WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ต้องเหลือน้ำมันไว้ในถังเท่าไหร่ ถึงจะดีกับปั๊มติ๊ก สำหรับรถติดแก็ส
tonpai753
จาก ต้นไผ่
IP:61.7.170.218

เสาร์ที่ , 8/2/2557
เวลา : 11:55

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ต้องเหลือน้ำมันไว้ในถังเท่าไหร่ ถึงจะดีกับปั๊มติ๊ก สำหรับรถ vigo ติดแก็ส


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       ผมเติมครั้งละ 500 บาทครับ ให้มันอยู่ในช่วงครึ่งถัง - 1/4 ถัง ไม่ให้ต่ำกว่านี้ครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

fongster จาก fOnGSteR 58.11.36.214 เสาร์, 8/2/2557 เวลา : 20:17  IP : 58.11.36.214   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36739

คำตอบที่ 2
       ไม่ควรต่ำกว่า 1/2 ครับ ของเพื่อนผมไหม้ไปเรียบร้อยแล้วครับ แค่ไม่ได้เติม 2-3 วันเท่ารั้ร ซื้อใหม่น่ะ 9000 กว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

vigo2700 จาก 10 ล้อ 110.171.58.99 เสาร์, 8/2/2557 เวลา : 22:50  IP : 110.171.58.99   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36744

คำตอบที่ 3
       รถถ้าติดแก๊สต้องตัดปั๊มติ๊ก ไม่งั้นอาจมีปัยหาตามมา
ถ้าตัดปั๊มติ๊กแล้ว เติมน้ำมันไว้ 1/ 4 ของถังก็เพียงพอครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 10/2/2557 เวลา : 12:33  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36753

คำตอบที่ 4
       สนับสนุนตัดปั๊มป์ติ๊กอีกเสียงครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

taka_vvti จาก TaKa_vvti 171.97.157.139 จันทร์, 10/2/2557 เวลา : 19:59  IP : 171.97.157.139   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36762

คำตอบที่ 5
       ถ้าไม่ตัดปั๊มติ๊ก ต้องเติมไว้อย่างน้อย 1/ 2 ถังเสมอ เพราะเวลาขับขึ้นเขาลงเขา น้ำมันหายไปจากเข็มวัด จากการกระฉอก ทำให้มีปัญหาปั๊มพังได้
และส่วนใหญ่ที่ไม่ตัดปั๊มติ๊ก หลายคนก็ใช้น้ำมันคาถังไว้นานมาก ทำให้สิ้นเปลือง
บางคันใช้เยอะก็ไม่เป็นไรแต่ก็เปลืองโดยไม่จำเป็นขึ้นมาอีก
ผมเลยไม่เห็นความจำเป็นเลยว่า ถ้าไม่ตัดปั๊มติ๊กแล้วมันดีกว่ากันตรงไหน ข้อดีของมันคือะไร

*************************************************

หมายเหตุ
พอดีกลับจากทินวย ซ่งไท้คราวนี้ มีข้อคิดบางอย่างย้ำเตือนเรื่องนี้ มีเหตุที่เคยย้ำคำพูดผมที่เคยเขียนสมัยเป็นบ้านหลังเก่า
รถเบนซินทุกคันเขาจะมีมุม Learning เวลาเกิดอุบัติเหตุ ปั๊มระบบวงจรน้ำมันต้องหยุดทำงาน
ถ้าเกิดติดแก๊สแล้วไม่ตัดปั๊มติ๊ก อาจจะเจอนรกเห็น ๆ
เพราะฉะนั้น ครั้งนี้หรือต่อไปนี้ผมคงพุดยืนยันแบบ 100% ว่า ถ้าจะติดแก๊สให้ตัดปั๊มติ๊กออก เพื่อป้องกันปัญหาทุกอย่างจะตามมา
ถ้าไม่ตัดปั๊มติ๊กก็อย่าคิดที่จะติดแก๊สกับอู่นั้นดีกว่า


