คำตอบที่ 1
       ถ้าเราคิดในมุมกลับไป สำหรับเกียร์ธรรมดา

เราเหยียบคลัทซ์วันล่ะ 1 ครั้ งในเกียร์ 1
จากนั้นขยับ 2 - 3- 4 - 5
นี่ก็รวมเป็น 6 ครั้งแล้ว

ถ้าขับกลับบ้านก็รวมเป็น 12 ครั้ง ยังไม่นับบนถนนที่ต้องเปลี่ยนเกียร์อีก
ไม่ต้องนับถอยหลัง


ถ้าวันนึง 12 ครั้ง ลอง x 30 = 360 ครั้ง
ปีนึง 365 x12 = 4380 ครั้ง
ถ้าคุณใช้รถซัก 5 ปี = ต้องเหยียบคลัทซ์ อย่างน้อย 21,900 ครั้ง เข้าไปแล้ว
ไม่กลัวโรคข้อเข่าเสื่อมตอนแก่บ้างหรือไงครับ


จริงอยู่ที่ว่าขับเกียร์ธรรมดาก็ขับได้ แต่ว่าคุณจะไปเดือดร้อนขับเกียร์ธรรมดาทำไมให้ลำบากกันล่ะ หาความสบายตัวดีกว่าครับ
แต่ทว่าปัจจุบันนี้โดยส่วนใหญ่กูรูด้านยานยนต์ทุกรายแนะนำหมดโดยเฉพาะรถเก๋ง ต้องซื้อเกียร์ออโตดีกว่าสำหรับบ้านเรา


 แก้ไขเมื่อ : 29/7/2553 21:18:24

 แก้ไขเมื่อ : 29/7/2553 21:35:34

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       แต่ในรถปิคอัพบ้านเรายังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เรียกว่าไม่นิยมเลยล่ะ
เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้รวมถึงหาช่างซ่อมเกียร์ออโตยาก ซ่อมแพง
ทำให้คนหลายคนไม่กล้าซื้อเกียร์ออโตมาใช้

เกียร์จะมีหลายแบบ

1.เกียร์ออโตรถเก๋งทั่ว ๆ ไป
แบบนี้ออกแบบมาสำหรับงานซอฟ ๆ เบา ๆ อายุงานไม่ค่อยทนมากนัก จะพังง่ายกว่า
แต่ทว่าถ้าเราเห็นรถญี่ปุ่นวิ่งกันแล้ว บางทีต้องคิดใหม่ เพราะว่าอายุงานของเกียร์สำหรับรถพวกนี้วิ่งกัน 4- 5 แสนกิโลเมตรเป็นอย่างน้อย
รถคัมรี่ ของเพื่อนผมเขาวิ่งมาแล้วก็ 4 แสนกว่ากิโลเมตร ซื้อมือ 2 มาตอนนี้ก็ยังวิ่งปกติไม่มีปัญหา
รถแท๊กซี่ตอนนี้กฌปลี่ยนมาขับออโตกันก็เยอะโดยเฉพาะแท๊กซี่บุคคล เห็นว่ากว่าจะซ่อมก้ 5- 7 แสนโล
เรีกยว่าถ้าเป็นรถบ้าน ๆ ก็ใช้งานกันยันเครื่องพัง

ยกเว้นรถยุโรป ที่เกียร์ออโตมักจะพังที่ 1 - 3 แสนกิโลเมตร หาคนซ่อมยากซ่อมแพง เข้าศูนย์เมื่อไหร่โดน จับเปลี่ยนทั้งลูกสำหรับบางยี่ห้อ
ทั้งนี้เพราะช่างและศูนย์ซ๋อมรถยุโรปบ้านเราไม่มีฝีมือและรถยุโรป ชื่อเสียงในเมืองไทยอย่างที่รู้กันอยู่ว่าไม่ทนจริงเหมือนอดีต จกจิกซ่อมเยอะ
แต่เจ้าของต้องทนใช้ไป

