WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ซื้อปิคอัพ 4x4 รุ่นไหนดี จาก Maldini
Auto.
จาก Auto
IP:202.80.239.130

ศุกร์ที่ , 6/2/2558
เวลา : 17:03

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       รุ่นใหม่ ALL NEW HILUG มีมั้ยครับ 2.7 4WD 4Doors AT ถ้าไม่มีควรซื้อรุ่นไหนดีครับ สี่ประตู 4WD กำลังจะออกรถใหม่
ใช้เก๋งอยู่หลายปีแล้ว
http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota2700club/question.asp?page=6&ID=380
*******************
ตอบยาวล่ะครับเดี๋ยวต้องแยกไปตั้งกระทู้แล้วหาเวลาตอบให้ใหม่ครับ ว่าแต่ต้องการอะไรจากรถคันนี้หมายถึงชอบคุณสมบัติเด่น ๆ ข้อไหนบ้างจะได้แนะนำถูก
by Auto




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       สมมุติกรณีเลือกรถปิคอัพ 4X4 คือถามก่อนว่าต้องการอะไรแบบไหน อย่างเช่นต้องการซ่อมง่ายอะไหล่ถูก ต้องการนั่งสบายหรือต้องการอะไรจากมันอันนี้ต้องแยกให้ได้ก่อนเพราะแต่ละค่ายมันจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน
อันดับแรกให้เลือกมาก่อนว่าต้องการรถอะไรไปใช้งานแบบไหน ของคุณ Maldini คือต้องการรถปิคอัพ 4X4 ผมไม่แน่ใจว่าต้องการใช้รถไปบรรทุกอะไรหรือไม่หรือว่าการใช้งานต้องการไปบุกป่าข้ามเขาด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ถึงขนาดบุกป่าฝ่าดงวิ่งแค่ทางเรียบธรรมดา หารถ SUV 4x4 เอาก็ได้ประเภท CRV Subaru XV อะไรทำนองเนี๊ยะ ให้อยู่ในงบระมาณเดียวกัน เพราะปิคอัพจะแกร่งกว่าแข็งกว่า ทรงตัวแย่กว่า ถ้าเคยขับเก๋งมาก่อนอาจไม่ชอบ เดี๋ยวนี้ราคาน้ำมันเบนซินดีเซลไม่ต่างกัน การใช้รถเบนซินที่ประหยัดน้ำมันสูง ๆ 12-15 km/l เป็นทางเลือกที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 ศุกร์, 6/2/2558 เวลา : 17:03  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41272

คำตอบที่ 2
       สมมุติกรณีเลือกรถปิคอัพ 4X4 คือถามก่อนว่าต้องการอะไรแบบไหน อย่างเช่นต้องการซ่อมง่ายอะไหล่ถูก ต้องการนั่งสบายหรือต้องการอะไรจากมันอันนี้ต้องแยกให้ได้ก่อนเพราะแต่ละค่ายมันจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน

ผมคุยถึงเรื่อง Hilux 2.7 4x4 ก่อนนะครับ
ตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะเอามาทำตลาดหรือไม่ แต่รุ่น 4x2 มีแน่นอนยังคงทำตลาดต่อไป แต่ในอนาคตอาจจะค่อย หยุดการทำตลาดไปก็เป็นได้เนื่องจากปี 2559 บ้านเราจะถูกบังคับใช้กฎหมายใหม่จะเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยมลพิษ co ซึ่งเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่อย่าง 2.7 จะโดนผลกระทบเต็ม ๆ ทำให้ราคารถยนต์จะแพงขึ้นอย่างน้อย 10% ในขณะที่ดีเซลผ่านสบายถ้าทำเครื่องยนต์ใหม่ออกมาราคารถปิคอัพดีเซลอาจจะไม่ขยับขึ้นเลยเพราะภาษีแต่ในขณะที่ 2.7 โดนแน่ ๆ อีกทั้งราคาน้ำมันถ้าตกต่ำยาวนานรวมถึงราคาแก๊สที่พยายามจะปรับขึ้นให้ได้มากกว่านี้อีก ทำให้ความได้เปรียบจะอยู่ที่การซื้อปิคอัพดีเซลมากกว่า ในอดีตตั้งแต่ปี 2005 ที่ปิคอัพวีโก้ออกมาสู่ตลาดพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 และดีเซล 2.5 กับ 3.0 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและราคาแก๊สขณะนั้น ใช้ 2.7 ได้เปรียบมาก รวมถึงเสปกเครื่องยนต์แรงม้าและแรงบิดด้วย แต่เวลาผ่านมา 10 ปีพอดิบพอดี สมการอาจจะเปลี่ยนไปในวันนี้ก็ได้ เพราะวันนี้ทาง TOYOTA จะเอาเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ออกมาเพื่อให้ผ่านภาษีมลพิษที่เก็บปี 2559 เครื่องยตนต์เล็กลงแต่จะมีแรงม้ามากที่สุดในตลาดประมาณ 200 แรงม้าขึ้นไป อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าข้อมูลที่ผมให้ไว้ ในอดีตอนาคตผ่านไป 10 ปีมันอาจจะเก่าเกินไปจนใช้การไม่ได้แล้วก็เป็นได้
ในขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซินตลาดโลกยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด ซึ่งเครื่อง 2.7 ส่วนใหญ่ขายในตลาดโลกเป็นหลักไม่ได้ขายในไทยเป็นหลัก ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ก็พอใจสมรถถนะความทนทานและการใช้งานตัวนี้อยู่แล้ว ถ้า TOYOTA THAILAND จะทำอย่างเดิมก็ทำได้คือไม่ขายปิคอัพเบนซินในไทยแล้วหันมาทำตลาดดีเซลเพียงอย่างเดียว เพราะอนาคตถ้าเป็นแบบนี้ยอดขายปิคอัพเบนซินในไทยอาจจะอยู่ที่เดิมคือเดือนล่ะ 200 คัน ไม่คุ้มค่าที่จะโยกไลน์ผลิตอีกต่อไป ถ้าจะให้ TOYOTA ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ 2.7 เพื่อให้ผ่านภาษีมลพิษปี 59 จะต้องใส่เทอร์โบเข้าไปที่เครื่อง 2.7 จึงจะทำสเปกได้ตามเกณกฎหมายกำหนด แต่สิ่งที่แถมตามมาด้วยนั่นคือ
1. ความแรงเครื่องยนต์จะกลายเป็นมากกว่า 200 แรงม้า ซึ่งยังไงทาง TOYOTA จะต้องหาทางตอนแรงม้าลงให้น้อยกว่า 200 แรงม้า ไม่งั้นโดนภาษีอ่วมอรทัยจนขายไม่ได้ ซึ่ง Ford New Everest เป็นตัวอย่างที่ตัดสินใจไม่เอาเครื่องเบนซิน Ecoboost ลงตลาดเมืองไทยแล้วเพราะแรงม้าเกิน 240 แรงม้า เสียภาษีมากเกินไปจนทำให้ราคารถยนต์ทะลุเกิน 2 ล้าน จึงต้องเอาเครื่องดีเซล 2.2 และ 3.2 เข้าตลาดแทน
2. ราคาเครื่องยนต์เบนซิน ต้นทุนที่เพิ่มจากเดิมในการมีเทอร์โบไม่ได้ต่างอะไรจากการโดนภาษีเลย อาจจะมากกว่าด้วย เพราะว่าต้นทุนที่เพิ่มเทอร์โบเข้าไปต้องมีประมาณ 70,000-1xx,xxx กว่าบาท ซึ่งมันไม่ตอบสนองกับคนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขับเบนซินแล้วมีเทอร์โบด้วย บนท้องถนนหายากแน่นอนสำหรับคนขับรถแบบนี้
3. ราคาที่เพิ่มขึ้น + ความแรงที่เพิ่มขึ้นถ้าเอาเทอรโบมาลงกับ 2.7 ทาง TOYOTA จะไม่ทำตลาดล่างอีกต่อไปแล้วกับรถกลุ่มนี้อาจจะต้องทำตลาดเฉพาะกลุ่มคือ กลุ่มรถ PPV 4X4 ระดับบนคือ Fortuner ใหม่ หรือ Hilux 4x4 ใหม่ ตัว Top ซึ่งดูแล้วเป็นไปได้ยากกับตลาดเมืองไทย ที่จะทำแบบนั้น และราคาน่ะทำใจเลยว่าแพงกว่ารุ่นที่ใช้ดีเซลแน่นอน บ้านเราคงไม่กล้าซื้อรถแบบนี้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 ศุกร์, 6/2/2558 เวลา : 17:04  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41273

