คำตอบที่ 1
       รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.5 ลิตร ได้รับการปรับปรุงให้มีกำลังและแรงบิดเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 11% โดยกำลังเพิ่มขึ้น 19 แรงม้า รวมเป็น 190 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้น 47 นิวตันเมตร รวมเป็น 450 นิวตันเมตร

รถรุ่นนี้ไม่มีขายในไทย และราคาที่ออสเตรเลียก็อยู่ประมาณ เกือบ 2 ล้านบาท ไทย
ทางรงงาน SIAM NISSAN AUTOMOBILE ประเทศไทยก็ไม่มีแผนหรือโครงการที่จะขึ้นไลน์ประกอบรุ่นนี้แต่อย่างใด
เพราะว่าทาง NISSAN ปัจจุนก็ง่นกับ March Tiana Navara ทางนิสสันก็ไม่เคยคิดจะทำอยู่แล้วเนื่องจากตลาดในไทยไม่กว้างนักยอดขายถึงเอามาขายจริงก็คงสู้ Fortuner ไม่ได้

อีกอย่างคงต้องทำแม่พิมพ์ใหม่หมด ไม่ใช่เอาแม่พิมพ์ Navara มาใส่แล้วปั๊มขายได้เลยซะที่ไหนเล่า เหมือนพวกคนไทยหลาย ๆ คนยังเข้าใจว่ารถ PPV ยุคนี้ คือกระบะดัดแปลง เดี๋ยวพอผลิตจริง เผลอ ๆ อาจมีถามหา รุ่นขับ 2wd ให้เขาหัวเราะกร๊าก ๆ ๆ ๆ กันมาก้ได้
เหมือนก่อนหน้านี้ Nissan ต้องจำใจผลิต Nissan Navara Carlber กับนำเข้า Nissan Xtrail โดยตัดรุ่น 4wd เอาแต่รุ่น 2wd เอาเข้ามาแทนที่ทั้งหมดนี่เพื่อการตลาดในเมืองไทยโดยเฉพาะ ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก ที่คนอยากได้รถแต่ขอรุ่น 2wd

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       รุ่นที่ 2 Mitsu Pajero Exceed รุ่นดีเซล 3.2 ลิตร เหมือนตัวที่ลงในไทรทันบ้านเราอีกเช่นกัน
PAJERO 4WD TURBO DIESEL
POWERS THROUGH ANYTHING
Pajero's high output 3.2L Common Rail turbo diesel delivers a thumping 147kW of power and 441Nm of torque. That's enough grunt to tow 3,000kg*. Yet the manual Pajero 4WD sips just 8.4L/100km†. Throw in Mitsubishi's All Terrain Technology (MATT™) and it's easy to see why Pajero can power through anything

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       รุ่นที่ 3 Landrover Discovery Diesel จำสเปกไม่ได้แต่ราคาแพงคือประมาณ 2.9 ล้านบาทไทย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เอาไว้มาต่อใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       4 Toyota Landcruiser Prado 2010 รุ่น Diesel 3.0 intercooler 1KD-FTV แรงบิด 450 NM. 173 แรงม้า
SPEC จะต่างจากบ้านเรานิดหน่อยที่มีแค่ 345 นิวตันเมตร 163 แรงม้า และของเราเป็นอินเตอร์ด้านบน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ผลสรุปจากการทดสอบที่ได้อ่านมาคือ

1. ตัวเลือกแรกคือ Mitsubishi Pajero ได้คะแนนน้อยที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ ตัวรถและมุมโอบหน้าหลังถูกออกแบบมาไม่สัมพันธ์กันการขับขี่ออฟโรดแบบหนักๆ จึงมีปัญหาการกระแทก การขับขี่บนถนนไฮเวย์ทำได้ดีแต่ทว่าเทคโนโลยีหลายตัวของ Mitsu Pajero ดูล้าหลังกว่ารถที่นำมาทดสอบในกลุ่มนี้ทั้งหมดเขาจึงให้คะแนนของรถคันนี้อยู่ท้ายสุดในด้านความน่าใช้ยามนี้