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       2. เกียร์ แบบ Heavy Duty

แบบนี้เป็นเกียร์สำหรับงานหนักโดยเฉพาะซึ่งมักจะอยู่ในรถบรรทุก
มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกด้านเกียร์ อยู่ 2 บริษัท
บริษัทแรกเป็นของอเมริกา ชื่อจำไม่ได้
บริษัทที่ 2 เป็นของเยอรมัน ชื่อ ZF
เป็นผู้ผลิตเกียร์ให้กับรถบรรทุกกับรถโดยสารขนาดใหญ่
ซึ่ง ZF เอาเกียร์มาลงกับรถเมล์ขสมก. บ้านเราด้วย ซึ่งรายงานที่ส่งกลับไปนั้นเกียร์ธรรมดาพังก่อน ที่ 2 แสนกิโลเมตร ด้วยตรีนคนขับรถขสมก. บ้านเรานี่แหละ แต่ว่าเกียร์ออโตไม่พังซึ่งเกียร์ออโตของ ZF ถูกเคลมการใช้งานไว้ถึง 2 ล้านกิโลเมตร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       3. เกียร์ในรถปิคอัพขนาดเล็ก

แบบนี้มันก็พัฒนามาจากแบบซอฟ ๆ ของรถเก๋งนั่นแหละ แต่ว่าจะใช้ที่ระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์อย่างเดียวเท่านั้น
จะไม่มีหลากหลายแบบรถเก๋งที่ใช้ CVT เพาเวอร์ชิพเพราะในรถปิคอัพมันต้องเน้นความทนทานเป็นหลักและสู้งานหนักได้
ซึ่งบริษัทที่ทำผมทราบแค่ Aisin ของญี่ปุ่นบริษัทเดียวเท่านั้น บริษัทอื่นไม่รู้
แต่รถพวกนี้ก็ทนทานมาก ๆ ไม่พังกันง่าย ๆ
เคยเจอล่าสุดก็เกียร์ออโต ของ อีสุมังกรทอง พังที่ 5 แสนกิโลเมตร แต่ว่าเจ้าของไม่ค่อยดูแลเป็นรถบริษัทน้ำมันเกียร์ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนเลยพัง
ถ้า Hilux ดูแลดี ๆ ใช้งานปกติเหมือนชาวบ้านทั่วไปยังไงก็เกิน 5 แสนกิโลเมตร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ความทันสมัยของเกียร์

เกียร์ออโตที่เราใช้ใน Hilux Fortuner มันสามารถจดจำเรียนรู้พฤติกรรมการขับของเจ้าของได้
โดยใช้ ECU ควบคุมคอนโทรลเกียร์ เรียกว่าทันสมัยและตอบสนองได้ดีกว่าสมัยก่อนมาก
น่าใช้กว่ารุ่นก่อน ๆ เยอะ แต่คงไม่แรงไปกว่าเกียร์ธรรมดาแน่ และต้องกินน้ำมันมากว่าอันนี้ก็จริงเช่นกัน
การใช้งานถือว่าดีเพราะตอบสนองเร็วกว่าเกียร์ธรรมดา และขับขี่ง่ายควบคุมง่าย
ถ้าเป็นของ Ford focus เกียร์ Dual Clutch จะเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วกว่าเกียร์ธรรมดาชัดเจนประมาณ 2-3 วินาที

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ค่าซ่อม


1. ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา

เทียบ 1 แสนกิโลเมตร เปลี่ยนยกคลัทซ์ทีนึง ทำในศูนย์ค่าแรงทำทุกอย่างประมาณ 7500-12000 บาท
ยังมีรายการเปลี่ยน ปั๊มคลัทซ์บนล่าง อันนี้ต้องโดนแน่
ใช้งาน 5 แสนกิโลเมตร จะเสียเงินราว 37500 - 60000 บาท เป็นค่าดูแล + กับต้องทนฟังเสียงลูกปืนคลัทซ์ดังเมื่อรถเก่า

