไม่จุกจิก สามารถใช้ทิ้งขว้างใช้แบบลืม ๆเหมือนเครื่องดีเซลยุคก่อน ๆ ได้สบาย
อีกทั้งยังทำมารองรับกับการใช้เชื้อเพลิงแก๊สได้ทุกชนิดอีกด้วย

ในขณะที่ 3000 VGS ของอีซูซุมีข้อเด่นตรงที่กำลังเครื่องยนต์แรงมากตีนปลายจัดจ้านแต่ก็กินน้ำมันดุเดือด ไม่ประหยัดเหมือน 2.5 ที่เน้นประหยัดแต่เรี่ยวแรงน้อย
ไม่รู้ว่าเปรียบกับเกียร์ธรรมดาหรือออโตด้วยกัน ถ้าออโตด้วยกันการขับขี่อีซูซุถือว่าดีเพราะกำลังมาต่อเนื่องมากกว่าแต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาของอีซูซุจะเสียเปรียบเพราะใช้งานเองคงสู้เกียร์ออโตไม่ได้ที่สะดวกมากกว่า
แต่อีซูซุมีข้อเสียหลายข้อเช่นกัน ค่าซ่อมจะแพงโดยเฉพาะค่าซ่อมเครื่องส่วนตัวอื่น ๆ ถือว่าถูกไม่แพงเท่าไหร่ยกเว้นอะไหล่พาร์ทตัวถังแชสซีย์ ชุดเกียร์จะแพงหรือได้แพงกว่าชาวบ้านในบางรายการ
ส่วนปัญหาจุกจิกอย่างอื่นก็มีเช่น ชุดไฟฟ้าหรือกล่อง ECU มักพังเร็วในหลาย ๆ คัน ของพวกนี้มักไม่ทนแต่ก็ไม่ได้พังง่ายทุกคันเสมอไป

ข้อเปรียบเทียบเด่น ๆ ก็มี
1. ถ้าเปรียบชุดเกียร์ออโตด้วยกัน ของ Toyota ชุดนี้จะทนทานอายุยาวนานกว่าของอีซูซุ และอนาคตหาอะไหล่ในเซียงกงง่ายกว่าของอีซูซุ
2.ค่าซ่อมเกียร์ทั้ง 2 ยี่ห้อราคาพอ ๆ กัน ตอนซ่อมที่ศูนย์ Toyota จะแพงกว่ากันนิดหน่อย ในหลักไม่เกิน 3000 บาท แต่แลกมาด้วยอายุที่ยาวนานกว่าของอีซูซุทั้ง 2 ยี่ห้อเกียร์ซ่อมง่ายจบที่ศูนย์ได้เหมือนกันไม่ต้องพึ่งพาช่างข้างนอก
3.ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาของอีซูซุจะมีค่าเปลี่ยนชุดคลัทซ์ที่ถูกกว่าของ Toyota เกียร์ธรรมดาในหลักร้อย สำหรับราคาในศูนย์บริการ
4.อีซูซุเป็นรถดีเซลการกินน้ำมันจะอยู่ที่ 10-13 km/l สำหรับการใช้งานจริงคือคิดเป็นอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 2.5-3.0 บาท / กิโลเมตร ยังไงต้องจ่ายแน่ ๆ ที่อัตรานี้
5.Hilux 2.7 เป็นรถเบนซินเครื่องยนต์ถือว่าใหญ่ การกินน้ำมันอยู่ที่ 8-9 km/l หรือตก 3.8-4.5 บาท/ กิโลเมตร แต่ข้อดีคือติดแก๊สได้ทุกชนิดลดค่าใช้จ่ายได้เยอะคือเมื่อติดแก๊สจะจ่ายเพียง 0.8-1.6 บาท ขึ้นกับแก๊สที่ติดเข้าไปและราคาที่เติมประหยัดกว่าเดิมมากและประหยัดมากกว่าใช้เครื่องดีเซลมาก คือประหยัดไปตั้งแต่ 1-2 บาท/ กิโลเมตรเมื่อเทียบกับเครื่องดีเซลในระดับนี้มีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นได้เยอะหรือเอาไว้ซ่อมรถแบบหรูหราในศูนย์บริการ
6.ฟิลลิ่งในการขัขี่รถทั้ง 2 แบบ ถ้ารถมีอัตราเร่งพอ ๆ กัน หรือไม่ต่างกันมากนัก รถเบนซิน 2.7 เกียร์ออโตฟิลลิ่งขับขี่ดีกว่าขับสบายไม่ค่อยเครียดความเหนื่อยล้าจาการขับมีน้อยกว่า
7. ช่วงล่างอีซูซุมีความโดดเด่นตรงที่นิ่มนวลเกาะถนนได้ดี เบรคดีให้ความมั่นใจมากกว่า