คำตอบที่ 3
       ตอนนี้ถ้าทำใจร่ม ๆ รอดูรถใหม่ของ TOYOTA ที่จะเปิดตัวก่อนดีกว่ามีรุ่นอะไรบ้างแล้วราคาด้วย + Option ลองเทียบค่ายอื่น ๆ ดูก่อน
อย่างที่บอกลองสำรวจความต้องการตัวเองก่อนครับ ว่าต้องการอะไรจะได้เจาะลึกลงไปให้อีก



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 ศุกร์, 6/2/2558 เวลา : 17:16  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41274

คำตอบที่ 4
       ต่อด้วยเรื่อง 2.7

ในเครื่องเบนซินที่มีเทอร์โบ ถ้าเป็นรถระดับล่าง ๆ บ้านเรารับประกันได้ว่าขายไม่ออกครับ บทเรียนมีมาแล้วคือสมัยก่อนที่ TOYOTA นำเข้ารถ TOYOTA STARLET จากญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดในไทยก็จะใช้เครื่อง 2E เป็นหลักตัวเดียวแต่ที่ญี่ปุ่นก็จะเป็นเครื่อง 2E- Turbo ต่อมาก็เปลี่ยนโมเดลรถและเปลี่ยนเครื่องเป็น 4E-FE แต่ในญึ่ปุ่นก็จะเป็น 4E-FTE เทอรโบ
ต่อมาในรถวีออสปี 2002-2005 มีการนำเอาเทอร์โบมาลงตลาดด้วยแต่ว่ายอดขายไม่วิ่งก็เป็นไปตามที่คิดไว้ ราคารถ 7xx,xxx กว่าบาทในสมัยนั้นลูกค้าไม่มีการตอบสนอง ถ้าเทียบกับรุ่นปกติที่เริ่มต้น 4xx,xxx-6xx,xxx บาท
บทเรียนต่อมาก็เป็นของ Nissan Pulsar Turbo รุ่นปัจจุบันนี้ทาง Nissan Motors Thailand เอามทำตลาดในไทยด้วยนอกเหนือจากการส่งขายกลับไปญี่ปุ่น ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 9xx,xxx กว่าบาท แน่นอนว่ายอดขายไม่วิ่งเลย ลูกค้าทั่วไปไม่ให้ความสนใจจะซื้อ
บทเรียนล่าสุดกลายเป็นของ Ford Fiesta Ecoboost หลังจากเจ็บปวดกับเครื่องดีเซลมาก่อนจึงหันมาทำตลาดเบนซิน Ecoboost แทน เครื่อง 1.0 แต่พละกำลังเหลือเฟือมากวิ่งกระฉูด แถมประหยัดน้ำมันมาก กระบะดันรางแบบชาวบ้านไม่สามารถสู้รถพวกนี้ได้เลย แต่อนิจจา นี่คือตลาดเมืองไทยยอดขายรถเบนซินเทอร์โบไม่มีใครซื้อหรือสนใจ คนไทยชอบแรงโม้กันในวงสนทนามากกว่าหรือเอาชุด พาร์ทบ้าน ๆ หรืองานคลองถมมาแต่งกันแล้วแปะตราสติกเกอร์ V6 มั่ง เทอร์โบมั่ง Monster มั่ง แรลลี่อาร์ตมั่ง TRD มั่ง มากกว่าจะซื้อรถที่มีเครื่องเทอร์โบจากโรงงานโดยตรง

เพราะฉะนั้นข้อมูลเหล่านี้ค่ายรถยนต์มีข้อมูลในมือทั้งนั้นว่าถ้าทำเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบจากโรงงานมาขาย ไปไม่รอด คือเจ๊งแน่นอน เมื่อลูกค้าคนไทยไม่ซื้อจะทำมาทำไม จึงเป็นไปได้ว่าในรุ่นแรก New Hilux จะมีการทำตลาด 2.7 เบนซินอยู่หลังจากนั้นถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนจะเลิกทำตลาด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 10:48  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41276

คำตอบที่ 5
       ถ้ามีการเปรียบเทียบเครื่องยนต์ 2.7 กับดีเซลยุคก่อนปี 2012 ในเครื่อง 2.5 และ 3.0

ถ้าเปรียบกันตอนนั้นถือว่า 2.7 เบนซินได้เปรียบพอสมควรทีเดียว เนื่องจากเบนซินแรงกว่า 2.5 ยกเว้น แพ้ 3.0 ทุกระยะแต่การกินน้ำมันก็ไม่ห่างกันนักเพราะเครื่อง 3.0 ก็ไม่ได้ประหยัดซักเท่าไหร่ พอ 2.7 เบนซินจับมาติดแก๊สซึ่งราคาแก๊สตอนนั้น 10.x จนขึ้นมา 11-12 บาท / ลิตรก็ยังคุ้มค่ากว่าใช้ดีเซล ในขณะที่เครื่องยนต์มีความทนทานและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงต่ำมากกว่าเครื่องดีเซล
จริง ๆ แล้วเบนซิน 2.7 ไม่ได้มีอะไรจุกจิกที่ต้องซ่อมเลย เพียงแต่จับหลักง่าย ๆ ไว้ 3 ข้อเท่านั้นเอง
1. ทีระยะ 1.5 แสนกิโลเมตรทุกการใช้งาน ให้เปลี่ยนชุดหล่อเย็น ปั๊มน้ำวาล์วน้ำ ฝาหม้อน้ำ ท่อบายพาสให้ครบหมดในครั้งเดียว
1.1 ถ้าติดแก๊สต้องเพิ่มการเปลี่ยนชุดแก๊สไปด้วยที่ระยะ 1.5 แสนโลทุกการใช้งานถ้าติดแก๊สควรเปลี่ยนชุดแก๊สหัวฉีด หม้อต้ม หรืออื่นๆ ของชุดแก๊สครั้งใหญ่ในคราวเดียวกันให้หมดไม่ว่าจะเสียหรือไม่เสียก็ตาม
2.ตัดปั๊มติ๊กถ้าติดแก๊สแล้วใช้เฉพาะน้ำมันเบนซิน 95 เท่านั้น
3. อย่าดัดแปลงเครื่องยนต์หรือตบแต่งของเครื่องยนต์ การซ่อมควรใช้เฉพาะของแท้ติดรถเท่านั้น เพราะ 2.7 เอาจริง ๆ เปลี่ยนของแท้ซ่อมโดยไม่ดัดแปลงจะเป็นรถที่ไม่เจอปัญหาอะไรเลย

ถ้าจำหลักง่าย ๆ 3 ข้อนี้ไว้จะสามารถใช้ 2.7 ได้ยาว ๆ โดยที่คุณจะเจอปัญหากับมันน้อยมาก แต่โดยทั่วไปคนทั่วไปไม่ค่อยได้ทำตามคำแนะนำเลยดูว่าเป็นรถจุกจิกหรือเกิดปัญหา โดยเฉพาะเรื่องชุดซ่อมแก๊สเปลี่ยนยกชุดในครั้งเดียวง่ายกว่าไม่ต้องคลำหาสาเหตุหรือไปสร้างปัญหาภายหลังซึ่งเราไม่ใช่ช่างหรือมีช่างรู้ใจจะไปวิเคราะห์อาการซ่อมทีละอย่างมันก็ปวดหัวกับเราเกินไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 11:12  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41277

คำตอบที่ 6
      
แต่พอเข้ามาปลายยุค 2013-2014 กลายเป็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ของโตโยต้าพัฒนา VN Turbo ขึ้นมาทั้งแรงและประหยัดขึ้น คือเหนือกว่า 2.7 ไปแล้ว แม้กระทั่ง 3.0 เองก็เช่นกันเครื่องแรงขึ้นและประหยัดขึ้น + กับสถานการณ์ราคาแก๊สที่ขยับตัวขึ้นมาเป็น 14.45 บาท / ลิตร ถ้าในภาคเหนือ จังหวัดตากขึ้นไปราคาแก๊ส 16 บาทกว่า บางพื้นที่ใช้รถติดแก๊สแบบนี้อาจไม่คุ้มเท่ากับรถใช้น้ำมันดีเซล ยกเว้นคนวิ่งในเขตที่มีปั๊มแก๊สมากและราคาแก๊สต่อลิตรไม่แพงนัก
แต่ที่พูดกันอยู่นี้ทั้งเครื่อง 2.5 ดีเซล กับ 3.0 ดีเซลของ TOYOTA มันจะกลายเป็นอดีตในเดือนหน้านี้แล้ว เพราะทั้ง 2 รุ่นนี้กำลังจะกลายเป็นเครื่องตกรุ่นของการพัฒนา เครื่อง 2 ตัวนี้จะว่าไปมันก็นานครบ 10 ปีพอดีถ้านับช่วงยุค D4D ไปด้วยละก็เครื่องดีเซลคอมมอนเรล เครื่องดีเซล 2.5 และ 3.0 มันอยู่นานจะ 20 ปีแล้ว คือดีเซล 2 ตัวนี้มันตกยุคแล้วนั่นเองคือมันไม่น่ามองแล้วล่ะ