2.ถ้าเป็นเกียร์ออโต Hilux 2.7

1.2 แสนกิโลเมตร เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ 3 ครั้ง เพราะทุก 40000 โลเปลี่ยนทีนึง
ราคาน้ำมันเกียร์ T-IV แกลลอนลล่ะ 1200 บาท x 3 = 3600 บาท
ใช้งาน 5.2 แสนกิโลเมตร เสียค่าน้ำมันเกียร์ 13 x 1200 = 15600 บาท


ถือว่าถูกว่าเกียร์ธรรมดาและสบายกว่า




แต่ถ้าเกียร์ออโตพัง
ค่าซ่อมจากอู่ ที่มีชื่อเสียงด้านเกียร์ฉโดยเฉพาะ เปลี่ยนยกชุดคลัทซ์ภายในเกียร์ออโตจะอยู่ที่ 3 หมื่น + - นิด ๆ
รวมแล้วยังพอ ๆ กันกับค่าซ่อมดูแลของเกียร์ธรรมดาครับ


 แก้ไขเมื่อ : 29/7/2553 21:53:13

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       รถถ้าไม่ได้มีภาระบรรทุกหนัก 2-3 ตันทุกวี่ทุกวัน
หรือเอาไปลากจูงหนัก ๆ
หรือเอาไปขับขี่ขึ้นดอยแบบรถโดยสาร ดอยอ่างขาง ดอยอินทนน ทุกวี่ทุกวันไม่จำเป็นต้องซื้อเกียร์ธรรมดามาขับหรอกครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       รถเก๋งญี่ปุ่นมีข้อยกเว้นตรงเกียร์ CVT ที่พังเร็วกว่าชาวบ้าน
ไม่ค่อยน่าใช้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ผมสงสัยมานานละคับว่า เกียร์ออโต้ วีโก้ ของ เบนซิน 2.7 กับ ดีเซล d4d มันเหมือนกันมั้ยคับ
แล้ว เกียร์ วีโก้ 2.7 4*4 กับ 4*2 มันเหมอืนกันมั้ยอย่างไร

ละในเมื่ออย่างเกียร์รถเก่ง ที่พังเร็วๆ ทำมัยถึงเค้าไม่ทำให้เหมือนเกียร์รถกระบะไปเลยหละคับ จะได้ยิ่งทนทานขึ้นไปอีก หรืออาจจะเปนเพราะความนิ่มนวลของเกียร์มีผลเกี่ยวข้องหรือป่าวคับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       เกียร์อออโต เบนซินกับดีเซลไม่เหมือนกันครับ แต่ราคาเท่ากัน อันนี้ผมเคยถามพิธานไปทีนึง
ส่วนเกียร์ออโต 4*4 กับ 4*2 ก็ต่างกันตรงที่มีชุดต่อเพลามาจากห้องเสื้อเกียร์ด้วย

รถเก๋งกับกระบะและรถบรรทุกเกียร์ต้องต่างกันอยู่แล้วครับ
ด้วยเงื่อนไข คุณสมบัติ อัตราทด แรงม้าและแรงบิด การใช้งาน รอบเครื่อง ความทนทาน ลูกเล่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ครั้งแรกก็ไม่มั่นใจ แต่พอได้ขับเกียร์ออโต้แล้ว ยืนยันว่า สะดวก สบาย ง่าย มีความสุขกับการขับ ไม่อยากขับเกียร์ธรรมดาอีกเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       ขอบคุณคับที่ให้ความรู้ แต่ในความรู้สึกผมกับวีโก้ 2.7 ผมได้ลองขับทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์ออโต้ มาแล้ว รู้สึกว่าชอบเกียร์ธรรมดาขับสนุกกว่าเยอะเลย ออกตัวน่าจะแรงกว่าดีเซลด้วยซ้ำอัตราเร่งดี หรืออาจจะเปนรถป้ายแดงตอนเดียวด้วยหรือป่าวไม่รู้ แต่ถ้าเทียบกับเกียร์ออโต้ รู้สึกว่าวีโก้ดีเซลอัตราเร่งออกตัวดีกว่ากันเยอะเลยคับ ถ้าความรู้สึกส่วนตัวถ้าชอบ ก้เกียร์ธรรมดา แต่ถ้าให้เลือกเลือกออโต้ เพราะผมใช้ในเมืองมากกว่าตจว. หิๆ