อนาคตทั้งวันนี้และวันหน้าพลังงานทุกชนิดขึ้นราคาได้หมด อย่าไปเชื่อใครที่ว่าแก๊สไม่ขึ้นราคา
อย่าไปเชื่อใครว่าน้ำมันจะราคาถูกลิตรล่ะ 20 ต้น ๆ หรืออย่าไปเชื่อใครว่าเราผลิตรถใช้น้ำ เครื่องดีเซลใช้แก๊สได้สำเร็จขอให้มองความจริงที่วันนี้ก่อนอันดับแรก
ถ้าคุณคิดว่ารับกับราคาน้ำมันดีเซลไหว วิ่ง 1 แสนกิโลเมตร จ่ายค่าน้ำมันไป 250,000-300,000 บาทโดยไม่สะดุ้งสะเทือนกระเป๋าและฐานะทางบ้านเลือกดีเซลตัวนี้เลยครับ น่าเล่นมากเครื่องยนต์ดีเซลทันสมัยฝีเท้าจัดจ้านชื่อเสียงดีได้ยี่ห้ออีซูซุ
ถ้าต้องการฟิลลิ่งขับขี่ที่ดีกว่าใช้งานง่ายค่าซ่อมถูกไม่จุกจิก วิ่ง 1 แสนกิโลเมตรจ่ายค่าแก๊ส ได้แค่ 70,000-160,000 บาท ใช้งานไปยาว ๆ ก็น่าเลือก Hilux 2.7 vvti ครับซื้อตัวนี้ประหยัดเงินไป 2 แสนกว่าประหยัดค่าน้ำมันไปอีก 2 แสน รวมเวลา 5 ปีประหยัดไปได้เกือบ 450,000 บาท

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ขอบคุณครับสำหรับทุกคำแนะนำ ทำให้ได้ข้อคิดอีกเยอะเลย ตอนนี้เซลก็ชอบโทรมาบ่อยจัง จะให้จองให้ได้เลย ขอเพิ่มเติมการใช้รถนะครับ ผมใช้แบบไม่บรรทุกหนัก ตั้งใจเอาไปใส่หลังคาใช้แบบรถครอบครัว 4 - 6 คน ขับไปทำงาน จ - ศ ขับไปเที่ยว ตจว.บ้าง ที่ผมมองสองคันนี้ เป็นเกียร์โอโต้ขับสองทั้งคู่ครับ เห็นราคาต่างกันมาก และอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงก็ต่างมากอยู่ครับ ขอขอบคุณอีกครั้งทุกความเห็น คืนนี้ขอนอนฝันก่อนว่าอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน...หากว่าท่าใดมีข้อคิดเห็นของรถทั้งสองคันนี้ ขอเพิ่มเติมด้วยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ขอความส่วนตัวผมนะครับ เดิมใช้ D-MAX Hilander 3.0 i_teQ รุ่นก่อน
แล้วเปลี่ยนมาใช้ VIGO 2.7 +CNG เมื่อ 30/10/52 ตอนนี้วิ่งไป 11,500 กม.แล้วครับ
เพื่อนๆผมถามว่าใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ผมบอกว่าเอาแบบนี้ว่าผมไม่มีความคิดจะกลับไปขับรถเครื่องดีเซลอีกเลยครับ
ที่สำคัญครับประหยัดสุดๆครับ ลองพิจารณาดูครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       จะออกนอกหน้าไปหน่อยมั๊ย ถ้าผมจะเชียร์2.7
แต่ขอบอกไว้นิสนึง...เลือก2.7 ต้องมั่นใจในตัวเอง อย่าไปแคร์สื่อใดๆ โดยเฉพาะคนรอบข้างที่ไม่ใช่ผู้ใช้จริง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       top มีเมล์ผมหรือเปล่า วานเมล์มาหาหน่อย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ผมอยากจะบอกว่า คิดดูดีๆนะคับ ในใจคุณอาจจะแอบลำเอียงไปทางใดทางนึงอยู่ แต่นี่อาจจะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมได้นะคับ ลองอ่านดู
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/Question.asp?ID=1465

ในความคิดผมในฐานะเป็นวัยรุ่น ผมเคยขับตัวดีแม็ก4ประตู ไฮเลนเดอร์ ปี04 มาคับ พบปัญหา กล่องECU กับปั้มโซล่า ซึ่งเวลาเหยียบคันเร่งรอบเครื่องสูงๆ จะมีปัญหาเครื่องสะดุด แต่ตัวใหม่อาจจะมีการแก้ไขดีขึ้นเยอะ สิ่งที่ประทับใจในดีแม็ก คือ ระบบแอร์เย็นกว่าวีโก้ ,การเกาะถนนที่ดีกว่า

แต่สำหรับ วีโก้ 2.7 4*4 4ประตู คันใหม่ผม ใช้แล้วรู้สึกว่า อัตราเร่งสู้เครื่องดีเซลไม่ได้เนื่องจาก ไม่มีเทอร์โบว์แปรผัน แต่ถ้าต้องการความเงียบของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์วิ่งนิ่ม และไม่แคร์การติดแก๊ส หรือคำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งแก๊สปัจจุบันมีการพัฒนาไปมากแล้วความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ในบางคนมีความคิดเก่าๆของแก๊สอยู่ก้แล้วแต่
แต่ 2.7 เป็นทางเลือกใหม่สำหรับรถกระบะที่มีความประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดในตอนนี้ อะไหล่ก้น่าจะหาได้เพาะเครื่องยนต์ตัวนี้ใช้กับรถถึง 3 รุ่น คือ กระบะวีโก้,ฟอร์จูนเนอร์และรถตู้คอมมิวเตอร์ ลองวิเคราะห์ดูนะคับว่าคุนเหมาะสมแบบไหนมากที่สุด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ขอแจมสักนิด

เอาเรื่องความแรงก่อน การใช้รถผมเชื่อว่าเราไม่ได้แรงอย่างใจเราคิดสักเท่าไรหรอก
เพราะการจราจร เพื่อนร่วมถนน ครอบครัวในรถของเรา ซึ่งว่าไป 80-90% เราขี่ธรรมดา ไม่เกิน 120-130
นอกเหนือนั้น 10-20% ปล่อยแก่ ถนนโล่ง...............

ความประหยัด แน่ๆเลยครับ ปั๊มไม่ได้สร้างไว้ให้คนไปใช้แค่ สุขา แน่ๆ

เลือกเอาว่าเราจะเอาอะไรมาก่อน

สมัยก่อน น้ำมันโซล่าถูก รถเก๋งเบนซิล ถูกยกลง วาง ดีเซล ถึงแม้นว่าจะเสียงดังก็ทนเอา

สมัยนี้ ดีเซลกำลังเครื่องแรงๆ ถูกยกลงขายถูกๆ เพราะต้องการสบายกระเป๋า

แนวทางการโฆษณาก็เป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิดก็มีมาก " แรงสุดๆ ประหยัดสุดๆ " ทำให้คนคิดว่า เรามาถูกทางแล้วที่จะต้องได้ ทั้งสองอย่างมาพร้อมกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ขอแจมเรื่องพลังงานหน่อย ( ข้องใจ )

เมื่อไม่นานยังจำได้ ตอนไม่มี แก๊สโซฮอล เบนซิน 91 95 ราคาห่างจากดีเซล 3 -5 บาท
พอมี แก๊สโซออล ก็ โฆษณาว่าเพื่อลดการนำเข้า และประหยัด ช่วงทำตลาด ราคา แก๊สโซฮอล เท่าดีเซล หรือ ต่ำกว่า

นานวัน พอคนเริ่มนิยม ก็ขยับราคาแก๊สโซฮอล ห่างดีเซลไปอีกแทนเบนซินล้วนๆ และ 91 ไปไกลสุดกู่


*** ปั๊มน้ำมัน นอกเมือง ยอดขายทั้งปั๊ม 70% ขายน้ำมันโซล่า อีก 30% ขายเบนซิน
และ 80% ของยอดขายเบนซิน ขายให้มอร์ไซด์ ที่เหลือก็ รถยนต์นั่ง
เหตุเพราะ ทุกบ้านมี มอร์ไซด์ทุกบ้านๆ ละหลายคัน *********************

ต่อ รถมอร์ไซด์ ห้ามใช้ LPG เด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม แม้นถังจะห่อ 10ชั้น หนา 2 นิ้ว สายจะเป็นลวดสลิงถัก ก็ไม่มีโอกาส ได้เกิด เพราะ เป็นแหล่งทำเงินที่ ไม่อาจจะปฏืเสธ การเติมได้ ( ในนี้ เขื่อขนมยายเที่ยงกินได้เลยว่าหากโลกนี้ ฮอนด้าสร้าง มอร์ไซด์ ไฮบริด หรือ ไฟฟ้าล้วนมาขาย ไทยก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา )

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ในรถ 2.7 มีอยู่ตัวนึงที่นับว่าเสียดายมาก ๆ ๆ คือรุ่น Hilux 2.7 Cab 4WD Auto
เพราะตัวนี้ในต่างประเทศก็แทบไม่มีเลย เพราะว่าเขาใช้ปิคอัพตอนเดียวหรือ 4 ประตูไปเลย
ในรุ่น Cab ที่เป็นเบนซินขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาประหยัดอ๊อพชั่น G ล้อแม๊กก 15 นิ้ว เกียร์ออโต ถุงลมนิรภัย
ราคาแบบนี้ 699,000 บาท ความคุ้มค่าในด้านอ๊อพชั่นที่ให้มา รวมถึงพื้นฐานกระบะอย่าง Hilux cab
รถแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว หายไปจากตลาดต้องถูกยกเลิกการผลิตออกไปเพราะทำมาแล้วขายในประเทศได้น้อยตลาดไม่ค่อยตอบรับ
ความคุ้มค่าขนาดนี้รถในเซกเม้นท์เดียวกันรุ่นอื่น ๆ ไม่มีเลย เพราะราคาตัดโด่งไม่สามารถสู้กับตัวนี้ได้เลย
แถมอ๊อพชั่นที่ให้มาก็ไม่สามารถได้เท่ากันอีกด้วย
แต่อย่างที่บอกแหละครับว่าลูกค้าในประเทศไม่นิยม พอมารู้ตอนหลังก็หาซื้อไม่ได้แล้ว รถหยุดการผลิตไปรถแบบนี้พวกชาวสวนปาล์ม ชาวไร่ น่าจะซื้อไว้ครอบครอง รวมถึงพวกรับเหมาก่อสร้าง รับถมที่ดินที่ต้องการใช้รถปิคอัพน่าซื้อหาไว้เพราะใช้งานได้คุ้มค่ามาก ๆ ผมยังอยากได้ไว้ใช้ในสวน บรรทุกมะม่วงเลย


ถ้ารถตัวนี้ยังมีขายอยู่ ผมตอบ จขกท.ได้เลยว่าตัวนี้แหละ คุ้มค่าสุดเหมาะสมที่สุดสำหรับโจทย์ที่ตั้งมา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       เรื่องพลังงานทางเลือก

รัฐอยากขึ้นราคาใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ ( ไม่ง่ายแบบ เบนซิน ) เพราะ ตัวก็าซหุงต้มเป็นเหตุ ( แท้ๆ )
การจะขยับตัวอื่นๆเลยเป็นการกระทบไปทั้งหมด

หากจะขึ้นราคา NGV จะต้องขึ้น LPG ก่อน และแน่นอน หากจะขึ้น LPG ก็ต้องหาทางสกัดกั้นเรื่องการแอบถ่ายถังบ้าน
ให้ได้ก่อน ปัญหาโลกแตก ของ พวกเขา เลยกลายเป็นผลดีสำหรับเรา

สิ่งที่ ( พวกเขา ) ปรับราคาไม่ได้ แต่ทำได้อย่างเดียว คือ สร้างภาพว่าอันตราย อย่าได้ใช้เพิ่มเลย



การกลั่นน้ำมันดิบจะไ้ด้เบนซิน มากกว่าดีเซล และจะได้ LPG ออกมาด้วย
กลั่นเบนซิน ใช้ความร้อนต่ำๆ ก็ออกมาแล้ว
โซล่า สูงกว่า จึงจะออกมา
ดังนั้นต้นทุนการผลิต เบนซินต่ำกว่า ดีเซล ( แปลก ทำไมมันแพงกว่า ได้ไง )

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       เรื่องน้ำมันพูดตามประสาชาวบ้านหรือนักวิชาการพูดไปพูดมาไม่เคยจบซักครั้งเพราะมีเรื่องมาพูดกันตลอดครับคุณอ้วน
ยกตัวอย่าง
ผมซื้อรถ 2.7 มาตอนที่น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล 95 ราคาลิตรล่ะ 24.50 บาท
ตอนนั้นดีเซล ลิตรล่ะ 25 บาท ยังไม่มี B2 B5
91 ลิตรล่ะ 27 บาท
95 เกือบ 30 บาท

