WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


Review TOYOTA HILUX VIGO 4x2 ExtraCAB 2.7 VVT-i Automatic ECT-i
^Top^
จาก ^Top^
IP:118.172.59.96

ศุกร์ที่ , 20/6/2551
เวลา : 00:18

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ขอนำข้อมูลที่เคยทำReviewไว้ในเวปpantip.com ห้องรัชดา ตามLinkข้างล่างนี้
http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2008/01/V6229022/V6229022.html
มานำเสนอไว้ในห้องนี้นะครับ
จัดทำเมื่อ 13 ม.ค. 51
ขอสงวนสิทธิ์ มิให้นำข้อมูลไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ยกเว้นได้รับความยินยอมจากผู้จัดทำ
อนุญาตให้นำข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดไปใช้ที่มิใช่เชิงพาณิชย์ และกรุณาให้เครดิตกับผู้จัดทำด้วยครับ
ขอบคุณครับ
^Top^



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 1
       ความเป็นมา :
เครื่องเบนซิน หรือที่เรียกกันว่า 2.7 VVT-I เปิดตัวครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี 2548 ในยุคที่น้ำมันเริ่มจะแพงในระดับ 20 บาทกว่า
ในช่วงนั้น เชื้อเพลิงทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่
กระแสความโด่งดังของรุ่นนี้ จึงเงียบไปตามเสียงเครื่องยนต์ จนบางท่าน ไม่ทราบว่ามีรุ่นนี้ผลิตจำหน่ายอยู่ด้วยซ้ำ
จนมาถึงวันนี้ ที่เชื้อเพลิงทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายทางด้านเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น
รถรุ่นนี้ จึงกลับเข้ามาเป็นตัวเลือกเพียงตัวเดียวสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะเครื่องเบนซินในปัจจุบัน
จุดประสงค์หลักของผู้ที่ต้องการรุ่นนี้ คือ นำมาติดตั้งเชื้อเพลิงทางเลือก เพื่อลดค่าใช้จ่ายทางด้านเชื้อเพลิงในการเดินทางลง
ซึ่งผมก็เป็นส่วนหนึ่งในคนกลุ่มนั้นๆ เพราะแต่ละปี ผมใช้รถเป็นระยะทางประมาณ 40,000 – 50,000 กิโลเมตร
และเชื้อเพลิงทางเลือกที่ผมต้องการเลือกใช้ในเวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้น LPG หรือ แก๊สหุงต้ม นั่นเอง
สาเหตุที่ผมเลือกใช้ LPG แทนที่จะใช้ NGV อย่างที่ ปตท. สนับสนุนอยู่ ก็คือ “เส้นทางที่ผมใช้เดินทาง ไม่มีปั้ม NGV”
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากใช้ NGV หรอกนะ ของถูก ใครก็อยากใช้ แต่ถ้าติดไปแล้ว ไม่มีปั้มให้เติม ผมก็ไม่รู้ว่าจะแบกถังเปล่าไปทำไม
เส้นทางที่ผมบอกว่า ไม่มีปั้ม NGV ก็คือ เส้นทางจากเชียงใหม่ ไป แม่ฮ่องสอน ครับ
ไม่ว่าจะไปทาง อ.ปาย ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร หรือว่า จะไปทาง อ.แม่สะเรียง ระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร
ซึ่งส่วนใหญ่ ผมจะไปทาง อ.ปาย แล้วกลับทาง อ.แม่สะเรียง ระยะทางรวมที่ใช้เดินทางในแต่ละครั้ง ประมาณ 600 – 700 กิโลเมตร
ยังไง NGV 1 ถัง ก็คงไม่พอให้ผมใช้งานแน่ๆ ถ้าจะให้เพียงพอต่อการใช้งาน ผมคงจะต้องติดถังเรียงเต็มกระบะแน่ๆ
ถึงแม้จะเป็นรถกระบะ แต่ผมคงไม่ได้ซื้อรถกระบะ เพื่อเอากระบะมาต่างถังแก๊สนะครับ บนกระบะผมก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้บรรทุกของเหมือนเดิม
ถ้าผมไม่ใช้บรรทุกของ ผมก็คงออกรถเก๋งไปแล้วหละ จริงมั๊ยครับ!!!






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:19  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 261

คำตอบที่ 2
       มีหลายคนบอกว่า ซื้อรถมือสองมาติดแก๊สเถอะ อย่าซื้อมือหนึ่งเลย เสียดายรถ
ผมก็มานั่ง List ดูรถกระบะมือสองเครื่องเบนซิน ที่ผ่านมาก็มีอยู่ให้เลือกไม่กี่รุ่น
- Nissan Big M เครื่องเบนซิน 2000 ซีซี
- Toyota Mighty-X เครื่องเบนซิน 1800 ซีซี
- Nissan Big M Frontier เครื่องเบนซิน 2400 ซีซี
ทั้ง 3 รุ่นข้างต้น ล้วนผ่านการใช้งานมาแล้วเป็น 10 ปี หาสภาพดีๆ ยากมาก และไม่สามารถตอบโจทย์ของผมได้

โจทย์ของผมก็คือ
- ต้องการรถที่สภาพดี สามารถใช้เดินทางไกลได้แบบสบายใจ
- ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในการเดินทาง อยู่ในระดับ ไม่เกิน 1.5 - 2 บาท ต่อ กิโลเมตร
- ที่สำคัญ คือ ต้องไม่เก่าไปกว่าคันเดิมที่ผมใช้งานอยู่ก็คือ TOYOTA HILUX TIGER 3.0 D4D ปี 2003 ซึ่งตอนนี้พ่อเอาไปใช้งานแล้ว ซึ่งรถคันนี้ อัตราสิ้นเปลืองก็จัดว่าประหยัดพอสมควร อยู่ในระดับ 12 กม/ลิตร ตกกิโลละ 2.5 บาท (น้ำมันลิตรละ 30 บาท) ส่วนมากพ่อใช้ในตัวเมือง วิ่งไม่เยอะเท่าไหร่ ก็เลยไม่เดือดร้อนอะไรกับค่าน้ำมัน

หันมาดูคำตอบ สำหรับโจทย์ที่ผมตั้งขึ้นบ้าง
รถกระบะมือสองรุ่นใหม่ๆ เครื่องยนต์เบนซินก็มีแค่ TOYOTA HILUX VIGO 2.7 VVT-i ซึ่งรุ่นที่ผมต้องการใช้งานเป็นแบบ ExtraCAB หรือที่เรียกว่า กระบะตอนครึ่ง ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ผมใช้เวลาตระเวนหารถอยู่ประมาณ 2 เดือน ช่วงประมาณเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม 2550
เจอรถรุ่นเครื่องเบนซินอยู่ประมาณไม่เกิน 10 คัน เมื่อเทียบกับรุ่นดีเซล ที่จอดขายอยู่ในหลักหลายร้อยหรืออาจจะเป็นพันคันก็ได้
ตอนแรก คิดว่าราคารุ่นนี้คงจะไม่สูงมากนัก เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่
แต่พอเจอเข้าจริงๆ กลับพบว่ารุ่นนี้ ถูกตั้งราคาไว้ใกล้เคียงหรือสูงกว่าตัวดีเซลที่ออกมาในปีเดียวกันซะอีก
ทั้งๆ ที่ราคารถใหม่ในตอนนั้น จะถูกกว่าดีเซลอยู่หลายหมื่นบาทเลยทีเดียว
ซึ่งรถที่พบราคาจะอยู่ในช่วง 450,000 – 490,000 บาท เป็นรถปี 2548 ผ่านการใช้งานมาประมาณ 2 ปีแล้ว
ต่ำสุดที่เจอคือราคา 420,000 บาท แต่ซื้อไม่ทัน เพราะมีคนคว้าไปก่อนแล้ว
ก็เลยกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง โดยการตระเวนเช็คราคารถใหม่+ส่วนลดตามโชว์รูมต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด
ราคารถใหม่ 609,000 บาท
หักส่วนลดมูลค่า 60,000 บาท (ตัวเลขโดยประมาณจาก ค่าประกันชั้น1 + ส่วนลดและของแถมต่างๆ)
เท่ากับว่า ซื้อรถใหม่ได้ในราคา 549,000 บาท
เมื่อเทียบกับราคารถมือสองดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว พบว่าราคาต่างกัน 60,000 – 100,000 บาท โดยประมาณ
เมื่อซื้อเงินผ่อน ดอกเบี้ยรถใหม่อยู่ในอัตรา 3% +/-
ในขณะที่รถมือสอง ดอกเบี้ยจะอยู่ในอัตรา 5% ++ และยังต้องถูกบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)จากค่างวดเข้าไปอีก 7%
เมื่อคำนวณเงินที่ต้องจ่ายไปทั้งหมดแล้ว ยิ่งทำให้ราคาสุทธิของรถมือสองเข้าใกล้กับรถใหม่มากยิ่งขึ้น
คำนวณแล้ว ราคาสุทธิของรถมือสอง จะถูกกว่ารถใหม่ เพียง 30,000 – 70,000 บาท โดยประมาณ
จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจซื้อรถใหม่ป้ายแดง แทนที่จะซื้อรถมือสองมาติดแก๊ส
เพราะถึงยังไงแล้ว การรับประกันจะสิ้นสุดเฉพาะส่วนที่ได้ทำการดัดแปลง ซึ่งนั่นก็คือส่วนของเครื่องยนต์เท่านั้น
ระบบอื่นๆ ของตัวรถ ยังคงได้รับการรับประกันตามปกติ ในระยะเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ในขณะที่รถมือสอง ปี 2548 ซึ่งจวนเจียนจะครบระยะเวลารับประกัน 3 ปี เข้าไปแล้ว
บางคันวิ่งมาเกิน 100,000 กิโลเมตร ก็เกินระยะเวลารับประกันไปแล้ว และยังต้องมากังวลกับสภาพรถคันนั้นๆ
ว่ามีอุบัติเหตุร้ายแรง หรือ ตัวรถจะมีปัญหาอะไรตามมาอีกบ้าง เนื่องจากหมดระยะเวลารับประกันแล้ว
ยิ่งทำให้ความน่าใช้ของรถมือสองลดลงเรื่อยๆ

สัญลักษณ์ บ่งบอกถึง “รถไร้หอย” หมายถึง เครื่องยนต์เบนซิน ระบบวาล์วอัจฉริยะ ไร้ระบบอัดอากาศ หรือที่เรียกว่า เทอร์โบ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:20  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 262

คำตอบที่ 3
       ตัดสินใจจองรถไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2550 นัดรับรถปลายเดือนกันยายน 2550 รอแล้วรอเล่า เลื่อนแล้วเลื่อนอีก รอจนลืม
จนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2550 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะที่ผมอยู่ที่หน้า 7-11 ภายในปั้ม ปตท. อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
เสียงเซลล์โทรมาแจ้งว่ารถมาถึงแล้ว เช็คฤกษ์งามยามดีก่อนออกรถซะหน่อย ปรากฏว่าได้วันที่ 9 , 20 , 27 แต่วันที่ 9 และ 20 ผมดันติดธุระไปต่างจังหวัด ก็เลยต้องนัดรับรถวันที่ 27 ธันวาคม 2550
วันรับรถ ก็ตรวจดูความเรียบร้อยตามปกติ
ก้มดูแก้มยาง เพื่อดูวันที่ผลิต เห็นตัวเลข 4707 แสดงว่า ผลิตในช่วงวันที่ 18 – 24 พฤศจิกายน 2550
เพื่อความแน่ใจ ดูป้ายที่ติดตรงเข็มขัดนิรภัย พบว่าผลิตเมื่อ November 2007
ให้แน่ใจอีกครั้ง ดูวันที่กระป๋องสีแต้มรถ บรรจุเมื่อ 09 – 11 – 2007
แสดงว่า รถผลิตในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พฤศจิกายน 2550 จากนั้นก็ส่งตรงมายังโชว์รูมที่ผมจองไว้ทันที

พื้นที่ส่งมอบรถใหม่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:20  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 263

คำตอบที่ 4
       รูปทรงที่คุ้นเคย ไม่แตกต่างจากรุ่นดีเซล คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:21  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 264

คำตอบที่ 5
       เริ่มมีความแตกต่างให้เห็นบ้างแล้ว ฝากระโปรงรุ่นนี้ ไม่มีจมูกเบี้ยวๆ เหมือนเอารุ่น J มาทำสีกันชนเลย ^_^”





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:21  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 265

คำตอบที่ 6
       มาดูมุมนี้บ้าง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:22  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 266