ขอถามเพิ่มเติมอีกนิด ทำมัยท้ายรถวีโก้ ทั้ง2.7กับ3.0ดีเซล ถึงเขียน4*4 ECI หรืออะรัยซักอย่าง เหมอืนกันทั้งๆที่เปนเกียร์คนละแบบแท้ๆหละคับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       เกียร์ออโต ของ Hilux เป็นแบบเดียวกันทั้งดีเซลและเบนซินครับ หลัก ๆ เหมือนกันหมด
แต่ที่ต่างกันจะเป็นอัตราทดเกียร์ ที่ไม่เหมือนกัน

4 ECT คำย่ออันนี้ผมเดาน่ะ เพราะไม่เคยเปิดค้นหาคำย่อซักที
ว่าย่อมาจาก Electronic Control Transmission

 แก้ไขเมื่อ : 31/7/2553 8:11:50

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       4 ECT-i
4 หมายถึง เกียร์ออโต้4จังหวะ
ECT-i หมายถึง Electronic Control Transmission - intelligent

=====================================================

ผมก็คิดว่าค่าบำรุงรักษาเกียร์ออโต้น้อยกว่าเกียร์ธรรมดานะ โดยทั่วๆไปรถเกียร์ธรรมดาประมาณ1แสนโลก็ต้องเปลี่ยนคลัทช์แล้ว
ค่าใช้จ่าย(ในศูนย์)ก็อย่างที่พี่Autoว่าไว้นั่นแหละครับ
เกียร์ออโต้สมัยนี้ถ้าใช้เป็นก็ขับสนุกและสบายกว่าเกียร์ธรรมดามาก อยากสบายก็ปล่อยให้เกียร์ทำงานไปเอง
ตอนนี้เกียร์ออโต้ฉลาดที่จะเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่ แต่ถ้ายังไม่ทันใจก็โยกใช้งานแบบเกียร์ธรรมดาก็ได้
ที่ว่าเกียร์ออโต้ซ่อมแพง ก็จริงครับ คือถูกเพียงครึ่งเดียว แต่กว่าจะได้ซ่อมเกียร์ออโต้ ถ้าบำรุงรักษาดีๆ เปลี่ยนน้ำมันตามระยะ ใช้กันจนลืมเลยหละครับ
อย่างคันนี้ถึงแม้เป็นรถเก๋งขนาดเล็ก แต่ก็วิ่งมาแล้ว1.8แสนโล โดยที่ไม่ได้ไปทำอะไรกับเกียร์ออโต้เลย นอกจากเปลี่ยน้ำมันเกียร์ตามระยะ
คันนี้ไม่ได้เปลี่ยนทุก4หมื่นโลด้วย คันนี้เปลี่ยนทุก8หมื่นโลด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ยังใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร
ขนาดเกียร์ออโต้ของรถเก๋งที่ไม่ได้ออกแบบให้มาใช้งานในเชิงพาณิชย์ยังวิ่งได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นออโต้สำหรับใช้งานในเชิงพาณิชย์จะทนขนาดไหน
ผมก็อยากจะลองขับ2.7เกียร์ธรรมดา ได้ข่าวว่าจี๊ดกว่าเกียร์ออโต้มากๆ แต่ถ้าให้ซื้อใช้ในชีวิตประจำวัน ยังไงก็ขอเป็นออโต้ละกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       จาก ^Top^
แต่มันจะไม่ทำเกียร์ออโต้ แล้วนี่สิ แล้วจะทำยังไงดีครับ