แต่ในเดือนหน้าที่ Hilux จะออกตัวใหม่มันมาพร้อมกับเครื่องใหม่ก้าวผ่านไปอีกยุคนึงที่จะนับต่อจากนี้ มีทั้งเครื่องดีเซล 2.4 รุ่นประหยัด และ 2.8 ที่แรงที่สุดในตลาดทั้งหมดกำลังจะออกมา ซึ่งมาตรฐานไอเสียมาตรการใช้น้ำมันจะถูกปรับเปลี่ยนไปทั้งหมด เป็นการก้าวผ่านยุคคอมมอนเรลช่วงแรกออกไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าเครื่อง 2.7 จะยังไม่ตกยุคเหมือนเครื่องดีเซล 2.5 กับ 3.0 ที่มันกำลังจะกลายเป็นอดีต แต่ว่าเครื่อง 2.7 ชั่วโมงนี้เป็นเครื่อง 10 ปีที่แล้วจะให้สู้กับเครื่องดีเซล 2.4 2.8 ยุคใหม่ตอนนี้คงไม่ได้ ส่วนเครื่องดีเซลเดิม 2.5 กับ 3.0 ลืมมันไปเสียเถิด เพราะอนาคตจะต้องหยุดการผลิตลงแล้วต่างกับเครื่อง 2.7 ที่จะยังผลิตต่อไป ถ้า 2.7 ไม่ปรับเครื่องใหม่ยังไงก็สู้เครื่องดีเซลใหม่ที่กำลังจะมาถึงไม่ได้แน่นอน




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 11:30  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41280

คำตอบที่ 7
       ขอบคุณมากครับกับความรู้ดีๆและข้อมูลข่าวสาร คือจะเอารถไปใช้ต่างจังหวัดครับ (อ.เสิงสาง จ.โคราช) ส่วนใหญ่ก็เข็นพวกเบียร์ เหล้า อาหารไปขายที่เขื่อนลำปลายมาศ
วันว่างๆก็ใช้เข้าไปดู ไร่มันสำปะหลัง ซึ่งถนนดินบ้าง ลูกรังบ้าง เข้าทุ่งนา ดูข้าว และกะว่ามีไว้เผื่อได้ไปออกทริปกับกลุ่ม K. Auto ด้วยครับ อยากไปแต่ยังไม่มีรถและโอกาสได้ไป

ทำตามที่พี่ Auto บอก เดี๋ยวทำใจร่มๆรอดู Spec New Hilug ก่อนค่อยว่ากันอีกที



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

maldini จาก Maldini 203.156.150.2 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 11:32  IP : 203.156.150.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41281

คำตอบที่ 8
       ความคิดของผมนะ เรื่องไอเสีย รถผมวิ่งมาปีสี่เดือน สามหมื่นโลนิสๆ ใช้ E85 พอเครื่องร้อนแล้วไปนั่งดมท่อไอเสียไม่มีกลิ่นอะไรเลย ผมว่านะ ถ้าปรับปรุงเรื่องไอเสีย ให้เหมือนกับที่ดีเซลทำ EGR ออกมาก็น่าจะดีนะครับ ( ปรับกล่องให้ใช้ E85 ด้วยเลยจบๆ ) เดี๋ยวจะทำคลิปเรื่องกลิ่นไอเสียมาให้ชมกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ooAmmYoo จาก แอม 171.5.138.250 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 12:29  IP : 171.5.138.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41282

คำตอบที่ 9
       1. Ford Ranger เฉพาะตัว ไวลด์แทรค 3.2 (อย่าเอาตัวอื่นมาเกี่ยวข้อง) รถใหญ่สะใจดีแข็งแกร่งบึกบึน Option ครบเพียบ ที่สุดในกลุ่ม ซื้อมาแทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว แต่งสวยนิดหน่อยก็พอ
ข้อเสีย 1.1 รถใหญ่หนักถ้านำไปลุยป่าจริง ๆ บางทีมันไม่ค่อยเหมาะกับบ้านเราที่มีพื้นที่แคบ ๆ ช่องแคบ ๆ สู้ในออสเตรเลียไม่ได้
1.2 อะไหล่แพงกว่าเจ้าตลาดไม่มากนัก แต่อะไหล่ซ่อมนอกศูนย์เทียบเจ้าตลาดไม่ได้เลย
1.3 ระยะยาวใช้งานเกิน 10 ปี สู้เจ้าตลาดไม่ได้เมื่อถึงเวลานั้น แต่ถ้าใช้ไม่ยาวรถอะไรก็ได้
1.4 ซื้อป้ายแดงหรือมือ 2 รถแบบนี้ ผมไม่เห็นความแตกต่างนักเพราะว่า เข้าศูนย์ทุก 15000-20000 โล กว่าจะได้เคลมอะไรแต่ล่ะที อีกทั้งฟรีค่าแรงแค่ 3 ครั้งเองมั้ง แต่โตโยต้าให้ 5 ครั้ง
1.5แต่งเยอะมากเสี่ยงไฟโชว์

2. Mazda BT 50 Pro 3.2 (อย่าเอาตัวรุ่นล่างมาเกี่ยวข้อง) Option ครบราคาตอนซื้อถูกกว่า Ford แต่ไม่รู้มี Rear Diff lock มาให้หรือเปล่าผมเห็นรุ่นแรกไม่มี รถตบแต่งออกมาลงตัวแต่งต่อได้ยากกว่าเจ้าตลาดที่ทำไว้กลาง ๆ ที่ให้เสียเงินต่อไปเยอะกว่าจะได้ดี แต่มาสด้าจัดมาเต็มแต่แรกแนวออกไปทางคล้ายรถเก๋ง
ข้อเสีย 2.1 คล้ายกับ FORD แทบทุกข้อ ศูนย์บริการบางครั้งเข้าไปก็ไม่มีอะไหล่ รอตลอด สำหรับมาสด้าบ้านเราเรื่องปิคอัพการลุย 4x4 ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่นักเพราะกิจกรรมด้านนี้น้อย เน้นรถขับสนุกมากกว่า ขออนุญาตใส่ความเห็นส่วนตัวเข้าไปนิดนึง รถมาสด้าที่ผมจะเล่นคือสปอร์ตโรดเสตอร์เปิดประทุนที่มีชื่อเสียงของมาสด้าผมว่าเป็นรถที่มีอนาคตระยะยาว คือมีกลุ่มมีคลับชัดเจนทั้งในและต่างประเทศสำหรับคนรักมาสด้ามีอะไหล่ระยะยาวตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนเป็นตำนานของรถ ส่วนรุ่นอื่น ๆ ของมาสด้าก็งั้น ๆ ช้าเร็วกาลเวลาก็มักเสื่อมความนิยมลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีแรงดึงดูดเหมือนสมัยแรก ๆ ผมเลยมองว่ามาสด้าทุกรุ่นยกเว้นสายพันธ์ MX5 จึงเป็นรถที่ไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไหร่ ยกเว้นช่วงแรก ๆ ของการเปิดตัว

3. Nissan เป็นรถที่ทำออกมาแล้วไม่รู้เพราะอะไรเวอร์ชั่นบางตัวที่อะไหล่บางตัวที่ทางผู้ผลิตทางฝั่งอเมริกาไม่ค่อยซัพพอร์ตมาให้ ข้อดีคือราคารถไม่แพงเท่าไหร่ได้ของแถมเยอะจุกจิกน้อยอะไหล่ไม่แพงเกินไป ข้อเสียอื่น ๆ คงหาของแต่งได้ยากไม่ค่อยสวยถูกใจเท่าไหร่