ก็เคยมีเคสนึงโทรมาหาผม เรื่องปั๊มติ๊กนี้แหละ ติดแก๊สมานานพอควร ให้ตัดปั๊มติ๊กก็ไม่ตัด ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ แก๊สโซฮอลก็เติม 95 ก็ไม่เคยใช้ คือไม่ได้ทำตามคำแนะนำที่ให้ไว้ในเวปเลย เมื่อเกิดปัญหาปั๊มติ๊กพังซ่อมแล้วก็ไม่กลับมาเหมือนเดิม อาการอื่นก็ตามมาแถมเพิ่มไปอีก เคราะห์กรรมซ้ำ พอถึงเวลานี้หนักเข้าก็อยากหาคนแก้ปัญหา อยากได้คนตัดปั๊มติ๊ก อยากหาคนแก้ไขรถกลับมาสตาร์ทน้ำมันได้ดีเหมือนเดิม
ผมไม่ได้ซ้ำเติมท่านนะครับ แต่ว่า ในเมื่อคุณเชื่ออู่ติดแก๊ส ทำตามคำแนะนำเขามาแต่แรก คุณต้องให้เขาแก้ปัญหาให้ได้ ไม่ใช่ไปโยนภาระให้อู่อื่น หลายสิ่งหลายอย่างทำตามความต้องการของตัวเองทั้งนั้นไมได้เชื่อคำหนะนำให้เวปเลย ถึงเวลานี้ผมแนะนำแล้วจะทำตามอีกหรือเปล่าก้ยังไม่รู้ ผมเลยไม่อยากแนะนำอีก อยากให้กลับไปหาช่างอู่ติดแก๊สที่คุณทำกับเขาให้เขารับผิดชอบการกระทำหรือเวรกรรมที่เขาทำลงไป เจ้าของรถก็ต้องรับผลของการกระทำของตนเอง คือ ในเมื่อเลือกทางนั้น ก็ต้องให้อู่ที่นั้นแก้ให้ได้จนจบ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 09:09  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36796

คำตอบที่ 6
       ส่วนใหญ่ที่ไม่ตัดปั๊มจะเจอปัยหาปั๊มพัง สตาร์ทยาก น้ำมันฉีดกระจายเมื่อเกิดการรั่ว และไม่ทราบว่าอู่ติดแก๊ส จูนมาดีหรือนิ่งดีหรือไม่ เพราะถ้าไม่ตัดปั๊มบางทีไม่รู้ และสิ่งที่เจอคือยังไงก็เปลืองน้ำมัน เพราะต้องมีโอกาสใช้มากกว่า
ถ้าเวลาเกิดอุบัติเหตุเราไม่ทราบบเลยว่าระบบน้ำมันหยุดทำงานจริงหรือไม่ เพราะเครื่องยังติดอยู่เนื่องจากเราใช้แก๊ส ระบบแก๊สก็ยังไม่ตัด


ถ้ารถที่ตัดปั๊มไม่เคยเจอปัญหาเหล่านี้เลย เป็นทางเลือกที่ดีกว่า
จึงขอยืนยันคำพูดเดิม 100% ว่าต้องตัดอย่างเดียวเท่านั้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 09:18  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36797

คำตอบที่ 7
       มีวิธีเช็คยังไงว่ารถเราตัด หรือไม่ตัดปั้มติ๊กครับ คุณออโต้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Gong_AK47 จาก GonG 202.176.82.86 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 13:40  IP : 202.176.82.86   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36827

คำตอบที่ 8
       ถ้าเป็นรถเก๋งให้ถอดเบาะหลังรื้อออก ดูตรงวาล์วลูกลอยถังน้ำมันเปิดกุญแจ ON ฟังเสียง ปั๊มติ๊ก จากนั้นสตาร์ทรถเปลี่ยนเป็นแก๊สดูว่าเสียงปั๊มหายไปหรือไม่ ถ้าเป็นปิคอัพยากหน่อยคือมุดลงไปดูแต่คงฟังเสียงยาก ผมไม่แน่ใจว่าจะจับได้หรือเปล่า เวลาสตาร์ทเครื่องไปแล้ว
2.7 อาจจะลองแบบนี้ได้ถ้าเป็นเกียร์ออโต ตอนใช้แก๊สอยู่วิ่งด้วยความเร็วซัก 120 ขึ้นไป หลังจากนั้นกดเปลี่ยนเป็นน้ำมัน จะมีกระตุกนิดนึงเหมือนเปลี่ยนเกียร์เพราะน้ำมันมาไม่ทัน ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าตัดมาแล้ว และจูนมาดีมาก ถ้าความเร็วต่ำกว่านี้กดเปลี่ยนจะแทบไม่รู้สึกน่ะครับ เพราะคนจูนแก๊สเขาก็เทพของวงการแก๊ส...พอควร ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้
ถ้าจากน้ำมันเป็นแก๊ส ยิ่งหาความต่างไม่เจอ เพราะช่วงนั้นมันหน่วงเวลาเอาไว้