คำตอบที่ 7
       หน้าตาของขุมพลัง
เครื่องยนต์ รหัส 2TR-FE
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-i
ความจุกระบอกสูบ 2,694 ซีซี
กำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 241 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน ออกเทน 91 หรือ สูงกว่า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:22  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 267

คำตอบที่ 8
       ภายใน...
มาเล่น Photo Hunt กันมั๊ย ว่ามีอะไรผิดไปจาก VIGO เดิมๆ บ้าง

เบาะนั่งคู่หน้า ถือว่านั่งสบายกว่าที่คิด ไม่นุ่ม ไม่แข็ง จนเกินไป ตัวเบาะในส่วนรองนั่ง สามารถปรับระดับ สูง – ต่ำ ได้ด้วย
ถ้าเทียบกับ TOYOTA HILUX TIGER คันเดิม แตกต่างกันพอสมควร ถือว่าในจุดนี้ TOYOTA ได้ปรับปรุงได้ดีขึ้นมากทีเดียว





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:23  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 268

คำตอบที่ 9
       พวงมาลัย ฟอร์จูนเนอร์ กับ มาตรวัดออฟติตรอน ของเครื่อง V6 ตัวส่งออก
เดินสายปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและตัววัดอัตราสิ้นเปลืองเรียบร้อย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:23  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 269

คำตอบที่ 10
       มาดูมาตรวัดกันชัดๆ ทำสีโดยใช้ สติ๊กเกอร์ Post-it ได้สีสันหวานๆ อย่างที่เห็น
วงแรกซ้ายสุด : วัดรอบ ต่างจากตัวดีเซล คือ รองรับได้ถึง 7,000 รอบ/นาที อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า เป็นมาตรวัดของเครื่อง V6 ตัวส่งออก สังเกตดูรอบเครื่องนะครับ จะต่ำกว่าปกติ ถ้าอยากรู้ว่ารอบเครื่องจริงๆ เท่าไหร่ ให้เอา 1.5 คูณ
วงกลาง : ไม่ต่างกับมาตรวัดของฟอร์จูนเนอร์ทั่วๆ ไป
วงสุดท้ายขวาสุด : เดินสายไฟเพิ่มเติม ให้แสดงตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ จะได้ไม่ต้องละสายตาก้มลงมาดูที่คันเกียร์ มาตรวัดตัวนี้เป็นของเครื่อง V6 รองรับเกียร์อัตโนมัติ 5 Speed แต่รถคันนี้มีเพียง 4 Speed ไฟแสดงตำแหน่งเกียร์ จะไม่ติดอยู่ 1 ดวง คือ เลข 4 จะติดเฉพาะ P R N D 3 2 L ตามตำแหน่งของรถที่ใช้เกียร์ 4 Speed เท่านั้น





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:23  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 270

คำตอบที่ 11
       แผงควบคุมที่คุ้นเคย
เพิ่มเติมตัววัดอัตราสิ้นเปลือง หยิบยืมมาจากฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับมาตรวัดของฟอร์จูนเนอร์ เพราะจะทำการประมวลผลโดยอาศัยสัญญาณจากมาตรวัด เดินสายไฟครบๆ ใช้งานได้ปกติ รวมถึงควบคุมผ่านปุ่มควบคุมบริเวณฝั่งขวาของพวงมาลัยได้เลย
ส่วนเครื่องเสียง ก็ควบคุมผ่านปุ่มควบคุมฝั่งซ้ายของพวงมาลัย
เครื่องเสียงติดรถ สามารถรับวิทยุAM/FM เล่นเทป เล่นCD+MP3 ได้ด้วย มีลำโพงมาให้ 2 คู่ อยู่ที่ประตูคู่หน้าและในCAB
จำนวนลำโพงในรุ่นCABจะแตกต่างกับรุ่น 4 ประตู เพราะว่าจะไม่มี Tweeter ติดมาให้บริเวณกระจกมองข้างเหมือนกับรุ่น 4 ประตู
คุณภาพของเสียงกลางๆ พอฟังได้ กับคุณภาพของเครื่องเสียงติดรถ ซึ่งถ้าเทียบกับคุณภาพเสียงของรุ่น 4 ประตู
พบว่า Tweeter อีก 2 ตัวที่เพิ่มเข้ามา มีส่วนช่วยคุณภาพเสียงได้ดีกว่าพอสมควร
ด้านล่างสุด เป็นสวิทช์ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ในขณะจอดตากแดดในตอนกลางวัน
โดยที่ยังไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงลดความร้อน สามารถทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว
รถคันนี้ มีแผ่นกรองอากาศแอร์ติดตั้งมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องหาซื้อมาติดตั้งเองเหมือนรุ่นแรก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:24  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 271

