คำตอบที่ 2
มีหลายคนบอกว่า ซื้อรถมือสองมาติดแก๊สเถอะ อย่าซื้อมือหนึ่งเลย เสียดายรถ
ผมก็มานั่ง List ดูรถกระบะมือสองเครื่องเบนซิน ที่ผ่านมาก็มีอยู่ให้เลือกไม่กี่รุ่น
- Nissan Big M เครื่องเบนซิน 2000 ซีซี
- Toyota Mighty-X เครื่องเบนซิน 1800 ซีซี
- Nissan Big M Frontier เครื่องเบนซิน 2400 ซีซี
ทั้ง 3 รุ่นข้างต้น ล้วนผ่านการใช้งานมาแล้วเป็น 10 ปี หาสภาพดีๆ ยากมาก และไม่สามารถตอบโจทย์ของผมได้
โจทย์ของผมก็คือ
- ต้องการรถที่สภาพดี สามารถใช้เดินทางไกลได้แบบสบายใจ
- ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในการเดินทาง อยู่ในระดับ ไม่เกิน 1.5 - 2 บาท ต่อ กิโลเมตร
- ที่สำคัญ คือ ต้องไม่เก่าไปกว่าคันเดิมที่ผมใช้งานอยู่ก็คือ TOYOTA HILUX TIGER 3.0 D4D ปี 2003 ซึ่งตอนนี้พ่อเอาไปใช้งานแล้ว ซึ่งรถคันนี้ อัตราสิ้นเปลืองก็จัดว่าประหยัดพอสมควร อยู่ในระดับ 12 กม/ลิตร ตกกิโลละ 2.5 บาท (น้ำมันลิตรละ 30 บาท) ส่วนมากพ่อใช้ในตัวเมือง วิ่งไม่เยอะเท่าไหร่ ก็เลยไม่เดือดร้อนอะไรกับค่าน้ำมัน
หันมาดูคำตอบ สำหรับโจทย์ที่ผมตั้งขึ้นบ้าง
รถกระบะมือสองรุ่นใหม่ๆ เครื่องยนต์เบนซินก็มีแค่ TOYOTA HILUX VIGO 2.7 VVT-i ซึ่งรุ่นที่ผมต้องการใช้งานเป็นแบบ ExtraCAB หรือที่เรียกว่า กระบะตอนครึ่ง ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ผมใช้เวลาตระเวนหารถอยู่ประมาณ 2 เดือน ช่วงประมาณเดือน มิถุนายน กรกฎาคม 2550
เจอรถรุ่นเครื่องเบนซินอยู่ประมาณไม่เกิน 10 คัน เมื่อเทียบกับรุ่นดีเซล ที่จอดขายอยู่ในหลักหลายร้อยหรืออาจจะเป็นพันคันก็ได้
ตอนแรก คิดว่าราคารุ่นนี้คงจะไม่สูงมากนัก เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่
แต่พอเจอเข้าจริงๆ กลับพบว่ารุ่นนี้ ถูกตั้งราคาไว้ใกล้เคียงหรือสูงกว่าตัวดีเซลที่ออกมาในปีเดียวกันซะอีก
ทั้งๆ ที่ราคารถใหม่ในตอนนั้น จะถูกกว่าดีเซลอยู่หลายหมื่นบาทเลยทีเดียว
ซึ่งรถที่พบราคาจะอยู่ในช่วง 450,000 490,000 บาท เป็นรถปี 2548 ผ่านการใช้งานมาประมาณ 2 ปีแล้ว
ต่ำสุดที่เจอคือราคา 420,000 บาท แต่ซื้อไม่ทัน เพราะมีคนคว้าไปก่อนแล้ว
ก็เลยกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง โดยการตระเวนเช็คราคารถใหม่+ส่วนลดตามโชว์รูมต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด
ราคารถใหม่ 609,000 บาท
หักส่วนลดมูลค่า 60,000 บาท (ตัวเลขโดยประมาณจาก ค่าประกันชั้น1 + ส่วนลดและของแถมต่างๆ)
เท่ากับว่า ซื้อรถใหม่ได้ในราคา 549,000 บาท
เมื่อเทียบกับราคารถมือสองดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว พบว่าราคาต่างกัน 60,000 100,000 บาท โดยประมาณ
เมื่อซื้อเงินผ่อน ดอกเบี้ยรถใหม่อยู่ในอัตรา 3% +/-
ในขณะที่รถมือสอง ดอกเบี้ยจะอยู่ในอัตรา 5% ++ และยังต้องถูกบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)จากค่างวดเข้าไปอีก 7%
เมื่อคำนวณเงินที่ต้องจ่ายไปทั้งหมดแล้ว ยิ่งทำให้ราคาสุทธิของรถมือสองเข้าใกล้กับรถใหม่มากยิ่งขึ้น
คำนวณแล้ว ราคาสุทธิของรถมือสอง จะถูกกว่ารถใหม่ เพียง 30,000 70,000 บาท โดยประมาณ
จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจซื้อรถใหม่ป้ายแดง แทนที่จะซื้อรถมือสองมาติดแก๊ส
เพราะถึงยังไงแล้ว การรับประกันจะสิ้นสุดเฉพาะส่วนที่ได้ทำการดัดแปลง ซึ่งนั่นก็คือส่วนของเครื่องยนต์เท่านั้น
ระบบอื่นๆ ของตัวรถ ยังคงได้รับการรับประกันตามปกติ ในระยะเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ในขณะที่รถมือสอง ปี 2548 ซึ่งจวนเจียนจะครบระยะเวลารับประกัน 3 ปี เข้าไปแล้ว
บางคันวิ่งมาเกิน 100,000 กิโลเมตร ก็เกินระยะเวลารับประกันไปแล้ว และยังต้องมากังวลกับสภาพรถคันนั้นๆ
ว่ามีอุบัติเหตุร้ายแรง หรือ ตัวรถจะมีปัญหาอะไรตามมาอีกบ้าง เนื่องจากหมดระยะเวลารับประกันแล้ว
ยิ่งทำให้ความน่าใช้ของรถมือสองลดลงเรื่อยๆ
สัญลักษณ์ บ่งบอกถึง รถไร้หอย หมายถึง เครื่องยนต์เบนซิน ระบบวาล์วอัจฉริยะ ไร้ระบบอัดอากาศ หรือที่เรียกว่า เทอร์โบ