4.Mitsu ชื่อเสียงดีอยุ่แล้วทำอะไรมาก็ขายได้สำหรับรถแบบนี้ แต่ว่าข้อเสียคือเป็นรถที่อะไหล่แพงมากทุกรายการ เข้าศุนย์ซ่อมจะรู้เลยว่าต่างจากเจ้าตลาดพอควรอีกทั้งศูนย์ดี ๆ หาแทบไม่ได้ ตอนซ่อมระยะยาวผมว่าแพงกว่ามากส่วนตัวเลยไม่ค่อยชอบเพราะเหตุนี้เนื่องจากผมใช้รถคันนึง 15-20 ปี Mitsu จึงไม่อยากเล่นอีกแล้ว อย่างTriton เปลี่ยนสายพานราวลิ้นก็หมื่นกว่าบาท แต่โตโยต้า 5xxx กว่าบาททำในศูนย์เหมือนกัน อีกทั้งศูนยืมิตซูกับโตโยต้ามันผิดกัน เลยเบื่อมิตซู แต่มิตซูข้อดีคือมีอะไหล่แต่งสำหรับงานออฟโรดแน่นอนและมีดีดีเพียบ อะไหล่มือ 2 มักเข้ามาเสมอ ๆ

5. Chevrolet ปัจจุบันชื่อเสียงป่นปี้ไปมากเนื่องจากสร้างปัญหาไว้เยอะกับลูกค้าและทำไว้เยอะกับรถหลายรุ่น ลูกค้าหน้าเก่าหน้าใหม่หายหน้าหายตาไปกันหมด ถึงแม้รถปิคอัพจะปัญหาน้อยที่สุดก็ตาม อีกทั้งยอดขายปัจจุบันต่ำเตี้ยติดดินกว่าที่แปลนงานไว้แต่แรก ดูท่าจะไม่มีทางฟื้นได้
ข้อดีข้อเสียหลักเลย ซื้อป้ายแดงหรือมือ 2 ผมไม่เห็นว่าจะได้รับประกันอะไรเลย รวมถึงงานซ่อมเช็คระยะทั่วไปด้วย เพราะศูนย์กับบริษัทแม่แทบไม่ได้รับผิดชอบงานประกันหรืองานซ่อม อย่างเช็คระยะครั้งนึงของปิคอัพที่ 2 หมื่นโลฟังเหมือนดูดีราคาถูกแต่ที่จริงราคามันแพงกว่า เจ้าตลาดเช็คระยะ 10,000-20,000 โลรวมกันซะอีก ลูกค้าส่วนใหญ่ออกไปถ่ายน้ำมันเครื่องเองข้างนอกเฉย ๆ ตามปั๊ม โดยไม่เช็คระยะรถ ทำให้รถใหม่ ๆ กลายเป็นรถไม่มีการดูแลอะไรเลยประกันขาดทั้งนั้น

6.Volksawagen Amarok มีตังงค์เหลือก็ซื้อครับ ถ้ารวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด
ข้อเสีย มีแค่ 2 ข้อ คือ 1 รถมันอยู่ในมือยนตรกิจ 2. คนทั่วไปไม่มีความรู้เรื่องรถเขาคงไม่แคร์อะไรกับรถคันนี้ มองผ่านไปเหมือนของไร้ค่าหรือว่าท่านโง่และบ้าที่ซื้อรถแบบนี้มา แต่ถ้าคนรู้เรื่องรถเขาอาจจะมองเจ้าของรถคนเปิดประตูลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้ารวมถึงพยายามมองตามรถคันนี้หรืออาจมาขอถ่ายรูปหรือถามเจ้าของรถบ้าง

7.Land Rover Defender มีตังค์เหลือก็ซื้อครับ คนเล่นรถเขารู้อยู่แล้วว่าท่านขับรถอะไรนอกจากคนไม่รู้ก็ผ่านไปเลยอย่าไปสนใจ
วันนี้วันหน้าก็เก็บไว้ได้ ขายต่อก็มีราคา อีก 20-30 ปี ก็มีคนเล่นต่อให้มันเป็นซากรถก็เถอะ เป็นรถที่เก็บได้นานมากกว่าใคร
ข้อเสียไม่ต้องซ่อมอะไร แต่พอจะซ่อมนี่ก็ควานหาอู่กับอะไหล่เยอะ ราคาแพงตั้งแต่ซื้อยันอะไหล่ รถไม่ค่อยได้ใช้ทุกวันหรือเหมาะเอามาใช้ทุกวัน มีไว้ประดับบารมีจริง ๆ ถ้าคิดเอามาใช้งานทุกวันไม่เหมาะครับ

8.ISUZU ฉายานี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เขาทำอย่างนั้นจริง ๆ รถที่ขายออสเตรเลียกับทวีปยุโรป โครเอเชีย Option ต่างจากบ้านเรามาก ของบ้านเราแทบไม่ได้ให้อะไรมาเลย แล้วก็ขายแพงอันเป็นนิสัยติดตัว งานประกอบ Matching จัดว่าห่วยสุดละและไม่ค่อยแก้ไขเรื่องนี้ คือไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ เลย แต่ข้อดีคือเจ้าตลาดเคลมง่าย ไม่ค่อยมีปัญหากับลูกค้าหรอก รถแรงประหยัดแต่งได้ดี แต่ใช้ยาว ๆ 10 ปีผมให้เครดิตโตโยต้าเรื่องเครื่องยนต์จะเหนือกว่าหลังจาก 10 ปีไปแล้ว รถมันโยน ๆ โคลง ๆ นิดหน่อย ชื่อเสียงเครื่องยนต์ยุค DI มันหมดไปนานแล้วเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีก รถคอมมอนเรลคุณภาพไม่ห่างกันมาก เก่า ๆ แล้วกลัวปัญหาเรื่องระบบอิเล็คทรอนิกส์ของ ISUZU อีกทั้งมักหาอะไหล่ไม่ค่อยได้พวกกล่องคุมเครื่องกล่องหัวฉีด กล่องเกียร์ออโต ขนาดศูนย์ยังไม่มีเลย อีกทั้งอะไหล่พวกนี้มันไม่ได้ใช้ร่วมกับรถที่ขายต่างประเทศ

9. TOYOTA ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยุ่ แต่อย่าไปคาดหวังว่าอะไหล่มีครบ ต้องรอเหมือนกัน บางทีรอนานก็มี อนาคตอะไหล่มีแต่จะแพงขึ้น อย่างอื่นคงไม่บรรยายแล้วมั้ง

คือสรุปง่าย ๆ รถถ้าใช้ไม่เกิน 10 ปี คุณจะเล่นรถอะไรก็ได้ทั้งนั้น มันไม่ได้ซ่อมอะไรมากมายหรอก ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุหรือซวยจริง ๆ ที่รถมี Defect รถทั่วไปดูแลตามระยะ ปี 5-7 จึงจะเริ่มมีการซ่อมแต่มันไม่ใช่ซ่อมหนักอะไรจะเก็บไว้ใช้ต่อก็ได้หรือขายที่ระยะนี้ก็ได้ มันแค่เริ่มซ่อมบางจุดที่สึกหรอตามระยะทางการใช้งานเท่านั้น จะเริ่มมากขึ้นก็ปี 8-10 เป็นต้นไปอยู่ที่เจ้าของดูแลรถมาดีแค่ไหนตั้งแต่ป้ายแดงถ้าดูแลมาดีการซ่อมระยะยาวจะไม่ค่อยมีอะไรต้องจุกจิกหรือใช้เงินมากนัก เปลี่ยนตามความจำเป็นหรือเปลี่ยนตามระยะทาง
แต่ถ้าไม่ได้ดูแลมาดี คือถ่ายน้ำมันเครื่องตามปั๊ม ตามอู่อย่างเดียวเลยเหมือนชาวบ้านทั่วไปชอบทำกัน ตั้งแต่ฟรีค่าแรง 5 หมื่นโลหมดไปหรือประกัน 3 ปียังไม่หมดก็เริ่มถ่ายน้ำมันเครื่องเองนอกศูนย์แล้วโดยที่ไม่ได้ทำอะไรกับรถเลย การใช้รถระยะยาวตั้งแต่ปีที่ 8-10 เป็นต้นไป ภาระค่าซ่อมในรถคันนั้นจะมาเยอะ ถ้าต้องปรับปรุงสภาพต้องใช้เงินลงทุนสูง เพราะไอ้โน่นเริ่มเสีย ไอ้นี้เริ่มมา คือมันใช้ได้แต่ถ้าจะปรับปนรุงให้ดีรถแบบนี้ต้องลงเงินไปพอสมควรกว่าจะให้ดี และต้องใช้เวลา
เพราะรถที่เข้าเช็คระยะตามศูนย์มันไม่ใช่แค่งานถ่ายน้ำมันเครื่องอย่างเดียว แต่มันมีงานซ่อม ปรับตั้ง เปลี่ยนอะไหล่เมื่อถึงเวลา หรือเคลมโดยที่เจ้าของไม่รู้ แล้วรถเดี๋ยวนี้ที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์เยอะ ๆ อย่าง Mazda BMW Ford หรือ โตโยต้าบางรุ่น ส่วนมากเข้าศูนย์แล้วจะถูกอัพ Program การขับขี่ใหม่ อัพโปรแกรมสมองเกียร์ใหม่ เป้นงานซ่อมดูแลตามระยะทางอย่างนึง ถ้ารถเข้าอู่ เข้าปั๊มเข้าบีควิก ถ่ายน้ำมันเครื่อง อย่างเดียว ก็จบข่าวแค่นั้น

