คำตอบที่ 1
       ปกติแล้วน้ำจะหนักกว่าน้ำมันใช้ไม่ครับ และในเครื่องยนต์ดีเซลจะต้องใช้ปั้นในการจ่ายน้ำมัน
ถ้าสมมุติว่าไม่มีกรองดักน้ำแล้วมีน้ำปนเข้าไปกับน้ำมันน้ำก็จะไปตกอยู่ที่ก้นของห้องปั้ม
ซึ้งการที่เราจะเอาน้ำออกจากห้องปั้มมีความยุ่งยากมากและค่าใช้จ่ายสูงกว่าเปลี่ยนกรอง
หรือติดตั้งกรองดักน้ำครับ (เป็นกรองน้ำมันเชื้อเพลิงและดักน้ำด้วย)
แต่ในเครื่องยนต์เบนซินก็มีกรองเบนซินน่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       น้ำมันจะลอยอยู่เหนือน้ำ การเติมน้ำมันลงไปมีส่วนทำให้เกิดน้ำปนขึ้นมาได้ทั้งจากถังเก็บที่ปั๊มหรือความชื้น ดีเซลต้องใช้การสร้างแรงดันสูงจากระบบน้ำมัน ถ้ามีน้ำปนมากับน้ำมันจะทำให้สตาร์ทยากและถ้ามีมากเกินไปก็เสียหายกับเครื่องยนต์ เพราะดีเซลแรงอัดสูงมากความเสียหายจะมากตามไปด้วย

แต่ที่ผมงงก็คือ แล้วเบนซินมันไม่มีน้ำปนมากับน้ำมันเหรอ อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ไม่มีความรู้ที่จะตอบได้จริง ๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       จริงๆ แล้วเบนซินก็มีน้ำปนครับ

เพราะสมัยที่ ผมยังไม่มีปัญญาซื้อรถของผมเองก็เอารถพ่อมาใช้ รถ HILUX RN20 เครื่อง 12R
หากรถที่ีใช้มีอาการเบาดับ ก็จะรื้อคาร์บู ของมาเป่านมหนูเดินเบา
บ่อยครั้งที่ไม่พบว่านมหนูตัน แต่มีน้ำเข้าคาร์บู น้ำเข้ายังวิ่งได้แต่ลำคาญเวลาเบาเครื่องบางที่สั่นดับ

รถหัวฉีด ผมว่าก็ต้องมีน้ำแต่สงสัยว่าไม่มีอาการอาจจะเป็นเพราะ ปั๊มติ๊ก อาจจะไม่ได้จ่อตรงก้นถังเลยไม่เจอน้ำ
เดานะครับ ใครรู้ตอบด้วย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       หรือน้ำถูกเผาไปกับความร้อนในห้องเผาไหม้ เพราะเบ็นซินความร้อนสูงกว่าดีเซลพอสมควร?????

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       น้ำไม่ได้ถูกเผาไปกับห้องเผาไหม้ทั้งหมดหรอกครับ ถ้าน้ำเข้าเครื่องเบนซินจะสั่นเดินไม่เรียบ ถ้ามากเกินไปเครื่องก็จะไม่ติดคือดับไปเลย
อุณหภูมิของเครื่องเบนซินจะน้อยกว่าของดีเซลครับ จึงไม่ต้องมีเรื่องฉนวนกันความร้อนหรือเก็บเสียงที่ฝากระโปรงรถ
ตอนอากาศเย็นถ้าเผาไหม้บริสุทธิ์ก็กลั่นเป็นหยดน้ำออกมาจากท่อไอเสีย

แต่ถ้าเป็นดีเซล ความร้อนจากการอัดอากาศสูงกว่ามาก ทำให้ระเบิดพลังงานออกมา เสียงจึงดังและสั่นสะเทือนมากกว่า แต่ถ้าน้ำเข้าเครื่องเมื่อไหร่ขณะเครื่องยนต์ทำงานอยู่ ลูกสูบแตก แหวนหัก สลักหาย ก้านคด ฝาพังแน่นอน

แสดงความคิดเห็นย่อย