คิดดูว่าเวลาผ่านไป เกือบ 3 ปี ราคาน้ำมันบิดเบือนกันสุด ๆ
95 ราคาลิตรล่ะ 40 บาท ต่างจากแก๊สโซฮอล 95 ราคา 32.24 บาทอยู่เท่าไหร่
ดีเซลลิตรล่ะ 28.59 ต่างจากราคาเบนซินปกติไป 8 บาท ในอดีตต่างกันไม่เกิน 2 บาท
ในขณะเดียวกันก็มี B5 มาล่อใจในด้านราคาให้อยากเติมต่างจากเบนซินไป 10 บาท
เราจะเห็นว่าจากการโยกย้ายถ่ายเทให้แต่ละกระเป๋าของพลังงานเพื่อเฉลี่ยกำไรให้ได้มากกว่าเดิมทำให้ราคาน้ำมันออกมาแบบนี้
ตลาดการใช้เชื้อเพลิงจึงเปลี่ยนไปด้วย
ราคาน้ำมันออกจากโรงกลั่น มีราคาประมาณ 17-20 บาท เวลานำออกมาขายจริง + ทุกอย่างที่อยากจะบวก
กองทุนทุกอย่างถูกมารวมกันอยู่ที่นี่ ดีไม่ดีกองทุนเด็กและสตรี+ ฌาปนกิจสงเคราะห์อาจจะมารวมอยู่ในนี้ก็ได้
ทำให้ราคาน้ำมันออกมาขายจริงหน้าปั๊ม เป็นอย่างที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ คือแพงมากสุด ๆ
ผมซื้อรถ 2.7 มาตอนที่น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล 95 ราคาลิตรล่ะ 24.50 บาท ดีเซล 25 บาท
ตอนนั้นผมก็รับราคา เบนซินกับดีเซลไม่ไหวแล้ว คิดดูว่าผมเคยขับปิคอัพไซโคลนดีเซลวิ่งไปเที่ยวเชียงใหม่สมัยราคาน้ำมันดีเซลลิตรล่ะ 10.50 บาท เบนซิน ลิตรล่ะ 11-12 บาท
ไปเชียงใหม่ทีนึงไปกลับ หมดค่าน้ำมัน 2,000 กว่าบาท เที่ยวด้วยก็มีแค่ ไม่เกิน 3,000 บาท
แต่ตอนนี้ดีเซล 25-30 บาท ไปเชียงใหม่ทีนึงไปกลับ หมดค่าน้ำมัน 5000 -8000 ไปไหนแต่ละที่เหมือนเอาเงินไปทิ้งกับค่าน้ำมัน ป่วยการเปล่า


รถมอไซด์ทางผู้เกี่ยวข้องจะไม่รับฟังเหตุผลใด ๆ ไม่ว่าจะกล่าวอ้างอิงใด ๆ ก็ห้ามติดแก๊ส

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       อีกนิด

พิจารณากันไกลๆ เศรษกิจ ปัจจุบัน ประเทศ กู้เงิน จากต่างประเทศ
หลายๆ อย่าง รัฐแจก ฟรี รถเมล์ น้ำ ไฟ .....
หลายอย่างขึ้นราคา .. ภาษี...
..
..
ค่าเงินบาท ใครจะรู้ ทุกวันนี้ ได้ เหรียญสตางค์มาต้องเก็บไว้ในตู้ เกรงวันหน้า หายาก เพราะ เลิกผลิต


ย้อยไป ไม่ไกล 20-30 ปีก่อน ราคา ปิคอัพ ตอนเดียว หรือ แค็ป ราคาต่างกับตอนนี้ กว่า เท่าตัว
ราคาน้ำมัน เมื่อก่อน กับ ปัจุบัน ต่างกันเืกือบ สองเท่า

แต่... LPG คิดต่อเองแล้วกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       คห 11
คุณ Auto

การได้มา Vigo 2.7 C cab 4x4 ถือได้ว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุทางการค้า เพราะ ทางโตโยต้า ไม่มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์เลย

ประชาชน เดินดิน ไม่มีทางรู้ เด็กปั๊ม ข้องใจ เวลาบอก " โซฮอล 91 "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
      