แต่ถ้าจะเล่นรถแบบใช้งานระยะยาวเกิน 10 ปีไปเลย TOYOTA จะได้เปรียบกว่า เพราะอะไหล่มีให้ในตลาดค่อนข้างเยอะ อะไหล่ตัวถังก็มีมากพอให้เห็นเนื่องจากปริมาณการขายรถที่ออกสู่ตลาดมีมากประชากรมีมาก โดยถ้านับเริ่มตั้งแต่รุ่น IMV โครงการแรกนี้เป็นต้นไปการขายของโตโยต้าเป็นแบบ World wild แล้วการเล่นรถพวกนี้จึงดูดีกว่ารุ่นไทเกอร์หรือรุ่นที่เก่ากว่านั้น รถดีไม่จำเป็นต้องขายดีเสมอไปแต่รถที่ขายดีก็ไม่จำเป็นต้องคุณภาพดีเสมอไปอีก






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 13:24  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41283

คำตอบที่ 10
       กระทู้นี้ยังมีอีกยาวครับ ต้องหาเวลามาทยอยตอบไปเรื่อย ๆ ต่อไป



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 เสาร์, 7/2/2558 เวลา : 13:27  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41284

คำตอบที่ 11
      
เครื่องยนต์
1. สำหรับ 2.7 เป็นเครื่องเบนซินเมื่อยุค 10 ปีที่แล้วคือปี 2005 ถ้าจะเปรียบกับดีเซลใหม่ของ TOYOTA 2.4 และ 2.8 คงสู้ไม่ได้เพราะเป็นเครื่องใหม่ปี 2015
2. ขณะที่เครื่อง ดีเซล 2.5 กับ 3.0 ก่อนปี 2012 เป็นเครื่องคอมมอนเรล ตกรุ่น เพราะเป็นเครื่องพัฒนา 20 ปีที่แล้ว คือมันตกยุคตกสมัยไปแล้ว ถ้าตอนนี้จะมาเปรียบคงเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะคุณจะเอาอะไรมาพูดกับเครื่องเมื่อ 20 ปีที่แล้วครับ มันจบไปแล้วสำหรับ 2.5 กับ 3.0 ดีเซลคอมมอนเรลของเดิม ถ้าซื้อวันนี้ป้ายแดงดีเซลผมไม่ซื้อครับจะรอตัวใหม่ ดีเซลของเดิมคือเครื่องเมื่อสมัย 20 ปีที่แล้วนะครับ

ถ้าวันนี้ถ้าจะซื้อปิคอัพป้ายแดง ควรมองไปที่เครื่องตัวใหม่ของ TOYOTA 2.4 กับ 2.8 โดยทางเลือกมันที่ว่าถ้าต้องการประหยัดไม่เน้นการขับขี่เอาแค่พอใช้งานก็ต้องไปเครื่อง 2.4 รุ่นล่าง ๆ แต่ถ้าเน้นสมรรถนะก็ต้องไปที่เครื่อง 2.8
รถมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ สะอาดขึ้นกับมลพิษ สมรรถนะดีขึ้นในขณะที่ซีซีต่ำลง ส่วนค่าซ่อมแซมจะแพงขึ้นตามธรรมดา ของรถ ไม่มีหรอกที่ราคามันจะถูกลงหรือค่าซ่อมมันจะถูกลง มันก็แพงตามเทคโนโลยีของมันที่ก้าวหน้าล่ะครับ

แต่ถ้าจะซื้อมือ 2 ได้ทั้งคู่ ได้ทั้ง 2.7 เบนซินหรือดีเซล 2.5 กับ 3.0 แต่ถ้าเป็นดีเซลถ้าได้รถที่ผ่านยุคปี 2012 มาแล้ว จะได้สมรรถนะดีขึ้นแรงขึ้นประหยัดขึ้น



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 9/2/2558 เวลา : 09:13  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41302

คำตอบที่ 12
       โอเคครับ ผมรอดูเครื่องตัวใหม่และเทคโนโลยีใหม่ๆของ TOYOTA ก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมใช้รถเกิน 10 ปีแน่นอนครับ
ส่วนรถเก๋งใช้ TOYOTA ALTIS อยู่ 6 ปีแล้ว ใช้เกินสิปปีแน่เหมือนกันคันนี้ ขอบคุณมากครับ ความรู้และคำแนะนำดีๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

maldini จาก Maldini 203.156.150.2 จันทร์, 9/2/2558 เวลา : 14:57  IP : 203.156.150.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41304

คำตอบที่ 13
       ต่อ........


ถ้าสมมุติรถใหม่มีรุ่น 2.7 4x4 ออกมาจริง ซึ่งคาดว่าจะมีรถหลายรุ่นของ 2.7 ออกมาก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนตลาดในปี 2559 การซื้อรถใหม่ป้ายแดงกลุ่มนี้ มันไม่ใช่การซื้อเพื่อนำไปติดแก๊สแล้วหวังผลในด้านความประหยัดเพียงอย่างเดียว เพราะว่ารถ 2.7 4x4 ถ้าเป็น Fortuner มันหายจากตลาดบ้านเราไปนานหยุดขายไปตั้งแต่กลางปี 2007 นับเวลาก็ประมาณ 8 ปีไปแล้ว
ถ้าเป็น Hilux 2.7 4x4 หยุดขายไปตั้งแต่ปี 2008 นับเวลาก็ประมาณ 7 ปีแล้ว
ถ้าเป็นรุ่นแคปเกียร์ออโตขับ 2wd ตัวเตี้ยหยุดผลิตและหยุดขายไปตั้งแต่ปี 2010 นับเวลาก็ 5 ปีแล้ว
คือตลาดมันอั้นมานานมาก แต่ละคนรอคอยกันยาวนานพอสมควรแทบจะเรียกว่าเกือบตลอดโมเดลของรถกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นมันอาจเป็นการซื้อเพื่อสั่งลาเก็บไว้ใช้งานยาว ๆ หรือเพื่อใช้ทั่วไปหรือเพื่อการสะสม เพราะในอนาคตอีก 10 ปีต่อจากนี้ รถแบบนี้อาจไม่มีผลิตต่อไปแล้ว อีก 10 ปีข้างหน้าคือปี ค.ศ. 2025 นวัตกรรมใหม่และโลกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก
คนทั่วไปที่ซื้อแคปตัวเตี้ยหรือ 4 ประตูเกียร์ออโต เขาอาจไม่ได้ต้องการบรรทุกอะไรมากแต่ต้องการปิคอัพคันนึงเป็นเครื่องเบนซิน ไม่ได้ให้ฟิลลิ่งต่างจากการขับเก๋งมากนัก ก็จะพอใจเลือกปิคอัพเบนซินแนวนี้มากกว่า