ส่วนถ้าเป็นรถเก๋ง ใช้วิธีนี้ไมได้น่ะครับ ยิ่งใช้เกียร์ CVT ด้วยแล้วใช้วิธีนี้ไม่ได้ผลน่ะครับ ยกตัวอย่างรถ Vios ของแฟนผมที่จารย์รุ่ง ปากน้ำบางคล้าติดแก๊สให้ผมนั้น ไม่รู้สึกจริง ๆ แม้จะตัดปั๊มติ๊กแล้ว จับความรู้สึกยากมาก เรียกว่าคนทั่วไปจับไม่ได้เลย เพราะรถเก๋งทอร์คมาน้อยกว่า กล่องจูนแก๊สก็จูนละเอียดมาก แบบไม่มีข้อติเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้จับความรู้สึกไม่ได้เลยว่าตัดปั๊มติ๊กแล้ว ตอนเปลี่ยนเชื้อเพลิงหาอาการสดุดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วไหน รถเก๋งคงต้องใช้วิธีถอดเบาะ




แต่รถยนต์โดยมากแล้ว ส่วนใหญ่แทบทุกอู่จะไม่ตัดปั๊มติ๊กน่ะครับ เพราะทุกอู่อยากจบงาน เร็ว ๆ ไม่มีใครอยากหาเรื่องทำงานเพิ่มหรอก ถ้าไมได้ตัดปั๊มติ๊ก อู่ยังไงก็หลอกลูกค้าได้อยู่ดี เวลาตัดต่อแก๊สน้ำมัน ไม่มีสดุด ลูกค้าก็หลงเข้าใจไปเองว่า...... เนียน ...
เพราะตัดปั๊มติ๊กแล้วถ้าไม่จูนลล่ะเอียดจริง ๆ จะเห็นอาการ ของผมเอง ขนาดเซียนแก๊สจูนให้ ยังต้องมีอีก 2 -3 รอบ
พวกเรา 2.7 รุ่นแรก ๆ ทั้งหมดที่ตัดปั๊มติ๊กกันมา HAPPY กันหมดทุกคน และถ้ามีรถอีก ทุกคนก็เลือกที่จะตัดปั๊มติ๊กอย่างแน่นอน เพราะข้อดีมีเยอะกว่า ข้อเสียแทบไม่เจอจริง ๆ



ขอบคุณครับ ต้องลองเช็คดูแล้ว
จาก : Gong_AK47(Gong_AK47) 12/2/2557 9:08:58 [202.176.82.86]
 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 14:07  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36828

คำตอบที่ 9
       สำหรับรถ 2.7 ฟังเสียงปั๊มยากครับ ผมใช้วิธีวัดไฟเลี้ยงปั๊ม

ที่ใต้เบาะนั่งหน้าซ้าย จะมีชุดสายไฟที่ลอดผ่านออกไปใต้ท้อง จะมีสายไฟสีดำ-แดง เป็นสายไฟที่มีขนาดใหญ่กว่าเส้นอื่นในชุดนั้น เป็นสายไฟ 12V เพื่อไปเลี้ยงปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงให้ทำงาน

ให้ใช้มิเตอร์วัดไฟที่สายไฟเส้นนี้ในขณะที่เปลี่ยนไปใช้กาซ ถ้าไม่มีไฟมาแสดงว่าได้ตัดการทำงานปั๊มไปแล้ว รถบางคันจะมีกล่องหน่วงเวลาตัดปั๊ม อาจต้องรอเวลาสัก 1-2 นาทีเพื่อให้กล่องสั่งตัดปั๊มก่อน ค่อยวัดไฟที่ไปเลี้ยงปั๊ม





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

SR5-33 จาก SR5-33 115.67.228.222 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 14:54  IP : 115.67.228.222   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36829

คำตอบที่ 10
       2.7 ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าตัดปั๊มติ๊กหรือไม่ และทดลองตามวิธีของคุณ Auto ก็ไม่สามารถแยกได้ว่าตัดหรือไม่ เราจะทำอย่างไรครับ โปรดแนะนำด้วย ไม่มีความรู้จริง ๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pramochtma จาก น้าหน่อง 58.137.44.58 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 15:03  IP : 58.137.44.58   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36830

คำตอบที่ 11
       ถ้าเป็น 2.7 ทดลองตามผมบอกได้ครับ ถ้าไม่แน่ใจทำตาม คุณ SR5-33 เพราะส่วนใหญ่เวลาช่างตัดปั๊มต้องดึงสายไฟจากตรงนั้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 11/2/2557 เวลา : 16:44  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 36831

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,25 ธันวาคม 2567 (Online 1384 คน)