เข้ามาเสริมอีกนิด จริงๆ ถ้าขึ้นว่าเกียร์ของโตโยต้าที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม โตโยต้าจะโฆษณาว่า ECT ทันที

จริงๆ ต้องบอกว่าโตโยต้าเป้นนักการตลาดที่ดี ขายของเก่งมากๆ อย่างเช่น VVT-i (Variable Valve Timing with Intelligent) ที่แปะท้ายรถ ข้างรถ ก็เป็นเทคโนโลยี ปรับเวลาการเปิด-ปิดวาล์วไอดี ของเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้แรงบิดช่วงต้น-และกลางของรอบเครื่องสูงขึ้น ทำให้อัตราเร่งดี......

แต่....... ให้ว่ากันตามตรง เทคโนโลยี นี้..... เก่ามากๆ แล้วครับ ถ้าเทียบกับรถยุโรป หรือเอาง่ายๆ เทียบกันแค่ในรถญี่ปุ่นด้วยกัน เช่น ฮอนด้า เค้าพัฒนาจนไปถึงขั้น ปรับระยะยก วาล์วไอดี + ด้วย ปรับระยะเวลาการเปิดไอดี(ระบบ VVT-i) นั่นเอง ซึ่ง 2 ระบบนี้เอามารวมกัน ฮอนด้าเรียกว่า i-Vtec

แต่พี่โตยังอยู่แค่ VVT อยู่เลยครับ แต่ก็โฆษณา จนมันดู ใหม่ หรูหรา เหนือระดับ ขณะที่คู่แข่งใช้เทคโนโลยี่เดียวกัน คนไม่รู้รื่องเครื่องยนต์อาจคิดว่าไม่มีเลยก็ว่าได้

แต่ไม่ใช่ว่าโตโยต้า เค้าจะไม่มีเครื่องไฮเทคๆ นะครับ มีเหมือนกัน แต่ไปอยู่ เมืองนอกหมด เช่น VVT-Li อันนเทียบได้กับ I-Vtec เลย แต่เมืองไทย ไม่มีใช้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       จาก fOnGSteR

สำหรับเมืองไทย "รถดี ไม่จำเป็นต้องขายดี"
รถอะไรก็ได้ แปะตราโตโยต้า ขายดีหมด
การจะซื้อรถคันนึง นอกจากตัวรถแล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่นำมาพิจารณาร่วมในการตัดสินใจซื้อรถแต่ละคัน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุ้มค่าหรือไม่

อย่างตอนนี้ผมมีรถ4WDยี่ห้อไม่เป็นที่นิยมอยู่คันนึง เครื่องยนต์-ช่วงล่างดีมาก
ปีแรกๆก็ไม่มีปัญหาอะไร พอมาปีหลังๆมานี้ อาการเริ่มออก หาอะไหล่แต่ละทีเบิกศูนย์ บางชิ้นศูนย์ยังไม่มี ต้องดัดแปลง-ซ่อมใช้ไป
เร็วๆนี้แหนบหักไป1แผ่น หาอะไหล่เปลี่ยนไม่มี ต้องเบิกศูนย์ทั้งตับ
โซลินอยย์ล็อคระบบ4WDเสีย ราคาศูนย์4พันว่า เอาตัวอย่างไปซื้อเชียงกง200บาท
หัวเพลาหน้าตัวใน เริ่มมีเสียงดัง ศูนย์ไม่มีของ รอสั่งเมืองนอก เส้นละหมื่นกว่าบาท ของตามร้านข้างนอกหาจนทั่วแล้วก็ไม่มี ต้องซ่อมใช้ไปเรื่อยๆ
ไม่นับเรื่องลูกหมาก เปลี่ยนทิ้งยังกะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
ปีที่ผ่านมาซ่อมไปเหยียบแสน ปีนี้ผ่านมาครึ่งปี ค่าซ่อมใกล้แตะหลัก5หมื่นแล้ว
เคยไปเสียตามบ้านนอก เค้าไม่มีอะไหล่ยี่ห้อนี้เก็บไว้เลย มีแต่ของพี่โต ต้องรออะไหล่จากในเมืองส่งไปให้
ไม่อยากจะเทียบนะ แต่ถ้าเป็นน้องโก้หรือน้องจูน ไปเสียตามบ้านนอก มีอะไหล่สำรองเพียบ