พูดถึงในด้านเครื่องยนต์เบนซิน 2.7
คือ TOYOTA มีบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์เบนซินให้คือบริษัทที่ผมทำงานอยู่ เครื่องเบนซินของ TOYOTA มีความโดดเด่นมากในหลาย ๆ รุ่น แต่สิ่งที่ได้รับการยอมรับในตลาดมากที่สุด คนทั่วไปต้องยอมยกนิ้วให้คือความเสถียรของเครื่องยนต์ที่มีมากกว่าผู้ผลิตรายอื่น ๆ โดยเฉพาะอายุการใช้งานผ่านไป 10 ปี เครื่องยนต์ยังคงทำงานนิ่งแบบใดก็แบบนั้น มี Defect เกิดขึ้นน้อยมาก เป็น Know How ที่ยากจะลอกเลียนแบบจริง ๆ
อย่างเช่นเครื่องยนต์ของวีออสรุ่นแรก ๆ ใครหลายคนก็ติว่ามันโบราณ เกียร์ออโต 4 speed ใช้มา 10 ปีไม่เปลี่ยนซักที แต่ทุกคนยอมรับอย่างนึงคือคือความเสถียรของเครื่องยนต์ใช้มา 10 กว่าปีรถไม่มีเกเรแต่อย่างใดการทำงานของเครื่องยนต์คงที่มาก ผิดกับรถยนต์ยี่ห้ออื่น เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นกับรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินอีกหลายรุ่นของ TOYOTA โดยเฉพาะรถปิคอัพเบนซินของโตโยต้าไม่ว่าจะเป็น Hilux หรือ Tundra กะบะขนาดใหญ่ที่ขายในอเมริกา เครื่องยนต์เบนซิน V8 5.7 ลิตร มีประสิทธิภาพดีกว่าคู่แข่งอย่าง GM Ford และประหยัดน้ำมันมากกว่าแรงกว่า ที่สำคัญรถแทบไม่มีปัญหาจุกจิกด้านเครื่องยนต์เลย มีความเสถียรสูงมาก ซึ่งคนอเมริกันก็ชอบ
ในบ้านเราหรือต่างประเทศ Hilux 2.7 เครื่องเบนซิน รุ่น 4x4 นิยมใช้ไปทั่วโลก เพราะรถเขาแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย เติมน้ำมันเบนซินกันสารพัดรูปแบบการซ่อมแซมน้อยมาก ผิดกับเครื่องดีเซลที่มันใช้ในสภาวะหนักหน่วงหรือท่ามกลางทะเลทรายไม่ได้ ในขณะที่ปิคอัพเครื่องเบนซินตัวนี้ทำได้ ผ่านการใช้งานหนักหลายแสนกิโลเมตรก็แทบไม่มีการซ่อมเครื่องยนต์แต่อย่างใด เพราะบ้านเขาใช้น้ำมันอย่างเดียว
เพียงแต่ในบ้านเรามันถูกฝช้แก๊สไปด้วย ซึ่งปฏิเสธไมได้ว่ามันมีการสึกหรอเพิ่มเข้ามา ฝาสูบอาจต้องซ่อมในขณะที่รถใช้น้ำมันอย่างเดียวไม่ต้องเปิดมาซ่อมเลยแทบจะตลอดอายุการใช้งาน และเรามีจุดซ่อมแก๊สเพิ่มขึ้น


บริษัทที่สร้างเครื่องยนต์เบนซินให้กับ TOYOTA มีชื่อเสียงมากในด้านการผลิตเครื่องยนต์เบนซินที่ใชกับรถโตโยต้าแทบทุกรุ่น เครื่องยนต์ในรถยนต์ เลกซัส เครื่องยนต์ไฮบริด เครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ เครื่องยนต์เอนกประสงค์ เครื่องยนต์เรือทางน้ำ เจ๊ทสกี ยานยนต์วิ่งบนหิมะ เครื่องยนต์สำหรับรถ ATV UTV เครื่องยนต์จักรยานยนต์ และเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์เฮลิคอปเตอร์ เทคโนโลยีมันก้าวล้ำไปมากกว่าใคร ถึงแม้ว่าหน้าตาของเครื่องยนต์จะดูล้าสมัยลูกค้าคนไทยชอบติว่าโบราณไม่ค่อยพัฒนา แต่หารู้ไม่ว่าเทคโนโลยีมันไปไกลกว่าที่คิดไว้มาก เป็น Know How ที่บริษัททั่วโลกยากจะลอกเลียนแบบ ลูกค้าทั่วโลกยอมรับในด้านความเสถียรและความคงทนทานของเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก ผู้ผลิตคู่แข่งรายอื่น ๆ แม้แต่ผู้ผลิตเครื่องยนต์ของอเมริกาเองถึงแม้จะทำเครื่องยนต์ออกมาได้ใกล้เคียงกันแต่ความเสถียรของเครื่องยนต์ไม่ได้ตามนี้เมื่อชั่วโมงการทำงานผ่านไประยะนึงอีกทั้งการสึกหรอและค่าซ่อมแซมสูงกว่าชัดเจน ในด้านปิคอัพเบนซินจึงเป็นที่มาว่ายังไง TOYOTA ก็เหนือกว่าคู่แข่งที่เป็นปิคอัพเบนซินด้วยกันอยู่หลายขุมครับ ไม่งั้นเครื่องยนต์ 2.7 ไม่หาญกล้ามีคนเอาขึ้นมาเปรียบกับดีเซลคอมมอนเรล 1KD-FTV 3.0 ยุค 20 ปีก่อน นี้ได้แม้จะมีหลายอย่างที่ด้อยกว่าแต่ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องเบนซินด้วยกันที่แทบจะไร้คู่แข่ง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 10/2/2558 เวลา : 09:26  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41310

คำตอบที่ 14
       เข้ามาอ่าน

ทุกวันนี้ ผมก็ยังยืนยันว่า เซลล์เป็นคนขายรถคันที่ 1 คันต่อไปศูนย์บริการเป็นคนขาย

เข็ดแล้วครับ กับศูนย์บริการที่มีปัญหามากกกก




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

400 จาก R.400 223.204.248.55 อาทิตย์, 15/2/2558 เวลา : 11:24  IP : 223.204.248.55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41348

คำตอบที่ 15
      
แล้วอย่าเผลอ ไปซื้อขับ 2 ให้ล่ะ

เรื่องจริง จะเล่าให้ฟัง

พี่ชาย ทำไร่ ปลูกหญ้า เลี้ยงวัวฟร์ามที่สูงเนิน โคราช ถามว่า ซื้อรถอะไร? มาใช้ดี ( แกมีหลายคันแล้ว )

ผมบอกให้ซื้อฟอจูน ดีเซลขับ 4 เครื่อง3000 เกียร์ออโต้ ไม่รู้เซลล์ขายรถ เชียร์ไปเชียร์มา เอาเครื่อง 2500 ดีเซล ขับ 2 มา

ผม เห็นรถ แล้ว อึ้งนิดๆๆๆ งง หน่อยๆๆๆๆ ไปเอารถแบบนี้มาได้

ผมพาไปลงทุ่งปลูกหญ้า เนเปียร์ ( สูงเกือบจะ 4 เมตร ) ผมใส่ 4 H ลงไปมีอาการลื่นนิดหน่อย

พี่ชายรถขับ 2 ลงตามมา ติดครับ 5555555 ( เสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ) ไม่จมโคลน แต่ไปไม่เป็น ลื่นอยู่ตรงนั้น

ผม ต้องไปหาเชือกช่วยลากขึ้น...... แกถึงร้อง อ๋อๆๆๆๆๆๆ ทำไม ??? ถึงยุให้ซื้อขับ 4 นัก

ถามเหตุผล ที่ซื้อรถขับ 2 เครื่อง 2500 มา บอกว่า ขับ 4 ไม่ได้ใช้ แล้วกลัวรถ 3000 กินน้ำมัน โอ้ยจะเป็นลมกับเหตุผลแก

ทั้งๆๆที่ ในฟร์ามตั้งแทงค์ดีเซลขนาด 20.000 ลิตร มีหัวจ่ายด้วย






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

400 จาก R.400 223.204.248.55 อาทิตย์, 15/2/2558 เวลา : 11:51  IP : 223.204.248.55   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41349

คำตอบที่ 16
       ลองจับตาดูอนาคตอันใกล้นี้ เครื่องยนต์เบนซินแบบมาตรฐาน NA เดิม ๆ ในตลาดอนาคตอาจจะเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
คืออาจจะต้องปรับมาใช้เทอร์โบเข้าไปทุกรุ่นตั้งแต่รถรุ่นเล็ก ๆ ยันรถเครื่องใหญ่ เพื่อให้ผ่านกฎหมาย กรณีนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ปี 1997 ในรถปิคอัพดีเซลทั้งหมดในบ้านเราเริ่มปฏิวัติวงการเครื่องยนต์ขนานใหญ่ตั้งแต่ Isuzu มังกรทองที่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่อง 2.5 และ 2.8 เพื่อยัดเทอร์โบเข้าไป ทั้งนี้ไม่ใช่จุดประสงค์ของความแรงแต่เพื่อให้ไอเสียที่ออกมาจะผ่านมาตรฐานมลพิษ หลังจากนั้นเครื่องก็เริ่มพัฒนาเข้าสู่ยุคคอมมอนเรลตามมาเพื่อความแรงและประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยราคาต้นทุนค่าอะไหล่และค่าซ่อมแซมที่สูงขึ้นเช่นกัน