แก๊สมีวิธีคิดดังนี้ ในอังกฤษและออสเตรเลียอิตาลี ตุรกีและในยุโรปมีการส่งสริมให้ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงติดรถยนต์
ในเอเชียที่เห็นส่งเสริมกันมานานมาก็มี ญี่ปุ่น เกาหลี ที่ญี่ปุ่นนี่ถึงกับบรรลุเรื่องหม้อต้มแก๊สไปนานมากแล้ว
เพราะว่าเป็นแก๊สเชื้อเพลิงที่สะอาดสามารถลดมลภาวะได้มากกว่าเบนซิน นอกจากนี้แก๊สยังเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับน้ำมัน
โดยปกติแล้วแก๊สถ้าเป็น LPG ราคาจะถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 50% คือแพงสุดไม่เกินนนี้ ทีนี้เบนซินหน้าโรงกลั่นของเราจะอยู่ที่ 17-20 บาท
ราคาแก๊สที่ออกมาก็ไม่ควรเกินจาก 8-10 บาท จึงเป็นราคาที่เหมาะสม
ต่อข้อถามว่าถ้าแก๊ส LPG ต้องนำเข้าล่ะ ราคาจะแพงเทียบเท่าน้ำมันหรือไม่
เรื่องนี้ตอบเลยว่าไม่ถึงกับอย่างที่กลัวกันไว้ เพราะว่าราคาแก๊สจะมีราคาถูกเมื่อเทียบน้ำมัน
ถ้าประเทศต้องนำเข้าน้ำมันในราคา สมมติลิตรล่ะ 20 บาท แต่ถ้าเปลี่ยนมานำเข้าแก๊สลิตรล่ะ 10 บาท ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ไม่ดีกว่าหรือเพราะถูกกว่ากันเกิน 50%
เพราะทั้ง 2 อย่างก็ต้องนำเข้าเหมือนกัน เรานำเข้าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่ามาใช้
ในบางประเทศที่แก๊สแพงเท่าน้ำมันล่ะ ข้อนี้อย่างในบรูไนเองก็เป็นแบบนั้นที่ราคาแก๊สแพงเท่าน้ำมันเพราะเขาสงวน LPG มาใช้กับที่บ้าน
ส่วนน้ำมันให้ใช้กับรถยนต์อย่างเดียวแต่ว่าประเทศของเขาไม่ได้มีราคาน้ำมันที่แพงและ + กำไรต่อสารพัดกองทุนจนทำให้ราคาน้ำมันแพงเกินจริง
ราคาน้ำมันเบนซินจึงมีราคาที่ประชาชนสามารถจ่ายได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแก๊สเป็นเชื้อเพลิง แต่ในบรูไนไม่ส่งเสริมให้ใช้เครื่องดีเซล
ถ้าเป็นออสเตรเลียรถที่นำเข้าไปส่วนใหญ่ส่งเสริมให้ติดแก๊ส LPG NGV ใครติดแก๊สจะได้เงินช่วยเหลืออีกก้อนนึงในฐานะที่ลดมลพิษและลดการนำเข้าน้ำมัน
ถ้าเป็นอังกฤษและยุโรปก็แบ่งรถเป็น 2 แบบ คือนิยมดีเซลโดยเฉพาะเกียร์ธรรมดากับเก๋งเล็กและเก๋งขนาดกลาง
แต่ถ้าใครเลือกเบนซินก็คือนิยมติดแก๊สไปเลยเป็นพลังงานทางเลือกที่ดีกว่า
ปั๊มน้ำมันอย่างพวก Shell ก็จะขายทั้งน้ำมันและ แก๊สเป็นเชื้อเพลิงไปด้วยแต่ข้อห้ามถ่ายเทถังมาใช้ในบ้านเรือนมีเหมือนกัน


โชคดีที่โลกนี้แคบมากกว่าก่อน เมื่อรัฐบาลบอกว่าการนำ LPG มาใช้ในรถยนต์เป็นสิ่งอันตรายและไม่เหมาะเนื่องจากเป็นก๊าซหุงต้ม
คนออกมาแย้งกันมากมายกับมุกนี้เพราะว่าภาพที่ในต่างประเทศคนส่วนใหญ่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สกับรถยนต์เป็นเรื่องปกติ และรัฐบาลก็ส่งเสริม
อีกทั้งรถยนต์ตามค่ายรถต่าง ๆ ก็ทำรถใช้ก๊าซธรรมชาติออกให้ลูกค้าใช้ตามแต่ละพื้นที่ เมื่อค่ายรถต่างๆ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย
ในการนำรถออมาติดเชื้อเพลิงแก๊สจึงแสดงออกได้ในช่วงแรก ๆ เท่านั้น ตอนหลังก็ออกรถติดแก๊สแบบ retrofit กับบริษัทภายนอกมาให้ลูกค้าซื้อกัน
เพราะไม่สามารถสู้กระแสได้ไหวจึงทำรถติดแก๊สจากโรงงานเองมาด้วย ยกตัวอย่าง Honda ออโตโมบิลประเทศไทย ที่เป็นเจ้าแรกๆ เหมือนกันที่ออกโรงมาไม่ยอมรับรถติดแก๊ส
แต่ว่าถ้าเราดูภาพหรือข้อมูลจะเห็นว่า Honda เองก็ออกรถเชื้อเพลิงแก๊ส NGV มาใช้ในยุโรปและออสเตรเลียเช่นกันแต่พวกเขาไม่ได้ทำเครื่องยนต์ที่ผลิตในไทยให้เหมาะกับการติดแก๊ส
ในอเมริกาแบ่ง 2 ค่ายคือ Chev ทำรถเก๋งใช้เชื้อเพลิง NGV ส่วน Ford ทำรถเก๋ง LPG ในรุ่น Focus รุ่นที่ขายในบ้านเรานี่แหละ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       ความปลอดภัยถ้ากังวลมากนักล่ะก็ ลองดูคำถามนี้
ผมเคยถามแบบนี้ไปกับคุณเอม่อนว่า คุณเคยทำกับข้าวไหมที่บ้านคุณต้องใช้แก๊สแทบทุกวันและยังทำให้เกิดอันตรายด้วยการมีประกายไฟอีกต่างหาก
ทั้งที่จริงแก๊สเป็นวัตถุไวไฟแต่คุณใช้ไฟทำกับข้าวคุณไม่กลัวกันหรือครับ นอกจากนี้แก๊สถูกเปิดใช้งานตลอดเวลาพวกคุณไม่ได้กลิ่นแก๊สกันบ้างหรือไง
อีกอย่างถังแก๊สมันไม่ได้มีอะไรเลยมีแค่วาล์วมือหมุนปิดเปิดแค่นั้นเองไม่กลัวกันบ้างหรือครับ หรือว่าชินแล้วที่อยู่กับแก๊สมา10-20 ปี
การนำมาติดในรถถ้าติดถูกต้องมีอุปกรณ์ดี ๆ ความปลอดภัยจะสูง แต่ที่เกิดปัญหากันคือร้านติดตั้งทำไม่ดีลูกค้าไม่ประทับใจต่างหาก