คำตอบที่ 12
       ตัววัดอัตราสิ้นเปลือง สามารถบอกอุณหภูมินอกรถได้ด้วย โดยจะต้องติดตั้ง Temp Sensor เพิ่มเติมไว้หลังกระจังหน้า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:24  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 272

คำตอบที่ 13
       ระบบขับเคลื่อน เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (A343E)
อัตราทดเกียร์
เกียร์1 : 2.804
เกียร์2 : 1.531
เกียร์3 : 1.000
เกียร์4 : 0.753
เกียร์ถอยหลัง : 2.393
อัตราทดเฟืองท้าย : 4.100

หัวเกียร์หุ้มหนัง หยิบยืมมาจากฟอร์จูนเนอร์อีกเช่นเคย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:24  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 273

คำตอบที่ 14
       CAB...แคบๆ พอนั่งได้ ไม่อึดอัด
ปูพื้นเต็มคัน ด้วยผ้ายางลายกระดุม เข้ารูปตามรุ่นรถ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:25  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 274

คำตอบที่ 15
       ออกรถวันที่ 27 ธันวาคม 2550
วันที่ 29 - 31 ธันวาคม 2550 มีโปรแกรมเดินทางไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ก็เลยถือโอกาสเอารถไปลองด้วย
ตากอล์ฟ (GOLF-B16A) สมาชิกรัชดา-บางวัวคลับ มาเที่ยวเชียงใหม่ ก็เลยลากไปเที่ยวปายด้วยเลย (รถ Civic คันข้างๆ นั่นแหละ)
กว่าจะได้ออกเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ เวลาก็ล่วงเลยจนถึงตี1 ของวันที่ 30 แล้ว ผมขับลัดเลาะไปตามโค้งมืดๆ ใช้ความเร็วปานกลาง เนื่องจากดึกแล้ว ไม่ค่อยมีรถสวน มองกระจกหลังเห็นตากอล์ฟขับตามมาติดๆ ก็เลยเพิ่มความเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย ความรู้สึกในการเข้าโค้ง เมื่อเทียบกับ HILUX TIGER คันเดิมแล้วพบว่า ดีขึ้น อาการร่อน หรือ โยน มีน้อยลง แต่ความกระด้าง ยังรู้สึกได้ ตามสไตล์ของรถที่ใช้สำหรับบรรทุก นี่ผมลดลมยางต่ำกว่าที่ระบุไว้ที่เสาประตูฝั่งคนขับ ลงเหลือ 34 psi ทั้ง 4 ล้อแล้วนะ ไม่เหมือนวันที่รับรถวันแรก ศูนย์อัดลมยางมาให้ 45 psi ทั้ง 4 ล้อ ขนาดขับบนถนนคอนกรีตเรียบๆ ยังรู้สึกกระโดดเป็นกบเลย ถ้าจะให้สรุปเรื่องช่วงล่าง ว่าเป็นยังไง คงต้องบอกว่า “นี่แหละ TOYOTA” คือ ออกแนวกลางๆ ไปซะทุกเรื่อง ไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:27  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 275

คำตอบที่ 16
       ทำการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ตามสภาพการใช้งานจริง บนสภาพถนนที่โค้งไปมาตามเส้นทางภูเขา มีทั้งทางชัน ทางราบ
ความเร็วที่ใช้ในการเดินทางขึ้นอยู่กับสภาพถนน แต่ไม่เกิน 120 กม/ชม





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:28  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 276

คำตอบที่ 17
       ครั้งที่ 1 เส้นทาง เชียงใหม่ – บ้านวัดจันทร์ - ปาย – เชียงใหม่
ระยะทางที่ใช้งาน 476.7 กม.
ปริมาณน้ำมันที่ใช้ 59.05 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.07 กม/ลิตร





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:28  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 277

