จาก นม ระห่ำ IP:113.53.224.128
เสาร์ที่ , 20/8/2554
เวลา : 14:34
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
อย่าขี้เกียจอ่าน และอ่านให้จบ สำคัญกับทุกๆชีวิต แล้วระวังตัวด้วย!
ด้วยความห่วงใย
ผมได้เมลล์ จากเพื่อนผมมานะครับ
เรื่องที่ 1 เหตุเกิดตอนประมาณ 21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผมเป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก
เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะ
ซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอกตามที่จอดรถ
เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด
ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น
ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี
จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด
ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้
( ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่ )
พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน
แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง
ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน
คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex( สายที่วนๆคล้ายสปริง ) กับกุญแจดอกเดียว
ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
ก็เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน
แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมา
คงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน
แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ
แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง
แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว
แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผมเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ
เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถคันที่ผมทำท่าจะไขประตู
มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน
แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง
กดเซ็นทรัลล็อค ขณะที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ
แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง
ร . ป . ภ . ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง
รวมทั้งน ำเจ้าหน้าที่ 4 คนไปเองด้วย เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่
ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร มันตอบว่าไงรู้ไหมครับ ...... มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แต่พอสักไปสักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า
มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป ...... ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด
เป็นห่วงทุกคนนะครับ..
เรื่องที่ 2 อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียวประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
พอเข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน
และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน
และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่
พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่ เขาจึงเปิดไม่ได้
แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น
ปกติเมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตร แล้วเปิดประตูรถ เพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูบ้านให้ พอดีวันนั้นมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่ เลยยังไม่ได้กดแตร
เขาอาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิดประตูบ้านเองก็ได้
ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง
พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก คนม าช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน
ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะ ..
เรื่องที่ 3 ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง
ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง
เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ ..
เรื่องที่ 4
ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
ขณะที่ภรรยาผมกำลังเล่นกับลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง
ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา
แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
พวกผู้ร้ายมักจะ ลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
เรื่องที่ 5
หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง
ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน )
ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ
โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า
พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน ( นี่มันปล้นกันชัดๆ )
แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป
น่ากลัวที่สุด..
เรื่องที่ 6
ตอนรถจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่
สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า ' รถมันล๊อคหมด ' แล้วก็ขับเลย ไป
เรื่องที่ 7
ผมมีอีก เรื่องหนึ่งของการขอโดยสารด้วยกับเรา คือตอนที่ทำงานอยู่ที่หาดใหญ่ประมาณปี2552 วันอาทิตย์ว่างจากงานก็คิดอยากไปเที่ยวภูเก็ต เลยตื่นแต่เช้าออกจากหาดใหญ่มุ่งหน้าสู่ ตรัง กระบี่ ออกจากกระบี่เพื่อจะเข้าหาดใหญ่ได้มีพระธุดงค์สองรูปเดินไปตามถนน พระท่านเห็นรถผมวิ่งมาก็โบกแบบว่าขอโดยสารด้วย ผมเห็นว่าเป็นพระธุดงค์ก็เลยรับมาด้วย พระสองรูปก็ขึ้นมานั่งข้างหน้ากับผมหนึ่งองค์และนั่งข้างหลังหนึ่งองค์ บอกว่าจะไปภูเก็ต ก็นั่งรถกันมาเรื่อยๆ จนถึงสามแยกที่จะไปพังงา พระท่านก็บอกขอลงตรงนี้แล้วกัน ไม่ไปภูเก็ตแล้วล่ะจะไปพังงา ผมก็จะจอดให้ลงตรงศาลาผู้โดยสาร พระบอกให้จอดก่อนก็ได้ไม่ต้องถีงศาลาหรอก ผมก็ใจดีจอดให้ แต่รู้ไหมพระธุดงค์บอกขอตังค์ใว้ติดตัวบ้างซิโยม เพื่อเป็นการเดินทางต่อไปพังงา ผมก็หยิบเงินให้พระธุดงค์ที่นั่งหน้าคู่กับผม100บาท แต่พระที่นั่งหน้าก็บอกว่าให้พระที่นั่งด้านหลังด้วยซิโยม ผมงงครับแต่ก็หยิบเงินให้เหมือนเดิม....ผมก็ไม่แอะและติดใจอะไรคิดว่าทำบุญ.... แล้วก็เข้าไปเที่ยวในภูเก็ต ช่วงเย็นๆก็กลับจากภูเก็ต ข้ามสะพาน(ใช่สะพานสารสินหรือเปล่าจำไม่ได้แล้ว) จากภูเก็ตมาฝั่งแผ่นดิน เลยมาได้ไม่ไกลมากผมเห็นมีพระธุดงค์4รูปนั่งอยู่ข้างทางใต้ร่มไม้ เพื่อจะรอโบกรถ ... แต่เชื่อไหม สองในสี่พระธุดงค์ที่รออยู่นั้นคือคนที่ผมรับมาเมื่อตอนเช้านี่น่า ผมเองงงมากเลยไหนบอกจะไปพังงา แต่ดันมาโพล่ที่ภูเก็ต แบบนี้มันจะให้คิดว่าเป็นอะไร.......แค่นี้ในความรู้สึกก็บอกได้ทันทีว่ากูโดนแก๊งต้มตุ๋นหรอกแล้วนี่หว่า..........ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ผมไม่เคยจอดรถรับใครเลยที่ยืนโบกรถอยู่ข้างทาง กลัวเจอแบบนี้และอาจโดนปล้นได้....
เรื่องที่ 8
เรืองของผมหยั่งงี้ครับ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผมครับคือเรื่องของคนพลอยอาศัยรถไปด้วยเราก็สงสาร ให้พลอยรถไปด้วยแต่แม่ผมไหวตัวทันบอกว่าเราไม่ได้ผ่านไปทางเดียวกับเค้าแต่ที่จริงแล้วเราต้องผ่านครับ(แถวถ้ำพรรณาราครับภาคใต้ จ.นครศรีฯ) พอมันลงไปแล้วก็มีรถอีกคันสภาพเก่าๆมารับมันครับเลวมาก สถานที่ก้สาย 41 แถวสุราษณ์ฯครับ อีกกรณีหนึ่ง รู้สึกว่าจะเป็นข่าวด้วยก็คือสงสารรับขึ้นมาด้วยก็ไปหน้าถ้ำพรรณาราอีกแหล่ะครับ ขับมาเรื่อยๆพอใกล้ถึงก็แสดงตัวเป็นโจรครับ คนขับก็ว่าไงรู้มั้ยครับ ไหนๆก็ต้องตายอยู่ดี ก็ตายด้วยกันเลย ก็เลยขับชนคอสะพานเลยครับ รถตกแม่น้ำ คนขับยังไม่ถึงที่ตาย แต่ดวงโจรมันถึงที่ตายครับ สมน้ำหน้ามันครับไอ้โจรชั่ว
ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆทั้งชายทั้งหญิงนะ
|