ในครั้งนี้ค่ายรถยนต์ใหญ่ ๆ บ้านเราที่มีเครื่องยนต์เบนซินทำตลาดจำนวนมาก ๆ ในรถเก๋งเริ่มซุ่มทำโครงการเบนซินเทอร์โบกันแล้วเพราะต้องเอาไว้รองรับกฎหมายในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดหมายว่าจะมาลงกับรถยนต์เก๋งขนาดเล็กเป็นต้นไปเพื่อให้เเครื่องยนต์ที่ผลิตออกมาผ่านกฎหมายที่กำหนด ในระยะแรกอย่าคาดหวังความแรงจากเครื่องเบนซินเทอร์โบนี้ เพราะว่าทุกค่ายต้องพยายามกันสุดฤทธิ์เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียที่ว่ากันว่าเขี้ยวสุด ๆ แห่งนึงของโลกอย่าง สมอ. ไทยที่กำหนดขึ้น และยังต้องแบกรับกับเรื่องน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอลที่มีผลกับมาตรฐานไอเสียที่ไม่เหมือนใครในโลกด้วยความแรงคงต้องมาทีหลังเพราะสมัยก่อนที่มีการปรับเครื่องดีเซลให้มีเทอร์โบทั้งหมดทุกค่ายต่างก็ไมได้ให้ความแรงมาเป็นจุดขายเพราะต้องรอให้ลูกค้าค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหารถและค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยไประยะนึงก่อนแล้วค่อยพัฒนาความแรงขึ้นมาให้ลูกค้าในตลาดรองรับได้ เพราะเครื่องเบนซินถ้านำมาลงเทอร์โบแล้วมันจะไม่เหมือนเครื่องดีเซล คือความรุนแรงมันจะมาค่อนข้างมากเรียกรอบมาเร็วกว่ามากและปลายไหล แต่ในขณะดีเซลรอบมาช้ากว่าและปลายไม่ไหล ลูกค้าทั่วไปที่ไม่เคยขับเครื่องเบนซินเทอร์โบมาก่อนจะรู้สึกไม่ชอบเพราะอาการมันเหมือนหลังติดเบาะตลอดเวลา ปกติแล้วลูกค้าที่เลือกรถกลุ่มเบนซินเทอร์โบจะนิยมความแรงและเป็นลูกค้ากลุ่มเฉพาะอยู่แล้ว ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปจะไม่ชอบการขับรถลักษณะแบบนี้เพราะในเครื่องเบนซินปกติก็มีแรงพอเหลือเฟือ แล้วกลุ่มคนแม่บ้านหรือผู้หญิงขับคงไม่ได้ต้องการความแรงอะไรมากมายขนาดนั้น เพราะฉะนั้นในยุคเริ่มแรกคงเป็นเครื่องเบนซินเทอร์โบที่ไม่ได้ต่างจากเบนซินปกติมากนัก NA ทั่วไป ต้องมีการจับตัดตอนแรงม้าลแปรับ ECU เพื่อหน่วงกันพอสมควร

แน่นอนว่าเครื่องเบนซินเทอร์โบต้นทุนจะแพงขึ้นมาใกล้เคียงกับเครื่องดีเซลอย่างช่วยไม่ได้ ถ้า 2.7 มีการปรับเครื่องยนต์ใส่เทอร์โบตามเข้าไปด้วย จะยังคงทำตลาดในประเทศไทยต่อไป แต่ถ้าไม่....อยู่ที่ว่าจะปรับต้นทุนกันยังไงหรือว่าเลิกขายในประเทศไปเลย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 อังคาร, 17/2/2558 เวลา : 09:29  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41356

คำตอบที่ 17
       ปรับลงมาเป็น 2500 เหมือน 1J-GTE ก็ดีนะ



2TR-GTE อุ็ต๊ะ!!!!



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ooAmmYoo จาก แอม 171.4.225.133 อังคาร, 17/2/2558 เวลา : 10:46  IP : 171.4.225.133   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41358

คำตอบที่ 18
       ประกาศแจ้งให้ทราบ


รถ Hilux 2.7 4x4 ที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีการหยุดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2008 ได้รับการยืนยันแล้วนะครับว่าโมเดลใหม่ที่จะมาถึง ไม่มีการผลิตเพื่อขายในประเทศไทยอย่างแน่นอน ปิดตำนานรถ 2.7 4x4 ในเมืองไทยอย่างถาวร
ส่วน NEW SUV หรือที่คนไทยเรียก PPV ที่จะมาถึง ยังไม่มีการยืนยันว่ารุ่นเครื่องเบนซินจะเอาระบบ 4x4 มาลงด้วยหรือไม่ (แต่คาดว่าไม่มีนะครับ)

ส่วนเครื่องยนต์นะครับ สำหรับรุ่นเบนซินที่จะมาถึงมีอะไรมากกว่าที่เราคิด ไม่แน่ใจว่าจะใช้รหัสเดิมหรือไม่ แต่เครื่องยนต์มีการพัฒนาปรับปรุงใหม่ดีกว่าเดิม อัตราเร่งการกินน้ำมันที่น้อยลง รวมถึงเกียร์ใหม่ทั้งแบบออโตแบบใหม่ที่จะมีมาให้ด้วยและเกียร์ธรรมดาแบบใหม่ (ถ้า ใครไม่เลือกเกียร์ Auto แล้วจะเสียใจ) เครื่องยนต์เบนซินจะยังทำตลาดในไทยต่อไป แต่จะต้องรอดูถึงปี 2559 ว่าจะยังไงต่อ
ในรุ่นนี้ อย่างที่บอกไปว่าทาง TOYOTA จะเน้น Hilux 2.7 4x4 เพื่อทำตลาดในต่างประเทศอย่างเดียว และทาง TOYOTA ไม่มีคู่แข่งในรุ่นนี้ เนื่องจากคู่แข่งที่ใช้เครื่องเบนซิน ไม่มีใครสามารถทำตลาดรุ่นเกียร์ออโตและรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อได้เลย เทคโนโลยีไปไม่ถึงเครื่องเบนซินของโตโยต้า แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตลาดในประเทศไทยมีกลุ่มลูกค้าน้อยเกินไป ทาง TOYOTA THAILAND จึงไม่ส่งรถ Hilux 2.7 4x4 ทำตลาด ทั้งที่หลายสิ่งหลายอย่างในโมเดลนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง เกียร์ รวมถึง Option ที่หลายคนไม่เคยได้เห็นก็จะมาลงกับรถ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ไม่ขายในประเทศไทย
คนเลือก 2.7 เบนซิน ในรุ่น 2.7 4x4 จึงไม่ใช่เป็นการเลือกรถยนต์มาเพื่อติดแก๊สและหวังประหยัด เหมือนที่เคยเป็นมา
แต่ควรเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่ไม่ต้องการเรื่องดีเซล และเป็น คอลเลกชั่นการสะสมรถหรือใช้งานรถที่แตกต่างออกไปจากตลาด กลุ่มเดิม ๆ ที่มีการซื้อรถ 2.7 เข้ามาและใช้งานเพื่อติดแก๊สและต้องการประหยัดเพียงอย่างเดียว จะค่อย ๆ หายไป จะเหลือลูกค้าที่เป็นกลุ่มเฉพาะด้านต้นที่ใช้เครื่องเบนซิน
ผมคงเก็บ Fortuner 2.7 4x4 Exclusive Hilux 2.7 4x4 Extracab ไว้ต่อไป มันเป็นเรื่องของคุณค่าแล้ว ไม่ใช่การใช้งานเพื่อหวังผลกำไรหรือต้นทุนค่าน้ำมัน

ส่วนรถ Hilux 4x4 เครื่องยนต์ 2.8 ดีเซลที่จะมาลงตลาดนั้นมีอะไรมากมาย แต่ว่ารายละเอียดผมคงไม่สามารถเปิดเผยให้ได้ Option มาเพียบสำหรับตัว TOP 4X4 เกียร์ออโต คุณ Maldini จะเลือกตัวนี้ก็เลือกได้เลย เตรียมอย่างเดียวที่ต้องเตรียมคือเงินซื้อครับ ราคาคาดว่าจะอยู่ราว ๆ 1.1 ล้านบาท มีทอนให้นิดหน่อย เหตุที่ราคาสูงขนาดนี้เพราะ Option ที่ให้มานั้นไม่ได้น้อยหน้าใครในตลาดปิคอัพตัวระดับบนสุดให้อะไรมาเยอะ เรียกว่าคุณไปซื้อรถเก๋งอย่าง วีออย อัลติสใช้นี่ อ๊อพชั่นอายไปเลยครับ
อยากรู้ว่ามาประมาณไหน ให้ลองเสิร์ช ในวันทูคาร์ รถที่เป็นคู่แข่งเทียบกันอย่าง Volksawaken Amarok ดูครับ ในเครือยนตรกิจบ้านเรานำเข้ามาจำหน่าย ราคาล้านกว่าบาทนั่นแหละ อิทธิพลของรถ Hilux ตัวนี้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วโดนสั่งให้ไปออกแบบใหม่ให้เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Volksawaken Amarok (แต่ไม่เกี่ยวกับหน้าตารถ) เพราะทาง TOYOTA ต้องส่งรถไปขายในยุโรปและออสเตรเลียจึงใช้ข้อมูลของ Amarok มาพัฒนา Hilux ค่อนข้างมาก ทาง Hlux จะด้อยกว่าตรงที่ขนาดเครื่องยนต์ของHilux จะใหญ่กว่า Volksawaken Amarok ที่มีขนาดเพียง 2.0 ลิตรเท่านั้น
คนที่จะได้ Option ขนาดนี้ไม่ต่างจากรถส่งยูโรป ต้องเลือกเป็นตัว Top 2.8 4x4 เท่านั้นนะครับ คนที่เลือกรุ่น 2wd จะไม่ได้อะไรเลย ให้ลองดูการใช้งานของเราเองครับ เพราะราคารถตัวบนสุด ก็จ่ายในราคาสูงทีเดียว แต่ก็คุ้มกับที่ได้มา