2. ตัวเลือกที่สอง Nissan Pathfider การวิ่งบนทางเรียบและทางออฟโรดทำได้ดีแต่ว่ารถรุ่นนี้มีช่วงล่างด้านหลังนิ่มเกินไป คือจุดอ่อน + กับ เครื่องยนต์ดีเซลที่ไม่ Smooth เท่าไหร่นัก ความน่าใช้จึงยังเป็นรองแต่ผมเห็นว่า เอา Nissan เครื่องดีเซล 2.5 ลิตรมาทดสอบเสียเปรียบชาวบ้านเขาเพราะเครื่องเล็กแต่ว่ารีดกำลังออกมา 190 แรงม้า มันก็น่าจะไม่ smooth อยู่หรอก ที่จริงควรจับดีเซล 3.0 ลิตร วี6 ของ Nissan ตัวนี้ออกมาทดสอบ

3. Landrover Discovery เป็นรถที่วิ่งทางเรียบได้ดีมาก อ๊อพชั่นเยอะความน่าใช้มีสูงมากทีเดียวหลังจากรถรุ่นนี้เข้ามาพร้อมกับผู้บุกเบิกชชาวอังกฤษ ที่รู้จักชื่อเสียงของ Landrover เป็นอย่างดี เหมาะมากกับสหราชอาณาจักรที่ผู้ดีอังกฤาชอบใช้รถแบบนี้แต่ไม่ชอบลุย เหมาะไปจอดสนามหญ้า ทำกิจกรรมตกปลาท่องเที่ยว เพราะรถ Landrover สามารถวิ่งทางเรียบได้ดีมากที่สุดในกลุ่มมีความน่าใช้สูง แต่ทว่าเมื่อยามไปลุยออฟโรดหนัก ๆ ในออสเตรเลียกับทำไม่ได้ดีถ้าเทียบกับรถรุ่นอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่ง รถและอุปกรณ์ต่าง ๆ จะสร้างปัญหามากกว่าจะเอาไปแก้ปัญหา ถ้าไม่ลุยออฟโรด Landrover จัดเป็นรถน่าใช้
ซึ่งข้อมูลตรงนี้น่าจะตรงักบผู้ใช้บ้านเราเช่นกันในการที่คิดจะนำรถรุ่นนี้ไปลุยออฟโรดคงไม่เหมาะ

4 Toyota Landcruiser Prado มันเป็นรถที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานอุปกรณ์ให้มาเยอะแต่ดูสับสนใช้ยากสำหรับการศึกษาคู่มือใช้งานที่มีจำนวนหน้ามากกว่าเพื่อน ถ้าวิ่งทาง Highways รถมีอาการโคลงให้เห็นการทรงตัวแย่กว่าคู่แข่งทั้งหมดในการทดสอบ แต่ทว่ายามขับขี่ลุยออฟโรดหนัก ๆ ในสนามทดสอบและภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสาวันนาในออสเตรเลีย รถรุ่นนี้ทำคะแนนได้ดีที่สุดในบรรดารถทั้งหมดในที่นำมาทดสอบด้วยกันจัดเป็นรถน่าใช้อันดับหนึ่งที่ฝรั่งออสเตรเลียยกให้เป็นที่ 1 ในครั้งนี้ ถ้าคิดซื้อรถมาท่องเที่ยวลุยออฟโรดเขาจึงจัดว่า Prado น่าใช้ที่สุด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       เครื่องยนต์ 3.2 ลิตรดีเซลของ Mitsu Pajero sport ของบ้านเราตอนนี้นั้นหยุดผลิตไปแล้วนะครับ
สาเหตุบ้านเราลูกค้าไม่นิยมเครื่องยนต์ที่ใหญ่เกินกว่า 3.0 ลิตร กับรถที่กินน้ำมันมากถึงแม้ว่าทาง Mitsu เองจะจับตัดตอนแรงบิดแรงม้าของเครื่อง 3.2 ตัวนี้ลงไปแล้วก็ตามเพื่อไม่ให้กินน้ำมันมาก
แต่ทว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยยอมรับอัตราการกินน้ำมันอยู่ดี ประมาณ 8 km/l Pajero sport กับ Triton ที่เราเห็นทุกวันนี้จึงเป็นแค่รุ่น 2.5 ลิตร และเป็นรุ่น 2wd เท่านั้น
เรื่องที่อนาคตข้างหน้าเครื่องยนต์ดีเซล จะมีแรงบิด 450 nm และแรงม้าเกือบ 200 แรงม้า คงเป็นไปได้ยากเต็มที บทเรียนครั้งนี้ทำให้หลายค่ายรถยนต์คงเอาไปคิดหนักในการที่จะเข็นรถยนต์เครื่องดีเซล V6 ขนาดเกินกว่า 3.0 ลิตรออกสู่ตลาดในเมืองไทย เพราะลูกค้าคนไทยไม่ตอบรับเครื่องยนต์ใหญ่และกลัวเรื่องค่าน้ำมันกับค่าภาษีเป็นหลัก ถ้าจะมีคงเหลือแต่แรงโม้เอาไว้คุยกันทางการตลาดมากกว่า