เรื่องรถเก๋งก็เช่นกัน รถวิ่งใช้งานพอๆกัน เกินแสนโลขึ้นไป ขับพี่โตยังชิวๆ แต่ละคันยังให้ความรู้สึกไม่แตกต่าง แต่ถ้าเป็นค่ายคู่แข่ง เกินแสนโลขึ้นไปเริ่มจะมีเสียงก๊อกๆแก๊กๆมากวนใจแล้ว ทั้งๆที่ตอนอยู่ในระยะประกันเช็คศูนย์ด้วยกันทั้งคู่

มาดูเรื่องเงื่อนไขตอนออกรถ พี่โต เงื่อนไขดีสุด ออกรถง่ายสุด

สรุป...ต้องยกให้การตลาดของพี่โต...สุดยอด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       จาก ^Top^
จริงๆ ไม่ได้ว่ารถโตโยต้า ไม่ดีอ่ะนะครับ เพราะบ้านผมนี่...... รถตลาดทั้งบ้าน Tiger, Vigo2.7, Fotuner, Dmax ,Dragon eye, Vios........

สรุป พี่โต เกินไปครึ่งบ้าน......

ถ้ามันไม่ดี ก็คงไม่ใช้หรอกครับ ใจจริง ถ้ามีเงิน จะซื้อมันมาขับลองทุกยี่ห้อเลย จะได้พูดได้ว่า ยี่ห้อไหน ดี-เสีย อย่างไร

แต่ก็อย่างที่พี่ว่า ขนาดใช้เอาแค่ วีออสนะครับ รถใช้ง่าย ซ่อมง่าย เอาแค่ตั้งวาล์ว ช่างตั้งเก่งๆ มีซักกี่รายเชียวครับ ผมเคยลองเอาไปตั้งวาล์วช่างซ่อม Taxi แถวบ้าน เช็คออกมา บอก.... "ไม่ยัน" ไม่ยันยังไง รอบเดินเบาสะดุด ไอเสียกระพือ แรงตก บอกไม่ยัน สุดท้ายต้องไปหา ช่างดังในเว็บแถวๆ รัชดา ที่นั่น อัลติส วีออส ชำนาญมาก ตั้งไป อาการหายเรียบ

เลยค่อนข้างเข็ดที่จะซื้อรถที่ ศูนย์บริการไม่ดี อะไหล่หายาก แต่ในใจลึกๆ จริงๆ ก็คิดอยู่ครับ ว่ารถแต่ละยี่ห้อ มีดี-เสีย ต่างกันไป ชอบคันไหนซื้อคันนั้น

แต่ระวัง ตอนมันมีปัญหานะครับ อิอิอิ

เอาง่ายๆ ลองไปหาซื้อหัวเทียนแท้ของเครื่อง 2TR-FE ดูนะครับ บอกเอาของแท้(Denso) เลยนะ บางที่ไม่มีขายนะครับ เช่นในตัวเมือง สมุทรสาคร(มหาชัย) มีแต่ อิริเดียมมั่ง แพลตตินัม มั่ง โอ้ว ก๊อด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       TOP หัวเพลาเสียน่าลองซ่อมดูน่ะไม่ต้องเปลี่ยน

แสดงความคิดเห็นย่อย