คำตอบที่ 18
       วันที่ 1 มกราคม 2550 ขับรถออกมากับตากอล์ฟ มีเวลาเล็กน้อย ก็เลยทดสอบหาอัตราเร่ง เท่าที่จะทำได้ ได้ผลตามนี้
อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม
รอบแรก ผมเป็นคนขับ ให้ตากอล์ฟ เป็นคนจับเวลา
ครั้งที่1 : 12.63 วินาที
ครั้งที่2 : 12.50 วินาที
ครั้งที่3 : 12:56 วินาที
เฉลี่ย : 12:56 วินาที
รอบสอง เปลี่ยนให้ตากอล์ฟขับ ผมเป็นคนจับเวลา
ครั้งที่1 : 11:94 วินาที
ครั้งที่2 : 11:83 วินาที
ครั้งที่3 : 12:30 วินาที
เฉลี่ย : 12:02 วินาที

อัตราเร่ง 80-120 กม/ชม ที่ตำแหน่งเกียร์ D ขับโดยตากอล์ฟ ใช้เวลา 8:97 วินาที
ลองครั้งเดียว เนื่องจากสภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวย

รูปตากอล์ฟครับ ^_^”





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:28  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 278

คำตอบที่ 19
       มาดูอัตราสิ้นเปลืองกันบ้าง
ครั้งที่ 2 เส้นทางรอบๆ ตัวเมืองเชียงใหม่ ถังนี้เป็นถังที่ใช้ทดสอบอัตราเร่งด้วย
ระยะทางที่ใช้งาน 94.8 กม.
ปริมาณน้ำมันที่ใช้ 13.52 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 7.01 กม/ลิตร

ไม่ได้ใช้เส้นทางนี้ทดสอบนะครับ กลัวว่าจะได้ทดสอบGOAกับต้นยาง ^_^”





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:29  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 279

คำตอบที่ 20
       วันที่ 1 มกราคม 2550 เสร็จจากทดสอบอัตราเร่ง เพื่อนที่อยู่ลำปางโทรมาชวนไปอาบน้ำแร่-ลวกไข่ที่ อช.แจ้ซ้อน
ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวลำปางกันดีกว่า ได้ทดสอบอัตราสิ้นเปลืองกันอีกครั้ง
เติมน้ำมันเต็มถังที่ปั้มเชลล์ ก่อนถึงนิคมฯ ลำพูน แล้วออกเดินทาง กลับมาเติมปั้มเชลล์ที่ลำพูน ฝั่งตรงข้ามกับปั้มที่เติมเมื่อก่อนไป





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:29  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 280

คำตอบที่ 21
       ครั้งที่ 3 เส้นทาง เชียงใหม่ – ลำปาง - อช.แจ้ซ้อน – เชียงใหม่
ระยะทางที่ใช้งาน 306.2 กม.
ปริมาณน้ำมันที่ใช้ 31.76 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 9.64 กม/ลิตร

ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง 90 – 110 กม/ชม
มีถนนตรงอยู่ช่วงหนึ่ง ลองกดหาความเร็วสูงสุด พละกำลังของเครื่องยนต์ พร้อมกับเข็มความเร็วกวาดขึ้นแบบเรื่อยๆ เรียงๆ ไม่ดึงหนักเท่าเครื่อง 1KD I/C ประมาณว่าไหลมาเทมามาอย่างต่อเนื่อง จนเกือบสุดทางวิ่ง ผมเหลือบไปมองเข็มความเร็ว ชี้ไปที่ 180 กม/ชม ถ้ามีทางวิ่งต่อ ผมว่ายังไปได้อีกนิดหน่อย แต่ถ้าหากจะเทียบกับเครื่อง 2KD I/C ผมว่ากินเครื่องเบนซินไม่ลงตั้งแต่ต้นยันปลาย
เรื่องช่วงล่างในทางตรง ถ้าขับไม่เกิน 120 กม/ชม ขับได้แบบไม่เครียด การทรงตัวยังนิ่งดีอยู่ หรือจะเพิ่มความเร็วเป็น 140 กม/ชม ก็ยังเอาอยู่สบายๆ แต่ถ้าเกินจากนั้น เริ่มจะรู้สึกว่ารถเริ่มจะลอยๆ คงเป็นเพราะยางติดรถที่ให้มา ขนาด 205/70-15 กับตัวถังที่พองโต เหมือนตัวใหญ่ขาลีบ ถ้าเปลี่ยนเป็นขนาด 225/70-15 น่าจะช่วยได้อีกเยอะ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:30  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 281