อย่างไรก็ดี Mitsu มีแผนที่จะเข็น ดีเซล 3.2 ลิตรออกมาอีกครั้งในช่วงปีหน้าเพื่อให้รองรับกับมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ยังไม่ได้ทิ้ง เครื่องดีเซล 3.2 ลิตรไปเลย
ตอนนี้ถ้าใครจะซื้อ Pajero sport ก็คงซื้อได้แค่ 2.5 ลิตร ขับ 2wd ถ้า ตัว 3.2 รุ่น 4wd แฟนมิตซูคงต้องรอไปก่อนในปีหน้า
อีกประการนึงครั้งนี้เราจะเห็นว่า คนที่ใช้รถ PPV SUV ในกลุ่มนี้ถ้าจะว่าไปแล้วกลับไม่นิยมซื้อรถ 4wd มาใช้งานแต่อย่างใด แต่นำรถไปใช้ในกิจกรรมครอบครัวและทำงานมากกว่า
ถ้าไม่นับรวม Fortuner ที่มียอดขายมากกว่าเพื่อนและไปใช้งานออฟโรดมากว่าเพื่อน รวมถึงเป็นรุ่นเดียวที่เป็น 4wd Fulltime ซึ่งถอดแบบมาจาก Landcruiser Prado
รถ PPV SUV รุ่นอื่น ๆ ต่างก็เป็นรุ่น 4wd Part time ทั้งนั้นเลยและความนิยมก็สู้ตัว 2wd ไม่ได้ แต่ลูกค้าก็ยอมรับมากกว่าถึงแม้ประสิทธิภาพจะด้อยกว่า รุ่น 4wd

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       สาเหตุส่วนนึงถ้านับยอดขายรวมกันแล้ว

อันดับ 1 TOYOTA Fortuner 4wd fulltime ตัวนี้ยังไงก็มาแบบไร้คู่แข่งไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง Chassis on frame แบบเดียว Landcruiser Prado และการนำมาใช้ในงานออฟโรด กลุ่มนี้ยี่ห้อนี้มีมากที่สุดในตลาดเทคโนโลยีเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมดเพราะเรียนรู้การทำตลาดรถกลุ่มนี้มาก่อนใครเพื่อน ยอดขายในรุ่น 2.7 และ 3.0 ที่เป็น 4wd มากที่สุดในทุกกลุ่มรวมกัน