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 124.122.110.174 อาทิตย์, 1/3/2558 เวลา : 09:32  IP : 124.122.110.174   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41393

คำตอบที่ 19
       เครื่องยนต์ ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 และ 3.0 มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว เป็นเครื่องยนต์สมัยเมื่อ 20 ปีที่ก่อน ถ้าเปรียบเหมือนหุ่นยนต์คนเหล็กก็คือ เป็นเครื่องตกรุ่น ไม่นำมาพัฒนาต่อแล้วเพราะไม่ทันกับโลกสมัยปัจจุบัน เวลานี้ต้องมาพูดถึงเครื่องใหม่อย่างเดียว

2.4 ดีเซล มาพร้อมเกียร์ธรรมดาแบบใหม่ ไม่แน่ใจว่ามีเกียร์ออโตลงกับรุ่นนี้หรือไม่
2.8 ดีเซล มาพร้อมเกียร์ธรรมดาแบบใหม่และเกียร์ออโตแบบใหม่ มีในรุ่น 2wd 4wd
2.7 เบนซิน มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ไม่แน่ใจว่าจะใช้รหัสเดิมอีกหรือไม่ เพราะปรับเยอะ ดีที่สุดแน่นอนและน่าจะแรงที่สุดในตลาดปิคอัพเบนซินขณะนี้ ผมยังไม่เห้นตัวเลขสเปกนะครับแต่ที่คาดว่าน่าจะแรงที่สุดและประหยัด มาจากเสปกที่มีการปรับ รายละเอียดที่ปรับเลยพอบอกได้ว่าถ้าปรับแบบนี้จะออกมาแนวไหน ตัวนี้ มาพร้อมเกียร์ธรรมดาแบบใหม่และเกียร์ออโตแบบใหม่เช่นกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีรุ่น 4x4 มาทำตลาดในประเทศไทยด้วย ไม่งั้นเป็นอะไรที่หวือหวามาก เพราะมันเหมือนยังไปต่อได้ไม่สุดกับรุ่น 2wd ที่ปรับมาให้ขนาดนี้แล้วขาด 4x4 ไป เพราะ Option ในรุ่น 4wd มีมาให้แบบน่าเล่นกว่า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 จันทร์, 2/3/2558 เวลา : 08:58  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41394

คำตอบที่ 20
       ขอบคุณมากมายครับ กับความรู้ดีๆและข้อมูลที่มีประโยชน์ ติดตามอ่านมาตลอดครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

maldini จาก Maldini 203.156.150.2 อังคาร, 3/3/2558 เวลา : 13:40  IP : 203.156.150.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41397

คำตอบที่ 21
       ความรู้เพียบ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

wjbaby จาก ขับสี่ตลอดเวลา 64.233.173.181 ศุกร์, 17/4/2558 เวลา : 22:02  IP : 64.233.173.181   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 41629

คำตอบที่ 22
       หลังจากได้ตั้งกระทู้นี้ถามคุณ Auto และศึกษาหาอ่านความรู้ในบอร์ดนี้และ HLM ของคุณ JIMMY! ซึ่งผมก็ไม่ได้มีความรู้มากมายเกี่ยวกับเรื่องรถ เพียงแค่อยากมีรถกระบะ 4 ประตู 4WD หรือ PPV ไว้ใช้งาน สุดท้ายได้จองรถแล้วครับ เป็น Hilux Revo 2.8G AT 4*4 ราคาแพงอยู่ แต่ก็ได้ส่วนลดมามาก ในช่วงสถานการณ์และเศรษฐกิจแบบนี้ กะว่าจะใช้ยาวๆไป 10 ปีขึ้นแน่นอน จะไปรับรถวันศุกร์หน้านี้ จะจิ้มไปที่ PPV ก็แพงเกินสำหรับเรา อีกทั้งตั้งใจว่าจะกลับไปทำไร่ทำสวนที่ต่างจังหวัด เลยตัดสินใจเลือกกระบะซะเลย บอกตามตรงว่าไม่เคยขับ 4 มาก่อนครับ คงต้องไปเรียนหรือทดลองขับ ขอบคุณพี่ๆเพื่อนทุกคนในบอร์ดครับ ถึงจะไม่เคยเดินทางออกทริปไปกับกลุ่ม แต่ก็รู้สึกได้ว่าในนี้มีมิตรภาพมาก.. คันนี้เป็นรถ 4 WD คันแรกของผมเลยครับ และเป็นกระบะคันแรกของผม เพราะพ่อกับแม่ผมใช้ ISUZU ขับสอง กันอยู่ รับส่งคนงานจัดสวนใน กทม. ว่าแล้วก็ต้องไปเรียนรู้ว่าขับ 4 ใช้งานกันยังไง ถือคติว่า มีไว้ใช้ ดีกว่าไม่มียามต้องใช้

ปล. ก่อนจะมาได้คันนี้ ผมก็วิ่งหารถ Fortuner 2.7 4WD ปี 2006 มือสองอยู่สักพัก สุดท้ายได้จองไว้แล้ว แต่ต่อมาภรรยาเกิดเปลี่ยนใจ ไม่อยากซื้อมือสอง เราเลยเงิบเลย เสียเงินมัดจำไป 5000 บาท แต่ยังดีคนขายเห็นใจคืนเงินคืนเรา 2500 บาท สุดท้ายเลยมาจบที่กระบะสี่ประตู.



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

maldini จาก Maldini 203.156.150.2 ศุกร์, 9/12/2559 เวลา : 11:53  IP : 203.156.150.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 43093

คำตอบที่ 23
       ฟิลลิ่งต่างจากเก๋งอัลติสที่คุณขับอยู่มากมายนัก ลองปรับตัวให้ได้แล้วจะสนุกกับมันครับ เพราะรถกำลังเหลือยังไงก็ขับสนุกกว่าอัลติสที่เป็นเก๋งเล็ก
อีกทั้งช่วงล่างการส่งกำลังของมันทำให้เราสนุกอยากไปเที่ยว มีโอกาสไปเที่ยวแล้วจะรู้ว่ารถขับสนุกต่างกันอย่างไรกับรถที่พอขับได้
อย่างคนที่เคยขับรถอิโคคาร์มาก่อนหรือปิคอัพรุ่นเก่า ๆ มาก่่อน เวลาขับไปเที่ยวตามดอยภูทับเบิก ดอยอ่างขาง มันไปได้เหมือนกันหมดทั่วประเทศไทยนั่นละตราบใดที่เป็นถนนที่คนทั่วไปวิ่งกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันเลยคืออารมณร์การขับขี่ต่างกันลิบลับ ยิ่งรถที่คุณ Maldini ซื้อมาใช้้ Revo 4x4 มีระบบช่วยเหลือต่าง ๆ มาให้เยอะแยะถึงเวลาเลือกใช้ไม่ถูกเลยครับ ต่างกับรถรุ่นเก่า ๆ หรือเก๋งเล็ก ๆ มันไม่มีระบบอะไรใ้หเลย เวลาขับไปเที่ยวยังไงก็ไม่สนุกครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Auto. จาก Auto 202.80.239.130 พฤหัสบดี, 5/1/2560 เวลา : 10:00  IP : 202.80.239.130   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 43102

คำตอบที่ 24
       พิมไปแล้วมันหายครับ ขอโทษที

 แก้ไขเมื่อ : 12/1/2560 11:36:55



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

maldini จาก Maldini 203.156.150.2 พฤหัสบดี, 12/1/2560 เวลา : 11:35  IP : 203.156.150.2   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 43105

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพุธ,25 ธันวาคม 2567 (Online 1763 คน)