คำตอบที่ 22
       กว่าจะไปถึงอช.แจ้ซ้อน ก็เย็นแล้วหละ อาบน้ำแร่เสร็จ ตัวเบาหวิว ออกมาลวกไข่ตอนมืดๆ ไข่ก็ไม่สุก หิวก็หิว
บ่อลวกไข่ อช.แจ้ซ้อน อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ถ่ายรูปตอนไปถึงก็เกือบมืด
กลับออกมาก็มืดแล้ว ผมขับมาด้วยความเร็วประมาณ 100 กม/ชม จนถึงทางแยกอะไรก็ไม่รู้ เพื่อนผมบอกว่าเป็นทางลัด
เอ้า...ไปก็ไป ถนนเริ่มแคบลงเล็กน้อย ผิวถนนบางช่วงก็ชำรุด สองข้างทางมืดมาก รถสวนแทบจะไม่มี
ในขณะที่ผมเข้าโค้งด้วยความเร็วพอสมควร ไฟรถส่องไปเห็นหลุมอยู่กลางถนน ทำให้ต้องกดเบรกแรงพอสมควร
ตากอล์ฟ ถึงกับร้องทัก การตอบสนองของเบรกสำหรับผมถือว่าอยู่ในระดับที่ไว้ใจได้
ได้ยินตากอล์ฟเปรยๆ ว่า เบรกของรุ่นนี้ แตกต่างจากรุ่นดีเซล การตอบสนองทำได้ดีกว่า
ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะผมก็ไม่เคยขับรุ่นดีเซลอย่างจริงๆ จังๆ ด้วยสิ เรื่องนี้ต้องรอให้ตากอล์ฟมายืนยันอีกที





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:30  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 282

คำตอบที่ 23
       วันที่ 8 – 9 มกราคม 2550 ต้องไปทำธุระที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็เลยได้ทดสอบอัตราสิ้นเปลืองกันอีกครั้ง
ไปถึงช่วงบ่ายๆ เสร็จธุระของวันที่ 8 แล้ว รอฟังผลอีกทีวันที่ 9 ตอนเช้า พอมีเวลาว่างก็เลยแวะไป อช.ดอยผ้าห่มปก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:31  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 283

คำตอบที่ 24
       แผนผัง เส้นทางศึกษาธรรมชาติบ่อน้ำร้อน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:31  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 284

คำตอบที่ 25
       เดินไปตามทางเดิน แต่ละจุดจะมีป้ายและคำอธิบายด้วย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:31  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 285

คำตอบที่ 26
       มาตรฐานของบ่อน้ำร้อนที่ทุกแห่งต้องมี “บ่อต้มไข่”





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:32  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 286

คำตอบที่ 27
       จู่ๆ ก็มีไอพุ่งขึ้นมา เค้าบอกว่าเป็นปล่องระบายไอร้อน ของน้ำแร่ที่กักเก็บไว้ให้นักท่องเที่ยวอาบ ผมเข้าไปใกล้ๆ โดนละอองน้ำ ก็ไม่เห็นจะร้อนเลย (โดนน้ำมนต์...ร้อนกว่าเยอะ)





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:32  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 287

คำตอบที่ 28
       บริเวณห้องอาบน้ำแร่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:33  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 288

คำตอบที่ 29
       จากบ่อน้ำร้อน เข้าไปลึกอีกนิด จะเป็นสายน้ำเล็กๆ เรียกว่า “ห้วยแม่ใจ”





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

^Top^ จาก ^Top^ 118.172.59.96 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:33  IP : 118.172.59.96   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 289

คำตอบที่ 30
       มาปาดดดดดดด
คนขยัน
สร้างความรู้สู่มวลชน
สู้ๆจ้า
(รอดูฝอยทองสู้เช่นกัน)
ขอโทษที่มาปาด..นะคะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก nanvoyage 125.27.16.40 ศุกร์, 20/6/2551 เวลา : 00:33  IP : 125.27.16.40   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 290

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,25 ธันวาคม 2567 (Online 2961 คน)