2. Mitsu Pajero sport ตัวนี้มาทีหลังแต่เทคโนโลยีหลายตัวกลับเป็นรองคู่แข่งอย่าง fortuner ถึงแม้จะมีการชูระบบเกียร์ ที่ถอดแบบมากจาก Pajero Exceed รุ่นใหญ่ก็ตามแต่ทว่ากลับไม่ได้เป็นจุดขายของรถรุ่นนี้เลยในเมื่อลูกค้าไม่สนใจและหันไปหารุ่น 2.5 ลิตร 2wd แทน เน้นคุ้มค่ามากกว่า ทำให้รถรุ่นนี้ขายดีอยู่พักนึงจากนั้นก็เป็นยอดขายจริงซึ่งขายได้เฉพาะรุ่น 2.5

3. ISUZU MU7 ต้องบอกว่าหวือหวาอยู่พักนึงเหมือนกันจากนั้นไม่มีอะไร การชูจุดขายทำได้เพียงระบบ DVD NAVI เท่านั้นเพื่อสร้างจุดแตกต่างให้กับคู่แข่ง เครื่องยนต์มีขนาดเดียว 3.0 แต่แยกย่อย VGS ออกไป รุ่นนี้เรียกว่าเสี่ยสั่งลุยคือชาวบ้านเศรษฐี ตจว. นิยมใช้อาศัยที่ว่าชื่อเสียงของ ISUZU เรื่องศูนย์บริการอะไหล่ไม่แพง และจุดเด่นความเป็นเจ้าพ่อเครื่องยนต์ดีเซล จึงช่วยผลักดันยอดขายไปได้เรื่อย ๆ แต่ลูกค้าไม่นิยมซื้อ 4wd เพราะใครเห็นหุ่นรถ MU7 ก็คงไม่มีใครคิดไปลุยออฟโรดแน่ มันเหมือนรถท่องเที่ยวในครอบครัวมากกว่าส่งผลให้ตลาดตรงนี้ของ MU7 เป็นอย่างที่เห็น


4. Ford Everest คงเหมือนอีก 2 ยี่ห้อข้างบนคือไม่มีใครคิดขึ้นไปทาบรัศมี Fortuner เป็นแน่นอนก็เลยเน้นขายไปเรื่อย ๆ แต่ด้วยรูปทรงและลักษณะการใช้งานคล้าย MU7 จึงไม่มีจุดเด่นให้เลือกมากนักลูกค้าจึงเป็นกลุ่มเดียวกับพวก MU7 และไม่มีใครซื้อ Everest ไปลุยออฟโรดแน่นอน ลูกค้าจึงถามถึงแต่รุ่น 2wd เอาไว้ใช้งานเป็นรถครอบครัวแค่นั้น


รถทั้ง 3 ค่าย ต่างไม่เหลือจุดเด่นในการเป็น SUV เหมือน Fortuner และลูกค้าที่ซื้อไปก้ไม่ได้นิยม 4wd จุดขายจึงเทียบ Fortuner ไม่ได้เลย ตามภาษรถจึงเรียกว่าแพ้ภัยตัวเองไปเกือบหมด
ถึงแม้ Fortuner จะมีอัตราการกินน้ำมัน 10 km/l ในรุ่นดีเซล 3.0 ซึ่งก็ไม่มากและไม่น้อยไปกว่าชาวบ้านคู่แข่ง แต่นับเฉพาะ รุ่น 3.0 และ 2.7 vvti 4WD Fulltime จัดว่ายอดขายชนะกลุ่มอื่น ๆ ทั้งหมดในเวลานี้


หมายเหตุ ยังไม่นับรวม รถกระเทยที่โดนจับตัดตอนช่วงล่าง อย่าง Fortuner 3.0 ขับ 2wd หรือ 2.7 vvti ในรุ่น 2wd ด้วยนะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       http://www.youtube.com/watch?v=SltSRKOlUbE&feature=related

Pajero Exceed Australia

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       http://www.youtube.com/watch?v=qFLD4yDBBGo&feature=related

Nissan Pathfider
คลิปนี้ทำให้ผมหวนนึกถึง เกาะสะเดิ่งจังเลย มันมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันมาก

แสดงความคิดเห็นย่อย