คำตอบที่ 1
       คุณนึกออกไหม มันเหมือนคุณขับด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ แต่คุณเข้าเกียร์ไว้ที่เกียร์ 3 - 4 แล้วลากเครื่องยนต์ไปยาว ๆ นับพันกิโลเมตร ด้วยการใช้งานปกตินั่นแหละครับ การสึกหรอมันเหมือนเกียร์ธรรมดาที่คุณขับด้วยการลากเกียร์ คือเปลืองน้ำมันมากขึ้น เครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น คลัทซ์ในเกียร์ก็จะสึกหรอมากขึ้น แต่เรื่องเหล่านี้คุณปล่อยไปเถอะเพราะมันผ่านมาแล้วลองปรับเปลี่ยนวิธีแล้วเพิ่มความระวังให้มากขึ้นครับ


มีคนจำนวนมากที่ยังขับเกียร์ออโต ไม่เป็น เกียร์ออโตมันก็มีหลายชนิดซึ่งวิธีการขับบแต่ละแบบก็จะไม่เหมือนกัน ดังที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเรียนสำเร็วจปริญญาตรีได้ด้วยตัวเอง ต้องมีอาจารย์ที่มีความรู้เป็นผู้ถ่ายทอดการฝึกอบรมจากบริษัทรถยนต์ฝึกให้เราจึงสามารถขับรถได้ทันตามเทคโนโลยีที่เขาออกแบบมา ไม่ใช่คิดกันไปเองหัดกันเองหรือไปเรียนตาม โรงเรียนสอบเอาใบขับขี่ ซึ่งมันไม่ถูกต้องกับการใช้งานจริง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ขับเกียร์ 3 แค่พันโล เรื่องเล็กครับอย่าได้กังวล
มันก็แค่กินเชื้อเพลิงมากขึ้น ส่วนการสึกหรอ ผมว่าแทบไม่ต่างกับการใช้งานปกติ

ส่วนการเบรกด้วยเครื่องยนต์ หรือ engine break
หากเคยขับเกียร์กระปุกแล้วจะเข้าใจง่ายขึ้น
มันเป็นการลดความเร็วของรถโดยใช้กำลังของเครื่องยนต์
โดยการทดเกียร์ต่ำลง เพื่อให้เครื่องยนต์มีแรงเฉี่อยในการเบรคเพิ่มขึ้น

ที่นี้เกียร์ออโต้ของ 2.7 มันเป็นแบบขั้นบันได (Gate type) จึงไม่มีปุ่มกดเวลาเปลี่ยนเกียร์
แต่เผอิญว่าเกียร์ 3 กับ D (เกียร์ 4) มันอยู่ติดกัน โยกขวาเป็น 3 โยกซ้ายเป็น D
ข้อดีคือ ใช้ engine break ง่ายขึ้น แต่ข้อเสียคือลืมปรับกลับเป็น D
ต้องอาศัยมองตำแหน่งที่หน้าปัดบ่อยๆ ก็พอช่วยได้

ผมว่า เรื่องขึ้นราคาแก๊สยังจะน่ากลุ้มกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย