คำตอบที่ 1
       จะเอารถยนต์ที่ไม่ติดแก๊สมาเพื่ออะไรครับ ถ้าคิดจะเอาทฤษฎีเดิม ๆ มาเพื่อบอกว่าเครื่องยนต์ติดแก๊สแล้วโทรม จึงควรเลือกซื้อรถยนต์ที่ไม่ติดแก๊สมาแล้วเอามาติดเอง เรื่องนี้มันใช้ไม่ค่อยได้ผลกับ 2.7 เท่าไหร่นัก

เคยเห็น Honda City วิ่งด้วยน้ำมันเบนซินอย่างเดียวแล้วเครื่องพังไหม เจ้าของรวยไม่กล้าติดแก๊สกลัวระเบิด วิ่งทางไกลเบิกน้ำมันได้ พังคาเท้าตามเวลาด้วย ซ่อมหมดตั้งแต่ฝาสูบก็พังเพราะวาล์วทรุดหมด เครื่องก็หลวมอีกต่างหาก ส่วนคนนั้นเปลี่ยนยี่ห้อรถไปแล้ว

****************************************************************

รถเวลาจะเลือกให้เราเลือกก่อนว่าเราจะเอามาติดแก๊สอะไร อย่างเช่นเราต้องการรถมาใช้งานและตั้งใจอยู่แล้วว่าจะติด NGV
ถ้าเป็นแบบนี้เราหารถมือ 2 ที่ติด NGV มาเลยดีกว่า เพราะข้อดีคือเราได้รถราคาถูก เอาคำแอบอ้างข้างบนว่าติดแก๊สแล้วเครื่องโทรมไปต่อรองราคากับเจ้าของเดิมก็ได้ อีกทั้งเราไม่ต้องมาเสียเวลาในการติดแก๊สและประหยัดค่าติดแก๊สไปได้อีกอย่างน้อย 4-5 หมื่นบาท
วิธีการดูรถพวกนี้ คือดูว่าติดแก๊สยี่ห้ออะไรมา ติดมาจากที่ไหน คือดู 2 อย่างนี้ประกอบกัน
โดยดูจากยี่ห้อแก๊สต้องเป็นยี่ห้อตลาด ๆ แบบบ้าน ๆ ไม่ใช่ยี่ห้อเทพ ๆ หายี่ห้อตลาดที่จูนง่าย ๆ หาคนแก้ได้ง่าย ซ่อมบำรุงราคาถูก
พวกยี่ห้อที่แพง อะไหล่แพง เลิกคิดไปเลย เพราะเวลาซ่อมส่วนใหญ่คนไม่กล้าซ่อม ยี่ห้อพวกนี้สร้างภาระกับเราในอนาคตอย่าไปเลือก
ส่วนการติดให้ดูว่ามาจากร้านไหน และร้านนั้นดูแลลูกค้าที่ติดตั้งมาดีหรือไม่ ถ้ารถมีการเปลี่ยนเจ้าของยังดูแลลูกค้าดีหรือไม่ ถ้าอู่ติดแก๊สห่วย...โครต ๆ ไม่ดูแลลูกค้าหรือเตรียมลอยแพ ก็จบข่าว ต่อให้เทพขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์

ถ้าจะเอารถมาเพื่อติด LPG ก็ดูรถที่เขาติด LPG มา หลักการเลือกก็เหมือนกัน
ถ้าคิดว่ายี่ห้อแก๊สที่ติดมาไม่ดี ไม่จบ ยกทิ้งไปให้หมดเหลือแต่ถังแก๊สแล้วไปติดใหม่เลย ราคาค่าติดไม่เกิน 2 หมื่นบาท แพงกว่านี้ก็โอเว่อร์ ร้านหลอกฟัน ประหยัดค่าติดตั้งใหม่ไปได้เกือบ 1 หมื่นบาทเพราะเราไม่ต้องซื้อถังใหม่ เสียค่าติดตั้งถังใหม่ประหยัดเวลาไปได้เยอะ
กรณีรถไม่เคยติดแก๊สมาก่อนจะโดนติดตั้งใหม่เกือบ 3 หมื่นหรือมากกว่านั้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       2.ห้องเครื่องไม่เลอะเทอะเล๊ะเทะ
ข้อนี้จะไปดูทำไม ดูแล้วได้ประโยชน์อะไร



ผมยกตัวอย่าง รถผมเข้าป่าน่ะครับ ห้องเครื่องอย่าเรียกว่าเลอะ เลยเพราะมันเกินคำนั้น แต่มันคือการสาดโคลนเข้าไปในห้องเครื่อง ดูไม่ได้เลย จะล้างเองยังไม่กล้าล้าง เพราะไม่ไหวแน่นอน เลยไปหาศูนย์คาร์แคร์ที่เขาชำนาญล้างให้ทุกครั้งหลังออกมาจากป่า
สนนราคา 150-300 บาท ในการล้างห้องเครื่อง ผลงานคือใหม่ปิ๊ง ห้องเครื่องดูเรียบร้อยสวยงาม คล้ายรถใหม่ที่ออกมาจากโชว์รูม

ถ้าคนที่คิดแบบนี้ ใช้วิธีการดูรถแบบนี้ โดนต้มแน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องเก่า โบราณ วิธีแบบนี้เอามาใช้ในยุค 2014 ก็โดนแหกตาล่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       พิมพ์ google หาคำว่า testcar
จะไปศูนย์ทดสอบรถ เพื่อช่วยให้คนที่จะดูซื้อรถมือ 2 ตัดสินใจซื้อรถคันนั้นได้ โดยที่เราไม่ต้องไปหาช่างมาดูรถ
ค่าใช้จ่ายต่อคันประมาณ 3500-5000 บาท คุ้มค่าต่อการตัดสินใจซื้อรถคันนึง
วิธีนี้เหมาะกับรถยุคปัจจุบัน มากที่สุด เพราะเราไมได้มีอาชีพ อย่างพ่อค้าเต๊นท์รถมือ 2 ที่เขาตาถึงกว่าชำนาญกว่ามาก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       โอ้วได้ความรู้เพิ่มอีก มากเลย พร้อมทั้งลบความคิดเก่า ๆ ที่ผมผิดพลาดไป เช่น เรื่องความสอาดห้องเครื่อง ที่แรกผมคิดว่า เพราะเจ้าของรถดูแลดี ห้องเครื่องก็เลยสะอาด

สำหรับรถคันที่ผมจะซื้อนี้ผมต้องการติด NGV แน่นอน เพราะเน้นเอามาใช้งานในพื้นที่ ซึ่งมีปั๊มสะดวก รถเติมน้อย และประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งลงไปเยอะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       TestCar ทีแรกก็น่าสนใจ กับการเอารถที่จะซื้อไปเช็ค

แต่พอเห็นกระทู้นี้ ชักไม่มั่นใจซะแล้ว ครับ

http://rcw.ms/forums/showthread.php?t=490281

ไม่ทราบว่าปัจจุบันเป็นไงบ้าง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       ในศูนย์เทสต์รถแบบนี้ในบ้านเรามีหลายแห่งไมได้เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเทสคาร์เพียงแห่งเดียว เฉพาะในละแวกสถานที่ใกล้เคียงซีคอนของ Testcar มีร้านแบบนี้ตั้งอยู่แถวนั้นก็ 3-4 แห่งแล้วนะครับ แต่ผมรู้จักที่เทสต์คาร์เพียงแห่งเดียวเลยแนะนำไป
ในกระทู้เองก็ไม่ได้บอกว่าจากร้านใดในละแวกนี้

ส่วนร้านผมว่าเขาทำถูกแล้วทุกอย่างนะครับ เพราะร้านแบบนี้ตอนก่อตั้งมานั้น นโยบายคือไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับการซื้อขายรถหรือการซ่อมรถแต่อย่างใด เป็นเพียงศูนย์เทสต์รถ หลังจากนั้นให้ลูกค้าเอาข้อมูลไปดูเพื่อไปฟัดกันเอง หรือตัดสินใจกันเองว่ารถคันนั้นควรซื้อหรือไม่
ซึ่งเป็นประโยชน์กับคนซื้ออย่างมากในการที่เขาทักไป ซึ่งลูกค้าไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อรถคันนั้นก็ได้ เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ร้านเทสต์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด การที่ลูกค้าไปถามหาอู่ซ่อมรถจึงผิดมารยาทอยู่แล้ว เขาก็มีสิทธิ์โบ้ยยไปที่อื่น
ถึงแม้ตรงจุดที่เขาทักจะจริงหรือไม่จริง แต่หน้าที่คือเขาดูข้อมูลตามคอมพิวเตอร์และบอกลูกค้า ส่วนลูกค้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไปตัดสินใจเอง เพราะการซื้อรถคันนึงมีมูลค่าหลายแสนบาท หรือหลักล้านบาท เอาข้อมูลนั้นไปดูที่อื่นต่อเพื่อปรับปรุงแก้ไข


รถใหม่ทุกคันออกจากโรงงานก็มีกระบวนการไดโนเทสต์ 100 % แล้วเดี๋ยวนี้ เพราะต้องทดสอบประสิทธิภาพรถามมาตรฐาน สมอ.
การซื้อรถมือ 2 ก็ควรทำแบบเดียวกัน เพราะมันเป็นความรู้หรือข้อมูลที่เราควรได้ก่อนทำการซื้อรถ ซึ่งข้อมูลนั้นมีความน่าเชื่อถือค่อนข้างมาก
ยังไงก็ดีกว่าเราไปซื้อเองโดยไม่มีความรู้อะไรเลย
เต๊นท์รถไม่กล้าไปศูนย์ทดสอบแบบนี้น่ะครับ เพราะเสียเวลา แล้วก็.....ผลออกมาแบบที่เห็น ลูกค้าอาจตัดสินใจไม่ซื้อก็ได้

แสดงความคิดเห็นย่อย