แล้วความต่างของเบนซินอยู่ตรงไหน
คุณใช้น้ำมันเบนซินทำกับข้าวหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ใช้ล่ะครับในเมื่อเบนซินคุณคิดว่ามันปลอดภัยกว่าแก๊สทำไมไม่เอาใส่ภาชนะทำกับข้าวซะเลยล่ะ
ผมลองให้ดูตามนี้ แก๊สเราเติมกลิ่นลงไปเพราะว่าแก๊สไม่มีกลิ่นการรั่วเราจะไม่ทราบเลยเขาจึงต้องเติมกลิ่นเข้าไปเพื่อให้ทราบและในโรงไฟฟ้าบางปะกงก็จะเขียนไว้ตัวโต ๆ
ว่ากลิ่นแก๊สไม่มีอันตรายกับคน แก๊ส LPG จะทำอันตรายได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในที่ปิดไม่มีอากาศถ่ายเทมันจะปิดการสูดอ๊อกซิเจนของเราทำให้เราขาดอากาศหายใจ
การใช้แก๊สจึงมั่นใจในเรื่องกลิ่นและไอเสียที่ออกมาว่าสะอาดมากไม่มีอันตราย โดยเฉพาะ NGV เมื่อเผาไหมแล้วสะอาดที่สุดในบรรดาเชื้อเพลิงทั้งหมด
คุณอยู่หลังรถสามารถสูดอากาศหลังรถได้สบายมากถ้าเทียบกับน้ำมันเบนซินจะเหม็นและมีมลพิษที่เป็นอันตรายกว่า ส่วนดีเซลไม่ต้องพูดถึงไม่มีใครกล้าไปสูดควันไอเสียหลังรถหรอก

สำหรับเบนซินจะมีไอระเหยของน้ำมันตัวนี้จะเป็นอันตรายต่อปอดและหัวใจ ผมไม่รู้ว่าสะสมในตับได้หรือไม่
เมื่อมีการเผาไหมสิ่งที่ออกมาคือมลพิษ ก๊าซพวก HC และ Co จะมีเข้ามามากรัฐบาลไทยพยายามออกกฎเรื่องนี้เข้มงวดมากประเทศนึงของโลกกับมลพิษ
สำหรับรถใหม่ต้องผ่านกฎหมายสารพัดเพื่อลดสารพิษเหล่านี้ การเผาไหม้จะมีไอเสียออกมาก็พยายามสกัดด้วย catalytic
ส่วนดีเซลพยายามลดไอเสียมาตั้งแต่ปี 97 แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากตลาดปิคอัพ ใหญ่มากโดนบริษัทขู่ถอนการลงทุนเรื่อย
เราจะเห็นว่าตั้งแต่ยุคนั้นรถทุกค่ายต้องใช้เครื่องมีเทอร์โบมาตลอด ไม่ใช่ความแรงจึงเพิ่มเทอร์โบแต่มันคือการลดมลพิษต่างหาก
หลังจากนั้นก็พยายามกันมาตลอดจนกระทั่งต้องกลายเป็นดีเซลคอมมอนเรลทุกสายพันธ์ไม่งั้นไม่ผ่านกฎหมายมลพิษของประเทศไทย
แต่ให้ไปดูหลังรถเถอะ รถคันไหนควันไม่ดำบ้าง ไม่มีเขม่าบ้าง ท่อไอเสียดำปี๋เหมือนเดิม
รถที่นำมาใช้ต่อหลังคาหรือรถแวนทั้งหลายถ้าใช้เพื่อการโดยสารคนจำนวนเยอะ ๆ ประจำ ในการวิ่งทางเรียบไม่ค่อยน่าใช้ดีเซล
เนื่องจากเสียงดังมากสำหรับคนนั่งหลังอีกทั้งปัญหาเรื่องควันไอเสียหวนเข้ามาในรถจะมีมาก
ถ้าเลือกได้สูดควันไอเสียจากท่อของรถติดแก๊ส ปลอดภัยกว่ารถดีเซลและเบนซินครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       อึ้งกิมกี่เลยครับ ได้ความรู้มากครับสำหรับบอร์ดแห่งนี้ ผมลองคำนวนราคาน้ำมันคิดว่าคงจะขึ้นอีก และขึ้นอีกต่อไป ถึงเวลานั้นแล้ว รถคันไหนมีทางเลือกก็มาถูกทาง คันไหนเติมได้อย่างเดียวก็คงต้องทำใจ อย่าง 2.7 เต็มได้ตั้งแต่ แก็สโซฮอล 91 ขึ้นไป ไหนจะมี NGV และ LPG อีก ส่วนตัวผมว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับยุคนี้ และอนาคต เดี๋ยวคงต้องไปล้างสมองแม่บ้านหน่อยครับ เพราะเค้าฝังใจแต่ ดีแมค 3.0 สี่ประตู ยกสูง ออโต้ แต่ผมว่า 2.7 มีดีไม่น้อยครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       คนแถวบ้านขายดีแม็กซ์ไปซื้อวีโก้หลายท่านแล้วครับ...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       top มีเมล์ผมหรือเปล่า วานเมล์มาหาหน่อย

จาก Auto
=======================================

ส่งให้แล้วครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       ขอแนะนำ 2.7 VVT-i ไปเลยครับ ที่บ้านผมก็เคยใช้ D-Max อยู่ ตจว. น้ำมันแพง + คุณพ่อแก่แล้วขับ MT เมื่อยมาก ขายทิ้งเลย พออกก 2.7 vvt-i มา ทุกคนร้องยี้ ๆ เครื่องเบนซินจะเอามาทำไม ......

ผ่านไป 2 ปี มีแต่คนอยากได้ แวะเข้ามาดูบ่อย ๆ คุณพ่อเอง ก็ประทับใจ ความสบายในการขับต่างกันเยอะ
ญาติ ที่เคยติว่า ทำไมไม่เอา D4d เดือนก่อนก็มาขอยืมรถ ไปตจว. ไกล ๆ เพราะัเคยขับเปลี่ยนกับพ่อไปเชียงใหม่แล้วสบาย

เคยใช้ดีเซลมา 10 กว่าปี ขับเบนซินมันดีแบบนี้เอง เรื่องแรงม้าแรงบิด อย่างไม่มองมันมาก มองการใช้จริง+ ประหยัดดีกว่าครับ เท่าที่ 2.7 VVT-i มีมันก็เพียงพอแล้ว รถไม่ได้เน้นบรรทุก เครื่องยนต์ที่มีรอบใช้งานเยอะ ๆ
แบบเบนซิน ขับยาว ๆ ดีกว่าดีเซลเยอะ ที่อเมริกา ถึงใช้แต่เครื่องเบนซิน วิ่งข้ามรัฐไงครับ


ส่วนต่างอีก 2 แสนไปซื้อรถเก๋งมือสอง AE100 AE101 มาวางเครื่อง 4A-GE 20 วาล์ว 165 แรงม้า หรือ A31,Volvo ขับหลัง + 1JZ-GTE ขับซิ่งดีกว่า ต่อให้ VGS Turbo 3000 CC ก็แรงไม่สู้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       รถ 2.7 กำลังเครื่องยนต์ ทั้งแรงม้าและแรงบิดจัดว่าอยู่ในเกรท์ดีใช้งานได้สบาย
รถที่ใช้กันในต่างประเทศก็เป็นปิคอัพที่ส่งงออกจากบ้านโพธิ์ เป็นเครื่องเบนซิน 2.7 แทบทั้งสิ้น
เรื่องการนำไปใช้งานในการบรรทุกหายห่วงเรื่องพละกำลัง สามารถใช้งานบรรทุกหนักได้ไม่มีปัญหาถึงแม้เป็นเกียร์ออโตก็ตาม

ถ้าเปรียบเทียบ คือ 2.7 แรงกว่าเครื่อง 2.5 ที่ขายในประเทศทั้งหมด จะเสียเปรียบแรงบิดในช่วงออกตัวเท่านั้นที่แรงบิดด้อยกว่านิดหน่อย เพราะ 2.7 แรงบิด 241 NM ดีเซลคอมอมนเรล แรงบิดจะมาที่ 340 NM


แต่ถ้าให้เทียบดีเซล LN106 เครื่อง 2800 แรงบิดก็ด้อยกว่า แรงม้าก็ด้อยกว่า ชาวสวนยังใช้บรรทุกปาล์มกันหลาย ๆ ตันยังบรรทุกกันไหวเลยครับ
เครื่อง 2.7 ตัวนี้กำลังเหนือกว่าดีเซลยุคเก่าทุกตัว เลิกกังวลเรื่องการบรรทุกได้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ..

 แก้ไขเมื่อ : 19/1/2553 17:07:58

แสดงความคิดเห็นย่อย